วันเวลาปัจจุบัน 03 ต.ค. 2025, 12:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2025, 06:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5383


 ข้อมูลส่วนตัว


"..ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือน นาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภพอื่น อคฺคํ ฐานํ มนุสฺเสสุ มคฺคํ สตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคม คอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุศล...มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศล มีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่อง ไม่เฉียบขาดเหมือนมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พอ อบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย...ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี...กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส
ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร






"..หลวงปู่มั่น.." "..ยืนยัน จิตของคนเราสามารถจับจองที่เกิดใหม่ได้ตั้งแต่ยังไม่ตาย!! หากไม่ระวังฝึกฝนจะนำพาไปสู่ที่ต่ำกว่าเดิมเสมอ #ตายแล้วไปไหน

“หลวงปู่มั่น” ยืนยัน จิตของคนเราสามารถไปจับจองที่เกิดใหม่ได้ตั้งแต่ยังไม่ตายได้จริง! หากไม่ระวังฝึกจิตจะนำพาไปสู่ที่ต่ำกว่าเดิมเสมอ#ตายแล้วไปไหน

เรื่อง "จิตไปจับจองที่เกิด ตั้งแต่ยังไม่ทันตาย"
(จากธรรมประวัติ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
ในสมัยบั้นปลายชีวิตของท่านพระอาจารย์มั่น มีอุบาสิกานุ่งขาวห่มขาวคนหนึ่งมีความเคารพเลื่อมใสในพระอาจารย์มั่นมาก มาเล่าเรื่องของตัวเองถวายท่านว่า ขณะอุบาสิกานุ่งขาวห่มขาวผู้นี้แกนั่งสมาธิภาวนาตลอดกลางคืนยามดึกสงัด พอจิตรวมสงบลงสนิทไม่แสดงกิริยาใดๆ สายใยยาวเหยียดออกนอกกายนอกใจไปสู่ภายนอก แกเกิดความสงสัยเป็นล้นพ้น จึงกำหนดจิตดูว่า กระแสจิตนี้มันไหลออกไปทำไม และจะไปเกี่ยวข้องกับอะไร

พอแกตามกระแสจิตอันละเอียดเป็นสายใยนั้นไปก็พบว่ากระแสจิตของแกไปเข้าที่ร่างของหลานสาวคนหนึ่งเพื่อจับจองที่เกิดในท้องหลานสาวซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แกรู้สึกตกใจมาก เพราะตัวเองยังไม่ตาย ทำไมจิตถึงส่งกระแสออกไปจับจองที่เกิดไว้แล้วเช่นนั้นจึงรีบย้อนจิตกลับมาที่เดิมและถอนจิตออกจากสมาธิทันที แกใจไม่ดีเลยนับแต่ขณะนั้นเป็นต้นมา
ในระยะเดียวกันก็ปรากฏว่าหลานสาวคนนั้นเริ่มตั้งครรภ์มาได้หนึ่งเดือนแล้วเช่นกัน พอตื่นเช้าวันหลังแกรีบมาวัด เล่าเรื่องนี้ถวายพระอาจารย์มั่นดังกล่าวแล้ว ขณะนั้นมีพระเณรหลายท่านนั่งฟังอยู่ด้วย ต่างก็งงไปตามๆ กัน พระอาจารย์มั่นนั่งหลับตาอยู่ประมาณ 2 นาที แล้วลืมตาขึ้น อธิบายปรากฏการณ์แปลกประหลาดนั้นให้อุบาสิกานุ่งขาวหุ่มขาวคนนั้นฟังว่า " เมื่อจิตรวมสงบลงคราวต่อไป ให้โยมตรวจดูกระแสจิตให้ดี ถ้าเห็นแกระแสจิตนั้นส่งออกไปภายนอกดังที่โยมว่านั้น ให้กำหนดจิตตัดกระแสจิตนั้นให้ขาดด้วยปัญญาจริงๆ ต่อไปกระแสจิตนั้นจะไม่ปรากฏ แต่โยมต้องกำหนดดูกระแสจิตนั้นด้วยดี และกำหนดตัดให้ขาดด้วยปัญญาจริงๆ อย่าทำเพียงแต่ว่าทำเท่านั้น เดี๋ยวเวลาตายโยมจะเกิดในท้องหลานสาวนะจะหาว่าอาตมาไม่บอก " นี่คือคำบอกของอาตมา จงทำให้ดี ถ้าโยมกำหนดตัดกระแสจิตนั้นไม่ขาด เวลาโยมตายต้องไปเกิดในท้องหลานสาวแน่ๆ ไม่ต้องสงสัย
พออุบาสิกาผู้นั้น ได้รับคำแนะนำจากพระอาจารย์มั่นแล้วก็กลับบ้านไป ราวสองวันแกก็กลับมาหาท่านอีกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมาก พอแกนั่งลงเท่านั้น พระอาจารย์มั่นก็ถามเป็นเชิงเล่นบ้างจริงบ้างทันทีว่า " เป็นยังไงโยมห้ามกระแสจิตตัวเองอยู่หรือเปล่าที่จะไปเกิดกับหลานสาวทั้งที่ตัวยังไม่ตายน่ะ " แกเรียนตอบทันทีว่าโยมตัดขาดแล้วคืนแรก พอจิตรวมสงบลงสนิทแล้วกำหนดดูก็เด่นชัดดังที่เคยเห็นมาแล้ว มันส่งกระแสไปอยู่ที่ท้องหลานสาว โยมก็กำหนัดตัดกระแสจิตพิลึกนั้นด้วยปัญญาดังหลวงพ่อบอกจนมันขาดกระเด็นไปเลย เมื่อคืนนี้โยมกำหนดดูอีกอย่างละเอียดเพื่อความแน่ใจไม่ปรากฏว่ามีอีกเลย มันหายเงียบไป วันนี้อยู่ไม่ได้ต้องรีบมาเล่าถวายให้หลวงพ่อฟัง
พระอาจารย์มั่นพูดว่า นี่แลความละเอียดของจิตคนเรา จะรู้เห็นได้จากการภาวนาสมาธิเท่านั้น วิธีอื่นไม่มีทางทราบได้ จิตของคนเรามันลึกลับยิ่งนัก เราจะไปรู้เห็นมันด้วยวิธีการคาดคิดนึกเดาเอาตามตำราไม่ได้ ต้องลงมือปฏิบัติจิตสมาธิจริงๆ ถึงจะรู้แจ้งเห็นจริง โยมเกือบเสียตัวให้กิเลสขับไสไปเกิดในท้องหลานสาวแบบไม่รู้สึกตัวแล้วไหมล่ะ แต่ยังดีที่ภาวนาสมาธิจนรู้เรื่องของจิตเสียก่อน แล้วรีบแก้ไขกันทันเหตุการณ์ ฝ่ายหลานสาวคนนั้น พอถูกคุณยายอุบาสิกาตัดกระแสจิตขาดจากความสืบต่อก็ปรากฏว่าหล่อนได้แท้งลูกในระยะเดียวกัน น่าประหลาดมหัศจรรย์จริงๆ
ปัญหาที่ว่า คนยังไม่ตาย ทำไมจึงเริ่มไปเกิดในท้องคนอื่นแล้วเช่นนี้ พระอาจารย์มั่นได้เฉลยปัญหานี้ให้พระเณรลูกศิษย์ทั้งหลายที่สงสัยเป็นล้นพ้นฟังว่า จิตเป็นแต่เพียงเริ่มต้นจับจองที่เกิดไว้เท่านั้น แต่ยังมิได้ไปเกิดเป็นตัวเป็นตนโดยสมบูรณ์ ถ้าคุณยายอุบาสิกาคนนั้นไม่รู้ทันปล่อยให้จิตเกาะเกี่ยวกับการเกิดในท้องหลานสาวจนทารกในครรภ์ปรากฏเป็นตัวเป็นตนสมบูรณ์ขึ้นมาเมื่อไร คุณยายคนนั้นจะตายทันที ต่อปัญหาที่ว่าการที่คุณยายคนนั้นตัดกระแสจิตตัวเอง จนหลานสาวแท้งลูก จะไม่เป็นการทำลายชีวิตมนุษย์ในครรภ์ล่ะหรือ?
พระอาจารย์มั่นตอบว่า จะเป็นการทำลายก็แต่เฉพาะกระแสจิตตัวเองเท่านั้น มิได้ตัดหัวคนที่เกิดเป็นตัวเป็นตนแล้วแต่อย่างใด เพราะจิตแท้ยังอยู่กับคุณยาย ส่วนกระแสจิตทีแกส่งไปยึดไว้ที่หลานสาวนั้น พอแกรู้สึกตัวก็รีบแก้ไขคือตัดกระแสจิตของตนเสีย มิให้ไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป เรื่องก็ยุติกันไปเท่านั้น อีกอย่างก็คือทารกในครรภ์นั้นเพิ่งมีอายุได้ ๑ เดือนเท่านั้นเป็นเพียงแต่ก้อนเลือดยังไม่เป็นตัวตนแต่อย่างใด
สาเหตุที่คุณยายุอุบาสิกาเผลอไผลปล่อยให้แกระแสจิตส่งออกไปเกาะเกี่ยวกับหลานสาวนี้ คุณยายได้เล่าว่า แกรักหลานสาวคนนี้มากเสมอมา มีเมตตา ห่วงใย ได้ติดต่อเกี่ยวข้องกับหลานสาวคนนี้อยู่เสมอแต่มิได้คิดว่าจะมีสิ่งลึกลับคอยแอบขโมยไปก่อเหตุเช่นนั้นขึ้นมา ถึงกับจะต้องไปเกิดลูกของหลานสาวอีก ถ้าไม่ได้พระอาจารย์มั่นช่วยแก้ไขไว้ทันท่วงทีก็คงไม่พ้นไปเกิดในท้องหลานสาวแน่นอน พระอาจารย์มั่นว่า จิตนี้พิสดารเกินกว่าความรู้ความสามารถของคนธรรมดาจะตามรู้ตามรักษาโดยมิให้เป็นภัยแก่ตัวผู้เป็นเจ้าของดังที่คุณยายพูดไม่มีผิดถ้าแกไม่มีหลักใจทางสมาธิภาวนาอยู่บ้างแล้ว แกก็ไม่มีทางเดินของใจได้เลย ทั้งเวลาเป็นอยู่และเวลาตายไป

ฉะนั้นการทำภาวนาสมาธิจึงเป็นวิธีปฏิบัติต่อใจได้ดีและถูกทาง ยิ่งเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยแล้ว สติปัญญายิ่งมีความสำคัญมากในการตามรู้และรักษาจิตตลอดการต้านทานทุกขเวทนาไม่ให้มาทับจิต ในเวลาจวนตัวซึ่งเป็นเวลาเอาแพ้เอาชนะกันจริงๆ ถ้าพลาดท่าขณะนั้นก็เท่ากับพลาดไปอย่างน้อยภพหนึ่งชาติหนึ่ง เช่นไปเกิดเป็นสัตว์ชนิดใดก็ต้องเสียเวลานานเท่าชีวิตของสัตว์ในภพภูมินั้นๆ ขณะที่เสียเวลายังต้องเสวยกรรมในกำเนิดนั้นไปด้วย ถ้าจิตดีสติพอประคองตัวได้ อย่างน้อยก็มาเกิดเป็นมนุษย์มากกว่านั้นก็ไปเกิดในเทวสถานชมวิมานและเสวยทิพย์สมบัติอยู่นานปีถึงจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ลามาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ไม่ลืมศีลธรรมที่ตนเคยบำเพ็ญรักษามาตั้งแต่บุพเพชาติ ทำให้เพิ่มอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารขึ้นโดยลำดับ จนจิตมีกำลังแก่กล้าสามารถรักษาตัวได้
การตายก็เป็นเพียงการเปลี่ยนร่างจากต่ำขึ้นไปสูง จากสั้นไปหายาว จากหยาบไปหาละเอียดจากวัฏฏจักรไปเป็นวิวัฏฏจักร ดังพระพุทธเจ้าและสาวกท่านเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิ เปลี่ยนเครื่องเสวยมาเป็นลำดับ สุดท้ายก็หมดสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นอะไรต่อไปอีกเพราะจิตได้รับการอบรมไปทุกภพทุกชาติ จนฉลาดเหนือสิ่งใดๆ กลายเป็นนิพพานสมบัติขึ้นมาอย่างสมพระทัยและสมใจ ซึ่งล้วนไปจากการฝึกฝนอบรมจิตให้ดีไปโดยลำดับทั้งสิ้น. ด้วยเหตุนี้นักปราชญ์ทั้งหลาย จึงไม่ท้อถอยในการสร้างกุศล อันเป็นสวัสดีมงคลแก่ตนทุกเพศทุกวัยจนสุดวิสัยที่จะทำได้ไม่เลือกกาล.."

ภูริทตฺธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส
ต.ตำบลธาตุเชิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร






ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นเครื่องประดับคนให้งาม การแข็งกระด้าง การยกแต่เจ้าของ
พยายามกดคนอื่น อันนี้ไม่สวยงามเลย ไม่ว่าสังคมระดับไหน

โอวาทธรรม
หลวงปู่แบน ธนากโร






ทีนี้ก็มาชาติสุดท้าย...คําว่าไม่มาเกิดอีกรู้ได้อย่างไร สนฺทิฏฺฐิโก รู้ประจักษ์เจ้าของ มันต่อกันเยื่อใยมีเข้ามามากน้อย วัฏวน เชื้อของวัฏวนให้พาเกิดพาตายตัดเข้ามา ๆ ถอนทั้งรากแก้วรากฝอยขึ้นพรวดทีเดียวหมดเลย ตายหมดต้นไม้ต้นนั้นเมื่อถอนรากขึ้นมาแล้ว ทั้งรากแก้วรากฝอยถอนขึ้นมาหมดแล้ว ขาดสะบั้น มันตายหมดกิ่งก้านสาขาดอกใบ เมื่อถอน อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ออกจากหัวใจแล้วก็หมด เรื่องที่จะเกิดจะตายต่อไปไม่มี หมดเท่านั้นละ รู้ประจักษ์ใจไม่ต้องถามใคร

เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ สนฺทิฏฺฐิโกรู้ประจักษ์ใจ


-------------------------------------------

จาก... ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า ชาติสุดท้าย
โดย... พระธรรมวิสุทธิ​มงคล​ (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี






ผู้เกิดมาชาตินี้ อาภัพแล้ว “อย่าให้ใจอาภัพ”
คิดแต่ผลิตโทษ ทำบาปอกุศล เผาผลาญตน
ให้ได้ทุกข์ เป็นบาปกรรมอีกเลย
คนชั่ว ทำชั่วได้ง่าย และติดใจไม่ยอม
ลดละ แก้ไขให้ดี
คนดี ทำดีได้ง่าย คนดีก็จำเป็นต้อง “ฝึก”
ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้ งานอะไร
ก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกคน ฝึกสัตว์
ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้ว จึงหมด
การฝึก คำว่า “ดี” จะเป็นสมบัติของ
“ผู้ฝึกดี” แล้วแน่นอน ...

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต





เหตุที่หลวงพ่อสมบูรณ์ ปรารภไม่อยากรับนิมนต์เทศน์

"ถ้ามีแต่เทศน์พอแค่ได้เงินได้ทองไป หลวงพ่อก็ไม่อยากทำ ถ้าเทศน์มีคนปฏิบัติ นำปฏิบัติให้พวกเราได้อบรมอุปนิสัยปัจจัยจากครูบาอาจารย์ เอ้อแบบนั้นค่อยว่ากัน อันนี้ทุกวันนี้พอฟังๆ กันไปเฉยๆ ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่"

ปรารภตอนหนึ่งของ #หลวงพ่อสมบูรณ์ กนฺตสีโล






#อภัยทานถึงนิพพานได้

"จิตมี "ทาน ศีล ภาวนา" ไปได้เร็ว
ทานภายใน อภัยทาน ธรรมทาน
ทานภายในสูงสุดกว่าทานภายนอก
คนมัวเมาแต่ภายนอก ไม่ค่อยเอาใจใส่ธรรมทาน อภัยทาน"

โอวาทธรรม
#หลวงปู่บุดดา_ถาวโร






“…*คนไม่เห็นความคิดตัวเอง ไปเห็นพระพุทธรูป

เห็นสี-เห็นแสง เห็นเทวดา

ล้วนไม่เห็นความคิดทั้งนั้น มันเป็นมายา*

**ตามที่ผมปฏิบัติมาครับ

เมื่อมาเห็นความคิด-เข้าใจความคิด-สัมผัสความคิดได้ดี

มันคิดอะไรก็รู้ มันเห็น-มันเข้าใจ

เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นเอง แต่คนไม่เข้าใจ

คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

พระสูตร-พระวินัย-พระอภิธรรม

รวมความมาแล้ว อยู่ที่กาย-วาจา-ใจ

ถ้าพูดง่าย ๆ นะ

‘ดูใจ-เรื่องดูใจเป็นเรื่องสำคัญ คิดปุ๊บ-เห็นปั๊บ’**

ผมเลยเปรียบกับนักมวยขึ้นเวทีไม่ต้องไหว้ครู

คู่ต่อสู้มาปั๊บ ชกใส่ลูกตานั่นเลย-ใส่ลูกตา

แล้วคู่ต่อสู้มันลืมตาไม่ขึ้น มันล้มเลย

อันนี้ก็เหมือนกัน **คิดปุ๊บ-เห็น มันก็หยุดเลย**

ถ้าขึ้นไปบนเวที(แล้ว)ว่าแต่ตัวเองเก่ง ชกไปเท่าไหร่ก็ไม่ถูก

มีแต่โดนเขาชกเอา-น๊อคเอา เรามีแต่ล้มเอา-ล้มเอาทุกครั้ง

ผลที่สุดก็แพ้ แพ้คือกลัว

**ฝึกหัดธรรมะ ต้องฝึกกับคู่ต่อสู้

ไม่ใช่ต่อสู้กับคนภายนอก ต่อสู้กับความคิด

พอมันคิด…ก็เออ-มันคิดมาแล้ว รู้-เข้าใจ-สัมผัสได้

ความคิดมันถูกหยุดทันที

รู้ความคิด-มันหยุดแล้ว มันก็ไม่ถูกปรุงแล้ว**

ถ้าปรุง นั่นเรียกว่า‘สังขารปรุงแต่ง’

สังขารคือปรุง รูปกายนี่อันหนึ่ง-อันนี้มันเป็นส่วนนอก

**สังขารปรุง-ความคิดนี่ปรุงแต่ง

มันแต่งให้ทุกข์-ให้สุข ให้ดี-ให้ชั่ว มันพูดอยู่คนเดียว

ถ้าเราไม่เห็นมัน มันก็เข้าไปในความคิด

เข้าไปแล้ว-ออกไม่เป็น ทุกข์อยู่ตลอดเวลา**

เหมือนกับคนเข้าถ้ำ เข้าถ้ำนี่-นึกว่าตัวเองเห็นถ้ำ

นี่ไม่เห็น-เพราะอยู่ในถ้ำ มันมืดตื๋อ

ออกมานอกถ้ำถึงเห็น เห็นปากถ้ำ-เห็นในถ้ำ

นี่เราออกมานอกความคิด

**พอมันคิด เราออกนอกความคิดเลย

ให้เอาสติหรือปัญญาดูความคิด

เห็น-รู้-เข้าใจ ความคิดถูกหยุดเลยทันที*

อันนี้พูดให้ฟัง ให้รู้จำ-รู้จัก

คือ**ให้ดูคิด**

‘รู้แจ้ง’ คือเรารู้เอง

‘รู้จริง’ คือเรารู้-เห็น

ท่านจึงพูดว่า **‘สันทิฏฐิโก-อันผู้รู้จะพึงเห็นเอง’

‘อะกาลิโก-ไม่ประกอบกาลและเวลา’

จะเป็นยุคใด-สมัยใด ก็เป็นอยู่อย่างนั้น

มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น

ไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น

ขอให้มีคน ถ้าเป็นคนแล้ว-มันคิดด้วยกันหมด

พระเณรก็คิดเหมือนกัน ญาติโยมก็คิดเหมือนกัน

คนไทย-คนจีนคิดเหมือนหมดทั้งนั้น เรื่องความคิดไม่ผิดกัน**

อันนี้จึงว่า‘ธรรมะมีอยู่ก่อนพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีคนมาค้น-มาเห็น’

เมื่อมีคนมีปัญญามาพบ-มาเห็น

ไม่ใช่ปัญญาศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกจบ ไม่ใช่ปัญญาอันนั้นแน่ ๆ

มีพระบางองค์เรียนจบปริญญาเอกหลาย ๆ แขนง แต่ทุกข์เกือบตาย

อันนั้นไม่ใช่ปัญญาแก้ทุกข์

**ปัญญาแก้ทุกข์ ไม่มาก-น้อย ๆ

พอมันคิดมา-ก็รู้

รู้เท่า-รู้ทัน รู้จักกัน-รู้จักแก้ เอาชนะมันได้**

เหมือนนักมวยขึ้นเวทีแล้ว ไม่ต้องไหว้ครู

ไม่ต้องไปควานหาพระไตรปิฎก ว่ามันอยู่ในสูตรใดหนอ

หน้าไหนหนอ-ย่อหน้าไหนหนอ ไม่ต้องไปหาจริง ๆ เรื่องนี้

**นี่คือยอดของบุญจริง ๆ นี่ยอดของความไม่มีทุกข์จริง ๆ**

บุญคืออะไร ? **บุญคือรู้ตัวเรานี่แหละ

บุญมากที่สุด คือรู้ตัวเรา-รู้จักความคิดของเรา**

บุญมากที่สุด

**บาปมากที่สุดคืออะไร ?

คือคนลืมตัวนี่แหละ คนไม่เห็นความคิดตัวเองนี่แหละ

ทำไมว่าบาปมากที่สุด ? ก็มันทุกข์**

‘ทุกข์’กับ‘บาป’ มันก็ตัวเดียวกันนั่นแหละ

**‘บุญ’กับ‘ไม่มีทุกข์’ก็อันเดียวกัน

อย่าไปมัวหาสวรรค์อยู่บนฟ้า อย่าไปหานิพพานอยู่บนฟ้า

อย่าไปหามัน นรกใต้ดินก็อย่าไปหา

ท่านสอนให้แก้ที่ปัจจุบันนี่

พระพุทธเจ้าท่านสอน ‘อดีตที่ผ่านไปแล้ว-อย่าไปสนใจมัน

อนาคตยังมาไม่ถึง อย่าไปสนใจมัน

แก้ปัจจุบันนี่’**

เมื่อปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตก็เป็นอย่างนั้น

เมื่อมันแก้แล้ว หายไปได้

**ถ้ามันผิด ก็อย่านำไปปฏิบัติ

ถ้ามันถูก-ก็เอาไปปฏิบัติ เพราะมันแก้ไขตัวเองได้

เมื่อแก้ไขตัวเองได้แล้ว ก็ไปบอกผู้อื่นต่อ**

หากไม่มีทุกข์ ไม่ต้องปฏิบัติธรรมก็ได้

ไม่ว่าศาสนาไหนก็ปฏิบัติได้หมด ไม่ยกเว้น

ไม่ใช่คนถือศาสนาพุทธแล้วถึงปฏิบัติได้

ถือศาสนาคริสต์แล้ว ปฏิบัติไม่ได้

ถือศาสนาคริสต์แล้ว ปฏิบัติได้

ถือศาสนาพุทธแล้ว ปฏิบัติไม่ได้

นรกมีหมด

คนถือศาสนาพุทธ ก็มีนรก

คนถือศาสนาคริสต์ ก็มีนรก

คนถือศาสนาอิสลาม ก็มีนรก

ศาสนาฮินดู ก็มีนรก

ถ้านรกมีแต่ศาสนาพุทธ จะไปนับถือมันทำไมศาสนาพุทธ

ก็ไปถือศาสนาคริสต์ที่ไม่มีนรกนะซิ ไปถือศาสนาอิสลามโน่นสิ

ไปถือศาสนาพราหมณ์-ศาสนาฮินดูโน้นสิ

เขาอยากไปตกนรกหรือเปล่า ?

เขาไม่อยากตกนรก จะไปถือมันทำไม-ศาสนาพุทธ

แต่ถ้ามีนรกแต่ศาสนาคริสต์

เราก็ทิ้งศาสนาคริสต์ซะ มันก็แล้วกันเท่านั้น

อันนี้แหละ เราไม่เข้าใจเรื่องพุทธศาสนา

‘พุทธะ’ แปลว่าผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน

‘ศาสนา’ แปลว่าคำสอนของคน-คนผู้รู้

ศาสนา-ไม่ใช่พุทธศาสนานะ ฟังให้เป็น

คนรู้เรื่องไหว้ผี เรียกว่า‘ศาสนาผี’

ศาสนาพราหมณ์ ฤกษ์งาม-ยามดี

อันนั้นเป็นศาสนาพราหมณ์

คนรู้เรื่องอันใด เขา(เอา)อันนั้นมาสอน

เรียกว่า‘ศาสนา’ (คือ)คำสอนของท่านผู้รู้…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ





เมื่อมองว่าอะไรเป็นปัญหา ความทุกข์ใจ
ก็เกิดขึ้นทันที ทำไมจึงมองว่ามันเป็นปัญหา
ก็เพราะมันกระทบกับสิ่งที่เรายึดติดถือมั่น
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น กำไร สุขภาพ ความรัก
ครอบครัว ความสำเร็จ พูดอีกอย่างก็คือ
ความทุกข์ใจเกิดขึ้นเพราะความยึดติดถือมั่น
ยิ่งยึดมั่นก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อมันไม่เป็นดั่งใจ
ความยึดมั่น จึงเป็นเสมือนประตูสู่ความทุกข์
ถ้าไม่อยากทุกข์ต่อไป ก็เพียงแต่เดินออก
ทางประตูนั้น นั่นคือการปล่อยวาง ..
...
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล






หยดน้ำ สายน้ำ
...
จากจิตใจของเรานี้ ให้พยายามสม่ำเสมอ
ระวังรักษาศีลห้าไว้ มันผิดพลาดไป หยุด ...
กลับมารักษาไปอีก บางทีมันหลงพลาดไปอีก
รู้แล้วกลับมา อย่างนี้ทุกครั้งทุกคราว
สติมันถี่เข้า เหมือนน้ำในกาน้ำ เราปล่อย
ให้มันไหลเป็นหยด ต๋อม ...ต๋อม ...ต๋อม
นี่สายน้ำขาด เร่งปล่อยน้ำในกาขึ้นให้มาก
น้ำก็ไหล ต๋อม ๆ ๆ ๆ ถี่เข้า เร่งเข้าอีก
หายต๋อมเลยทีนี้ ไหลเป็นสายติดกันเลย
เป็นสายน้ำ หยดน้ำไม่มี มันไม่หายไปไหน
มันกลายเป็นสายน้ำ มันถี่จนติดกันอย่างนี้ ...
...
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
รวมธรรมอุปมา






"..โรคหัวใจที่ตัวใหญ่ๆ มีอยู่ ๓ ตัว คือ โลภ โกรธ หลง โรคนี้เปรียบเหมือนกับโรคมะเร็ง มันกินติดต่อลุกลามถึงคนอื่นด้วย เข้าใกล้ลูกติดลูก เข้าใกล้หลานติดหลาน เข้าใกล้เพื่อนติดเพื่อน เข้าใกล้ใครก็ติดคนนั้น ทำอันตรายทั้งแก่ตนและผู้อื่น โรคที่เล็กหน่อยรองลงมาก็มีอยู่ ๕ ตัว กามฉันทะ พยาปาทะ ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา โรคนี้เปรียบเหมือนโรคขี้กลาก ใจมันหยิบๆ แยบๆ แลบไปโน่นมานี่ อยู่นิ่งไม่ได้ โรคนี้รักษายาก นายแพทย์ก็ไม่สามารถจะเยียวยาได้ นอกจากใช้ พุทธโอสถ.."

โอวาทธรรมคำสอน
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ






อย่าไปน้อยเนื้อต่ำใจ
โอย ... ทำ(บาป) มามากแล้ว จะทำยังไง

อย่าไปคำนึง สิ่งนั้นผ่านไปแล้ว
ตั้งตัวในปัจจุบันนี้ ให้อยู่ในสัจในศีล
เป็นคนจริง ซื่อสัตย์
คนจริงนี้ ... ทำอะไรสำเร็จหมด

หลวงปู่ทุย ฉันทกโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร