วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2009, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
ใช่ค่ะคุณกรัชกาย :b17: :b17: เวลาที่เรานั่งสมาธิ คือพอจิตเรานิ่ง แล้วเราจะไม่มีพุท-โธคือเราจะปล่อย.....ให้ทุกสิ่งนิ่ง....แล้วก้อเงียบ...คือพอจิตเรานิ่ง...แล้วคือใจเราก้อนิ่งด้วย..........คือนิ่ง...แบบทุกสิ่งเงียบ....จะเป็นแบบ....มันจะเป็นลักษณะคือ....เหมือนพูดไม่ออก.....ที่รับรู้ได้คือลมหายใจเข้า-ออกได้เท่านั้น.......
คือแบบ....จิตจะไปไหนก้อไป....แบบนี้เรียกว่า...เรานั่งสมาธิผิดใช่ไม๊ค่ะ...เราพอจะเข้าใจได้เยอะมากๆแล้วค่ะ....คือถ้าเห็น...ก้อให้นึกว่าเห็นหนอๆๆๆ.....ถ้าลอยก้อลอยหนอๆๆๆ

ท่านbbbyควรเจริญสติให้มากขึ้นด้วยครับจะช่วยได้มากในการปฏิบัติ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2009, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พอจิตเรานิ่ง แล้วเราจะไม่มีพุท-โธคือเราจะปล่อย.....ให้ทุกสิ่งนิ่ง....แล้วก้อเงียบ...คือพอจิตเรานิ่ง...แล้วคือใจเราก้อนิ่งด้วย..........คือนิ่ง...แบบทุกสิ่งเงียบ....จะเป็นแบบ....มันจะเป็นลักษณะคือ....เหมือนพูดไม่ออก.....ที่รับรู้ได้คือลมหายใจเข้า-ออกได้เท่านั้น.......
คือแบบ....จิตจะไปไหนก้อไป....แบบนี้เรียกว่า...เรานั่งสมาธิผิดใช่ไม๊ค่ะ...เราพอจะเข้าใจได้เยอะมากๆแล้วค่ะ....คือถ้าเห็น...ก้อให้นึกว่าเห็นหนอๆๆๆ.....ถ้าลอยก้อลอยหนอๆๆๆ



พอจิตนิ่ง จะไม่มีพุท-โธคือเราจะปล่อย.....ให้ทุกสิ่งนิ่ง....แล้วก้อเงียบ...คือพอจิตเรานิ่ง..ใจเราก้อนิ่งด้วย.......นิ่ง...แบบทุกสิ่งเงียบ....เป็นลักษณะ..เหมือนพูดไม่ออก


เข้าใจครับ :b1:
จะเสริมจุดที่บกพร่องให้อีกอย่างหนึ่ง คือ การเดินจงกรม
คุณ bbby คงไม่เคยเดินจงกรมเลยใช่ไหมครับ สาระ คือ คุณไม่เคยฝึกจิตด้วยการเดินจงกรม
พุทโธๆ อารมณ์เดียว จิตจึงเป็นอย่างที่เล่า
พูดพอให้เห็นภาพนิดหน่อย เหมือนคนไม่เคยออกกำลังกายเลย ทั้งปีทั้งชาติก็เดินตัวตรงตัวแข็ง
เส้นเอ็นจึงแข็งยึด จะก้มจะเงยก็ยากลำบาก ก้มหลังก็ไม่ก้มไม่ลง เพราะไม่เคยก้มมาก่อน
ฉันใด ก็ฉันนั้น
คุณฝึกจิตรู้ลมหายใจ พุทโธ ๆ ไป อาการดิ่งเงียบนิ่งเกิดได้
เพราะไม่เคยฝึกให้กำหนดอารมณ์อื่นๆ เช่น อาการนิ่ง อาการเงียบ สิ่งที่เห็นแต่ละขณะ จิตจึงแข็ง
ไม่อ่อนตัว ซึ่งก็คือสมาธินำหน้าธรรมอื่นๆไป

จุดนี้แหละที่บางคน ได้เห็นอนิฏฐารมณ์ แล้วจิตกลัวเกิด โยคีชำนาญวิธีแก้ไขอารมณ์นั้น จึงเหมือนถูกล๊อก จะลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น จะกระดิกตัวก็ขยับเขยื่อนไม่ไหวเหมือนไม่มีแรง คล้ายคนเป็นเหน็บยกแข้งยกไม่ไหว พอจิตคลายออกมาได้ คำพูดที่ตนคิดว่า... จึงพรั่งพรูออกมาแบบผิดๆ

เป็นต้น คำพูดที่คุณเคยได้ยินได้ฟังมานี้

อ้างคำพูด:
มีหลายๆคนพูดว่า ถ้านั่งสมาธิแล้ว ถ้าเราไปเจอกับ พวกวิญญาณ แล้วพวกเค้าจะดึงเราไว้ แล้วเราก้อจะกลับไม่ได้ มีอย่างนี้จริงมั๊ย


มีลักษณาการเช่นว่านั้น คือไม่กำหนดอารมณ์อื่นที่กระทบด้วย จิตจิงไม่คล่องตัวไปชั่วขณะ


ลิงค์แนะนำวิธีจงกรม คุณฝึกจิตเดินระยะ ๑ ให้คล่องนะครับ

http://www.free-webboard.com/view.php?u ... d=4&topic=เดินจงกรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2009, 17:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



มีตัวอย่างคั่นการสนทนาให้คุณพิจารณาอีก เมื่อจิตสงบ จะคิดเห็นภาพที่ฝั่งจิตฝั่งใจ ซึ่งผ่านแม้นานแล้วได้ ปรากฏชัดเหมื่อนเพิ่งประสบเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
วิธีกำจัดสิ่งเหล่านี้มีวิธีเดียว คือ กำหนดตามที่เห็นที่เป็น "เห็นหนอๆๆ" "คิดหนอๆๆ"
เท่านี้เอง :b1:



อาการที่เกิดขึ้นหลังสวดมนต์และนั่งสมาธิ

หลังจากสวดมนต์และนั่งสมาธิเสร็จแล้ว มักจะนึกถึงภาพที่สมัยเด็กๆ ช่วงประถม ซึ่งผ่านมาแล้ว 20 ปี
จะเห็นภาพที่ตัวเองทำบาปเอาไว้เกือบทุกอย่าง เช่น
- ภาพช้อนลูกปลามาขังในอ่างแล้วเอาเปลือกส้มโอลงไปแช่ ทำให้ปลาตายหมด
- ภาพตั๊กแตนที่จับมันมาดึงขาหลังออก
- ภาพไข่หอยทากที่เอามาบี้เล่น
- ภาพที่จับแมลงปอมามัดด้ายตรงหัวแล้วปล่อยให้มันบิน
ฯลฯ
แล้วพอเห็นภาพพวกนี้ก็จะทำให้ขออโหสิกรรมแก่สัตว์ที่เห็นในแต่ละวัน
แต่ทำไมเวลาเล่าเรื่องที่เห็นภาพพวกนี้ทีไร หน้าจะชา ตัวจะชาไปหมดทุกครั้งที่พูดถึง แม้กระทั่งพูดถึงเรื่องคน
มีองค์ก็จะเกิดอาการหน้าชา ตัวชาทุกครั้งเลย
อยากทราบว่าเกิดจากอะไร (แม่บอกว่าเกิดจากองค์ในที่คอยคุ้มครองตัวเรา) ฟังแล้วก็งง ใครทราบบ้าง รบกวนอธิบายหน่อยนะ อยากทราบจริงๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2009, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เคยเจอค่ะ คุณกรัชกาย คือตอนนั้น เป็นช่วงที่เรา เพิ่งเริ่มสนใจฟังเทปธรรมะ เราก้อ เลยโหลดmp.3 ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลายแผ่นมากๆ เวลาที่เราว่าง เราจะเปิดฟัง เพราะท่านจะเทศน์ เกี่ยวกับเรื่องสวรรค์แล้วก้อนรก แล้วก้อสอนเรื่องสมาธิ เกือบจะทุกๆคืน ที่จะฟังท่านจนถึงตี 1 ถึงตี 2 ก็ไม่รู้ว่าฟังมากเกินไป หรือยังไง

มีอยู่วันหนึ่งจะไปกินกาแฟกับเพื่อน พอลงรถ เราก้อได้ยินเสียงท่าน ดังจากบนท้องฟ้านะ เรางงๆเหมือนกัน เราคิดว่าหูเราแว่วไปหรือปล่าว แต่เสียงท่านก้อดังมาจากท้องฟ้า ก้อเป็นคำสอนที่บอกให้ทำความดีกับสวดมนต์น่ะ แล้วเราก้อมองหน้าเพื่อนๆ ว่าเค้าจะถามอะไรเรามั๊ย เราเห็นพวกเค้าเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่เราก็ยังได้ยินเสียงท่าน พอเราเข้าไปนั่งในร้าน เราก้อมองทุกๆคนในร้าน ว่าเค้าสงสัยไม๊ ว่าเป็นเสียงอะไร เ ราก็เห็นทุกๆคน ก้อคุยกันปรกติเราก้อเลยถามเพื่อนว่า เธอได้ยินเสียงอะไร ดังมาจากท้องฟ้ามั๊ย เพื่อนเราก้อมองไปบนท้องฟ้าเค้าบอกว่า ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย แดดร้อนอย่างนี้ จะมีเสียงฟ้าร้องได้ยังไง เสียงที่เรา ได้ยินท่านพูดประมาณ 10 กว่านาทีนะ
ที่เจอนี่เป็นตอนกลางวันนะ แล้วเราก้อไม่ได้นอนหลับนะ เราไปกินกาแฟนะ ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ
แล้วคุณช่วยวิจารณ์หน่อยได้มั๊ย ว่าสมองของเรา อยู่ในระดับที่เริ่มจะกินยาได้หรือยัง


กว่าจะถึงคำถามสุดท้าย พาคุณโต๋เต๋ๆ โยงไปเรื่องนั้นเรื่องนี้เสียนาน :b1:
วันนี้มาฟังคำตอบ คห.ดังกล่าวกัน


เสียงเพลงก็ดี เสียงเทศน์เสียงแสดงธรรมก็ดี เสียงสวดมนต์ เป็นต้นก็ดี จากนักร้อง จากพระ ที่ตน
ชอบใจถูกใจถูกอารมณ์ ฟังแล้วฟังอีก สิ่งนั้นจะฝั่งหัวฝังจิตฝังใจ สัญญาจะดูดซึม ซับสิ่งที่ชอบนั้นได้ง่ายมากๆ
ต่อมา พอเราเผลอๆตัว เผลอสติ จิตใจจะลอยๆไม่มีหลัก ทีนี้ล่ะ สิ่ง-เสียง ฯลฯ จะผุดขึ้นในหัวบ้าง
หูแว่วเหมือนมีใครมาเรียกบ้าง จมูกได้กลิ่นบ้าง ฯลฯ อันนี้เป็นธรรมชาติ กรัชกายก็ยังเป็น ยิ่งได้ฟังเพลงชอบๆก็อย่างว่านั่นแหละ แต่...รู้ตัวรู้เหตุที่มา จะจับหลัก หลักที่ชัดที่สุด คือ กายที่กำลังเคลื่อนไหว
ในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น กำลังหยิบจับอะไรอยู่ ก็ทำความรู้สึกตัวชัดๆ ต่อสิ่งนั้น
กำลังเดินอยู่ก็ทำความรู้สึกตัวชัดๆ ต่อการก้าวเดินนั้น

แต่สำหรับผู้ใหม่อย่างคุณจะกำหนดตามแบบที่เคยให้ไว้ก่อนก็ดี แล้วอาการนั้นจะหยุด เพราะวงจรความคิดเส้นนั้นขาด (วิถีจิตเปลี่ยน) กลับเป็นวงจรทีมีสติเกิดควบคุม คือ สติสัมปชัญญะมีหลัก ไม่เลื่อนลอยว่างั้นเถอะนะ

ต่อไป ได้ยินอีก กำหนดเสียงหนอๆๆเสีย ตั้งสติไว้ที่หู เสียงหนอๆ เท่านี้จบครับ :b1:

เพราะเหตุนี้เอง ในการฝึกอบรมสติปัฏฐาน ท่านจึงให้กำหนดอารมณ์ที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะทั้ง ๖ ทุกขณะ
เช่น ทางตา “เห็นหนอ” ทางหูๆได้ยินเสียง “เสียงหนอ” ทางจมูกๆได้กลิ่น “กลิ่นหนอ” ฯลฯ ทางใจคิดนึก “คิดหนอ” นี่คืออุบายในการเจริญสติปัฏฐานหรือการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานครับ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2009, 10:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พอเราเผลอๆตัว เผลอสติ จิตใจจะลอยๆไม่มีหลัก ทีนี้ล่ะ สิ่ง-เสียง ฯลฯ จะผุดขึ้นในหัวบ้าง
หูแว่วเหมือนมีใครมาเรียกบ้าง จมูกได้กลิ่นบ้าง ฯลฯ อันนี้เป็นธรรมชาติ กรัชกายก็ยังเป็น


:b14: :b14: ....จิตรลดาก็เป็นนะครับท่านกรัชกาย.... :b2: :b2:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2009, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



คุณ natdanai เพิ่งพบอาการของผู้ปฏิบัติท่านหนึ่ง อ่านดูคล้ายๆตัวอย่างที่ว่า จำพวกนี้เกิดจากสติอ่อน
ไม่มีหลักการ สัมปชัญญะ ความรู้สึกตัวก็อ่อนกำลังตาม



ผมปฏิบัติตามแนวทางการเจริญสติในชีวิตประจำวัน โดยดูความหลงคิด ความเผลอ ก็ดูไปเรื่อยๆ ทุกสภาวะ
ที่เกิดขึ้น พอสติระลึกรู้ปั๊บ มันจะมีเสียงพากษ์ตามมา อย่าง เช่น เกิดหลงไปคิด พอสติรู้ปุ๊บ จะมีเสียงพากษ์
" เมื่อกี้หลงไปคิดแล้วนะ " ประมาณนี้น่ะครับ
บางครั้งมันก็ตามมาด้วยความคิดฟุ้งซ่านในธรรมะ ก็รู้ต่อไปอีกว่าฟุ้งซ่าน แล้วเสียงพากษ์ตามมา อีก
อยากทราบว่าเสียงพากษ์ทั้งหลายเนี่ย มันเป็นอุปสรรคของการเจริญวิปัสสนาไหมครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 11:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


แซวเข้าหน่อยเลยสอบกระผมเลยหรือครับ... :b6:
กรัชกาย เขียน:
อย่าง เช่น เกิดหลงไปคิด พอสติรู้ปุ๊บ จะมีเสียงพากษ์
" เมื่อกี้หลงไปคิดแล้วนะ " ประมาณนี้น่ะครับ
บางครั้งมันก็ตามมาด้วยความคิดฟุ้งซ่านในธรรมะ ก็รู้ต่อไปอีกว่าฟุ้งซ่าน แล้วเสียงพากษ์ตามมา อีก
อยากทราบว่าเสียงพากษ์ทั้งหลายเนี่ย มันเป็นอุปสรรคของการเจริญวิปัสสนาไหมครับ


พิจารณาคำถาม....ถามว่า"เสียงพากษ์ทั้งหลายเนี่ย มันเป็นอุปสรรคของการเจริญวิปัสสนาไหมครับ"

ตอบว่ามิได้เป็นอุปสรรค์แต่อย่างใดครับ....เพราะเสียงพากษ์เหล่านั้นล้วนเป็นรูปธรรมที่ปรากฏขึ้นอยู่เฉพาะหน้า หากระลึกได้ก็รู้เหตุ...:b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2009, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1854

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b18: ขออนุโมทนา กับทุกคำตอบ แทนท่านเจ้าของกระทู้ ด้วยจ้า

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร