วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 04:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2008, 11:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ต.ค. 2008, 11:12
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ

ผมเพิ่งรู้จักที่นี่ครับ ที่มาที่นี่ก็หวังจะได้คำตอบนี่แหละครับ
ใครรู้สาเหตุจริงๆ ที่ควรละเว้นช่วยบอกผมด้วยนะ

การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเพศ ผิดหรือเปล่า --

ผมดูคลิปวิดีโอโป๊ -- ดูคนเดียว เก็บคนเดียว ดูก็จบ ไม่ได้ทำอะไรใครให้เดือดร้อน แบบนี้ผิดไหม
ผมเล่นเซ็กซ์โฟน -- มีความสุขกันสองคน ผ่านโทรศัพท์ ไม่มีใครนอกจากนี้ ผิดไหม ควรละเว้นไหม
ผมมองเซ็กซ์เป็นกิจกรรมที่ใครก็ทำได้ เรื่องปกติ ไม่ต้องปิดบังเหมือนกิจกรรมที่ทำกันทุกวัน
-- ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า

ผมพยายามมองหาโทษของการยุ่งเกี่ยวกับกาม
ลองอ่านหนังสือของ ภิกขุโย ก็แล้ว
ผมยังไม่ได้คำตอบครับ

ท่านพยายามบอกว่ามันคือความหลง คำถามก็ผุดขึ้นในใจว่าเอ๊ะ แล้วเราหลงหรือ
เราเพียงแต่มองว่ามันเป็นกิจกรรมทั่วไป เหมือนกินข้าว เหมือนแปรงฟันทุกเช้าเท่านั้นเอง

เราไม่ได้หลงกินข้าว เราไม่ได้หลงแปรงฟัน เราไม่ได้หลงเซ็กซ์หรอกนี่

เป็นอย่างนี้ ผมหาทางออกไม่ได้เสียทีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2008, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนติดบุหรี่ ติดเหล้าน่ะคับ
ถ้าติดแล้วรู้จักประมาณ ไม่เสียสมดุลย์ในการทำงาน การดำเนินชีวิต
สำคัญที่สุดคือไม่เดิอดร้อนใครๆ ก็น่าจะโอเคนะครับ
เพราะเราตั้งเป้าหมายว่าเราเป็นปุถุชน จะใช้ชีวิตแบบปุถุชน
ก็พยามอย่าให้เสียสมดุลย์ชีวิต มีรู้จักประมาณให้พอดี

แต่ถ้าจะบวช หรือจะเอามรรคเอาผล
อันนี้ต้องเลิกเด็ดขาด ต้องละเลิก
แต่คุณไม่ได้จะมาทางนี้นี่ครับ

ก็ต้องพิจารณาเอาว่าจะเลือกแบบไหน

คุณก้รู้สึกตระหนก สงสัย คล้ายๆ ว่ามีความละอายเกรงกลัวต่อสิ่งที่ทำอยู่
ก็ถือว่าดีแล้วครับ ยังเรียกว่ามีสติ

สำหรับคนที่หลง ก็หมายถึงติดใน * มากจนขาดวิจารณญาน
ตันหามันแรงมากจนต้องไปข่มขืนใจเขา หรือไปแสดงตันหาโชว์ของลับ
หรือแบบว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งกาม เช่น วางยาเขา หาอุบายหลอกล่อเขา
อย่างนั้นเรียกว่าหลง คือ ติดใจความสุขแบบถึงขั้นหน้ามืด ใจมืดแล้ว
ขอให้ได้สนองตันหาอยากตัวเองก็ยอมทำทุกอย่างไม่ว่าจะเสียเท่าไหร่ ใครจะเดือดร้อน
อย่างนั้นเรียกหลงจนขาดสติ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2008, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



คำว่า กาม ในทางศาสนา มีความหมายกว้าง มิได้หมายถึงเรื่องเพศเท่านั้น พิจารณาต่อไปนี้


“ภิกษุทั้งหลาย กามคุณมี 5 อย่างดังนี้ รูปทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยตา...เสียงทั้งหลายที่รู้ได้
ด้วยหู...กลิ่นที่รู้ได้ด้วยจมูก...รสทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยลิ้น...โผฏฐัพพะทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยกาย ซึ่ง
น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้อยากได้ ชวนให้กำหนัด เหล่านี้แล คือกามคุณ5
อาศัยกามคุณ 5 ประการเหล่านี้ มีความสุขความฉ่ำใจ (โสมนัส) ใดเกิดขึ้น นี้คือส่วนดี
ของกามทั้งหลาย “ (ม.มู. 12/197/168) “นี่เรียกว่า กามคุณ” (ม.ม. 13/398/371)

“คำว่า กาม โดยหัวข้อ ได้แก่กาม 2 อย่าง คือ วัตถุกาม 1 * กิเลสกาม 1 **

* วัตถุอันน่าใคร่ สิ่งที่อยากได้

** กิเลสที่ทำให้ใคร่ ความอยากที่เป็นตัวกิเลส
............

“วัตถุกาม เป็นไฉน ? รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นที่ชื่นชอบใจ เครื่อง
ลาด เครื่องห่ม ทาสี ทาส แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา นา ที่ดิน เงิน ทอง
บ้าน นิคม ราชธานี รัฐ ประเทศ กองทัพ คลังหลวง วัตถุเป็นที่ตั้งแห่งความใคร่ อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตาม ชื่อว่าวัตถุกาม

“กิเลสกาม เป็นไฉน ? ความพอใจก็เป็นกาม ราคะก็เป็นกาม ความชอบใจติดใคร่ก็เป็น
กาม ความดำริก็เป็นกาม ราคะก็เป็นกาม ความครุ่นคิดติดใคร่ก็เป็นกาม กามฉันท์
กามราคะ กามนันทิ กามตัณหา กามเสน่หา ความเร่าร้อน ความหลงใหลกาม ความหมกมุ่น
กาม กามท่วมใจ กามผูกรัดใจ ความถือมั่นในกาม นิวรณ์คือกามฉันท์ กามในข้อความ
ว่า “นี่แน่ะกาม เราเห็นรากเหง้าของเจ้าแล้วว่าเจ้าเกิดขึ้นมาจากความดำริ เราจักไม่ดำริถึง
เจ้าละ เมื่อทำอย่างนี้ เจ้าก็จักไม่มี “ เหล่านี้ เรียกว่า กิเลสกาม”
(ขุ.ม.29/2/1: 34/31)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2008, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเข้าใจกามด้านกว้างดังที่ยกหลักฐานมาแล้ว เมื่อต้องการบีบให้แคบอย่างที่ชาวพุทธปัจจุบันเข้าใจ พึงย้อนคืนอดีตสมัยพุทธกาล
ครั้งพุทธกาล พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันบริหารบ้านเมือง ที่มีครอบครัวมีลูกมีหลานเต็มบ้าน
เช่น วิสาขามหาอุบาสิกา พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าปเสนทิโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี ฯลฯ
ท่านก็เกี่ยวเรื่องเพศจึงมีลูกมีหลาน แต่ท่านยุ่งเกี่ยวอยู่ในขอบเขตของศีลอันดีงาม คือสันโดษแต่คู่ครองของตน

มีคนตั้งปัญหาถามว่า อยากนั่งสมาธิ แต่ก็อยู่กับแฟนจะทำอย่างไร
คำตอบ ก็คือ อย่าปฏิบัติกิจสองอย่างในคราวเดียวกัน หมายความว่า ขณะนั่งสมาธิก็อย่ายุ่งกับแฟน ขณะยุ่งกับแฟนก็อย่านั่งสมาธิ ก็แค่นี้เอง

คำถามโดยรวมของคุณ supman ยังไม่เห็นว่าทำให้สังคมเดือดร้อน หรือไปฉุดลากฝ่ายหญิงมาทำมิดีมิร้ายอะไร จึงไม่มีปัญหาอะไร
อ้างคำพูด:
ผมมองเซ็กซ์เป็นกิจกรรมที่ใครก็ทำได้ เรื่องปกติ ไม่ต้องปิดบังเหมือนกิจกรรมที่ทำกันทุกวัน


ไม่เข้าใจที่ว่า (ไม่ต้องปิดบังเหมือนกิจกรรมที่ทำกันทุกวัน)
หมายถึงอะไรครับ ไม่ต้องปิดบัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2008, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เน้นอีกว่า ไม่พึงเข้าใจความหมายของกามแคบๆ อย่างสามัญในภาษไทย ขอทำความเข้าใจด้วยตัวอย่างเช่น ภิกษุรูปหนึ่งพบชาวบ้าน ก็ทักทายถามสุขทุกข์ของเขาและครอบครัวของเขา ถ้าไม่ถามด้วยเมตตา แต่มุ่งให้เขาชอบใจแล้ว นิมนต์อยู่รับการอุปถัมภ์บำรุง เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่า ปราศรัยเพราะอยากได้กาม
(ดู ธ.อ.4/42)

(คำอธิบายทั้งหมดนำมาจากหนังสือพุทธธรรม)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2008, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ย. 2008, 20:46
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะมีความอยาก จึงเกิด
เท่านั้นเองครับ
ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็จริง แต่ถ้าหมกมุ่นมากเกินไป
กลับทำให้จิตมีความอยาก หากไม่ได้รับความตอบสนอง
ก็จะเกิดทุกข์ กระวนกระวาย อยากปลดปล่อย
จิตของท่านก็จะไม่มีความสงบ นี่คือโทษของกามราคะ(ในความหมายของ จขกท)ไงครับ
โทษนี้ไม่ได้เกิดกับผู้อื่น แต่เกิดกับตัวท่านเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2008, 00:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้า ได้ทรงอุปมาไว้
1.กามเป็นเหมือนสมบัติที่ยืมเขามา ที่ว่าหล่อๆสวยน่ะ ผ่านไปกลายเป็นยายแร้งทึ้ง สักพักกลายเป็นยายแร้งไม่อยากทึ้ง ความหล่อความสวยแค่ของใช้ชั่วคราวในที่สุดก็ต้องคืน
2.กามเปรียบเสมือน สุนัขแทะกระดูก คือกินก็ไม่อิ่ม ได้รสมันๆมานิดนึง
3. เหมือนหอกและหลาว คอยทิ่มแทงผู้ทีอยู่ในกาม
4. เเปรียบเสมือนหลุมถ่านเพลงอันร้อนแรง คอยเผาผุ้ที่อยู่ในกามให้ทุกข์ทรมาน
5. เหมือนถือคบเพลิงวิ่งทวนลม ทั้งเหนื่อยทั้งโดนควันรมให้ทรมาน
ยังมีอีกมากครับหาอ่านได้จากมงคลชีวิต ฉบับของวัดธรรมกาย หาได้จากชมรมพุทธระดับมหาลัยทั่วไป
ธรรมดาแล้วร่างกายนี้เป็นของสกปรก เน่าเหม็น แต่เนื่องจาก กามราคะ และ สุภสัญญา ทำให้เราคิดว่า กายนี้เป็นของสวยงาม น่าปรารถนา ท้งที่ร่างกายเปรียบเสมือน หมอนข้างที่ภายในบรรจุ ด้วยปัสสาสะ อุจจาระ ที่ภายนอก ปิดสนิทอย่างดี ตกแต่งด้วยกลิ่นหอม ไอ้ที่นอนกอดทุกวันอะ เน่าในทั้งนั้น กามมีโทษมากมีความพึงพอใจน้อย แต่สัตว์โลกก็สละได้ยาก พ้นจากกามอย่างหยาบ ก็ยังมีแบบประณีต บนสวรรค์ หกชั้นอีก
มีกามก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายครับ ขนาดพระโสดาบันนี่ยังแต่งงานมีครอบครัวเลยครับ นับประสาอะไรกับปุถุชน แต่พยายามควบคุมไม่ให้มากเกินไป ถ้าได้ปฐมฌานครึ่งชั่วโมงเนี่ย หายไปเลยสามวัน ฝึกสมาธิให้ได้รูปฌาน แล้วมันก็จะสละกามได้เอง แต่ระวังไว้ มันเสื่อมได้ เหมือนเรื่องฤาษี เหาะไปหาอาหารทางท้องฟ้า เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวยงาม แค่คิดแค่นั้นแหละว่าสวย ล่วงจากฟ้าเดินกระเผกๆ กับที่พำนัก

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 03:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 23:07
โพสต์: 151

ที่อยู่: BKK.

 ข้อมูลส่วนตัว


ในระดับปถุชนทางโลก โดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชาย ก็ไม่ร้ายแรงเกินไปหรอกถ้าไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ลูกสาวใคร เมียใคร แต่คุณต่างหากอาจต้องเดือร้อน หากหมกมุ่นเข้าขั้น * addict กู่ไม่กลับ อำนาจกามาคุณอาจพาให้คุณหน้ามืด ผิดศีลข้อสามได้และที่สำคัญถ้ามั่วมากๆ เอดส์จะถามหา มันเหมือนดาบสองคม

สรุปว่าไปปลดปล่อยด้านอื่นๆ บ้างเถอะ เช่น ออกกำลังกายเยอะๆ ปฏิบัติสมาธิซะบ้าง หรือไปกระโดดบั้นจี้จัมพ์ให้สารอะดีนารรีนออกมาซะบ้าง

.....................................................
จงระมัดระวังกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปทำร้ายใคร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2008, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2008, 14:07
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


กามมันมีโทษมากครับ
โดยเฉพาะอารมณ์ระหว่างเพศเนี่ย
มีโทษยังไง
1.เคยอกหักไหมครับ นั่นแหละแล้วจะเข้าใจ
2.เคยเห็นคนที่เรารักเขาต้องพลัดพรากจากเราไปไหมครับ
นั่นก็เป็นทุกข์อีก
3.คุณมีพ่อแม่ใช่ไหมครับ
ทีนี้มาพิจารณาว่าถ้าเราไปยุ่งเกี่ยวจนต้องกลายเป็นพ่อคนแม่คน แล้วเราจะมีความสุขไหมครับ
เราเลี้ยงตัวเองคนเดียวยังเหนื่อย ถ้ามีภรรยาก้ต้องทำงานเพิ่ม ถ้ามีลูกก็ต้องคอยรับส่ง หาเสื้ผ้า ค่าเล่าเรียนต่างๆเยอะแยะครับ
ทั้งหมดเกิดจากการที่เราไม่อาจจะห้ามอารมณ์ทางกามคุณของเราได้ จึงต้องมาทุกข์เช่นนี้
4.เวลาที่คนที่เรารักแก่ลงเรื่อยๆ เรายังอยากจะรักในร่างกายที่แก่ ผุ พังของเขาอีกไหมครับก็ไม่ครับ
แต่เสียใจด้วยครับ คุณต้องอยู่กับเขาไปจนกว่าจะตาย
5.ถ้าตายแล้วเรายังหมกมุ่นในกามคุณอยู่
เราต้องกลับมาเกิดเพื่อหาภรรยาใหม่ แล้วดำเนินวัฏจักรเดิมซ้ำครับ
ยังอยากจะเกิดมา เพื่อมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกรอบไหมครับ

โทษของกามมีมากกว่านี้เยอะครับ
ทำให้เรานอนไม่หลับด้วย เพราะใจไม่สงบ

สรุปก็คือดูจากคุณพ่อคุณแม่ของเราก็ได้ครับ
จะเห็นโทษของกามคุณ ว่าไม่ทำให้ท่านมีความสุขเท่าไหร่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2008, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b40: :b44: ความสุขในกามที่พูดมาข้างต้น เป็นความสุขแบบโลกียะ ซึ่งแก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ ได้แต่เพลิดเพลิน :b41: ไม่ยอมสนใจสิ่งอื่นๆ
แต่ความสุขอย่างที่สอง คือสุขที่เกิดจากการปฏิบัติสมาธิหรืองดเว้นอกุศล ซึ่งทำให้เกิดปัญญาระงับ
ให้กิเลสลดลงได้ และแก้ปัญหาชีวิตได้เมื่อเกิดทุกข์ขึ้นมา แบบ2นี้ดีกว่า ซึ่งในชีวิตควรจะมีความสุขทั้ง2 แบบไว้ครับเมื่อเรายังเป็นปุถุชนอยู่ :b44: :b42: :b42:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2008, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 14:42
โพสต์: 121


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: มนุษย์โลกที่เกิดมาแล้ว ย่อมหนีไม่พ้น รัก โลภ โกธร หลง เป็นของนานาจิตตัง
ถ้าสิ่งใดที่ทำให้เกิดความกำหนัดมากๆ เข้า ก็อย่าเอาจิตไปพะวงกับสิ่งนั้นซิค่ะ เวลาว่างก็หากิจกรรมการออกกำลังกายดีกว่า :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2008, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


โทษของกามอย่างที่ท่าน จขกท ยกตัวอย่างมานั้น คือ
ทำให้ท่านยังคงเวียนตาย เวียนเกิด อยู่ในสังสารวัฏ จมอยู่กับกองทุกข์ หลงอยู่ในมายา

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2008, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


supman เขียน:
สวัสดีครับ

ผมเพิ่งรู้จักที่นี่ครับ ที่มาที่นี่ก็หวังจะได้คำตอบนี่แหละครับ
ใครรู้สาเหตุจริงๆ ที่ควรละเว้นช่วยบอกผมด้วยนะ

การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเพศ ผิดหรือเปล่า --

1ตอบ....
อาจจะผิด หรือ อาจจะไม่ผิด เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง ขึ้นอยู่กับลักษณะที่คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ถ้าคุณถือเอา ข้อศีล เป็นบรรทัดฐานว่า ผิดหรือไม่ผิด คุณก็สามารถพิจารณาได้ด้วยตัวคุณเองว่า ยุ่งเกี่ยวทางเพศแบบไหนผิด ยุ่งเกี่ยวทางเพศแบบไหนไม่ผิด


ถาม.....
ผมดูคลิปวิดีโอโป๊ -- ดูคนเดียว เก็บคนเดียว ดูก็จบ ไม่ได้ทำอะไรใครให้เดือดร้อน แบบนี้ผิดไหม
ผมเล่นเซ็กซ์โฟน -- มีความสุขกันสองคน ผ่านโทรศัพท์ ไม่มีใครนอกจากนี้ ผิดไหม ควรละเว้นไหม
ผมมองเซ็กซ์เป็นกิจกรรมที่ใครก็ทำได้ เรื่องปกติ ไม่ต้องปิดบังเหมือนกิจกรรมที่ทำกันทุกวัน
-- ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า

2ตอบ.....
กลับไปอ่านคำตอบข้อหนึ่ง
ข้อแนะนำ การดูวิดีโอโป๊ หรือหนังเอ๊กซ์ เป็นการทรมานตัวเอง แถมยังทำให้ความจำเสื่อม โดยไม่รู้ตัว นี้เป็นประสบการณ์ ที่ข้าพเจ้าประสบมา เชื่อได้ 60 เปอร์เซ็นต์ เพราะสภาพร่างกายคนเราอาจจะไม่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้ว หากหมกหมุ่นเกี่ยวกับกามารมณ์ เกินไป คือคิด หรือดูแต่หนังโป๊ หนังเอ๊กซ๊ สมองสติปัญญา ไม่พัฒนา อย่างแน่นอน


ถาม.....
ผมพยายามมองหาโทษของการยุ่งเกี่ยวกับกาม
ลองอ่านหนังสือของ ภิกขุโย ก็แล้ว
ผมยังไม่ได้คำตอบครับ

3ตอบ.....กลับไปอ่านคำตอบในข้อ2
เนื่องจาก การยุ่งเกี่ยวกับกามารมณ์ นั้น มีทั้งคุณและทั้งโทษ นี้ไม่ใช่ยุยงให้คุณหมกหมุ่นในกามคุณนะขอรับ
เพียงแต่กล่าวตามประสบการณ์ ที่ได้ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย นับเอาจากตัวเองเป็นต้นไป
บางคนได้ดีเพราะยุ่งเกี่ยวกับกามรมณ์ก็มี(ส่วนน้อย)
ส่วนใหญ่วุ่นวายยุ่งเหยิง เพราะกามรมณ์ ตบตีกัน กลางถนน โวกเวกโวยวาย ถลกผ้าซิ่น(ผ้านุ่งผู้หญิง) ฯลฯที่กล่าวไปนี้เป็นเพียงได้พบเห็นภายนอก โทษของการที่หมกหมุ่นอยู่กับกามารมณ์ ทำให้สายตาชำรุดเร็วกว่าปกติ ความจำเสื่อม และอื่นๆอีกมาก ในที่นี้ถ้ามัวดูแต่หนังโป๊ หนังเอ๊กซ์ อย่างคุณนะขอรับ สมองไม่พัฒนาขอรับ


ถาม...
ท่านพยายามบอกว่ามันคือความหลง คำถามก็ผุดขึ้นในใจว่าเอ๊ะ แล้วเราหลงหรือ
เราเพียงแต่มองว่ามันเป็นกิจกรรมทั่วไป เหมือนกินข้าว เหมือนแปรงฟันทุกเช้าเท่านั้นเอง

เราไม่ได้หลงกินข้าว เราไม่ได้หลงแปรงฟัน เราไม่ได้หลงเซ็กซ์หรอกนี่

เป็นอย่างนี้ ผมหาทางออกไม่ได้เสียทีครับ


4 ตอบ.... ความหลง เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าจะอธิบายก็ยาว เป็น100 หน้ากระดาษ เอ4
และก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทั้งหลาย(หมายเอาเฉพาะมนุษย์) ที่ย่อมต้องมีความหลง
ซึ่ง ความหลง นี้แหละ เป็นตัวสำคัญยิ่งนัก ที่จะทำให้เกิด ความโลภ และความโกรธ และพฤติกรรม หรือการกระทำต่างๆ ตามมา
เรื่องของการมณ์ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ผู้หญิง กับมนุษย์ผู้ชาย เพราะต่างได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมทางสังคม นับตั้งแต่ครอบครัว จนไปถึง ระดับนานาชาติ
กามารมณ์ กับ การล้างหน้าแปรงฟัน หรือ การรับประทานอาหาร ไม่เหมือนกัน แตกต่างจากกันเยอะ
ทุกวันเราต้องล้างหน้า แปรงฟัน เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพอนามัย
การรับประทานอาหาร เราต้องรับประทานทุกวัน เพื่อเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ และเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายฯลฯ
แต่การมณ์ เป็นการสนองความต้องการที่ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรมากมายนัก
เอาแค่นี้ คุณไปพิจารณาด้วยตัวเองเถิด จะเห็นคล้อยตาม หรือคัดค้าน ก็แล้วแต่คุณ
คำเตือน ให้พิจารณา อย่างเป็นกลาง อย่างเป็นไปตามหลักความจริง โดยเฉพาะข้อแตกต่าง ของการล้างหน้าแปรงฟัน ,การรับประทานอาหาร กับ กามารมณ์ ให้คิดให้ดี แล้วก็จะได้คำตอบ ขอรับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร