วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 16:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 148 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2020, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปักหลักไว้ก่อน คิกๆๆ แล้วจะมีตัวอย่างซึ่งนำมาก่อนหน้าแล้วตามมา

สำเหนียก กำหนด, จดจำ, คอยเอาใจใส่, ฟัง, ใส่ใจคิดที่จะนำไปปฏิบัติ, ใส่ใจสังเกตพิจารณาจับเอาสาระเพื่อจะนำไปปฏิบัติให้สำเร็จประโยชน์ (คำพระว่า สิกขา หรือ ศึกษา)

สิกขา การศึกษา, การสำเหนียก, การเรียน, การฝึกฝนปฏิบัติ, การเล่าเรียนให้รู้เข้าใจ และฝึกหัดปฏิบัติให้เป็นคุณสมบัติที่เกิดมีขึ้นในตนหรือให้ทำได้ทำเป็น ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปจนถึงความสมบูรณ์, ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรมพัฒนาบุคคล


กำหนด (-หฺนด) ก. หมายไว้, ตราไว้. น. การหมายไว้, การตราไว้.

ตกไปตัวหนึ่ง

กำหนด หมายไว้,การหมายไว้,

:b12:
คำว่าสิกขาแปลว่าศึกษาจากการฟังโดยตรง
เข้าใจคำว่าตรงไหมคะ ลองคิดสิคำว่าตรงคืออะไร ตรง=ตรง
ถ้าพระพุทธเจ้าพูดว่ามี=มี ถ้าพระพุทธเจ้าพูดว่าไม่มี=ไม่มี ถูก=ถูก ผิด=ผิด
ทีนี้คิดตามนะ ตถาคตพูดว่าไม่มีเรา ให้พูดออกเสียงให้หูได้ยินดังๆว่า ไม่มีเรา คือไม่มีตัวตนจริงๆไม่พูดเล่น
คิดให้มันตรงได้ยินเสียงคำว่า ไม่มีเรา คิดแล้วเข้าใจและรู้สึกตัวตรงคำแล้วคิดว่าไม่มีเราแล้วหรือยังมีเราอยู่
แล้วที่หัวข้อที่ตั้งบอกว่า ท่านให้กำหนดรู้ ท่านหมายถึงใครเพราะตถาคตบอกว่าไม่มีเรามีแต่ธัมมะท่านไหนคะ
พระพุทธเจ้าพูดคำสัตย์คำจริงว่าไม่มีตัวตนทุกกาลทุกเวลาทุกที่ที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้วมีบัญญัติคำไว้
ที่เราน่ะคิดว่ามีตัวตนคือมีอัตตาแปลว่าเราเข้าใจผิดไปเองไม่ฟังให้เข้าใจชัดว่าที่มีอยู่น่ะคือมีอุปาทานขันธ์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นธัมมะเกิดแล้วดับยึดว่าเป็นตัวเราเพราะคำว่าอัตตาคือความหมายเทียบตัวแต่จริงๆไม่มี
มันจะไปกำหนดรู้ตัวไม่ได้เข้าใจไหมคะว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าเดี๋ยวนี้เลยตัวเราไม่มีอยู่จริงเป็นอุปาทานไง
ให้เริ่มคิดนะถ้าวันนี้เราไม่ตั้งต้นที่คำว่าไม่มีเราแล้วก็ถ้าไม่เริ่มต้นฟังจริงๆเราจะทำผิดคิดผิดไปเรื่อยๆเลย
:b12:
:b4: :b4:

Kiss
จะย้ำให้เข้าใจกันชัดๆอีกครั้งนะคะ
เราทุกคนต่างคิดเห็นผิดว่ามีตัวตนจริงๆ
แต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงตรงปัจจุบัน
ความจริงนั้นทรงบอกชัดเจนว่าไม่มีตัวตนใครเลย
ไม่ว่าจะเป็นภพภูมิไหนก็เป็นความคิดเห็นผิดตามภพที่เกิด
พระพุทธเจ้าบอกและแยกรายละเอียดความไม่มีตัวคนไว้หมดแล้ว
เราที่คิดถูกตัวแล้วว่าเราได้เกิดมาเป็นคนแล้วเพราะไม่รู้ว่าเราไม่มีตัวถึงยังเกิด
พระพุทธเจ้าบอกให้รู้ว่าไม่มีตัวเราไม่ว่าภพภูมิไหนมีศรัทธาที่จะฟังให้เข้าใจความจริงนี้ไหมว่า
ทุกอย่างที่ว่ามันไม่มีนั้นมันก็มีอยู่หลายอย่างแต่สามารถเข้าใจให้ถูกตรงตามได้ตอนที่ฟังพอจะคิดออกยังคะ
ฟังจนกว่าจะเข้าใจว่าไม่มีเราจริงๆมีความหลงยึดถือว่ามีตัวตนค่ะ...ฟังและคิดให้ตรงคำจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ
https://youtu.be/NqG15Rl9DIY
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2020, 05:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ลักษณะของความจำมีจริงๆเป็นธัมมะชื่อสัญญาขันธ์
มีสภาพของขันธ์คือกำลังเกิดดับพร้อมจิตทุกขณะจิต
สัญญา=จำ ขันธ์=กำลังมีการเกิดดับ คือจิตกำลังจำค่ะ
ตัวเรานั้นจำผิดมาตลอดว่ามีตัวเรามีคนสัตว์วัตถุไงคะ
เป็นตัวเราเองที่ไม่คิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย
จำเป็นจำ จำไม่ใช่คิด จำไม่ใช่จิต จำเป็นเจตสิก จำเป็นธัมมะ
การฟังจะทำให้ระลึกตามตรงคำได้จริงมีจริงๆเป็นจริงๆอย่างนั้นกำลังไม่มีเรา
https://youtu.be/ceU-b2aJbzo
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2020, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปักหลักไว้ก่อน คิกๆๆ แล้วจะมีตัวอย่างซึ่งนำมาก่อนหน้าแล้วตามมา

สำเหนียก กำหนด, จดจำ, คอยเอาใจใส่, ฟัง, ใส่ใจคิดที่จะนำไปปฏิบัติ, ใส่ใจสังเกตพิจารณาจับเอาสาระเพื่อจะนำไปปฏิบัติให้สำเร็จประโยชน์ (คำพระว่า สิกขา หรือ ศึกษา)

สิกขา การศึกษา, การสำเหนียก, การเรียน, การฝึกฝนปฏิบัติ, การเล่าเรียนให้รู้เข้าใจ และฝึกหัดปฏิบัติให้เป็นคุณสมบัติที่เกิดมีขึ้นในตนหรือให้ทำได้ทำเป็น ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปจนถึงความสมบูรณ์, ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรมพัฒนาบุคคล


กำหนด (-หฺนด) ก. หมายไว้, ตราไว้. น. การหมายไว้, การตราไว้.

ตกไปตัวหนึ่ง

กำหนด หมายไว้,การหมายไว้,

:b12:
คำว่าสิกขาแปลว่าศึกษาจากการฟังโดยตรง
เข้าใจคำว่าตรงไหมคะ ลองคิดสิคำว่าตรงคืออะไร ตรง=ตรง
ถ้าพระพุทธเจ้าพูดว่ามี=มี ถ้าพระพุทธเจ้าพูดว่าไม่มี=ไม่มี ถูก=ถูก ผิด=ผิด

ทีนี้คิดตามนะ ตถาคตพูดว่าไม่มีเรา ให้พูดออกเสียงให้หูได้ยินดังๆว่า ไม่มีเรา คือไม่มีตัวตนจริงๆไม่พูดเล่น
คิดให้มันตรงได้ยินเสียงคำว่า ไม่มีเรา คิดแล้วเข้าใจและรู้สึกตัวตรงคำแล้วคิดว่าไม่มีเราแล้วหรือยังมีเราอยู่
แล้วที่หัวข้อที่ตั้งบอกว่า ท่านให้กำหนดรู้ ท่านหมายถึงใครเพราะตถาคตบอกว่าไม่มีเรามีแต่ธัมมะท่านไหนคะ
พระพุทธเจ้าพูดคำสัตย์คำจริงว่าไม่มีตัวตนทุกกาลทุกเวลาทุกที่ที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้วมีบัญญัติคำไว้
ที่เราน่ะคิดว่ามีตัวตนคือมีอัตตาแปลว่าเราเข้าใจผิดไปเองไม่ฟังให้เข้าใจชัดว่าที่มีอยู่น่ะคือมีอุปาทานขันธ์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นธัมมะเกิดแล้วดับยึดว่าเป็นตัวเราเพราะคำว่าอัตตาคือความหมายเทียบตัวแต่จริงๆไม่มี
มันจะไปกำหนดรู้ตัวไม่ได้เข้าใจไหมคะว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าเดี๋ยวนี้เลยตัวเราไม่มีอยู่จริงเป็นอุปาทานไง
ให้เริ่มคิดนะถ้าวันนี้เราไม่ตั้งต้นที่คำว่าไม่มีเราแล้วก็ถ้าไม่เริ่มต้นฟังจริงๆเราจะทำผิดคิดผิดไปเรื่อยๆเลย
:b12:
:b4: :b4:


คุณโรสนี่เพ้อเจ้อได้ใจจริงๆ คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2020, 11:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปักหลักไว้ก่อน คิกๆๆ แล้วจะมีตัวอย่างซึ่งนำมาก่อนหน้าแล้วตามมา

สำเหนียก กำหนด, จดจำ, คอยเอาใจใส่, ฟัง, ใส่ใจคิดที่จะนำไปปฏิบัติ, ใส่ใจสังเกตพิจารณาจับเอาสาระเพื่อจะนำไปปฏิบัติให้สำเร็จประโยชน์ (คำพระว่า สิกขา หรือ ศึกษา)

สิกขา การศึกษา, การสำเหนียก, การเรียน, การฝึกฝนปฏิบัติ, การเล่าเรียนให้รู้เข้าใจ และฝึกหัดปฏิบัติให้เป็นคุณสมบัติที่เกิดมีขึ้นในตนหรือให้ทำได้ทำเป็น ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปจนถึงความสมบูรณ์, ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรมพัฒนาบุคคล


กำหนด (-หฺนด) ก. หมายไว้, ตราไว้. น. การหมายไว้, การตราไว้.

ตกไปตัวหนึ่ง

กำหนด หมายไว้,การหมายไว้,

:b12:
คำว่าสิกขาแปลว่าศึกษาจากการฟังโดยตรง
เข้าใจคำว่าตรงไหมคะ ลองคิดสิคำว่าตรงคืออะไร ตรง=ตรง
ถ้าพระพุทธเจ้าพูดว่ามี=มี ถ้าพระพุทธเจ้าพูดว่าไม่มี=ไม่มี ถูก=ถูก ผิด=ผิด

ทีนี้คิดตามนะ ตถาคตพูดว่าไม่มีเรา ให้พูดออกเสียงให้หูได้ยินดังๆว่า ไม่มีเรา คือไม่มีตัวตนจริงๆไม่พูดเล่น
คิดให้มันตรงได้ยินเสียงคำว่า ไม่มีเรา คิดแล้วเข้าใจและรู้สึกตัวตรงคำแล้วคิดว่าไม่มีเราแล้วหรือยังมีเราอยู่
แล้วที่หัวข้อที่ตั้งบอกว่า ท่านให้กำหนดรู้ ท่านหมายถึงใครเพราะตถาคตบอกว่าไม่มีเรามีแต่ธัมมะท่านไหนคะ
พระพุทธเจ้าพูดคำสัตย์คำจริงว่าไม่มีตัวตนทุกกาลทุกเวลาทุกที่ที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้วมีบัญญัติคำไว้
ที่เราน่ะคิดว่ามีตัวตนคือมีอัตตาแปลว่าเราเข้าใจผิดไปเองไม่ฟังให้เข้าใจชัดว่าที่มีอยู่น่ะคือมีอุปาทานขันธ์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นธัมมะเกิดแล้วดับยึดว่าเป็นตัวเราเพราะคำว่าอัตตาคือความหมายเทียบตัวแต่จริงๆไม่มี
มันจะไปกำหนดรู้ตัวไม่ได้เข้าใจไหมคะว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าเดี๋ยวนี้เลยตัวเราไม่มีอยู่จริงเป็นอุปาทานไง
ให้เริ่มคิดนะถ้าวันนี้เราไม่ตั้งต้นที่คำว่าไม่มีเราแล้วก็ถ้าไม่เริ่มต้นฟังจริงๆเราจะทำผิดคิดผิดไปเรื่อยๆเลย
:b12:
:b4: :b4:


คุณโรสนี่เพ้อเจ้อได้ใจจริงๆ คิกๆๆๆ

rolleyes
คุณ ไม่เคย ระลึกตาม คำสอน เพื่อรู้สึกตัว ตรงคำ ตรงตาม ความหมายของเสียง
คิดให้ตรง บอกแล้ว ให้คิดตาม ที่ลืมตาเห็นอยู่ มีแค่ตัวจริงของเห็น ที่เราไม่รู้ว่าเราเห็นผิด
คุณ จะคิด เรื่องของเห็น เมื่อคุณกำลังคิดตามเสียง พร้อมดูการเห็นของตนเองเพื่อเข้าใจตามเสียงค่ะ
ถ้าพระพุทธเจ้าบอกว่าทุกอย่างเป็นธัมมะและธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ดังนั้นทั้งหมดที่คิดว่ามีจึงไม่ใช่เรา
ความที่ทุกอย่างเป็นธัมมะทุกอย่างนั้นจึงไม่ใช่เรา สภาพของธัมมะมีลักษณะเฉพาะของตนแต่ละ1อย่างไม่ซ้ำ
คุณ จะเข้าใจความจริงของธัมมะได้ เมื่อคุณเริ่มคิดตรงแค่ทางเดียวแค่1ทางเพราะเดี๋ยวนี้ครบ6ทางปกปิดไว้
การคิดตามคำสอนตรงทางคืออาศัยเสียงคำที่ทำให้เข้าใจถูกตรงๆว่าที่คิดอยู่ว่าเป็นเรานั้นไม่ใช่ค่ะ เห็น=เห็น
เอาเฉพาะโลกของเห็นที่เข้าใจผิดแค่ทางเดียวให้เข้าใจถูกก่อนว่าภพภูมินี้ปกติตาเนื้อตามปกติที่มองเห็นอยู่
คุณกำลังมองดูโลกนี้อยู่ตามจริงตรงหน้ามีสมมุติเรียกชื่ออะไรบ้างนั่นแหละค่ะคือนิมิตของสิ่งที่ดับนับไม่ถ้วน
ก็บอกให้เข้าใจอยู่เนี่ยว่าคุณคิดเอาตัวตนไปทำทุกอย่างด้วยการไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจก่อน
:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคนที่จะเกิดปัญญาเข้าใจความจริงตรงปัจจุบันต้อง(คิดตาม)เป็นนะคะคุณกรัชกาย
พระพุทธเจ้าบอกให้ฟังเพื่อรู้ตามคำที่พระองค์พูดจะได้ไม่หลงผิดไปทำตามใจชอบเหมือนเดิมๆที่เคยทำมาค่ะ
อ่านเข้าใจไหมว่า โรสกำลังบอกคุณว่า คุณเชื่อตัวเองไม่ฟังให้เข้าใจเพื่อจะรู้ถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้
เอาแต่เชื่อตามๆกันคิดพูดทำอะไรตามๆกันโดยไม่ฟังก็ตถาคตบอกไม่ให้เชื่อตามๆกันตามหลักกาลามสูตรสิบ
คิดให้ตรงสิ...ไม่ให้เชื่อแต่ให้ฟัง...คุณไม่ฟังเพราะคุณไม่เชื่อว่าปัญญาเกิดจากเข้าใจถูกก่อนคิดเอาตัวไปทำ
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ
https://youtu.be/F-jPUFWUJnY
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2020, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

คุณ ไม่เคย ระลึกตาม คำสอน เพื่อรู้สึกตัว ตรงคำ ตรงตาม ความหมายของเสียง
คิดให้ตรง บอกแล้ว ให้คิดตาม ที่ลืมตาเห็นอยู่ มีแค่ตัวจริงของเห็น ที่เราไม่รู้ว่าเราเห็นผิด
คุณ จะคิด เรื่องของเห็น เมื่อคุณกำลังคิดตามเสียง พร้อมดูการเห็นของตนเองเพื่อเข้าใจตามเสียงค่ะ
ถ้าพระพุทธเจ้าบอกว่าทุกอย่างเป็นธัมมะและธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ดังนั้นทั้งหมดที่คิดว่ามีจึงไม่ใช่เรา
ความที่ทุกอย่างเป็นธัมมะทุกอย่างนั้นจึงไม่ใช่เรา สภาพของธัมมะมีลักษณะเฉพาะของตนแต่ละ1อย่างไม่ซ้ำ
คุณ จะเข้าใจความจริงของธัมมะได้ เมื่อคุณเริ่มคิดตรงแค่ทางเดียวแค่1ทางเพราะเดี๋ยวนี้ครบ6ทางปกปิดไว้
การคิดตามคำสอนตรงทางคืออาศัยเสียงคำที่ทำให้เข้าใจถูกตรงๆว่าที่คิดอยู่ว่าเป็นเรานั้นไม่ใช่ค่ะ เห็น=เห็น
เอาเฉพาะโลกของเห็นที่เข้าใจผิดแค่ทางเดียวให้เข้าใจถูกก่อนว่าภพภูมินี้ปกติตาเนื้อตามปกติที่มองเห็นอยู่
คุณกำลังมองดูโลกนี้อยู่ตามจริงตรงหน้ามีสมมุติเรียกชื่ออะไรบ้างนั่นแหละค่ะคือนิมิตของสิ่งที่ดับนับไม่ถ้วน
ก็บอกให้เข้าใจอยู่เนี่ยว่าคุณคิดเอาตัวตนไปทำทุกอย่างด้วยการไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจก่อน
:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคนที่จะเกิดปัญญาเข้าใจความจริงตรงปัจจุบันต้อง(คิดตาม)เป็นนะคะคุณกรัชกาย
พระพุทธเจ้าบอกให้ฟังเพื่อรู้ตามคำที่พระองค์พูดจะได้ไม่หลงผิดไปทำตามใจชอบเหมือนเดิมๆที่เคยทำมาค่ะ
อ่านเข้าใจไหมว่า โรสกำลังบอกคุณว่า คุณเชื่อตัวเองไม่ฟังให้เข้าใจเพื่อจะรู้ถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้
เอาแต่เชื่อตามๆกันคิดพูดทำอะไรตามๆกันโดยไม่ฟังก็ตถาคตบอกไม่ให้เชื่อตามๆกันตามหลักกาลามสูตรสิบ
คิดให้ตรงสิ...ไม่ให้เชื่อแต่ให้ฟัง...คุณไม่ฟังเพราะคุณไม่เชื่อว่าปัญญาเกิดจากเข้าใจถูกก่อนคิดเอาตัวไปทำ
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ
https://youtu.be/F-jPUFWUJnY
:b12: :b12:


อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ


ก็บอกแล้วว่า แม่สุจินจับพุทธธรรมผิดด้าน :b32: ดูที่เขาคิดสิ => "นิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ" <= นิพพานเที่ยงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นี่คือการจับพุทธธรรมผิดด้าน

ถ้าจับแล้วพูดใหม่ว่า "นิพพาน" คือ สภาพที่จิตใจหมดกิเลสตัณหาอุปาทาน ความรู้สึกของคนพูดจะต่างกัน

ทิ้งไว้ให้คิดแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ คงไม่ตายคืนนี้หรอก คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2020, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คุณ ไม่เคย ระลึกตาม คำสอน เพื่อรู้สึกตัว ตรงคำ ตรงตาม ความหมายของเสียง
คิดให้ตรง บอกแล้ว ให้คิดตาม ที่ลืมตาเห็นอยู่ มีแค่ตัวจริงของเห็น ที่เราไม่รู้ว่าเราเห็นผิด
คุณ จะคิด เรื่องของเห็น เมื่อคุณกำลังคิดตามเสียง พร้อมดูการเห็นของตนเองเพื่อเข้าใจตามเสียงค่ะ
ถ้าพระพุทธเจ้าบอกว่าทุกอย่างเป็นธัมมะและธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ดังนั้นทั้งหมดที่คิดว่ามีจึงไม่ใช่เรา
ความที่ทุกอย่างเป็นธัมมะทุกอย่างนั้นจึงไม่ใช่เรา สภาพของธัมมะมีลักษณะเฉพาะของตนแต่ละ1อย่างไม่ซ้ำ
คุณ จะเข้าใจความจริงของธัมมะได้ เมื่อคุณเริ่มคิดตรงแค่ทางเดียวแค่1ทางเพราะเดี๋ยวนี้ครบ6ทางปกปิดไว้
การคิดตามคำสอนตรงทางคืออาศัยเสียงคำที่ทำให้เข้าใจถูกตรงๆว่าที่คิดอยู่ว่าเป็นเรานั้นไม่ใช่ค่ะ เห็น=เห็น
เอาเฉพาะโลกของเห็นที่เข้าใจผิดแค่ทางเดียวให้เข้าใจถูกก่อนว่าภพภูมินี้ปกติตาเนื้อตามปกติที่มองเห็นอยู่
คุณกำลังมองดูโลกนี้อยู่ตามจริงตรงหน้ามีสมมุติเรียกชื่ออะไรบ้างนั่นแหละค่ะคือนิมิตของสิ่งที่ดับนับไม่ถ้วน
ก็บอกให้เข้าใจอยู่เนี่ยว่าคุณคิดเอาตัวตนไปทำทุกอย่างด้วยการไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจก่อน
:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคนที่จะเกิดปัญญาเข้าใจความจริงตรงปัจจุบันต้อง(คิดตาม)เป็นนะคะคุณกรัชกาย
พระพุทธเจ้าบอกให้ฟังเพื่อรู้ตามคำที่พระองค์พูดจะได้ไม่หลงผิดไปทำตามใจชอบเหมือนเดิมๆที่เคยทำมาค่ะ
อ่านเข้าใจไหมว่า โรสกำลังบอกคุณว่า คุณเชื่อตัวเองไม่ฟังให้เข้าใจเพื่อจะรู้ถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้
เอาแต่เชื่อตามๆกันคิดพูดทำอะไรตามๆกันโดยไม่ฟังก็ตถาคตบอกไม่ให้เชื่อตามๆกันตามหลักกาลามสูตรสิบ
คิดให้ตรงสิ...ไม่ให้เชื่อแต่ให้ฟัง...คุณไม่ฟังเพราะคุณไม่เชื่อว่าปัญญาเกิดจากเข้าใจถูกก่อนคิดเอาตัวไปทำ
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ
https://youtu.be/F-jPUFWUJnY
:b12: :b12:


อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ


ก็บอกแล้วว่า แม่สุจินจับพุทธธรรมผิดด้าน :b32: ดูที่เขาคิดสิ => "นิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ" <= นิพพานเที่ยงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นี่คือการจับพุทธธรรมผิดด้าน

ถ้าจับแล้วพูดใหม่ว่า "นิพพาน" คือ สภาพที่จิตใจหมดกิเลสตัณหาอุปาทาน ความรู้สึกของคนพูดจะต่างกัน

ทิ้งไว้ให้คิดแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ คงไม่ตายคืนนี้หรอก คิกๆๆ

:b32:
ช่างเป็นคนว่ายาก(ไม่คิดเข้าใจเหตุผลตรงๆเมื่อกี้เป็นอดีตแล้วมันคิดตรงได้สักคำไหมเดี๋ยวนี้นั่นน่าาาาส์555)
และไม่เป็นคนว่าง่าย(ไม่ว่านอนสอนง่ายแต่เป็นไม้แก่ดัดยากไปแล้วบอกยังไงก็ไม่สนบอกไปก็ไม่รู้จักฟัง)
เดินตามผู้ใหญ่สุนัขไม่กัด(ก็บอกว่าใครฟังก่อนคนนั้นก็เข้าใจก่อนก็บอกว่าให้เดินตามมาคือฟังคำสอน)
คิดตรงคำไม่ได้คิดซับซ้อนยุ่งยากเกิน1คำมันคิดไม่ออกเพราะคุณไม่เคยฝึกคิดตามตรงคำทีละคำ...ห้วย
เว้าบ่ฮู้จักควมแท้ๆ...บอกให้รู้สำนึกว่าตัวเองไม่ใช่ชาติสุดท้ายที่จะเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้า
นอกนั้นจะต้องฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนถึงจะบรรลุธรรมเข้าใจถูกไปตามลำดับ...เว้าบ่จักฟังควมแถะ
:b12:
:b32: :b32:
เดี๋ยวนี้คือเวลาตรงปัจจุบันสดๆร้อนตลอดเวลาถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนไม่มีทางเกิดปัญญาเพราะดับคือไม่มีคน
รู้รึเปล่าว่ากำลังหลงป่ารกรุงรังไปด้วยป่าคนอยู่คนเดียวก็หลงผิดพอชวนคนอื่นมาทำด้วย555อวิชชาพาเกิด
ไม่เข้าใจเหรอว่าทำไมบวชแล้วพระพุทธเจ้าให้ปลีกวิเวกเพราะจะได้คิดทบทวนในคำที่ฟังมาแล้วถูกตัวตนเอง
เกิดมาก็อสุจิ1ตัวชิงมาเกิดคนเดียวทุกคน ตอนตายก็ตายแบบต่างคนต่างตาย เลือกไม่ได้ทั้งเกิดและตาย
ก็เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ขณะไหนเป็นความจริงของจิตเห็นเพราะจิตเกิดดับไปถึงล้านล้านดวงจิตแล้ว
พึ่งพระรัตนตรัยมันเป็นอะไรที่ทำคนเดียวคือฟังความจริงให้รู้เรื่องตาหูจมูกลิ้นกายใจของตนเองก่อนตายค่ะ
https://youtu.be/euYuGGsfgj8
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2020, 06:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ

cool
ทีนี้มาทดสอบกันชัดๆ
คิดตามให้เข้าใจถูกตัวนะ
แล้วดูว่าเปลี่ยนจากเคยคืดผิด
มาเป็นคึดทบทวนตรงที่ตัวมีตามคำนี้
ไม่มีเรา...คิดสิลืมตาดูเห็นว่ามีมือใช่ไหมนั่นคือมีตัวตนของเราแล้ว
มันรู้จักเข้าใจตามคำตรงตัวไหมบอกว่าคำสอนคิดไตร่ตรองถูกตรงตามได้เท่านั้นตรงที่กำลังมีด้วยเดี๋ยวนี่เลย
คุณเป็นคนที่คิดไม่ซื่อตามตรงและเข้าใจตรงตามเป็นจริงไม่ถูกตัวคือมันเห็นมือแล้วรู้สึกว่ามีตัวคนทั้งตัวแล้ว
เปลี่ยนได้ไหมก็รู้สึกตัวแล้วว่ามีตัวตนเป็นคนอยู่ยังมีตาไม่บอดและหูไม่หนวกด้วยบอกว่าให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อไง
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2020, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ

cool
ทีนี้มาทดสอบกันชัดๆ
คิดตามให้เข้าใจถูกตัวนะ
แล้วดูว่าเปลี่ยนจากเคยคืดผิด
มาเป็นคึดทบทวนตรงที่ตัวมีตามคำนี้
ไม่มีเรา...คิดสิลืมตาดูเห็นว่ามีมือใช่ไหมนั่นคือมีตัวตนของเราแล้ว
มันรู้จักเข้าใจตามคำตรงตัวไหมบอกว่าคำสอนคิดไตร่ตรองถูกตรงตามได้เท่านั้นตรงที่กำลังมีด้วยเดี๋ยวนี่เลย
คุณเป็นคนที่คิดไม่ซื่อตามตรงและเข้าใจตรงตามเป็นจริงไม่ถูกตัวคือมันเห็นมือแล้วรู้สึกว่ามีตัวคนทั้งตัวแล้ว
เปลี่ยนได้ไหมก็รู้สึกตัวแล้วว่ามีตัวตนเป็นคนอยู่ยังมีตาไม่บอดและหูไม่หนวกด้วยบอกว่าให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อไง
:b12:
:b4: :b4:


บอกว่าจับพุทธธรรมผิดด้านผิดฝาผิดตัว ยังไม่เข้าใจอีก ก็เพราะไปคิดยังงั้นน่าซี่ ถึงได้มีการคิดฟังแท้ฟังเทียม ขยิบหูขยิบตา ขี้หอมขี้เหม็น

นิพพาน หมายถึงสภาพของจิตที่หมดจากกิเลสตัณหาอุปาทาน สภาวะจิตเช่นนั้นแหละเรียกนิพพาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2020, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ

cool
ทีนี้มาทดสอบกันชัดๆ
คิดตามให้เข้าใจถูกตัวนะ
แล้วดูว่าเปลี่ยนจากเคยคืดผิด
มาเป็นคึดทบทวนตรงที่ตัวมีตามคำนี้
ไม่มีเรา...คิดสิลืมตาดูเห็นว่ามีมือใช่ไหมนั่นคือมีตัวตนของเราแล้ว
มันรู้จักเข้าใจตามคำตรงตัวไหมบอกว่าคำสอนคิดไตร่ตรองถูกตรงตามได้เท่านั้นตรงที่กำลังมีด้วยเดี๋ยวนี่เลย
คุณเป็นคนที่คิดไม่ซื่อตามตรงและเข้าใจตรงตามเป็นจริงไม่ถูกตัวคือมันเห็นมือแล้วรู้สึกว่ามีตัวคนทั้งตัวแล้ว
เปลี่ยนได้ไหมก็รู้สึกตัวแล้วว่ามีตัวตนเป็นคนอยู่ยังมีตาไม่บอดและหูไม่หนวกด้วยบอกว่าให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อไง
:b12:
:b4: :b4:


บอกว่าจับพุทธธรรมผิดด้านผิดฝาผิดตัว ยังไม่เข้าใจอีก ก็เพราะไปคิดยังงั้นน่าซี่ ถึงได้มีการคิดฟังแท้ฟังเทียม ขยิบหูขยิบตา ขี้หอมขี้เหม็น

นิพพาน หมายถึงสภาพของจิตที่หมดจากกิเลสตัณหาอุปาทาน สภาวะจิตเช่นนั้นแหละเรียกนิพพาน

:b32:
เอาขัดๆเลย
นางวิสาขาวิคารมาดา...มหา...อุบาสิกา...มีตำราให้เรียนเพื่อติดคำว่ามหาหรือ
บรรลุโสดาบันหลังจากฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าตอนอายุ7ปี
หลังบรรลุธรรมเป็นโสดาบันมีอายุไปจนตายค่ะนางมีอายุยืนถึง120ปี-7=เป็นโสดาบันตอนเป็นคนถึง113ปี
นางวิสาขาฯได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าและสาวกอรหันต์ยุคนั้นตลอด113ปียังไม่บรรลุสกิทาคามี
ถามว่าชาตินี้คุณเคยฟังคำสอนบ้างไหมคะคิดสิคะตอนนี้คุณมีอายุเท่าไหร่และจะตายตอนอายุกี่ปีไม่ฟังเลย
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ให้เชื่อเพราะว่ามีตำราไว้ดูจะศึกษาคำสอนให้เกิดปัญญาตรงตามที่บัญญัติไว้เริ่มที่สุตะ
ฟังบ้างนะวันละ1คลิปก็ยังดี...อย่าลืมว่า...เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เราเป็นธัมมะคือสิ่งที่มีจริงตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
https://youtu.be/4MWH6D0qHZk
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2020, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ

cool
ทีนี้มาทดสอบกันชัดๆ
คิดตามให้เข้าใจถูกตัวนะ
แล้วดูว่าเปลี่ยนจากเคยคืดผิด
มาเป็นคึดทบทวนตรงที่ตัวมีตามคำนี้
ไม่มีเรา...คิดสิลืมตาดูเห็นว่ามีมือใช่ไหมนั่นคือมีตัวตนของเราแล้ว
มันรู้จักเข้าใจตามคำตรงตัวไหมบอกว่าคำสอนคิดไตร่ตรองถูกตรงตามได้เท่านั้นตรงที่กำลังมีด้วยเดี๋ยวนี่เลย
คุณเป็นคนที่คิดไม่ซื่อตามตรงและเข้าใจตรงตามเป็นจริงไม่ถูกตัวคือมันเห็นมือแล้วรู้สึกว่ามีตัวคนทั้งตัวแล้ว
เปลี่ยนได้ไหมก็รู้สึกตัวแล้วว่ามีตัวตนเป็นคนอยู่ยังมีตาไม่บอดและหูไม่หนวกด้วยบอกว่าให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อไง
:b12:
:b4: :b4:


บอกว่าจับพุทธธรรมผิดด้านผิดฝาผิดตัว ยังไม่เข้าใจอีก ก็เพราะไปคิดยังงั้นน่าซี่ ถึงได้มีการคิดฟังแท้ฟังเทียม ขยิบหูขยิบตา ขี้หอมขี้เหม็น

นิพพาน หมายถึงสภาพของจิตที่หมดจากกิเลสตัณหาอุปาทาน สภาวะจิตเช่นนั้นแหละเรียกนิพพาน

:b32:
เอาขัดๆเลย
นางวิสาขาวิคารมาดา...มหา...อุบาสิกา...มีตำราให้เรียนเพื่อติดคำว่ามหาหรือ
บรรลุโสดาบันหลังจากฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าตอนอายุ7ปี
หลังบรรลุธรรมเป็นโสดาบันมีอายุไปจนตายค่ะนางมีอายุยืนถึง120ปี-7=เป็นโสดาบันตอนเป็นคนถึง113ปี
นางวิสาขาฯได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าและสาวกอรหันต์ยุคนั้นตลอด113ปียังไม่บรรลุสกิทาคามี
ถามว่าชาตินี้คุณเคยฟังคำสอนบ้างไหมคะคิดสิคะตอนนี้คุณมีอายุเท่าไหร่และจะตายตอนอายุกี่ปีไม่ฟังเลย
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ให้เชื่อเพราะว่ามีตำราไว้ดูจะศึกษาคำสอนให้เกิดปัญญาตรงตามที่บัญญัติไว้เริ่มที่สุตะ
ฟังบ้างนะวันละ1คลิปก็ยังดี...อย่าลืมว่า...เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เราเป็นธัมมะคือสิ่งที่มีจริงตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
https://youtu.be/4MWH6D0qHZk
:b12:
:b12: :b12:


เราพูดถึงนิพพาน ไปโน่น ไปนางวิสาขาอีก อย่างนี้แหละ เขาเรียกไปไหนมา สามวาสองศอก

แล้วก็ทำให้เห็นภาพแม่สุจินพูด พอมีคนถาม ท่านจะแย้งจะแทรกไม่ให้ออกนอกเรื่องที่ท่านพูด เพราะอะไร เพราะเขาถามแล้ว ตอบไม่ได้ :b32: สรุปก็คือพูดไปคนเดียวตามแนวทางของแก (นี่เท่าที่สังเกต) :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2020, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือทำตามนี้เลยค่ะ เพราะอ่านกระทู้การเดินจงกรมของคุณแล้ว
ไม่รู้สึกว่าตัวเบานะคะ ปกติค่ะ แต่เหมือนมีตัวเราอีกคนทำไปก่อนแล้วอย่างเงี้ยค่ะ
ตอนกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง ก็เป็นค่ะ คือยังไม่ได้กำหนด แต่มีตัวเราอีกคนกำหนดไปก่อนแล้วค่ะ


อ้างคำพูด:
คือยังไม่ได้กำหนด แต่มีตัวเราอีกคนกำหนดไปก่อน


นี่เป็นลักษณะของการกำหนดอารมณ์ยังไม่ขาดยังไม่ชัด

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=24709&start=45

บางรายเดินจงกรมแล้วเห็นเป็นพระพุทธเจ้า เห็นตัวเองเป็นคนอื่นเดิน นี่ก็ลักษณะการกำหนดอารมณ์ยังไม่ชัดยังไม่ขาด สติและสัมปชัญญะยังมีกำลังไม่พอ ไม่เสียหายอะไร ต้องค่อยๆกำหนดไป ค่อยๆฝึกไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2020, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่านิพพานเที่ยงตรงแม่นยำเปลี่ยนแปลงไม่ได้รึเปล่าคะ...ทุกคำในพระไตรปิฏกตถาคตเที่ยงทุกคำ

cool
ทีนี้มาทดสอบกันชัดๆ
คิดตามให้เข้าใจถูกตัวนะ
แล้วดูว่าเปลี่ยนจากเคยคืดผิด
มาเป็นคึดทบทวนตรงที่ตัวมีตามคำนี้
ไม่มีเรา...คิดสิลืมตาดูเห็นว่ามีมือใช่ไหมนั่นคือมีตัวตนของเราแล้ว
มันรู้จักเข้าใจตามคำตรงตัวไหมบอกว่าคำสอนคิดไตร่ตรองถูกตรงตามได้เท่านั้นตรงที่กำลังมีด้วยเดี๋ยวนี่เลย
คุณเป็นคนที่คิดไม่ซื่อตามตรงและเข้าใจตรงตามเป็นจริงไม่ถูกตัวคือมันเห็นมือแล้วรู้สึกว่ามีตัวคนทั้งตัวแล้ว
เปลี่ยนได้ไหมก็รู้สึกตัวแล้วว่ามีตัวตนเป็นคนอยู่ยังมีตาไม่บอดและหูไม่หนวกด้วยบอกว่าให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อไง
:b12:
:b4: :b4:


บอกว่าจับพุทธธรรมผิดด้านผิดฝาผิดตัว ยังไม่เข้าใจอีก ก็เพราะไปคิดยังงั้นน่าซี่ ถึงได้มีการคิดฟังแท้ฟังเทียม ขยิบหูขยิบตา ขี้หอมขี้เหม็น

นิพพาน หมายถึงสภาพของจิตที่หมดจากกิเลสตัณหาอุปาทาน สภาวะจิตเช่นนั้นแหละเรียกนิพพาน

:b32:
เอาขัดๆเลย
นางวิสาขาวิคารมาดา...มหา...อุบาสิกา...มีตำราให้เรียนเพื่อติดคำว่ามหาหรือ
บรรลุโสดาบันหลังจากฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าตอนอายุ7ปี
หลังบรรลุธรรมเป็นโสดาบันมีอายุไปจนตายค่ะนางมีอายุยืนถึง120ปี-7=เป็นโสดาบันตอนเป็นคนถึง113ปี
นางวิสาขาฯได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าและสาวกอรหันต์ยุคนั้นตลอด113ปียังไม่บรรลุสกิทาคามี
ถามว่าชาตินี้คุณเคยฟังคำสอนบ้างไหมคะคิดสิคะตอนนี้คุณมีอายุเท่าไหร่และจะตายตอนอายุกี่ปีไม่ฟังเลย
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ให้เชื่อเพราะว่ามีตำราไว้ดูจะศึกษาคำสอนให้เกิดปัญญาตรงตามที่บัญญัติไว้เริ่มที่สุตะ
ฟังบ้างนะวันละ1คลิปก็ยังดี...อย่าลืมว่า...เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เราเป็นธัมมะคือสิ่งที่มีจริงตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
https://youtu.be/4MWH6D0qHZk
:b12:
:b12: :b12:


เราพูดถึงนิพพาน ไปโน่น ไปนางวิสาขาอีก อย่างนี้แหละ เขาเรียกไปไหนมา สามวาสองศอก

แล้วก็ทำให้เห็นภาพแม่สุจินพูด พอมีคนถาม ท่านจะแย้งจะแทรกไม่ให้ออกนอกเรื่องที่ท่านพูด เพราะอะไร เพราะเขาถามแล้ว ตอบไม่ได้ :b32: สรุปก็คือพูดไปคนเดียวตามแนวทางของแก (นี่เท่าที่สังเกต) :b13:

:b12:
คุณกรัชกายคะเวลาคุณพูดชื่อตัวเองคุณนึกถึงคนที่มีตัวรึเปล่า555
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา แล้วที่เขียนว่า เราพูดถึงนิพพาน ผิดเลยนะนั่นน่ะ
เพราะนิพพานเป็นสภาวะหมดอยากรู้ไม่อยากเห็นไม่อยากได้ยินไม่อยากรู้อะไรแล้วนะคะ
ถ้ายังอยากทำยังอยากมีบ้านอยากมีเงินอยากรวยอยากสวยอยากรู้อยากถึงนิพพานมันไปนิพพานไม่ได้
เพราะคุณไม่รู้และคุณไม่เพียรพยายามฟังเพื่อทำความเข้าใจความจริงเทียบกับความจำว่าอะไรถูกอะไรผิด
ก็มัวเอาตัวตนไปคิดทำโน่นนี่นั่นไม่หยุดมันอยากรู้มากอยากถึงนิพพานมากจนไม่ฟังเพื่อให้รู้นี้ดับความอยาก
:b32:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2020, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือทำตามนี้เลยค่ะ เพราะอ่านกระทู้การเดินจงกรมของคุณแล้ว
ไม่รู้สึกว่าตัวเบานะคะ ปกติค่ะ แต่เหมือนมีตัวเราอีกคนทำไปก่อนแล้วอย่างเงี้ยค่ะ
ตอนกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง ก็เป็นค่ะ คือยังไม่ได้กำหนด แต่มีตัวเราอีกคนกำหนดไปก่อนแล้วค่ะ


อ้างคำพูด:
คือยังไม่ได้กำหนด แต่มีตัวเราอีกคนกำหนดไปก่อน


นี่เป็นลักษณะของการกำหนดอารมณ์ยังไม่ขาดยังไม่ชัด

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=24709&start=45

บางรายเดินจงกรมแล้วเห็นเป็นพระพุทธเจ้า เห็นตัวเองเป็นคนอื่นเดิน นี่ก็ลักษณะการกำหนดอารมณ์ยังไม่ชัดยังไม่ขาด สติและสัมปชัญญะยังมีกำลังไม่พอ ไม่เสียหายอะไร ต้องค่อยๆกำหนดไป ค่อยๆฝึกไป

:b12:
เดี๋ยวนี้จิตมีครบ6ทางและทุกขณะทุกทางรู้อารมณ์ตรงทางไม่ปนกันค่ะ
อารมณ์คือสิ่งที่ถูกจิตรู้ค่ะและจิตรู้ทุกอย่างเลยค่ะยังไม่พูดอะไรก็จำแล้ว
ถ้าอยากจะถึงนิพพานมันต้องทำให้จิตคิดถูกตามคำสอนให้ตรงทีละ1ทาง
เพราะคิดรวมๆปนกัน6ทางมันหลงผิดว่ามีตัวตนยึดตัวตนว่ามีจริงจริ๊งให้ตายสิ
มันคิดมากเกิน1ทางมันเป็นตัวแล้วดับแล้วด้วยตัวไม่มีแล้วเอ้อก็ยังคิดอยู่นั่นว่าทำได้เอาตัวไปทำ555
:b32:
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 148 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร