วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 21:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2009, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.พ. 2009, 11:55
โพสต์: 65


 ข้อมูลส่วนตัว




DSC02141.JPG
DSC02141.JPG [ 64.81 KiB | เปิดดู 4488 ครั้ง ]
ธรรมะ สั้นๆ ง่ายๆ 1

1. อัตตา หมายถึง ตัวตน หรือ การเอาแต่ตัวเป็นใหญ่
หรือ ความเห็นแก่ตัว.
2. อนัตตา หมายถึง ไม่มีตัวตน หรือ การไม่เอาตัวเป็นใหญ่
หรือ ความไม่เห็นแก่ตัว.
3. อริยะอิทธิฤทธิ์ หมายถึง การทำใจมองผู้อื่นที่ น่าเกลียด น่าชัง
ให้เป็นผู้น่าเมตตา หรือ การทำใจมอง
สิ่งที่ น่ารักน่าใคร่น่าติดใจให้เป็นสิ่งไม่เที่ยง.
4. นิพพาน หมายถึง ความสงบเย็น (ชั่วคราวก็ยังดี)

พระอาจารย์ไพโรจน์ กตธัมโม
084-4190553 http://www.dhamma.orgfree.com
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2009, 22:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


อัตตาทีเป็น Ego , Self , ตัวตนสูง พระพุทธเจ้าเรียกว่า อัตตานุทิฏฐิ ( หรือ อัตตวาทุปาทาน ) ครับ

อัตตา ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนปัญจวัคคีย์ในอนัตตลักขณสูตร ต้องมีลักษณะดังนี้ครับ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้จักได้เป็นอัตตา (มีตัวตน หรือเป็นของตัวตน อย่างแท้จริง) แล้ว รูป ฯลฯ นี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ (ความเสื่อม ความเจ็บไข้ ความแปรปรวน) และบุคคลพึงได้(หมายถึง ย่อมบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา) ในรูป ฯลฯ ว่า
รูปฯลฯ ของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด รูป ฯลฯ ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ตัดข้อความที่ไม่จำเป็นออกนะครับ


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ...(สิ่งใด)...จักเป็นอัตตา ... (สิ่งนั้น)...ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ใน ...(สิ่งนั้น)...ว่า...(สิ่งนั้น)...ของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด ...(สิ่งนั้น)...ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

หรือ สิ่งใดจักเป็นอัตตา สิ่งนั้นไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า สิ่งนั้นของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สิ่งนั้นของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย


ได้ความหมายแท้จริงของ "อัตตา" แล้วหรือยังครับ หรือยังถูกมารลวงอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2009, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ลักษณะของสังขตธรรม คือ ปรากฏความเกิด ๑ ปรากฏความเสื่อมสลาย ๑ เมื่อตั้งอยู่ ปรากฏความแปรปรวน ๑ นี้อย่างหนึ่ง

.....ก็คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย

ลักษณะของอสังขตธรรม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงอสังขตะลักษณะไว้ว่า

ไม่ปรากฏความเกิด ๑ ไม่ปรากฏความเสื่อมสลาย ๑ เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑

.....ก็คือ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย นั่นเอง

สิ่งใดจักเป็นอัตตา สิ่งนั้นไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า สิ่งนั้นของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สิ่งนั้นของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย


อสังขตธาตุนี้จึงเป็น "อัตตา" นั่นเอง เพราะไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ ส่วนข้อที่ว่า บุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า สิ่งนั้นของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สิ่งนั้นของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย มีอะไรล่ะที่จะทำเช่นนั้นได้ ก็คือ จิตของเราไม่ใช่หรือครับ จะคิดให้มันเป็นสิ่งใดก็ได้

อีที่นี้ถ้าจิตมันไปคิดปรุงแต่ง สังขตธาตุก็เกิด แต่ถ้าจิตมันไม่คิดปรุงแต่ง อสังขตธาตุก็เกิด มันจึงจะเป็นรูปอะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับจิตของเราจะนึกให้มันเป็น พูดง่ายๆ จิตสามารถจินตนาการภาพในจินตนาการให้เป็นอะไรก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2009, 00:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อัตตาเกิดขึ้นได้ยาก แต่อนัตตาเกิดขึ้นได้ง่ายมีแทบทุกๆวัน การรู้แจ้งซึ่งอนัตตา ก้คือรู้แจ้งซึ่งไตรลักษณ์ เราจึงมุ่งศึกษาให้รู้ซึ้งถึงอนัตตา มากกว่า อัตตา อนัตตายิ่งรู้มากเข้าใจมากยิ่งดี แต่อัตตายิ่งมีมากกลับไม่ดี และหลงติดกับในชาติภพ

." อนัตตา คือความไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายตัวตน รวมถึงขันธ์ห้าด้วย
อัตตา คือสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นในความมีตัวตนของว่าเป็นของเราเที่ยงแท้ซึ่งเป็นที่มาแห่งกองทุกข์ทั้งปวง
."

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2009, 00:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:

หรือ สิ่งใดจักเป็นอัตตา สิ่งนั้นไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า สิ่งนั้นของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สิ่งนั้นของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ได้ความหมายแท้จริงของ "อัตตา" แล้วหรือยังครับ หรือยังถูกมารลวงอีก


ย่อหน้าที่ผมยกมานี้ไม่มีในพระไตรปิฏก
เป็นมาร ที่สร้างเนื้องอกขึ้นมา
ใครฟังคุณพลศักดิ์โปรดระวังให้ถึงที่สุด


ธรรมทั้งปวงมีลักษณะเป็นคู่
แต่นิำพพานเป้นธรรมชนิดที่เป้นหนึ่ง ไม่มีคู่
ไม่มีธรรมอันตรงข้าม



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2009, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อัตตาของโต๊ะคือ ไม้พื้น และขาไม้ทั้งสี่

คือปัจจัยที่ประกอบขึ้นมาเรียกว่าโต๊ะ

ไม้พื้นและขาทั้ง๔ของโต๊ะย่อผุพังไปตามกาลเวลาเรียกว่าอนิจัง เป็นอนัตตา

คือโต๊ะเมื่อถูกประกอบขึ้นมาก็ต้องเสื่อมสลายลงไป

แต่ถ้าเราไม่นำไม้มาประกอบเป็นโต๊ะ

ก็ไม่มีอัตตาของโต๊ะ

ถึงแม้ไม้ชิ้นเดิมจะผุกร่อนก็เป็นการเสื่อมสลายของไม้ไม่ใช่ของโต๊ะ

อัตตาย่อมเสื่อมสลาย

เป็นอนัตตา

อัตตาของโต๊ะเมื่อเสื่อมสลายก็กลายเป็นเศษไม้

ไม่มีโต๊ะ

จึงเป็นอนัตตตา

นายพลศักดิ์ วังวิวัฒน์เคยเหยียบรอยเท้าซ้ำรอยเดิมที่เวลาเดียวกันไหมเอย!

หรือเคย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร