เสียงไม่รู้ความหมายอะไรเลย
เสียง1เสียงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
มีเพียงลักษณะของเสียงหนึ่งที่สูงหรือต่ำ
ที่ยังมิได้มีการแปลหรือตีความแต่ประการใด
เสียงทุกเสียงต้องเกิดตรงจริงตามเหตุตามปัจจัย
ไม่มีใครบังคับบัญชาให้เสียงเกิดขึ้นมาได้โดยไม่มีเหตุ
โลกของเสียง1ขณะที่จิตรู้เสียงมีเพียงเสียงสูงหรือต่ำ1เสียง
ที่เพียงเกิดตรงตามเหตุตามปัจจัยเพียงกระทบกลางหูในมืดแล้วดับทันที
เมื่อจิตได้ยิน1ขณะดับไปจนเกลี้ยงไม่มีซากของเสียงนั้นจิตเพียงรู้เสียงดับ
ขณะต่อไปจึงเกิดจิตคิดถึงเสียงรู้สึกว่ามีเสียงทั้งได้ยินและเสียงก็ดับไม่มีเหลือ
ตกลงที่กำลังคิดอะไรแล้วจำไว้เยอะๆแสดงว่าไม่รู้เลยว่าตอนไหนคือโลกของเสียง1ขณะ
https://youtu.be/mnuuZ7-rpgg

ไม่เคยรู้ความจริงที่กำลังมีว่าคืออะไรจึงต้องฟังดีดี
เสียงแว่วมาแต่ไกลควรเงี่ยหูฟังเพื่อเข้าใจความจริง
ความจริงเป็นสิ่งที่รู้ได้ยากมากและคิดเองไม่ได้เลย
จึงต้องอาศัยการฟังแล้วฟังอีกนานแค่ไหนก็ต้องฟัง
เพราะเราไม่เคยจำได้ว่าไม่มีเราเพราะไม่รู้สิ่งที่มีอยู่
แต่ไปพากเพียรคิดค้นอะไรที่อยากได้ขึ้นมาใหม่อีกที
ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่ไม่รู้คือทุกอย่างที่กำลังปรากฏตลอดเวลา
เป็นตัวเราคิดเองตามตาเนื้อเห็นผิดลืมคิดว่าพระพุทธเจ้าบอกให้เข้าใจอะไร
ไม่เคยจำถูกตรงตามคำสอนเลยแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ปรากฏอะไรที่กำลังมีจริงจริง
https://youtu.be/q96Plb2p80A

ฟังเพื่อปรุงแต่งจิตถูกตรงตามคำสอน
ลักษณะของเสียงเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย
อาการรู้เสียง1ขณะจิตคือมีเสียงมากระทบหูดับทันที
จึงส่งต่อไปมโนทวารรู้อารมณ์ตามเสียงแต่เสียง1ขณะดับแล้ว
หาเสียง1ขณะนั้นอันนั้นที่กระทบไม่เจออีกทั้งจักรวาลเกิดจิตขณะอื่นๆต่อนับไม่ถ้วน
เป็นเรามีอวิชชามากหลงคิดไปเองว่าเป็นตัวเราคิดพูดทำมีตัวตนคนสัตว์สิ่งของเต็มโลกตลอดเวลา
พระพุทธเจ้าบัญญัติคำสอนไว้ว่า โลก แปลว่า สิ่งที่เกิดดับ บัญญัติ ตัวตนคืออัตตาคือตัวตนมิจฉาทิฏฐิ
ที่มีอุปาทานขันธ์5คือยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้ง5ที่กำลังเกิดดับแตกสลายเป็นตัวตนที่เที่ยงและอายุยืนทุกวัน
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ/ขันธ์แปลว่าเกิดดับทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่า/ไม่มีเราแปลว่าไม่มีทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง
ดังนั้นจะคิดเองต่อไปให้อวิชชาพอกพูนหนาแน่นมากกว่าเดิมหรือจะเริ่มต้นฟังเพื่อสะสมปัญญาดับอวิชชา
https://youtu.be/h1oNXfbrqZ0