วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 04:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2008, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: :b48: หากฝ่ายหนึ่งมาด่าเรา เราพยายามไม่โกรธ เรายอมแพ้ล่ะ จะด่าก็ด่าไป หรือเขามาตบตีชกต่อยเรา เราพยายามไม่โกรธ เรายอมแพ้ล่ะ จะตบตีชกต่อยก็ทำไป หรือเขามาทำร้ายเราก็ทำร้ายไป หรือถึงขนาดเขามาฆ่าเรา เราจะพยายามไม่โกรธ เรายอมแพ้ล่ะ เราจะไม่อาฆาตพยายาทคนที่เขาฆ่าเราอย่างนี้ ถึงแม้ในโลกเขาจะว่าเราแพ้ เราโง่ เราไม่ทันคนอื่น ให้เขาด่า ให้เขาทำร้าย ให้เขาเอาเปรียบอยู่ได้ จริงๆ แล้ว หารู้ไม่ว่าเรานี้แหละได้ชนะแล้ว คือ ชนะใจตนเอง ชนะมารในใจของตนเองแล้ว ตรงนี้ต่างหากเป็นชัยชนะที่แท้จริง เรียกว่า "แพ้เป็นพระ" นั่นเอง :b41: :b41: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

ข้อความดังกล่าว :b27: มันคงง่ายสำหรับผู้ปฎิบัติที่ รู้ซึ้งถึงหลักสัจธรรม แต่สำหรับผู้มาใหม่อย่างเรามันยากมากค่ะ อาจจะเรียกว่า ดีขึ้น 10% เราถามจากลูกน่ะคะ เพราะเราเป็นคนพูดไม่ค่อยมีหางเสียง ก็จะพูดเบาลงแต่ก็คงยังห้วนๆ ค่ะ แต่เมื่อมีอะไรมาสะกิดนิดหนึ่งนะคะ ต่อมโทสะ (สมัยก่อนเหมือนเอ็ม 79) ทันทีค่ะ แต่มาตอนนี้ ค่อยเป็นแค่ (ระเบิดปิงปอง) หัวใจก็สูบฉีดเลือดแทบไม่ทัน แทบออกมาเต้นข้างนอก แต่ก็มีตอบโต้น้อยลงมานิดนะ หรือบางทีจะออกไปทางพูดแบบรำคาญ (คนที่เราพูดด้วย) น่ะค่ะ แบบนี้ก็เรียกว่าเป็น วจีทุจริต

แต่หลังจากนั้นเราก็จะมาสงบใจ ท่องพุทโธ และก็จะสำนึกได้ว่าเราผิดศีลอีกแล้ว แต่ใจเรา ไม่ คิดโกรธต่อแล้ว แต่คิดโทษตัวเอง และโมโหตัวเองที่ทำไมตัดตัวโทสะไม่ได้เสียที รู้นะคะว่าดีขึ้นจากเมี่อก่อนที่ถ้าโมโห หลายชั่งโมงกว่าจะสงบและเราก็เป็นฝ่ายต้องถูกด้วย ตอนนี้ก็จะนั่งสมาธิเกือบทุกวัน 15 นาทีค่ะ :b26: ถาม ระหว่างที่เรากำลังจะเข้าสู่โทสะ (ระเบิดปิงปอง) เวลานั้นเราควรนึก หรือทำอะไรคะ เน้น ณ เวลานั้นน่ะค่ะก่อนที่มันจะ ตูมออก :b21: :b21: :b21: :b21: :b21: :b21: :b21: มานะค่ะ

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2008, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ก่อนถือ เอ็ม 79 ก็ลดลงมาเหลือแค่ ระเบิดปิงปอง ก็ดีมากแล้วครับอย่างน้อยอานุภาพทำลายล้างก็เบาลงไปเยอะครับ ถามว่าต้องทำอย่างไร...คิดอย่างไร :b10:

ก็ในเมื่อท่านทราบแล้วว่าเป็นเพียงระเบิดปิงปอง ท่านย่อมต้องทราบดีว่าหากท่านปาระเบิดลูกนี้ออกไปต่อให้มันระเบิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ได้ทำให้คนที่เราหมายจะปาระเบิดใส่เขาบาดเจ็บถึงตาย และในเมื่อเขาไม่ตาย ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะคิอาฆาตเราได้ แล้วก็จะหาโอกาสเอาระเบิดมาปาเรากลับคืน จองเวรกันไม่จบสิ้น แล้วก็ย้อนกลับไปคิดเรื่อง แพ้เป็นพระ อย่างที่ท่านยกขึ้นมาเปิดหัวกระทู้นี้ล่ะครับ

ระเบิดมันมีอยู่ของมันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่เอามันมาใช้ มันก็เป็นดินก้อนเดียวเท่านั้นครับ

อารมณ์โกรธมันก็มีของมันอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ไปเอาอารมณ์โกรธมาใช้ มันก็เป็นเพียงธาตุๆหนึ่ง

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2008, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: ถามต่อค่ะ แล้วk.natdanai พอมีเคล็ดลับ เหมือนมีปุ่มปิดตัวโทสะนี้ไม๊คะ
เพราะเราคิดว่า กว่าเราจะปรับนิสัยเราได้ กลัวปล่อยลูกปิงปองไปหลายลูกนะค่ะ
แต่พยายามปฏิบัติตามที่แนะนำอยู่นะคะ ที่ถามเผื่อมีทางลัดน่ะค่ะ :b15: :b15: :b15:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2008, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: :b13: :b13:

ถ้าไงลองฟังอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช แผ่น 1-2 ดูนะครับ
แล้วจะรู้ว่าความโกรธไม่มีค่า
www.wimutti.net



พระอาจารย์มิตซุโอะบอกว่า
"เหตุสมควรโกรธ ไม่มีในโลก"


หลงปู่ดูลย์ตอบคำถามลูกศิษย์ที่ถามท่านว่า ท่านยังมีโกรธไหม
หลวงปู่ตอบว่า .."มี แต่ไม่เอา"


อีกประการหนึ่ง
คือความโกรธ หรืออารมณ์ทั้งปวงนี้
ไม่ควรจะกะเกณฑ์ว่าต้องกำราบถึงขั้นให้หมดสิ้น หมดจรด หมดไป
เพระความคาดหวังนั้น เบื้องหลังคือตันหา
ตันหาที่ว่าเราอยากจะทำให้มันหมดจรด ซึ่งเป้นงานที่เกินกำลังคนธรรมดาอย่างเรา
ความคาดหวังมาก หมายถึงตันหามาก

ควรจะทำไปตามกำลังที่ทำได้ ลดได้เท่าไหนก็พอใจเท่านั้น
สมรรถนะของจิตเรามันจะเพิ่มขีดความสามารถขึ้นเอง

ถ้าประมานความพอใจไว้อย่างนี้ เราจะเหนื่อยและทุกข์น้อยกว่าการคาดหวังมากๆนะครับ



สู้ๆครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2008, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โทสะ มีอานุภาพการทำลายล้างรุนแรงขนาดพี่ M หรือ พี่ R ทีเดียว มิใช่เล็กน้อยขนาดระเบิดปิงปองครับ
ผู้จะเก็บกู้ได้จำต้องพัฒนาวิชชาหรือความรู้เท่าทันความคิด จนสติว่องไวระดับพระอนาคามีโน่น ดังนั้นจึงไม่ควรเร่งรีบ ค่อยๆฝึกตามดูรู้ทันกายใจบ่อยๆ

อ้างคำพูด:
ถาม ระหว่างที่เรากำลังจะเข้าสู่โทสะ(ระเบิดปิงปอง) เวลานั้น เราควรนึก หรือทำอะไรคะเน้น ณ.เวลานั้น
น่ะค่ะก่อนที่มันจะตูม ออกมา


หากในใจขณะนั้นนึกถึงอะไรไว้ก็ไม่ระเบิด ที่มันระเบิดเพราะไม่มีอะไรนึกไว้ในใจ เรียกว่าขาดสติ

เรื่องนี้พึงเข้าใจด้วยอุปมา เหมือนเรากำระเบิดปิงปองอยู่ในมือ เหตุการณ์ปกติก็พอนึกได้ว่าตนกำวัตถุอันตรายไว้จึงระมัดระวัง ก็ไม่เกิดอันตราย...แต่เผอิญขณะนั้น วิบ มีสิ่งที่ทำให้ตกใจกะทันหัน เช่น แมลงบินเข้านัยตาแสบตา สัญชาติญาณเผลอปล่อยเอามือขยี้ตา...ก็ระเบิดตูม กมฺมุนา วตฺตตี โลโก แขนขาขาดด้วยประการฉะนี้แล :b34: :b41:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านกรัชกายตอบได้ละเอียดดีแล้วครับ สติ เป็นอย่างเดียวที่จะกู้ระเบิดได้.... :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


หลงปู่ดูลย์ตอบคำถามลูกศิษย์ที่ถามท่านว่า ท่านยังมีโกรธไหม
หลวงปู่ตอบว่า .."มี แต่ไม่เอา"

ผมด้วยครับ..อยากจะทำให้ได้ ทุกๆคนล้วนเคยเกิดเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง กัน มาหลายภพชาตแล้ว
แต่ไม่รู้ จำไม่ได้เท่านั้นเอง :b23:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบคุณ O.Wan ดังนี้ครับ

ถาม : ระหว่างที่เรากำลังจะเข้าสู่โทสะ(ระเบิดปิงปอง) เวลานั้นเราควรนึก หรือทำอะไรคะ เน้นณ.เวลานั้น น่ะค่ะก่อนที่มันจะ ตูมออกมานะค่ะ

ตอบ : ตรงนี้ หากจะแก้ไขสภาวะโทสะที่กำลังพัฒนาไปสู่จุดใกล้ระเบิด ควรจะทำอย่างท่าน "กรัชกาย" ได้ว่าเอาไว้ คือ นำอะไรมานึกเอาไว้ จะกลับมามีสติ ซึ่งผมขอเสริมว่าสิ่งที่นำมานึกควรจะเป็นอะไรที่เป็นด้านกุศล ไม่ไปนึกอะไรที่เป็นอกุศล เป็นต้นว่า นึกถึง "พุทโธ", นึกว่า "โกรธหนอๆ", , นึกถึงโทษของความโกรธ, นึกถึงความดีข้อดีของคนที่ทำให้เราโกรธ ฯลฯ อย่างนี้จะทำให้เกิดสติขึ้นมา และความโกรธจะค่อยๆ ลดลงได้

แต่ถ้าจะให้ชะงัดจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราไปคอยแต่ระงับความโกรธที่เกิดขึ้นแล้ว ตรงนี้เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น เราควรจะต้องป้องกันไม่ให้ความโกรธเกิดขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เป็นการตัดรากถอนโคนโทสะไปด้วย วิธีการเบื้องต้น คือ เพิ่มการเสริมสร้างกุศลธรรมให้เจริญมากขึ้นเข้าไป ได้แก่การเจริญเมตตา และวิธิการเบื้องสูง คือ การเจริญวิปัสสนา ให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง

ผมกล่าวถึงวิธีเบื้องต้นก่อน การเจริญเมตตาให้มากย่อมเป็นอันบ่มธรรมอันเป็นคู่ปรับกับความโกรธให้เกิดขึ้นภายในใจ แล้วหากทำบ่อยๆ จนถึงที่แล้วเมตตาจะมาแทนโทสะได้ เราจะมีแต่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เมตตากรุณาต่อผู้อื่น เห็นผู้อื่นเหมือนกับญาติแท้ๆ ของเรา โกรธยากขึ้นกว่าเดิม ลองเทียบดูได้กับตอนที่คุณไม่ได้เจริญเมตตาก็ได้ (ให้ลองดูนะครับ) อาจจะนำไปเจริญทุกครั้งที่ออกจากบ้าน หรือตอนที่เจอใครก็แผ่เมตตาให้เขาเอาไว้ก่อนเลย ตรงการแผ่เมตตาให้เขาเอาไว้ก่อนเลย จะเป็นการก่อให้เกิดสติด้วย และเป็นการป้องกันสกัดกั้นไม่ให้ความโกรธเกิดขึ้นเอาไว้ก่อนด้วย เหมือนกับเวลาออกไปกลางแจ้งก็ใส่หมวก ใส่แว่นกันแดดกันแดดไว้ชั้นหนึ่งก่อน

เมตตาไม่ใช่แต่จะเอามาสวดๆ กันตอนที่นั่งสมาธิเสร็จเท่านั้น จริงๆ เอามาใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าก่อน หรือหลังนำมากำหนดแทนคำบริกรรม"พุท-โธ" ก็ได้ คุณอาจจะเอาบทแผ่เมตตามาเจริญสัก 3 จบพร้อมไปกับลมหายใจเข้าออก แล้วค่อยต่อด้วย "พุท-โธ" ตามปกติก็ได้ จะเดินทางไปไหน ออกจากบ้านก็แผ่เมตตาได้ หากคุณทำเสมอๆ แล้วคุณจะรู้เองว่าคุณโกรธน้อยลง เมตตากรุณาต่อผู้อื่นมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ใครเขาด่าแทนที่จะโกรธแต่เมตตาสงสารเขาก็ได้ ใครเขาทำอะไรก็เออไม่เป็นไร โกรธเกิดขึ้นก็จะไม่มีจุดระเบิด โกรธง่ายหายเร็ว การเจริญเมตตานี้เหมือนกับตัดกิ่งก้านของต้นไม้ก่อนครับ

วิธีเบื้องสูง คือ การเจริญวิปัสสนา ตรงนี้ที่คุณโกรธ เพราะว่าคุณยังมีอวิชชา-ตัณหา-อุปทาน จึงทำให้เวลารับรู้อะไร เช่น เสียงที่ไม่ชอบใจ การกระทำที่ไม่ถูกใจ ก็เกิดทุกขเวทนาทางใจ ปรุงแต่งเป็นความโกรธ หากคุณหมั่นเจริญวิปัสสนาจนผลบังเกิดบ้างแล้ว ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา ของเราที่กระทบกระแทกก็จะไม่มี เมื่อไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรา มีแต่ "ธรรม" ใครเขาด่าอะไร ให้เขาทำอะไร มันจะไปโกรธได้อย่างไร เพราะมีตัวเรา ของเรานี่แหละมันถึงโกรธ เมื่อเกิดปัญญาเห็นแจ้งอย่างนี้แล้ว คุณก็จะโกรธน้อยลงเองนั่นแหละครับ จนกระทั่งหมดสิ้นความโกรธได้ในที่สุด เป็นอันถอนรากถอนโคนโทสะหมดสิ้นครับ

หวังว่าจะเกิดประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

ขอให้เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2008, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 23:07
โพสต์: 151

ที่อยู่: BKK.

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกท่านอธิบายชัดเจนแล้ว แวะมาขอแชร์ประสบการณ์ตอนเป็นวัยรุ่นของตัวเองนะค่ะ อายุตอนนั้นแวะมาก็เป็นคนเจ้าอารมณ์ หงุดหงิด โกรธง่าย ไม่ยอมใคร พอได้เข้าวัด ได้เรียนรู้การเพ่งดูใจตัวเอง เลยทำให้มีสติทุกครั้งที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโกรธ เพราะคนอื่นทำไม่ถูกใจเรา เคยสังเกตความรู้สึกตอนตัวเองโโกรธว่า รู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก ปวดหัว หน้าหงิก กับตอนที่ไม่โกรธ ช่างต่างกันเลย เพราะหลังจากใจให้อภัยและวางใจจากอารมณ์นั้น จิตใจมั่นคง สงบ มีความสุข ภูมิใจที่ตัวเองทำแบบทดสอบนี้ผ่านได้ ทุกวันนี้ก็คิดได้ว่า ทุกครั้งที่โกรธ ใจของแวะมานั่นเองหละที่วอดวาย ไม่มีใครเขาจะเป็นอย่างใจเราหวังทุกคน เพราะแต่ละคนมีข้อจำกัดและอุปนิสัยเฉพาะตัวต่างกัน

ยิ่งอยู่กับคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนา ซึ่งความคิด การเข้าใจชีวิตแตกต่างกัน หลายครั้งที่แวะมารู้ตัวว่า ไม่ผิดแต่ขอโทษ เพื่อนต่างศาสนา ต่างสัญชาติ เพราะตระหนักว่าเราเป็นคนเดียวที่เป็นพุทธ และศาสนาสอนเรา น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ !!!!!! คำขอโทษของเราทำให้เรา ซื้อใจเขาได้ และเป็นวิธีที่จบปัญหาได้อย่างสันติ แถมได้เพื่อนอีกคน ก็เอวังด้วยประการฉะนี้แล........... :b41:

.....................................................
จงระมัดระวังกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปทำร้ายใคร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2008, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2008, 21:14
โพสต์: 546


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ข้อความดังกล่าว :b27: มันคงง่ายสำหรับผู้ปฎิบัติที่ รู้ซึ้งถึงหลักสัจธรรม แต่สำหรับผู้มาใหม่อย่างเรามันยากมากค่ะ อาจจะเรียกว่า ดีขึ้น 10% เราถามจากลูกน่ะคะ เพราะเราเป็นคนพูดไม่ค่อยมีหางเสียง ก็จะพูดเบาลงแต่ก็คงยังห้วนๆ ค่ะ แต่เมื่อมีอะไรมาสะกิดนิดหนึ่งนะคะ ต่อมโทสะ (สมัยก่อนเหมือนเอ็ม 79) ทันทีค่ะ แต่มาตอนนี้ ค่อยเป็นแค่ (ระเบิดปิงปอง) หัวใจก็สูบฉีดเลือดแทบไม่ทัน แทบออกมาเต้นข้างนอก แต่ก็มีตอบโต้น้อยลงมานิดนะ หรือบางทีจะออกไปทางพูดแบบรำคาญ (คนที่เราพูดด้วย) น่ะค่ะ แบบนี้ก็เรียกว่าเป็น วจีทุจริต


มาถามผิดเว็บแล้วหนู เพราะคนที่ตอบหนู นั้นด่าเป็นไฟมาแล้ว
ต้องมาถามอาดีกว่า ว่าทำอย่างไรจึงไม่โกรธ
วิธีการคือ หนูเคยเห็นเด็กมันด่าไหมหละ เด็กมันด่านี้ เราจะเห็นว่าตลก
นั้นเป็นวิธีแรก
แต่วิธีต่อมา คือ คำด่าเป็นสมมติ กระทบที่หู แต่ไม่ถึงใจ คือ ไม่แปล ไม่หมาย ไม่ให้ใจเราหมายไปเกี่ยวข้องกับตัวเรา

วิธีต่อมา ทำจิตให้ตั้งมั่นบ่อยๆ แล้วเมื่อจิตตั้งมั่น มันจะไม่รู้สึกเอง

อย่าไปเชื่อคนในเว็บนี้มาก แนะนำกันเก่งจริง แต่ปฏิบัติเป็น 0

สวัสดีสหายเก่าๆ ทุกท่าน

.....................................................
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2008, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครหรือครับด่าเป็นไฟแลบ :b21: กรัชกายด่าไม่เป็นนะครับ :b38:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2008, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


555555555555555555 งานเข้าครับงานเข้า สีสันขาดหายไปนาน :b19:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 03:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ขอให้โลกสงบสุข :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: :b17: :b17:
และแล้วก็มีการเคลื่อนไหวจากผู้ที่ห่างไกล..... :b13: :b13:
ยินดีที่กลับมาครับท่าน.... :b1: :b1:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมรู้สึกว่ามีใครถามอะไรผมอยู่ในใจ
อยากจะตอบโดยไม่มีคนถามว่า ...


"เห็น ... แต่ไม่เอา" ครับท่าน




:b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13:
:b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13:
:b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13: :b13:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร