วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 03:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 22:07
โพสต์: 30


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ศิล 5 นะครับ
ในศิล 5 มีศิลข้อ กาเมผมสงสัยที่สุดครับ คนไหน ไม่ทราบจริงๆๆ อย่าตอบนะครับ
นี้เป็นเรื่อง ไม่ไช่เรื่อง ผม แต่มีในสังคมไทยนะครับ
เพราะว่าที่คุณ ตอบมาเพราะความไม่รู้ ทำให้ผมเข้าใจผิดไปทั้งชีวิตละผมแย่นะ
คืองี้ ครับ มีหญิงชายคู่ 1 พอใจกันและกันเขาร่วมรักกัน หญิงและชายต่างมีความสูข ต่อมา
ญ ซึ่งมีความมักมากพอๆๆกับฝ่ายชาย ก็ไปหลับนอนกับคนอื่นๆๆ โดยที่ฝ่าย ญ และฝ่ายชายก็ทำเช่นนั้นมาตลอด ทั้ง2ไม่เคยปิดบังกันและกัน ต่างฝ่ายต่างฟังเรื่องลาวของกันและกัน แทนที่จะโกรธ กลับเพลิดเพิน และก็มีความสูขดีตามประสาคนมักมาก และการที่
ฝ่านชายและ ญ จะไปนอนกับไครนั้น เขาก็บอกความจริงกับคู่นอนว่าตนมีแฟนอยู่แล้ว นะ เราจะแค่สนุกกันแค่นั้น
คำถาม อกุสน เป็น ทุก จากเรื่องราวข้างบน ทั้ง 2 ทำอย่างเปิดเผย ทำไมไม่มีทุกครับ เพราะอะไร
แล้วจะตกนรกไหม เห็นว่าในสมัยพุทธการ แค่ ญ นอกใจสามี เสพเมถุนกับแพะ ก็ตกนรก
เปิดซ้อง ต่อมาสร้างวัดก็ตกนรก อยากทราบว่า จากเรื่องข้างบนเมื่อไม่มีทุกจะตกนรกได้อย่างไล ครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับ
อีกตัวอย่างครับงงครับ คือ คนทำงานซ้อง เขาทำงานขายตัว เขากล่าวว่า ตัวก็ตัวของฉัน
ใจก็ใจของฉัน ฉันเลือกเฉพาะลูกค้าที่ ยังไม่แต่งานโดยที่เขามักจะ เสพหนุ่มๆๆอายุ 15-18
ปีเท่านั้น อยากถาม ว่า จะตกนรกได้ไงครับ งง ชาย ก็สูข ญ ก็ดัน สูขอีก งง
เลยที่นี้ ที่ว่าอกุสน อะครับไหนทุกครับ รบกวนให้ความกระจ่างหน่อยครับ

:b7: อีกอย่าง ถ้าเรื่งข้างบนตกนรกจริงหละก็ กษัตริย์ ที่มีเมียมากๆๆแบบสมันก่อน
คงตกนรกกันหมดหละครับ งั้นศิลข้อนี้แท้จริงคืออะไรครับ
ผมเข้าใจว่า คือ การไม่หลอกลวง ญ ให้ช้ำใจ มากกว่าครับ
:b20: อีกอย่าง ถ้าข้อบนตกนรกจริง ผมรับประกันครับ ไวรุ่นไทย คงตรกนรกกัน
ไป90เปอเซนแล้วแน่ครับ เพราะไวรุ่นทุกคนบอกว่ามีแฟนมากกว่า 1 แล้วสังคมไทยเดียวนี้คงรู้กันหมดครับ คำว่าแฟนคือคนที่คบกันแต่สมัยนี้คำว่าแฟนคือ... คิดเอาเอง ว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมาบ้างแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่พูดกันว่าโลกนั้น

เรามี นรก + โลกมนุษย์ + สวรรค์ นั้น
พระพุทธเจ้าแยกเอาไว้ละเอียดถึง 31 ชั้น


อรูปพรหม ๔
รูปพรหม ๑๖
เทวภูมิ ๖

มนุษยโลก ๑
อบายภูมิ ๔ (เดรัจฉาน , อสุรกาย , เปรต , นรก )

สีฟ้าเป็นสุขคติภูมิ รวมมนุษย์ด้วย
ส่วนสีแดงเป้นอบายภูมิ (อบายภูมิ คือภูมิที่ยากลำบาก ไม่เจริญ)

อบายภูมิ เป็นภูมิที่ต่ำกว่าเรามี 4 ภูมิ
และนรก คือภูมิที่ต่ำที่สุด ที่เรากำลังพูดถึง

ในชีวิตคนหนึ่งคน ทำอะไรไปมากมาย ทั้งดีทั้งชั่ว
ส่วนที่เป็นความดี เป็นบุญ ก้จะนำเราไปเสวยสุขในภูมิที่สูง ตั้งแต่ภูมิมนุษย์เป็นต้นไป
เกิดตายๆ ในภูมิสูงเหล่านี้ จนหมดแรงบุญ
จึงจะเริ่มชดใช้ส่วนที่เป็นความชั่ว

ส่วนที่เป้นความชั่ว เราก้จะนำเราไปเกิดเป้นสัตว์เดรัจฉาน , อสุรกาย , เปรต หรือ สัตว์นรก

เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิ ทั้งหมดนี้ สลับกันไป
เป้นไปตามแรงบุญแรงบาปของเรา

ที่พูดมานี้ เป้นหลักการ
ไม่มีใครให้คำตอบในเรื่องจำนวนหรือปริมาณได้
และไม่มีใครบอกได้ว่าใครจะไปเกิดเป็นอะไร นอกจากพระพุทธเจ้า ซึ่งมีญานวิเศษณ์รู้แจ้งในกำเนิดของสัตว์ทั้งอดีตและอนาคต

ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าบาปที่ทำไป จะได้รับหรือไม่
ได้รับแน่นอนครับ

เรื่องตกนรก ตกกันทุกคน
แล้วไม่ใช่มีแค่นรก ยังมีเปรต อสุรกาย สัตว์ต่างๆ
พวกเขา รวมทั้งเรา ล้วนแล้วแค่เคยทำบาปทำกรรมมาทัง้นั้น กำลังใช้กรรมกันอยู่

ส่วนเราที่เป้นมนุษย์นี้ จัดว่ามีบุญ บุญส่งมาเกิด
แต่ถ้าเป็นคนแล้วทำบาปเพิ่มอีก
ก็สมมุติคล้ายๆว่า ได้ลงชื่อจองไปเกิดในอบายภูมิไว้แล้ว
ทำบาปหลายครั้ง ก้จองหลายรอบหน่อย


พวกที่ไม่ตกนรกอีก คือพวกที่เข้าถึงกระแสพระนิพพานแล้ว
เรียกกันว่า อริยบุคคล
มี 4 ประเภท คือ โสดาบัน / สกิทาคามี / อนาคามี และ อรหันต์


โสดาบัน / สกิทาคามี / อนาคามี << -- 3 ประเภทนี้ ตายแล้วไม่ตกนรก แต่ไปเกิดในภูมิที่ดี
คือ อรูปพรหม ๔ / รูปพรหม ๑๖ / เทวภูมิ ๖ / มนุษย์ภูมิ 1

ส่วนพระอรหันต์ ไม่เกิดอีกแล้ว หลุดพ้นไปจากภูมิทั้ง 31
กล่าวคือหลุดพ้นจากวัฏสงสาร

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


popopo เขียน:
คืองี้ ครับ มีหญิงชายคู่ 1 พอใจกันและกันเขาร่วมรักกัน หญิงและชายต่างมีความสูข ต่อมา
ญ ซึ่งมีความมักมากพอๆๆกับฝ่ายชาย ก็ไปหลับนอนกับคนอื่นๆๆ โดยที่ฝ่าย ญ และฝ่ายชายก็ทำเช่นนั้นมาตลอด ทั้ง2ไม่เคยปิดบังกันและกัน ต่างฝ่ายต่างฟังเรื่องลาวของกันและกัน แทนที่จะโกรธ กลับเพลิดเพิน และก็มีความสูขดีตามประสาคนมักมาก และการที่
ฝ่านชายและ ญ จะไปนอนกับไครนั้น เขาก็บอกความจริงกับคู่นอนว่าตนมีแฟนอยู่แล้ว นะ เราจะแค่สนุกกันแค่นั้น
คำถาม อกุสน เป็น ทุก จากเรื่องราวข้างบน ทั้ง2ทำอย่างเปิดเผย ทำไมไม่มีทุกครับ เพราะอะไร
แล้วจะตกนรกไหม เห็นว่าในสมัยพุทธการ แค่ ญ นอกใจสามี เสพเมถุนกับแพะ ก็ตกนรก
เปิดซ้อง ต่อมาสร้างวัดก็ตกนรก อยากทราบว่า จากเรื่องข้างบนเมื่อไม่มีทุกจะตกนรกได้อย่างไล ครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับ


อันนี้ไม่ใช่เรื่องของท่านนะครับ...?
ถ้าไม่ใช่เรื่องของท่าน....ท่านจะรู้ถึงความทุกข์ของเขาอย่างไรครับ ?
แต่ถ้าจะมาพิจารณาจากเรื่องราวที่เล่ามา แล้วน้อมเข้าหาตัวเอง กระผมพิจารณาเห็นความทุกข์ตรงที่มีมิจฉาทิฏฐิครับ คือมีความเห็นที่ผิด ความเห็นผิดในที่นี้คือเห็นว่าการเสพกามเป็นความสุข(จริงๆ) แต่มองข้ามความเป็นจริงที่ว่าความสุขนั้นมันตั้งอยู่ไม่ได้ สุดท้ายความสุขที่ว่านั้นก็สลายไป จึงมีความทุกข์ที่จะต้องแสวงหาสิ่งที่คิดว่าเป็นความสุขที่ตนต้องการ(ตัณหา)ด้วยการหาคู่ร่วมสนุกไปเรื่อยๆ

อีกมุมนึง ต่อให้บอกความจริงกับแฟนตนเองว่าไปหลับนอนกับใครมาบ้าง แต่คงไม่ได้ไปบอกกับแฟนของคนที่ร่วมสนุกกัน แล้วท่านจะรู้อย่างไรว่าแฟนเขาจะไม่คิดแค้นเรา โดยธรรมชาติของสัตว์(โดยเฉพาะมนุษย์)ที่ยังไม่หลุดจากอำนาจของกิเลส ย่อมต้องมีความหวงแหนในสิ่งที่ตนรัก และพอใจ ดังนี้ต่อให้ท่านบอกความจริงกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องมีคนที่ไม่พอใจ และแค้นเคืองท่านแน่นอนครับ นี่ก็เป็นการผูกเวรกันแล้ว....และหากไม่อโหสิกรรมให้กันก็จองเวรกันไปไม่จบสิ้น

สรุปคำตอบคือ สิ่งที่ทั้ง 2 ทำนั้นมีทุกข์แน่นอนครับ แต่สิ่งที่แสดงออกมาว่ามีความสุขเป็นเหมือนการหลอกตัวเอง พยายามหาข้ออ้างต่างๆนาๆ มาประกอบเพื่อให้ตนรู้สึกว่าสิ่งที่ทำไม่ผิด

popopo เขียน:
อีกตัวอย่างครับงงครับ คือ คนทำงานซ้อง เขาทำงานขายตัว เขากล่าวว่า ตัวก็ตัวของฉัน
ใจก็ใจของฉัน ฉันเลือกเฉพาะลูกค้าที่ ยังไม่แต่งานโดยที่เขามักจะ เสพหนุ่มๆๆอายุ 15-18
ปีเท่านั้น อยากถาม ว่า จะตกนรกได้ไงครับ งง ชาย ก็สูข ญ ก็ดัน สูขอีก งง
เลยที่นี้ ที่ว่าอกุสน อะครับไหนทุกครับ รบกวนให้ความกระจ่างหน่อยครับ


คล้ายๆกันกับข้อแรกครับ เป็นเพียงข้ออ้าง เพราะความเป็นจริง ผู้หญิงที่ทำงานแบบนี้มักเลือกลูกค้าไม่ได้ และที่จะต้องมาทำงานนี้บางทีอาจมีผลมาจากวิบากของกรรม

popopo เขียน:
:b7: อีกอย่าง ถ้าเรื่งข้างบนตกนรกจริงหละก็ กษัตริย์ ที่มีเมียมากๆๆแบบสมันก่อน
คงตกนรกกันหมดหละครับ งั้นศิลข้อนี้แท้จริงคืออะไรครับ
ผมเข้าใจว่า คือ การไม่หลอกลวง ญ ให้ช้ำใจ มากกว่าครับ


ก็ไม่ประพฤติผิดในกามไงครับ...ทุกๆอย่างที่เรียกว่าผิด อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะรักษาในระดับใด เพราะแต่ละคนก็มีความประณีตไม่เท่ากันครับ
หากตีความตามความเข้าใจแบบทั่วไปก็คืออย่าไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่มิใช่คู่ของตน
แต่ความหมายของกามารมณ์มันกว้างกว่านั้นครับ รวมไปถึงอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากการกระทบกันของอายตนะภายในและภายนอกด้วย
popopo เขียน:
:b20: อีกอย่าง ถ้าข้อบนตกนรกจริง ผมรับประกันครับ ไวรุ่นไทย คงตรกนรกกัน
ไป90เปอเซนแล้วแน่ครับ เพราะไวรุ่นทุกคนบอกว่ามีแฟนมากกว่า 1 แล้วสังคมไทยเดียวนี้คงรู้กันหมดครับ คำว่าแฟนคือคนที่คบกันแต่สมัยนี้คำว่าแฟนคือ... คิดเอาเอง ว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมาบ้างแล้ว


มันเป็นธรรมดาครับ ยุคสมัยเปลี่ยนไปเป็นปัจจัยให้การดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลง กระผมมองเป็นเรื่องของกฏแห่งกรรมครับ เขาทำกันอย่างนั้น คิดกันอย่างนั้น ก็มีเหตุมาแต่อดีตทำกรรมไว้แล้วจึงเป็นอุปนิสัยติดมา

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


popopo เขียน:
คือ ศิล5นะครับ
ในศิล5มีศิลข้อ กาเมผมสงสัยที่สุดครับ คนไหน ไม่ทราบจริงๆๆ อย่าตอบนะครับ
นี้เป็นเรื่อง ไม่ไช่เรื่อง ผม แต่มีในสังคมไทยนะครับ
เพราะว่าที่คุณ ตอบมาเพราะความไม่รู้ ทำให้ผมเข้าใจผิดไปทั้งชีวิตละผมแย่นะ
คืองี้ ครับ มีหญิงชายคู่ 1 พอใจกันและกันเขาร่วมรักกัน หญิงและชายต่างมีความสูข ต่อมา
ญ ซึ่งมีความมักมากพอๆๆกับฝ่ายชาย ก็ไปหลับนอนกับคนอื่นๆๆ โดยที่ฝ่าย ญ และฝ่ายชายก็ทำเช่นนั้นมาตลอด ทั้ง2ไม่เคยปิดบังกันและกัน ต่างฝ่ายต่างฟังเรื่องลาวของกันและกัน แทนที่จะโกรธ กลับเพลิดเพิน และก็มีความสูขดีตามประสาคนมักมาก และการที่
ฝ่านชายและ ญ จะไปนอนกับไครนั้น เขาก็บอกความจริงกับคู่นอนว่าตนมีแฟนอยู่แล้ว นะ เราจะแค่สนุกกันแค่นั้น
คำถาม อกุสน เป็น ทุก จากเรื่องราวข้างบน ทั้ง2ทำอย่างเปิดเผย ทำไมไม่มีทุกครับ เพราะอะไร
แล้วจะตกนรกไหม เห็นว่าในสมัยพุทธการ แค่ ญ นอกใจสามี เสพเมถุนกับแพะ ก็ตกนรก
เปิดซ้อง ต่อมาสร้างวัดก็ตกนรก อยากทราบว่า จากเรื่องข้างบนเมื่อไม่มีทุกจะตกนรกได้อย่างไล ครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับ


- ขึ้นชื่อว่าบาป ได้ตกอบายภูมิแน่นอน
พระพุทธเจ้าถึงบอกให้ .."ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส "
ทำมาก ตกมา ตกนาน ทนทุกข์ทรมานนาน

เรื่องความดี ก็แยกกัน ทำดีอะไรไว้ ก้ย่อมได้เสวยผลดีอันนั้น
มีความดีก็ไปใช้ความดี ใช้จนหมดแล้ว จึงใช้ความชั่ว
มีความชั่วก็ไปใช้ความชั่ว ถ้าไม่ทำเพิ่ม ก็จะใช้หมดสักวันหนึ่ง
แต่ไม่ยอมละบาป ทำเพิ่ม ก็ไม่มีวันใช้หมด

เกิดตายสลับกันไปในสุขคติบภุ้าง ทุกขคติภูมิบ้าง

popopo เขียน:
อีกตัวอย่างครับงงครับ คือ คนทำงานซ้อง เขาทำงานขายตัว เขากล่าวว่า ตัวก็ตัวของฉัน
ใจก็ใจของฉัน ฉันเลือกเฉพาะลูกค้าที่ ยังไม่แต่งานโดยที่เขามักจะ เสพหนุ่มๆๆอายุ 15-18
ปีเท่านั้น อยากถาม ว่า จะตกนรกได้ไงครับ งง ชาย ก็สูข ญ ก็ดัน สูขอีก งง
เลยที่นี้ ที่ว่าอกุสน อะครับไหนทุกครับ รบกวนให้ความกระจ่างหน่อยครับ


- บางคน ฆ่าคน ก้มีความสุข นี่เรียกว่าความเข้าใจผิด
เพราะคิดว่าเป้นความสุข เป้นเรื่องดี แต่ก็มีผลร้ายตามมา เช่นเขามาฆ่าคืน ญาติอาฆาต สุดท้ายตกนรก
- เรื่องศีลกาเมนี้ พระพุทธเจ้าท่านรู้แจ้งในโทษของมัน รู้สิ้นว่าคนที่ทำอย่างนั้ จะต้องไปรับโทษใช้กรรมอย่างไร ท่านถึงห้ามเอาไว้
ถ้าเราคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนที่พึ่งได้ เชื่อได้ เราก้ต้องเชื่อท่านไปก่อน
จนกว่านะหัดเจริญจิตภาวนาจนได้อภิญญาที่สามารถกำหนดรู้สิ้นในภูมิกำเนิดต่างสัตว์ในวัฏฏะสงสาร

แต่อภิญญาข้อนี้ ก็ไม่ใช้ว่าใครจะทำได้ ไม่ใช่ใครจะมีได้
บางคนอาจจะมี แต่มองไม่ทะลุ มองไม่ได้ไกล
เลยทราบความจริงอย่างจำกัด
แต่พระพุทธเจ้าทราบอย่างไร้ขีดจำกัด
ท่านจึงบอกว่า บาปให้ละ ให้ละเลย ไม่ใช่อนุโลมให้ทำ แต่ให้ละเด็ดขาดเลย-

popopo เขียน:
:b7: อีกอย่าง ถ้าเรื่งข้างบนตกนรกจริงหละก็ กษัตริย์ ที่มีเมียมากๆๆแบบสมันก่อน
คงตกนรกกันหมดหละครับ งั้นศิลข้อนี้แท้จริงคืออะไรครับ
ผมเข้าใจว่า คือ การไม่หลอกลวง ญ ให้ช้ำใจ มากกว่าครับ
:b20: อีกอย่าง ถ้าข้อบนตกนรกจริง ผมรับประกันครับ ไวรุ่นไทย คงตรกนรกกัน
ไป90เปอเซนแล้วแน่ครับ เพราะไวรุ่นทุกคนบอกว่ามีแฟนมากกว่า 1 แล้วสังคมไทยเดียวนี้คงรู้กันหมดครับ คำว่าแฟนคือคนที่คบกันแต่สมัยนี้คำว่าแฟนคือ... คิดเอาเอง ว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมาบ้างแล้ว


- ตกนรกทุกคน
หมดผลบุญเมื่อไหร่ ก็ตกนรก
เราเกิดตายเป้นนุ่นนี่นั่นกันมามากมายหลายภพชาติ
ในบรรดาสัตว์โลกในวัฏกะสงารนั้น
แทบไม่มีใครเลย ที่ไม่เคยเป็นญาติกัน หรือเป้นครอบครัวเดียวกัน
เนียะ เราเกิดตายมามากขนาดนั้น
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ที่พูดนี้

ขอผู้รับรองด้วยครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ปล. อีกอย่างหนึ่ง

อย่าเข้าใจว่า เวลาเราตายลง แล้วเรามีทางเลือกเดียว ว่าจะไปนรก หรือ สวรรค์
มันไม่ใช่ว่า 1 ชีวิต 1 ตัวเลือก

ไม่ใช่ว่าเอาบาปบุญทั้งหมดในชีวิตมาหักลบกลบหนี้กัน
ถ้าเหลือบุญ ไปขึ้นสวรรคื
ถ้าเหลือบาปไปตกนรก
มันไม่ใช่อย่างนั้น

เราพุดไม่ดี พูดแล้วบาป เช่นเถียงพ่อแม่
เราก้เพิ่งจะลงชื่อจองความเป็นเปรตเอาไว้แล้ว
หมดผลบุญเมื่อไหร่ ก็เตรียมได้เลย ไม่มีทางหลบพ้น

นี่แค่กรรมเล็กๆ ในหนึ่งเสี้ยวเวลาของชีวิตเรา
ลองคิดดูเถิดว่า หนึ่งชีวิตเรานี้ ลงบัญชีจองอะไรไว้มั่ง มากมายแค่ไหน

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีคุณ popopo ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

สาธุค่ะท่าน คามินธรรม ตามมารับรองค่ะ
คุณ popopo อย่า งง เมื่อได้ยินคำกล่าว คำบอกต่างๆ แล้วอย่าเพิ่งเกิดอคติใด ๆ เมื่อสงสัยก็นำข้อสงสัยมาสอบถาม เมื่อได้คำตอบต่างๆก็นำไปพิจารณา ให้ทราบเหตุ ปัจจัยที่ทำให้เกิดกรรมนั้นๆที่ ส่วนผลก็ให้ดูที่การแสดงออกค่ะ ไม่ใช่คำพูดของคนที่ก่อกรรม เขาร่วมประเวณีกันเขาบอกว่าเป็นสุข เขารู้สึกเป็นสุขก็ถูกของเขา แล้วเราคอยดูผลของกรรม กันต่อไปดีกว่า ถ้าเราสามารถอยู่รอดูการส่งผลของกรรมได้

กรรมมีลำดับการแสดงผลค่ะ จะช้าเร็วเท่านั้น อย่าให้อวิชชาพาไป การทำผิดศีลคล้ายทำผิดกฏหมายค่ะ อ้างว่าไม่รู้ ว่าผิด ไม่ได้ ความไม่รู้ทำให้เกิดการหลงทำผิด และการไม่ทราบกรรมใดให้ผลอยู่ ก็จับแพะมาชนแกะ..เช่น
1.คนฆ่าสัตว์เป็นอาชีพ มีความพอใจที่ได้ทรัพย์มา คนอื่นเห็นก็ว่าผิดข้อปาณาติบาต แต่ทำไมร่ำรวย
2.คนรับซื้อของโจรมาขายทำกำไลมาก ผู้ค้าบอกว่ามีความสุขเพราะร่ำรวย คนอื่นก็ว่าผิดอทินนา แต่ยังร่ำรวย
3.ช-ญละเมิดในกาม มีความสุขมาก ผู้อื่นเห็นก็ว่าผิดกาเมสุมิจฉา แต่ก็มีความสุขดูสดชื่นระรื่นระริกกันดี
4.คนปากหวาน ใช้วาจาตลบตะแลง ล่อลวงหาทรัพย์หาเกียรติใส่ตัว
บ้างก็ปากกล้าด่าทอ ผู้คนก็เกรงเพราะไม่อยากมีเรื่องเดือดร้อนรำคาญด้วย ผู้อื่นพบเห็นก็ว่า ทั้ง2 กรณีผิดมุสาวาท แต่กลับมีทรัพย์มีเกียรติอยู่
5.คนกินเหล้า, ค้ายาเสพย์ติด บอกว่ามีความสุขที่ได้เมา มีความสุขที่ร่ำรวย มีคนนับหน้าถือตา
ผู้อื่นก็ว่า ผิดข้อสุราฯ ก็ยังมีความสุข มีคนนับถือ

..."ผู้อื่น" ในที่นี้ popopo คิดว่าเขาได้ไตร่ตรอง ก่อนหรือยังที่จะรีบสรุปว่าผู้ผิดศีล ดูมีความสุข ดูได้รับผลดีต่างๆ

ขอให้ คุณ popopo มีศรัทธาความเชื่อที่มั่นคงใน ผลของกรรมนะคะ

ตัวอย่างอาจไม่ชัดเจน ครอบคลุมแต่เพียงยกมาประกอบความเท่านั้นค่ะ
สามารถติเตียน ท้วงติงได้เพื่อกำจัด อวิชชาค่ะ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผิดศีลแล้วก็ไม่ต้องซีเรียสครับ รักษาใหม่สมาทานใหม่ องคุลีมาลฆ่าคนตั้งเยอะ ยังเป็นพพระอรหันต์ได้ ถ้ากลัวว่าผิดศีลกาเมแล้วไปนรก ก็เจริญสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นกรรมฐานปิดอบาย อีกอย่างหนึ่ง ระบบกรรมนั้นซับซ้อน มีส่งเสริมกันตัดทอนกัน จึงไม่ต้องซีเรียสมาก ในโลกนี้ใครบ้างไม่เคยทำบาป เพราะแต่ละคนต่างก็ยังมี กิเลส ตัณหา อวิชชา กันอยู่ทั้งนั้น แต่ชาตินี้โชคดีได้เจอพระพุทธศาสนา ก็ขวนขวายปฏิบัติธรรมดีกว่า ตายไปไม่รู้จะได้เจออีกไหม กับแก้ววิเศษอันนี้

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


วัชรยาน (Vajrayana) เป็นชื่อหนึ่งของลัทธิพุทธตันตระ พระอาจารย์ชาวทิเบตได้กล่าวไว้ในศตวรรษที่ 14. ท่าน
ให้หลักการของลัทธิพุทธตันตระไว้ว่า:

"ความทุกข์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเห็นแก่ตัว ความสุขทั้งหมดเกิดขึ้นจากการหวังดีให้ผู้อื่นมีความสุข"

ความทุกข์ มีรากฐานมาจากบาป ความสุขมีรากฐานมาจากบุญ ด้วยเหตุนี้ เราจึงกล่าวได้ว่า:

"บาปทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเห็นแก่ตัว บุญทั้งหมดเกิดขึ้นจากการหวังดีให้ผู้อื่นมีความสุข"


ด้วยหลักการ ความทุกข์-ความสุข และ บุญ-บาป อันนี้ คุณจะสามารถตอบคำถาม
เกี่ยวกับบาปบุญได้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น


1. พระเวสสันดร ยกเมียและลูกให้เป็นทาสคนอื่น เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้
ผู้อื่น(ชาวโลก)มีความสุข จึงยอมเสียสละความสุขส่วนตัว แต่ชาวบ้านยกเมียและลูกให้เป็นทาสคนอื่น
เขาเห็นแก่ตัว อยากได้เงินทองจากผู้อื่น จึงเป็นบาป

2. เมียยอดรัก ให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจยอดรักออก เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของเมียยอดรัก
หวังดีปราถนาให้ผู้อื่น(ยอดรัก)มีความสุข ไม่ต้องทรมานต่อไปอีกหลายวัน

3. พระที่โดดน้ำลงไปช่วยผู้หญิงขึ้นจากน้ำ เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้ผู้อื่น
(คนตกน้ำ)มีความสุข ส่วนพระที่ไม่ลงไปช่วย แม้ท่านไม่ทำอะไร แต่ก็เป็นบาป ด้วยจิตของพระคนนั้นเขาเห็นแก่ตัว ยึดติดกับตำรา

4. หลวงพี่เท่งโกหกโดยตะโกนว่า "ตำรวจมา ตำรวจมา" เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้ผู้อื่น(คนที่โดนยำตีน)มีความสุข หลุดพ้นจากการถูกทำร้ายร่างกาย

5. พระโจอี้(หลวงพี่เท่ง 2)ช่วยแม่ที่เป็นลม มีการประคองยกขึ้น แล้วยกหัวให้ดมยาดม
เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้ผู้อื่น(แม่ขแงเขา)มีความสุข หลุดพ้นจากการเป็นลม ถ้าพระโจอี้ไม่ช่วยแม่ที่เป็นลม ไม่ยอมผิดพระวินัย เรื่องห้ามแต่เนื้อต้องตัวผู้หญิง มันจะเป็นบาป ด้วยจิตของพระโจอี้เห็นแก่ตัว ยึดติดกับตำรา ไม่ยึดในหลักกตัญญู และหลักกรุณา

พระพุทธเจ้าตรัสว่า " เรากล่าวว่าเจตนา(ความจงใจ)เป็น(ตัว)กรรม "

เจตนาเป็นบุญ = เจตนาหวังดีให้ผู้อื่นมีความสุข ยอมเสียสละตัวเอง

เจตนาเป็นบาป = เจตนาเห็นแก่ตัว คนหรือสัตว์อื่นเดือดร้อนก็ไม่สน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"popopo"ครับ


1. ในศิล 5 มีศิลข้อ กาเมผมสงสัยที่สุดครับ คนไหน ไม่ทราบจริงๆๆ อย่าตอบนะครับ
นี้เป็นเรื่อง ไม่ไช่เรื่อง ผม แต่มีในสังคมไทยนะครับ
เพราะว่าที่คุณ ตอบมาเพราะความไม่รู้ ทำให้ผมเข้าใจผิดไปทั้งชีวิตละผมแย่นะ

.....คุณมาถามในเว็บที่คนจำนวนมากยึดหลักของศีล 5 จำแบบนกแก้วนกขุนทอง คำตอบของเขาเหล่านั้น้วยแล้วแต่เป็นคำตอบที่ไม่รู้ที่มาแห่งศีล ผมจะออกมาเป็นแบบไหน คุณย่อมรู้ดี

2. คืองี้ ครับ มีหญิงชายคู่ 1 พอใจกันและกันเขาร่วมรักกัน หญิงและชายต่างมีความสูข ต่อมา
ญ ซึ่งมีความมักมากพอๆๆกับฝ่ายชาย ก็ไปหลับนอนกับคนอื่นๆๆ โดยที่ฝ่าย ญ และฝ่ายชายก็ทำเช่นนั้นมาตลอด ทั้ง2ไม่เคยปิดบังกันและกัน ต่างฝ่ายต่างฟังเรื่องลาวของกันและกัน แทนที่จะโกรธ กลับเพลิดเพิน และก็มีความสูขดีตามประสาคนมักมาก และการที่
ฝ่านชายและ ญ จะไปนอนกับไครนั้น เขาก็บอกความจริงกับคู่นอนว่าตนมีแฟนอยู่แล้ว นะ เราจะแค่สนุกกันแค่นั้น
คำถาม อกุสน เป็น ทุก จากเรื่องราวข้างบน ทั้ง 2 ทำอย่างเปิดเผย ทำไมไม่มีทุกครับ เพราะอะไร
แล้วจะตกนรกไหม เห็นว่าในสมัยพุทธการ แค่ ญ นอกใจสามี เสพเมถุนกับแพะ ก็ตกนรก
เปิดซ้อง ต่อมาสร้างวัดก็ตกนรก อยากทราบว่า จากเรื่องข้างบนเมื่อไม่มีทุกจะตกนรกได้อย่างไล ครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับ

.....ไม่ตกนรกครับ เพราะผู้ชายคนนั้นก็เป็นเจ้าของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเจ้าของผู้ชายคนนั้น ต่างก็ให้ความยินยอมกันทั้ง 2 ฝ่าย ปัญหาคือ ถ้าผู้หญิงคนนั้นและผู้ชายคนนั้นไปนอนกับชายหรือหญิงคนอื่น โดยมิได้บอกอีกฝ่ายหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะเขามีใจให้กับคู่นอนคนใหม่ของเขา เลยปิดบังเอาไว้ การกระทำในครั้งนั้นย่อมถือว่า มีชู้หรือนอกใจทันที

3.อีกตัวอย่างครับงงครับ คือ คนทำงานซ้อง เขาทำงานขายตัว เขากล่าวว่า ตัวก็ตัวของฉัน
ใจก็ใจของฉัน ฉันเลือกเฉพาะลูกค้าที่ ยังไม่แต่งานโดยที่เขามักจะ เสพหนุ่มๆๆอายุ 15-18
ปีเท่านั้น อยากถาม ว่า จะตกนรกได้ไงครับ งง ชาย ก็สูข ญ ก็ดัน สูขอีก งง
เลยที่นี้ ที่ว่าอกุสน อะครับไหนทุกครับ รบกวนให้ความกระจ่างหน่อยครับ

.....ทั้งคู่ต่างไม่ละเมิดคู่ครอง เพราะยังไม่มีคู่ครอง ไม่ใช่หรือครับ พวกเขาย่อมเอากันได้ บาปยังไม่เกิดครับ หญิงชายที่เป็นโสดในต่างประเทศเขาก็เอากันเป็นว่าเล่น มันเป็นการระบายออกทางเพศเท่านั้น พวกเขายังไม่มีเจ้าของ เอากันเป็นเรื่องของธรรมชาติ

4.:b7: อีกอย่าง ถ้าเรื่งข้างบนตกนรกจริงหละก็ กษัตริย์ ที่มีเมียมากๆๆแบบสมันก่อน
คงตกนรกกันหมดหละครับ งั้นศิลข้อนี้แท้จริงคืออะไรครับ

....ถูกแล้วครับ ร.5 มีเมีย 500 คน ฮ่องเต้จีน เกาหลี ฯลฯ มีเมียเยอะกันทั้งนั้น สำคัญที่มเหสีเขายินยอมหรือไม่ ถ้ามเหสียินยอมโดยสมัครใจ ผู้เป็นเจ้าของสามีเขายินยอมโดยสมัครใจ มันก็ไม่เป็นการละเมิดหรือบาปแต่อย่างใด

ผมให้หลักการไว้แล้ว อย่างอื่นคุณวิเคราะห์ได้เอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 14:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"popopo"ครับ



คุณเป็นผู้หมกหมุ่นในเรื่องกาม จงหมดหมุ่นต่อไปเถอะครับ แต่อย่าเผลอไปเอาผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะตกนรก สำหรับคุณ"popopo"ผู้หมกหมุ่นในเรื่องกาม ผมแนะนำให้อ่านเรื่องนี้

อิสลามมีเมีย 5 คนไม่บาป ศาสนาพราหมณ์มีผัว 5 คนก็ไม่บาป นะจ๊ะ

--------------------------------------------------------------------------------

ผมได้เคยอธิบายไปแล้วในเรื่อง ศาสนาอิสลามให้มีเมียได้ 5 คนนั้น จริง แต่มีกฎว่าภรรยาคนแรกต้องยินยอมโดยสมัครใจ ถ้าภรรยาคนแรกไม่ยินยอมโดยสมัครใจ ก็เท่ากับสามีละเมิดภรรยาหลวง ในกรณีนั้น สามีก็ทำผิดศีลข้อ 3 ของศาสนาพุทธนั่นเอง และผมก็บอกด้วยว่า คุณ ศิริพงศ์ อัครศรียุกต์ ผู้เขียนหนังสือเรื่องความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า เขาเป็นชาวพุทธที่มีอภิญญา ถอดกายทิพย์ได้ เขาก็มีเมีย 2 คน เนื่องจากภรรยาหลวงของเขาอนุญาต เพราะต้องการให้มีเมียอีกคนมาช่วยดูแลธุรกิจ และผลิตลูกให้ผัว

ในศาสนาพราหมณ์ก็เช่นกัน ในมหาภารตะหญิงคนเดียว คือ นางกฤษณา หรือ นางเทราปที ก็มีสามีได้ 5 คน นางกฤษณา หรือ นางเทราปที เป็นมเหสีของกษัติย์ปาณฑพ 5 องค์ คือ ยุธิษฐิระ ภีมะ อรชุน นกุล และ สหเทพ

ที่มาของเรื่องหญิงมีผัว 5 คนนี้มาจาก อรชุนไปประลองยุทธเลือกคู่แล้วชนะ ได้นางเทรปาตีมา เมื่ออรชุนพานางมาถึงที่อยู่ของแม่ ตอนนั้นอรชุนยังไม่ทันจะให้แม่เห็นนางเทรปาตี อรุชนก็เอ่ยบอกบอกแม่ว่า ตนเองได้โชคลาภวิเศษมาอย่างหนึ่ง แม่จึงบอกอรชุนว่า ถ้าได้อะไรมาก็ขอให้แบ่งปันให้พี่น้องด้วย ปาณฑพทั้งห้า เป็นเคารพคำพูดของแม่ว่าเป็นวาจาสิทธิ์ ด้วยเหตุนี้ อรชุนจึงยกนางเป็นภรรยาของพี่น้องทุกคน

นี่ก็คือ อรชุนซึ่งเป็นสามีหลวง หรือผัวหลวงเป็นคนอนุญาตให้เมียตนเองมีผัวอีก 4 คน จึงไม่ได้มีการละเมิด นางเทราปทีไม่ได้แอบมีชู้แต่อย่างใด ผัวหลวงเขาอนุญาตโดยสมัครใจแล้ว เข่นเดียวกับ ศาสนาอิสลาม ภรรยาคนแรกอนุญาตให้สามีมีภรรยาน้อยได้ 4 คน จึงไม่มีการละเมิดเมียหลวง

เรื่องนี้ก็เหมือนกับคุณไปหยิบappleในสวนแห่งหนึ่ง ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต ก็เป็นการผิดศีลข้อลักทรัพย์ แต่ถ้าเจ้าของอนุญาต ก็ไม่ถือว่าลักทรัพย์ ภรรยาก็มีสามีหลวงเป็นเจ้าของ สามีก็มีภรรยาหลวงเป็นเจ้าของ การละเมิดจะไม่เกิดขึ้นถ้าสามีหลวงหรือภรรยหลวงยินยอม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"popopo"ครับ




อ่านเรื่องราวเคล้าโลกีย์ไปแล้ว ตอนนี้มาอ่านเรื่องจริงในปรโลกกันบ้าง

เรื่องแรก เสกจะถูกจับลงนรก ถ้านึกถึงความดีที่ทำไม่ได้

เสกทำงานเป็นลูกจ้างท้องถิ่นของสถานทูตไทยในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี เสกเกิดที่อุดร เติบโตในเยอรมัน เขาเป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ แต่ความหล่อของเขาก็กลายเป็นสิ่งที่สร้างนิสัยเสียให้ตัวเองคือ เสกเป็นคนเจ้าชู้มาก เรื่อง ศีลข้อ 3 ห้ามประพฤติผิดในกามนี่ เป็นสิ่งที่เขาไม่มีอยู่ในหัวใจ ขอให้หญิงสาวคนนั้นสวยน่ารักถูกใจเขา ไม่ว่าจะเป็นลูกเมียใคร เขาฟันไม่เลือก ไม่มีการละเว้น

โชคร้ายสำหรับเสก ที่เขาตายก่อนถึงวัยอันควร เสกเสียชีวิตตอนอายุ 25 ปี เขาตายด้วยโรคไหล ( คือตายโดยไม่รู้สาเหตุ ผมเข้าใจว่า โรคไหลตายนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นในขณะที่นอนหลับอยู่ แล้ววิญญาณของเขาก็ถูกวิญญาณของเจ้าเวรนายกรรมกระชากออกไปจากร่างกายไปเฉยๆ ) เสกตายหลังจากมาเยี่ยมบ้านเกิดที่อุดรได้ไม่นาน ญาติของเสกโทรมาแจ้งข่าวการเสียชีวิตของเสก ให้สถานทูตไทยในเยอรมันรับทราบ

3 วันหลังจากการตายของเสก น้องชายของผมที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทูต เล่าให้ฟังว่า วิญญาณของเสกได้มาหาเขาถึงในเยอรมัน เสกได้มาปลุกน้องชายผมให้ตื่นขึ้นกลางดึก ในขณะที่กำลังนอนแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น เสกร้องไห้และตัวสั่นไปหมด เขามาขอร้องให้น้องชายผมช่วย เสกบอกว่า

“ พี่ๆ ช่วยผมด้วย ” เสกกล่าวด้วยความกลัวอย่างมาก น้องผมรำพึงในใจว่า

“ อะไรหนอที่ทำให้เด็กหนุ่มร่างใหญ่สูงถึง 180ซม. ยอมสยบและกลัวได้ถึงเพียงนี้ ”

น้องผมยังไม่ทันโต้ตอบอะไรเสก เสกก็พูดต่อว่า

“ พวกเขา (ยมบาล) กำลังจะเอาผมไปนรกแล้ว แต่เขาให้โอกาสผม นึกถึงความดีที่ผมเคยทำ แต่ผมนึกไม่ออก เลยมาหาพี่ ถ้าพี่ไม่รู้ และไม่สามารถบอกความดีของผมได้ พวกเขาจับตัวผมลงนรกแน่ๆจากบาปของผม ”

น้องชายผมบอกว่า “ เสกใจเย็นๆ ลองสวดมนต์ดู หลังจากสวดแล้ว อาจจะคิดได้ ”

เสกรีบสวนคำมาว่า “ พี่ผมสวดมนต์ไม่เป็น ”
แล้วเสกยังบอกต่ออีกว่า “ พี่ๆต้องเร็วหน่อย พวกเขาจะเอาตัวผมไปแล้ว ”

น้องชายผมเลยรีบช่วยบอกเสกไปว่า “ เสกจำไม่ได้หรือ เสกช่วยหาบ้านเช่าให้พี่ที่เยอรมัน ( การช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง ) แล้วเสกยังบวชหน้าไฟให้พ่อด้วย ”

หลังจากน้องชายผมชี้นำให้เสก วิญญาณของเสกก็เกิดความปิติขึ้น น้องชายผมจึงสวดมนต์บทอิติปิโสให้เขา และให้เสกพนมมือ อนุโมทนาระลึกถึงคุณพระคุณเจ้า นอกจากนี้น้องชายผมก็ยังอนุโมทนาบุญเพื่อช่วยเสกอีกแรง

ก่อนจากไป ยมบาลเตือนน้องชายผมว่า

“ นายเสกมีกลิ่นกามแรงมาก เจ้าก็มีกลิ่นคาวโลกีย์แรง แต่น้อยกว่าเสก ระวังตัวไว้นะ อย่าคุยโม้มาก แม้จะเป็นคนดี แต่คำที่เราโม้จะลดค่าความดีของตัวเราเอง ”

น้องผมฟังจากใจ ได้แต่สงสารเสก พอวิญญาณของเสกและยมบาลไป อำนาจในโลกวิญญาณก็สลายไป น้องผมตื่นขึ้นมาตอนตีสองครึ่งของวันนั้น ก่อนจะพยายามนอนหลับอีกครั้งหนึ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ....คุณpopopo
อย่ารีบร้อนเชื่ออะไร เพียงเพราะแค่ได้อ่านมาเท่านี้นะคะ ไตร่ตรองและซักถามจากท่านทั้งหลายให้มากๆ เข้าไว้ค่ะ.....

สติมาปัญญาเกิดค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 22:07
โพสต์: 30


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ พลศักดิ์ วังวิวัฒน คุณมาว่าผมทำไมหละครับ
จากข้อความของคุณผมกอบปี้มา
ั--------------------
คุณเป็นผู้หมกหมุ่นในเรื่องกาม จงหมดหมุ่นต่อไปเถอะครับ แต่อย่าเผลอไปเอาผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะตกนรก สำหรับคุณ"popopo"ผู้หมกหมุ่นในเรื่องกาม ผมแนะนำให้อ่านเรื่องนี้

อิสลามมีเมีย 5 คนไม่บาป ศาสนาพราหมณ์มีผัว 5 คนก็ไม่บาป นะจ๊ะ
--------------------------
แค่ถามเฉยๆๆ แล้วผมก็บอกแล้วว่าไม่ไช่เรื่องของผม แต่ดันมาว่าผมว่าหมกมุ่นเรื่องของกาม :b2:
เจออย่างนี้เข้าไปรู้สึกแย่จริงๆๆ คิดว่าเวบนี้ดีแล้วนะเนี้ย ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย เซงจิตจริงๆๆ
ขอบคุณ คนที่ตอบๆๆมาครับ โดยฉะเพาะ แมวขาวมณ ครับ ขอบคุณ :b25:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณpopopo ครับ



คนทั่วไปที่ไม่หมกหมุ่นเรื่องนี้ เขาก็จะไม่คิดคำถามแบบนี้ ในอดีตผมก็เป็นคนหมกหมุ่นในกามเช่นกัน อย่าไปถือว่าว่ากันซิครับ

คำถามของคุณ ถ้าไม่ใช่ผม ย่อมไม่มีทางตอบได้ลึกซึ้งแบบนี้ คนในเว็บนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ท่องจำศีล 5 แบบนกแก้วนกขุนทองทั้งนั้น เขาจะไปตอบคุณได้ถูกต้องได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โหลึกซึ้งมาก มั่วมาแบบจ่าฝูงนกแก้วเลยค่ะคุณ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร