วันเวลาปัจจุบัน 09 ส.ค. 2025, 13:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 212 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕
แห่งไฟนั้นเป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาไฟ
๑. ย่อมเผาหญ้าใบไม้กิ่งไม้ให้ไหม้ได้
๒. ไม่มีความกรุณาสงสารเชื้อไฟเลย
๓. ย่อมกำจัดความหนาวเสียได้
๔. ย่อมไม่มีความยินดียินร้าย
๕. ย่อมกำจัดความมืดเสียได้

ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกับไฟนี้แล คือ
๑. ต้องพยายามเผากิเลสทั้งหลายด้วยไฟ คือปรีชาญาณ
๒. ต้องไม่มีความสงสารในกิเลสทั้งปวง
๓. ต้องก่อไฟคือความเพียรให้กำจัดกิเลสเสียให้สิ้น
๔. ต้องไม่มีความยินดียินร้ายระวังอยู่ทุกอิริยาบถ
๕. ต้องกำจัดความมืดคืออวิชชา ดังพุทธภาษิตที่ตรัสสอนพระราหุลว่า
ราหุลท่านจงเจริญภาวนาอันเสมอด้วยไฟเพราะว่า เมื่อท่านเจริญอยู่เช่นนั้น
อกุศลทั้งหลายที่ไม่เกิด จะได้ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะไม่ครอบงำจิต
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบละ

ปัญหาที่ ๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕
แห่งลมนั้นเป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาลม
๑. ย่อมพัดกลิ่นดอกไม้ให้หอมหวนไปในป่า
๒. ย่อมพัดให้ต้นไม้ถอนรากขึ้นได้
๓. ย่อมพัดไปในอากาศ
๔. ย่อมเชยกลิ่นหอม
๕. ไม่ปรากฏว่ามีที่อยู่

ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องกอปรด้วยคุณสมบัติเช่นเดียวกับลม คือ
๑. ยินดีในอารมณ์ซึ่งมีดอกไม้คือวิมุติอันบานแล้ว
๒. พิจารณาสังขาร ถอนรากแห่งกิเลสทั้งหลาย
๓. ปล่อยจิตให้เพลิดเพลินไปในโลกุตรธรรม
๔. เชยกลิ่นคือศีลของตน
๕. ต้องเป็นผู้ไม่มีอาลัย ไม่มีเกาะเกี่ยว ดังพุทธภาษิตว่า ภัยเกิดแต่ความรัก
ธุลีละอองเกิดแต่ที่อยู่ ความไม่มีที่อยู่อาลัยเป็นเหตุส่อให้รู้ว่า เป็นนักปราชญ์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ดีละ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๕
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสนผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕ แห่ง
ภูเขานั้นเป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อันภูเขา
๑. เป็นของไม่หวั่นไหวไม่สะเทือน
๒. เป็นของแข็ง ไม่เจือปนด้วยสิ่งอื่น
๓. พืชพันธุ์ย่อมไม่งอกงามบนภูเขาที่เป็นศิลาก้อนเดียว
๔. เป็นของสูง
๕. เป็นของไม่ฟูขึ้นและไม่ยุบลง

ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติพึงกระทำตนเช่นเดียวกับภูเขานี้แล คือ
๑. ไม่ยินดีในอารมณ์ที่น่าปรารถนาไม่ยินร้ายในอารมณ์ที่ไม่ปรารถนา
คงที่ไม่หวั่นไหวในเพราะนินทาสรรเสริญเป็นต้น
๒. ต้องแข็งแรงไม่ระคนด้วยหมู่ดุจพุทธภาษิตว่า เราตถาคต เรียก
ผู้ที่ไม่ระคนด้วยหมู่ ไม่มีความอาลัยในที่อยู่มักน้อยว่าเป็นพราหมณ์

๓. ต้องอย่าให้กิเลสงอกขึ้นในใจของตน ดังคำพระสุภูติว่า เมื่อใดจิต
ประกอบด้วยราคะ เมื่อนั้นเราผู้เดียวทรมานจิตให้ออกจากป่าคือกิเลส
นี้เป็นที่อยู่ของผู้ออกจากป่า
๔. ต้องเป็นผู้สูงเลิศลอยพระญาณ ดังพุทธภาษิตว่า เมื่อใดบัณฑิต
บรรเทาเสียซึ่งความประมาทด้วยความไม่ประมาท เมื่อนั้นบัณฑิตนั้น
ย่อมขึ้นสู่ประสาทคือปัญญา ไม่มีความโศก หยั่งเห็นชนผู้มีความโศก
ปราชญ์หยั่งเห็นคนพาลเหมือนคนยืนอยู่บนภูเขาและเห็นคนยืนอยู่ที่
พื้นดินฉะนั้น

๕. ไม่ฟูในเมื่อประสบอิฏฐารมณ์ไม่ยุบลงในเมื่อประสบอนิฏฐารมณ์
ดังคำที่นางจุลสุภัททายกย่องสมณะว่า สัตว์โลกฟูขึ้นเพราะได้ลาภ
แฟบลงเพราะเสื่อมลาภ แต่สมณะของฉันมีจิตคงที่ ไม่ฟูไม่แฟบเพราะ
เหตุนั้น
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕
แห่งอากาศนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาอากาศ
๑. ใครๆ จะถือไว้ไม่ได้
๒. เป็นที่สัญจรแห่หมู่ฤษีมุนีและสกุณชาติทั้งหลาย
๓. เป็นฐานแห่งความสะดุ้ง
๔. ไม่มีที่สิ้นสุดไม่มรประมาณ

๕. เป็นที่ๆ ไม่ติดไม่ข้อง
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติพึงทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกับอากาศนี้ คือ
พึงเป็นผู้
๑. อันกิเลสไม่พึงรัดรึงโดยประการทั้งปวง
๒. ปล่อยใจให้สัญจรไปในสังขารทั้งหลายโดยมนสิการว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
๓. ต้องหวาดกลัวต่อการปฏิสนธิ
๔. ต้องมีศีลเรียบร้อยหมดจดไม่สิ้นสุด มีญาณแก่กล้าหาประมาณมิได้

๕. ไม่ติดไม่ข้องอยู่ในตระกูลในหมู่คณะในอิฏฐารมณ์ทั้งปวง ดุจพุทธ
ภาษิตที่ตรัสสอนพระราหุลว่า อากาศไม่ได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไรๆ ฉันใด
จงเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศ ฉันนั้น เพราะว่าเมื่อเจริญได้เช่นนั้น
ผัสสะทั้งปวงย่อมครอบงำจิตไม่ได้
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า เธอฉลาดว่า

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติพึงถือองค์ ๕
แห่งพระจันทร์นั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร พระจันทร์
๑. ย่อมส่องแสงสว่างในศุกลปักษ์ขึ้นทุกทีๆ
๒. เป็นนักษัตรใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่ง
๓. ย่อมฉายรัศมีในเวลากลางคืน
๔. มีวิมานเป็นธง

๕. ชาวโลกย่อมปรารถนาให้ส่องแสงฉายรัศมีอยู่เนืองนิตย์
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกับองค์แห่ง
พระจันทร์นี่แล คือ
๑. ต้องเจริญยิ่งๆ ขึ้นในกุศลธรรมทั้งหลาย
๒. ต้องมีฉันทะความพอใจเป็นใหญ่เป็นประธาน
๓. ต้องเป็นผู้สงัดเงียบ
๔. ต้องเป็นผู้มีศีลเป็นธง

๕. เมื่อตระกูลเขาอาราธนาก็เข้าไปสู่ตระกูลตามปรารถนา ดุจ
พุทธภาษิตในสังยุตตนิกายว่า ภิกษุทั้งหลายจงเข้าไปสู่ตระกูลเหมือน
พระจันทร์ อย่าคะนองกายอย่าคะนองจิต เป็นคนใหม่ในตระกูลเป็นนิตย์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบละ

ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๗
แห่งพระอาทิตย์นั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร พระอาทิตย์
๑. ย่อมเผาน้ำให้เหือดแห้งได้
๒. ย่อมกำจัดเสียซึ่งมืด
๓. ย่อมส่องโลกทุกๆ วัน
๔ มีรัศมีเป็นระเบียบ

๕. แผดเผาหมู่คนให้เร่าร้อน
๖. กลัวราหู
๗. ส่งให้เห็นที่สะอาดหรือสกปรก
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๗ แห่งพระอาทิตย์นี้เป็นตัวอย่าง
แห่งความประพฤติ คือ
๑. ต้องเผากเลสให้เหือดแห้งไม่ให้เหลืออยู่
๒. ต้องกำจัดความมืด คือราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฐิ

๓. ต้องกระทำโยนิโสมนิสการเนืองๆ
๔. ต้องมีอารมณ์เป็นระเบียบ
๕. ต้องยังโลกให้เจริญด้วยกุศลธรรม
๖. เห็นหมู่ชนข้องอยู่ในข่าวคือ กิเลสก็สงสารสลดใจเพราะกลัวภัยคือ
กิเลสนั้นๆ
๗. ต้องแสดงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ให้เห็นแจ่มแจ้ง ดังคำที่
พระวังคีสเถรกล่าวไว้ว่า ภิกษุผู้แสดงธรรมย่อมยังหมู่ชนที่ถูกอวิชชาปกปิดอยู่
ให้เห็นธรรมต่างๆ ดุจทางเดินที่พระอาทิตย์ส่องให้มองเห็นฉะนั้น
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ถูกละ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓
แห่งท้าวสักกะนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ท้าวสักกะ
๑. ย่อมอิ่มเอิบไปด้วยความสุขส่วนเดียว
๒. เป็นจอมแห่งเทวดา ทรงยกย่องทวยเทพให้เกิดความร่าเริง
๓. ความเบื่อหน่ายย่อมไม่มีแก่ท้าวสักกะ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับท้าวสักกะนี้แล คือ
๑. ต้องอิ่มไปด้วยความสุข ซึ่งเกิดแต่ความสงัดกายสงัดใจ

๒. ประคองใจไม่ให้หดหู่ ให้ร่าเริงในการเจริญกุศลธรรมอยู่เป็นนิตย์
๓. ต้องไม่เบื่อหน่ายในเรือนอันว่างเปล่า ดังภาษิตที่พระสุภูติเถรกล่าวไว้ว่า
ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์บวชในศาสนาของพระองค์ มิได้รู้สึกกำหนัดรัก
ใคร่เลย
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๔ แห่ง
พระเจ้าจักรพรรดิ์นั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร พระเจ้าจักรพรรดิ์
๑. ย่อมทรงสงเคราะห์มหาชนด้วยสังคหวัตถุ ๔
๒. หมู่โจรย่อมไม่อาจซ่องสุมอยู่ในแว่นแคว้นของพระองค์ได้
๓. ทรงพระราวิจารณ์ความดีความชั่ว ชักจูงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้ดำเนิน
รอยตามพระบาท

๔. ทรงจัดการปกครองทั่วพระราชอาณาจักร มีอารักขาทังภายในภายนอก
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องเป็นเช่นนี้แล คือ
๑. ต้องยึดเหนี่ยวน้ำใจของบริษัท ๔ชักชวนให้ร่าเริงในกุศลธรรม
๒. ต้องไม่ให้วิตกทั้ง ๓ ซ่องสุมอยู่ในใจได้ ดังพุทธภาษิตว่า ผู้ยินดีในธรรม
เครื่องระงับวิตก เป็นผู้มีสติเจริญอสุภารมณ์ ย่อมกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ได้
๓. ต้องพิจารณากายวาจาใจอยู่ทุกขณะๆ ดุจพุทธภาษิตว่า พึงพิจารณา
เนืองๆ ว่า วันคืนล่วงไป เราเป็นอยู่อย่างไร

๔. ต้องมีสติป้องกันกิเลสทั้งภายในภายนอก สมด้วยพุทธภาษิตว่า
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกเป็นผู้มีสติดุจนายประตู ละเสียซึ่งอกุศล ยังกุศล
ให้เจริญอยู่
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ดีแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
กุญชรวรรคที่ ๔
ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งปลวกนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ปลวกย่อมขนดินมาทำเป็นจอมขึ้น
แล้วซ่อนตัวอยู่ในจอมปลวก เที่ยวหาอาหารกินฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นฉันนั้น
คือต้องทำเครื่องปิดบังกล่าวคือ ศีลสังวร และปิดใจมิให้ฟุ้งซ่าน เที่ยวรับอาหาร
บิณฑบาต ดุจเถรภาษิตว่า ผู้ประกอบความเพียรทำใจให้มีสังวรเป็นเครื่องปิดบัง
ย่อมพ้นจากภัย
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งแมวนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร วิสัยแมว
๑. เมื่อไปในเรือนก็ดี ไปสู่โพรงไม้เป็นต้นก็ดี ย่อมมุ่งต่อการแสวงหาหนู
เท่านั้น
๒. ย่อมหากินในที่ใกล้
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติก็ต้องประกอบด้วยองคคุณเช่นเดียวกับแมว คือ
๑. เมื่อไปป่าก็ดี ไปอยู่ ณ โคนไม้ก็ดี ไปอยู่เรือนว่างเปล่าก็ดี ต้องเป็นผู้ไม่

ประมาทแสวงหาโภชนะกล่าวคือกายคตาสติอย่างเดียวเท่านั้น และ
๒. เห็นความบังเกิด ความทำลายแห่งขันธ์ ๕ อยู่ทุกอิริยาบถ ดุจพุทธพจน์ว่า
ไม่ต้องกล่าวไปให้ไกลแต่นี้นักภวัคคพรหมจักทำอะไรได้ เมื่อบุคคลพิจารณา
ในเรื่องขันธ์อันเป็นปัจจุบันก็ย่อมเบื่อหน่ายในกายของตนได้
พระเจ้ามิลินืท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งหนูนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ปรกติของหนูที่วิ่งไปข้างโน้นวิ่งไป
ข้างนี้ก็ด้วยหวังต่ออาหารฉันใด ผู้ประกอบความเพียรก็ต้องเที่ยวไปข้างโน้นบ้าง
ข้างนี้บ้าง เพื่อมุ่งต่อการกระทำโยนิโสมนสิการอย่างเดียวฉันนั้น ดุจคำที่พระ
อุปเสนเถรวังคันตบุตรกล่าวว่า ผู้เจริญวิปัสสนาทำความมุ่งหวังในธรรมไม่มี
ความท้อถอย มีไตรทวารสงบระงับ มีสติอยู่ทุกเมื่อ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งแมลงป่องนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร แมลงป่องมีหางเป็นอาวุธ
ชูหางเที่ยวไปฉันใด ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติฉันนั้นเหมือนกัน คือต้อง
มีญาณความรู้เป็นอาวุธ ยกญาณความรู้ขึ้นขัดเกลากิเลสให้หมดสิ้นไป ดัง
นัยแห่งภาษิตว่าผู้มีปรีชาถือพระขรรค์กล่าวคือญาณเที่ยวไปอยู่ ย่อมพ้น
จากอันตรายทั้งปวงได้ และยากที่ใครจะผจญได้
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๕
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งพังพอนนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร พังพอนเกลือกกายด้วยยาแล้ว
เข้ากัดงูฉันใด ผู้ปฏิบัติก้ต้องประพฤติฉันนั้นกล่าวคือ ต้องลูบทาน้ำใจด้วยยา
คือ เมตตา พรหมวิหาร แล้วเข้าใกล้ผู้มีความโกรธความอาฆาต ดังภาษิตที่
พระสารีบุตรกล่าวไว้ใจความว่า บุคคลพึงเจริญ เมตตาจิต กรุณาจิตในตนและ
ผู้อื่น นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ถูกแล้ว

ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งสุนัขจิ้งจอกนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาสุนัขจิ้งจอกแก่ได้
โภชนาหารแล้วไม่เกลียดชัง กินจนพอต้องการและไม่เลือกว่าชั่วหรือดีอย่างไร
ฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นฉันนั้นเหมือนกัน คือเมื่อได้โภชนาหารแล้วก็มิได้
รังเกียจ และบริโภคพอดำรงชีวิตให้เป็นไป ดังนัยภาษิตที่พระมหากัสสปเถร
ได้กล่าวไว้ว่า ข้าพเจ้าลงจากเสนาสนะแล้วเข้าบ้าน เพื่ออาหารบิณฑบาตร

ขณะเมื่อบริโภคอยู่ มีบุรุษโรคเรื้อนนำคำข้าวเข้ามาถวายข้าพเจ้า เผอิญ
ขณะนั้นนิ้วมือของเขาขาดตกลงไปเปื้อนคำข้าว แต่ข้าพเจ้าพิจารณาคำข้าว
นั้นแล้วก็ฉันได้ ขณะฉันอยู่ก้ดี ฉันแล้วก็ดี ข้าพเจ้าไม่มีความเกลียดชังเลย
อนึ่งอาหารที่บริโภคอยู่นั้น จะดีหรือเลวอย่างไรก็ไม่ทำความรู้สึกให้
บริโภคตามมีตามได้ดุจคำในเถรคาถาว่าเรายินดีด้วยของมีอยู่ ไม่ปรารถนา
รสอื่น เมื่อเราไม่ละโมบในรสใจของเราก็ย่อมยินดีในฌาน เมื่อทำได้เช่นนี้
สมณคุณของเราก็ย่อมเต็มรอบ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า เธอฉลาดว่า

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓
แห่งเนื้อนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร นิสัยเนื้อ
๑. เวลากลางวันย่อมเที่ยวไปในป่า แต่ถึงเวลากลางคืนย่อมเที่ยวไปใน
กลางแจ้ง
๒. เมื่อหอกหรือลูกศรตกลงย่อมวิ่งหนี
๓. เห็นคนเข้าก็วิ่งหนีไปทางใดทางหนึ่ง
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับเนื้อนี้แล คือ
๑. เวลากลางวันพึงพังอยู่ในป่า ถึงเวลากลางคืนจึงอยู่ในที่แจ้ง ดุจ
พุทธภาษิตว่า ดูก่อนสารีบุตร ฤดูหนาว เวลากลางคืนน้ำค้างตกมาก แม้เช่นนั้น
ตอนกลางคืนเราก็อยู่ในที่แจ้ง กลางวันอยู่ในป่า ถึงเดือนท้ายฤดูร้อนกลางวัน
เราอยู่ในที่แจ้ง กลางคืนอยู่ในป่า

๒. เมื่อกิเลสเข้ามาใกล้ก็ไม่น้อมจิตเข้าไปหา
๓. เห็นหมู่ชนหมกมุ่นกันอยู่ก็เลี่ยงไปเสียทางอื่น ดังภาษิตที่พระสารีบุตร
กล่าวไว้ใจความว่า ขอเราอย่าได้พบคนที่มีความปรารถนาลามก เกียจคร้าน
ประพฤติไม่สมควรเลย
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๔
แห่งโคนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาโค
๑. ย่อมไม่ทิ้งที่อยู่ของตน
๒. เป็นสัตว์สำหรับบรรทุกภาระ
๓. สูดดมก่อนแล้วจึงดื่มน้ำ
๔. ย่อมเดินตามทางที่เขาต้อนไป
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทำตนให้ทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกับโคนี้แล คือ

๑. ไม่ละโอกาสของตน พยายามพิจารณาร่างกายตามลักษณะแห่ง
พระไตรลักษณะ
๒. ต้องมีพรหมจรรย์อันถือไว้ และประพฤติพรหมจรรย์ไปจนตลอดชีวิต
ง่ายก็ตามยากก็ตาม
๓. ต้องสูดดมตามพอใจตามความเลื่อมใส รับคำสั่งสอนของอุปัชฌาย์อาจารย์
๔. ต้องฟังโอวาทานุสาสนีของท่านผู้รู้ทั้งหลาย แล้วและประพฤติตาม
ดังข้อความที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรกล่าวไว้ว่า ผู้พร่ำสอนเรา แม้จะมีอายุ
เพียง ๗ ปี เราก็ยินดีรับไว้เหนือเกล้าเพื่อตั้งไว้ในตำแหน่งอาจารย์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งสุกรนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาสุกร
๑. เมื่อถึงฤดูร้อน ย่อมเข้าไปหาน้ำ
๒. เข้าใกล้เลนตม แล้วย่อมขุดดินด้วยจมูกทำเป็นปรักสำหรับนอน
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒ แห่งสุกรนี้เป็นตัวอย่าง คือ
๑. เมื่อจิตขุ่นด้วยโทศะ ก็ต้องเข้าใกล้เมตตาภาวนาซึ่งเป็นของเยือกเย็น
๒. เจริญกายคตาสติห้ามอารมณ์มิให้ครอบงำจิตได้ ดังนัยภาษิตที่พระ
ปิณโฑลภารทวาชเถรกล่าวไว้ว่า ผู้เจริญวิปัสสนาเห็นความเป็นเองในกาย
แล้วพิจารณา เป็นผู้เดียวไม่มีเพื่อนสองนอนในระหว่างอารมณ์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕
แห่งช้างนั้นเป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร นิสัยช้าง
๑. เมื่อเที่ยวไปในป่าย่อมทำลายแผ่นดิน
๒. ไม่เอี้ยวกายแลดู มองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว
๓. ไม่นอนอยู่ประจำที่ ไปหาอาหารในที่ใดก็พักนอนอยู่ในที่นั้น
๔. จะลงน้ำก็มักลงในสระบัวอันกว้างใหญ่ มีน้ำโสดาดาษไปด้วยเง่า
และดอกบัวเล่นอยู่ตามประสาช้างที่ดี

๕. ยกเท้าขึ้นก็มีสติ จดเท้าลงก็มีสติ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องกอปรด้วยคุณสมบัติเช่นเดียวกับช้างนี้แล คือ
๑. ต้องพิจารณาร่างกาย ทำลายกิเลสทั้งหลายเสีย
๒. ต้องไม่เหลียวหลังไม่เลือกทิศไม่แหงนขึ้นไปข้างบน ไม่ก้มลงข้างล่าง
มองดูตรงไปชั่วแอก
๓. ไม่มีที่อยู่ประจำเนืองนิตย์ ไม่มีอาลัย เที่ยวไปพบที่ใดเป็นที่ชอบใจและ
สมควรก็เข้าอยู่อาศัยในที่นั้น ไม่ทำความอาลัยในที่พัก

๔. เจริญสติปัฏฐานอันมีสภาพดั่งสระโบกขรณี เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำ คือ
ธรรมอันประเสริฐเยือกเย็นใสสนิท ดาดาษไปด้วยเง่าและดอกบัวคือวิมุติ
ขลุกขลุ่ยอยู่ด้วยสติปัฏฐาน
๕. มีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกอิริยาบถดุจพุทธพจน์ในสังยุตตนิกายว่า การ
สำรวมกายวาจาใจเป็นของดี สำรวมได้ทั่วไป ก็เป็นของดีผู้มีความละอาย
สำรวมไว้ได้ทั่วไป เราเรียกว่า เป็นผู้ครองตัวได้
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว
จบวรรคที่ ๔

สีหวรรคที่ ๕
ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๗
แห่ง ราชสีห์นั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาของราชสีห์
๑. เป็นสัตว์หมดจดสะอาดไม่มัวหมอง
๒. เที่ยวไปด้วยเท้า ๔ มีเยื้องกรายอย่างกล้าหาญ
๓. มีรูปทรงโอ่อ่า สร้อยคอสะสวย

๔. ไม่นอบน้อมสัตว์ใดๆ แม้เพราะจะต้องเสียชีวิต
๕. หาอาหารไปโดยลำดับ พบปะอาหารในที่ใดก็กินเสียจนอิ่มในที่นั้น
ไม่เลือกว่าดีกรือไม่ดี กินได้ทั้งนั้น
๖. ไม่ทำการสะสมปัจจัยไว้บริโภค
๗. ไม่ได้โภชนะก็ไม่สะดุ้งตกใจ ได้มาก็ไม่ยินดี พิจารณาเห็นโทษแห่ง
โภชนะก่อนแล้วจึงบิโภค ดังบาลีในสังยุตตนิกายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
กัสสปเป็นผู้สันโดษด้วยปัจจัยตามมีตามได้ ทั้งกล่าวสรรเสริญความสันโดษ
ตามมีตามได้ ไม่แสวงหาในทางไม่ควรไม่ได้ก็ไม่สะดุ้ง ได้ก็ไม่ยินดี ไม่มัวเมา
เห็นโทษในการบริโภคปัจจัย
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓
แห่งนกจากพรากนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร นิสัยนกจากพราก
๑. ย่อมไม่ทิ้งนางนกที่เป็นภรรยาจนตลอดชีวิต
๒. มีสาหร่ายและจอกแหนเป็นภักษาหาร แม้ถึงเช่นนั้นกำลังก็ไม่อิดโรย
ผิวพรรณก็ไม่ซูบซีดเพราะอาหารเช่นนั้น
๓. ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๔ แห่งนกจากพรากนี้เป็นคติ คือ
๑. ต้องไม่ละทิ้งการกระทำในใจโดยอุบายที่ชอบจนตลอดชีวิต
๒. ต้องทำความเต็มใจในลาภที่ได้มา เมื่อทำได้เช่นนี้แล้ว ก็จะไม่เสื่อม
จากศีล สมาธิ ปัญญา

๓. มีอาชญาวางเสียแล้ว มีความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูลใน
สัตว์ทั่วไป ดังนัยภาษิตว่า ผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ย่อมไม่มีเวรกับใครๆ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า เธอว่านี้ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งนางนกเงือกนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร นิสัยนางนกเงือก
๑. ย่อมหึงคู่ของตัว ให้คู่อยู่รักษาลูกแต่ในโพรง แล้วคาบเหยื่ออันพึงใจ
มาทิ้งลงในโพรง ปิดปากโพรงด้วยของลามก เลี้ยงดูไว้ในโพรง
๒. กลางวันเที่ยวหาเนื้อในป่า เวลาเย็นก็บินกลับมาฝูงเพื่อรักษาตัว
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒ แห่งนางนกเงือกนี้เป็นตัวอย่าง
แห่งความประพฤติ คือ

๑. เมื่อกิเลสเกิดขึ้นในใจก็หึงหวงดุจนางนก ใส่ใจไว้แต่ในการสำรวม
ดังโพรงด้วยสติที่ตั้งมั่น แล้วเจริญกายคตาสติ
๒. เสพธรรมที่ควรเสพ อยู่ในเสนาสนะอันสงัดเงียบแต่ผู้เดียว เมื่อ
หมดความยินดีในที่นั้นแล้ว ก็กลับมาหาหมู่ รักษาหมู่ให้งดงาม ดุจเทวดา
ภาษิตที่ท้าวสหัมบดีพรหมกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ผู้ปรารถนาจะพ้น
สังโยชน์พึงอยู่ในที่อันสงัดประพฤติธรรมที่พ้นจากสังโยชน์ ถ้าหากยินดี
ในที่นั้น พึงมีสติรักษาตนอยู่ในหมู่
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า เธอฉลาดว่า

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งนกกระจอกนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อันนกกระจอกย่อมอยู่อาศัยเรือน
ผู้อื่น แต่จะได้ถือเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งในเรือนนั้นก็หามิได้ มีใจเที่ยงตรงแน่วแน่
มากไปด้วยสัญญา อาศัยอยู่ฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ต้องกระทำ ฉันนั้น คือเมื่อเข้าไป
สู่ตระกูลใดๆ ไม่พึงถือเอานิมิตในบุคคล ในสิ่งของ พึงเป็นผู้มัธยัสถ์ ระมัดระวัง
ตน ตั้งสมณสัญญาให้ปรากฏมั่นไว้ในใจ ดังนัยพุทธภาษิตว่า ภิกษุเข้าไปสู่
ตระกูลในพระปานะหรือโภชนะพึงขบฉันพอประมาณ แต่อย่าพึงทำใจให้
หลงใหลในรูป
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๕
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งนกเค้านั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร นิสัยนกเค้า
๑. เมื่อโกรธกาขึ้นมา พอถึงเวลากลางคืนก็ไปยังฝูงกาฆ่ากาเสีย
๒. เป็นสัตว์หลีกเร้นอยู่ ณ ที่ลับ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทำตนให้กอปรด้วยองคคุณเช่นเดียวกับ
นกเค้านี้แล คือ
๑. อยู่ในที่สงัดแต่ผู้เดียว ประหารอวิชชาให้ขาดตลอดถึงราก

๒. หลีกเร้นบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่า ดังบาลีซึ่งมีใจความว่า ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความสงัดเป็นที่มารื่นรมย์ ยินดีในความหลีกเร้น ย่อมรู้ชัด
ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้สมุทัยเหตุให้เกิดทกุข์ นี้นิโรธความดับทุกข์
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา หนทางเครื่องดับทุกข์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า เธอว่านี้ดีแล้ว

ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งนกตะขาบนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ปรกติของนกตะขาบเมื่อร้องขึ้น
ย่อมบอกลางดีลางร้ายฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็น ฉันนั้น คือเมื่อแสดงธรรมแก่
ชนเล่าอื่น ต้องแสดงวินิบาตโดยความเป็นทุกข์ แสดงพระนิพพานโดยความ
เป็นสุข ดุจเถรภาษิตซึ่งมีใจความว่าพึงแสดงความน่ากลัวในนรก แสดงความ
สุขในพระนิพพาน
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า เธอว่านี้ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งค้างคาวนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร นิสัยค้างคาว
๑. เมื่อเข้าไปเรือนบินรอบๆ แล้วก็ออก ไม่สมัครอยู่ในเรือน
๒. เมื่อบินอยู่ในเรือนของผู้ใด ก็ไม่ทำความเสียหายให้
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องกอปรด้วยองคคุณเช่นเดียวกับค้างคาวนี้แล คือ
๑. เมื่อเข้าไปบิณฑบาตในบ้าน เที่ยวไปตามลำดับตรอกได้บิณฑบาต
แล้วก็กลับ ไม่กังวลอยู่ในเรือนนั้น

๒. เมื่อเข้าไปสู่ตระกูล ก็ไม่ทำความเดือดร้อนให้แก่เขา ดุจพุทธภาษิต
ในลักขณสูตรทีฆนิกายว่า บุคคลย่อมปรารถนาต่อชนอื่นว่า ไฉนหนอมหาชน
จะไม่พึงเสื่อมจากศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา กุศลธรรม สัปปุริสธรรมและ
ทรัพย์สมบัติเป็นต้น อนึ่ง ย่อมปรารถนาให้เขามั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยสมบัตินั้นๆ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓
แห่งปลิงนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ปลิงเมื่อเกาะที่ตรงไหน ก็เกาะแน่นดูดเลือดกินอยู่
ที่ตรงนั้น ฉันใด ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติเมื่อจิตหน่วงในอารมณ์ใด ก็พึงยึด
อารมณ์นั้นไว้ให้แน่น โดยการยึดสีสัน ทิศ โอกาส บริเฉทลิงค์และนิมิต จะได้
ดื่มเลือดคือวิมุต ฉันนั้น ดังวจนะประพันธ์ ที่พระอนุรุทธเถรกล่าวไว้อัน
มีใจความว่า บุคคลมีจิตบริสุทธิ์ตั้งอยู่เฉพาะในอารมณ์ พึงดื่มรสคือวิมุติอัน
ไม่เจือกิเลสด้วยจิต
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓
แห่งงูนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดางู
๑. ย่อมไปด้วยอก
๒. เมื่อเที่ยวไปพบปะต้นหญ้าเข้าก็หลีกเลี่ยงเสีย
๓. กัดมนุษย์เข้าแล้วย่อมเดือดร้อนเสียใจ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์แห่งงูเป็นคติ คือ

๑. ต้องเที่ยวไปด้วยปัญญา เว้นสิ่งที่ปราศจากลักษณะเจริญแต่สิ่งที่มีลักษณะ
สาม คือ อนิจจํ ทุกขํ อนัตตา
๒. ต้องเว้นจากทุจริตเที่ยวไป
๓. ตรึกไปในวิตกอันผิดแล้ว ก็เกิดความไม่ใยดี ดีเดือดร้อนเสียใจ รับแก้ไข
ให้กลับมาตรึกแต่ในกุศลวิตก ไม่ประมาท เพราะวันคืนที่ล่วงไปแล้วไม่อาจทำให้
กลับคืนมาได้อีก ดังคาถาในภัลลาติกชาดก วีสตินิบาต ซึ่งกินนรทั้งสองกล่าวไว้ว่า
ข้าแต่นายพราน เราระลึกถึงกันและกัน ไม่ได้อยู่พรากจากกันสักคืนเดียว เมื่อ

หวนนึกถึงคืนหนึ่งแล้ว ก็ย่อมเศร้าโศกเพราะคืนนั้น จักไม่กลับคืนมาอีก
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า เธอฉลาดว่า

ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งงูเหลือมนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อันงูเหลือมเป็นสัตว์มีกายใหญ่
โต ท้องพร่องอยู่เนืองนิตย์ ได้อาหารก็พอประทังชีวิตไปเท่านั้นฉันใด ผู้ปฏิบัติ
ก็ต้องกระทำตนฉันนั้นคือต้องเพียรขวนขวายเที่ยวบิณฑบาต อาศัยก้อนข้าว

ของผู้อื่นหวังก้อนข้าวที่เขาให้งดเว้นจากการหุงต้มเอง หาอาหารให้เต็มท้อง
ได้ยาก แม้ได้อาหารมาก ก็ฉันแต่พอประมาณถึงคราวได้อาหารน้อยก็ขยำน้ำฉัน
ดังภาษิตที่พระสารีบุตรกล่าวไว้ใจความว่า ภิกษุฉันอาหารสดก็ดี แห้งก็ดี อย่า
ฉันให้อิ่มนัก พึงให้ท้องพร่องไว้ ฉันแต่พอประมาณ มีสติ เว้นคำข้าวไว้
๔-๕ คำ เลิกฉันแล้วพึงดื่มน้ำ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว
มักกฏกวรรคที่ ๖

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งแมลงไว้ริมทางมุมนั้น เป็นไฉน

พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อันแมลงมุมชักใยเป็นข่ายเป็น
เพดานเมื่อมีหนอนมีแมลงหรือบุ้งมาติดใยเข้า ก็วิ่งไปจับเอาสัตว์นั้นๆ มากิน
เสียฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นฉันนั้น คือต้องทำใยกล่าวคือ สติปัฏฐานให้เป็น
เพดานที่ทวารทั้ง ๖ มีตาเป็นต้น เมื่อมีแมลงคือกิเลสมาติดใย ก็พึงฆ่าเสีย
ที่ใยนั้น ดังวจนะประพันธ์ที่พระอนุรุทธเถรกล่าวไว้ใจความว่า สติปัฏฐาน
เป็นดุจเพดานในทวารทั้ง ๖ เมื่อกิเลสเข้ามาในเพดาน คือ สติปัฏฐานแล้ว
ผู้มีปัญญาพึงฆ่ากิเลสนั้นๆ เสีย
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติก็ต้องมุ่งแต่
ประโยชน์ของตนขวนขวายแต่อุเทศปริปุจฉาที่สงัด และการอยู่ร่วมด้วย
กัลยาณมิตร ดังพุทธภาษิตว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงพยายามในประโยชน์
ของตน จงเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตตั้งมั่นอยู่ทุกอิริยาบถเถิด
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งเต่าเหลืองนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อันเต่าเหลืองย่อมเที่ยวไป
บนบกเพราะกลัวน้ำ แต่ก็หามีอายุน้อยเพราะเหตุไกลน้ำไม่ ฉันใด ผู้ปฏิบัติ
ก็ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเช่นเต่าเหลืองเหมือนกันฉันนั้น คือเห็นภัยใน

ความประมาทเป็นนิตย์เห็นคุณในความไม่ประมาทเป็นปรกติ จึงจะไม่เสื่อม
จากความดีมีแต่ความเจริญยิ่งขึ้นโดยลำดับ ชื่อว่าได้ส่งตนให้ดำเนินไปสู่ที่
ใกล้พระนิพพาน ดุจพุทธภาษิตซึ่งมีใจความว่า ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท
หรือเห็นภัยในความประมาท จึงเป็นผู้ไม่เสื่อมปฏิบัติใกล้พระนิพพานโดยแท้
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 11:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕
แห่งป่าชัฏนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ธรรมดาป่าชัฏ
๑. ย่อมปิดบังเหล่าชนที่สกปรกไว้ได้
๒. เป็นที่เปล่าจากชนหมู่มาก
๓. เป็นที่เงียบสงัด
๔. เป็นที่บริสุทธิ์
๕. เป็นที่อันพระอริยชนส้องเสพ

ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทำตนให้ทรงองคคุณเช่นเดียวกับป่าชัฏนี้แล คือ
๑. ต้องปกปิดไม่เปิดเผยความผิดพลาดของผู้อื่น
๒. เป็นผู้ว่างเปล่าจากข่ายคือราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฐิ และกิเลสทั้งปวง
๓. เป็นผู้สงบจากอกุศลธรรมทั้งปวง
๔. เป็นผู้หมดจดจากความมัวหมองทั้งหลาย
๕. เป็นผู้ส้องเสพด้วยพระอริยชน ดังพุทธนิพนธ์ในสังยุตตนิกาย
ซึ่งมีใจความว่า ผู้มีปัญญาพึงเสพด้วยบัณฑิต
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๕
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓
แห่งต้นไม้นั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาต้นไม้
๑. ย่อมมีดอกออกผล
๒. มีร่มเงาในหมู่ชนอาศัย
๓. ไม่เลือกผู้อาศัย เข้นไปพักร่มได้ทุกคน

แม้ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นเช่นนี้ คือ
๑. ต้องเป็นผู้ทรงดอกไม้กล่าวคือ วิมุต และมีผลกล่าวคือ สามัญคุณ
๒. ต้องต้อนรับด้วยอามิสปฏิสันถาร และธรรมปฏิสันถารแก่ผู้เข้าไปหา
๓. เจริญเมตตาภาวนาในสัตว์ทั่วไป ทำตนให้ปราศจากอคติ ดังคำที่
พระสารีบุตรเถรกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า พระมุนีนาถเจ้ามีพระหฤทัย
เสมอในชนทั้งปวง คือ ในพระเทวทัต ในองคุลิมาลโจร ในธนปาลกคชสาร
และในพระราหุล
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า น่าเลื่อมใสแท้

ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕
แห่งฝนนั้นเป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาฝน
๑. ย่อมชำระธุลีเหงื่อไคลได้
๒. ย่อมดับความร้อนที่แผ่นดินเสียได้
๓. ย่อมทำพืชพันธุ์ให้งอกงาม
๔. ย่อมรักษาหญ้าและต้นไม้เครือเขา พุ่มไม้ ผักที่งอกแล้วให้เจริญงาม
ขึ้นได้

๕. ย่อมยัง แม่น้ำ หนอง สระบัวห้วยธารบ่อบึงให้เต็มด้วยธารน้ำ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องกอปรด้วยองค์ ๕ เช่นเดียวกับฝนนี้ คือ
๑. ต้องชำระล้างธุลีคือกิเลสให้หมดสิ้นไป
๒. ต้องดังความร้อนของโลกด้วยเมตตาภาวนา
๓. ต้องเพาะศรัทธาแก่หมู่ชนให้งอกงามขึ้น
๔. รักษาสมณธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งๆ ขึ้น
๕. ยังฝนคือปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธให้ตก ยังใจของผู้ใคร่ต่อปฏิเวธให้เต็มเปี่ยม
ดังคำที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรกล่าวว่า สมเด็จพระมหามุนีเจ้าทรงเห็นชน
ผู้ควรตรัสรู้ถึงทางจะใกล้ตั้งแสนโยชน์ ก็เสด็จไปถึงโดยครู่เดียวแล้วตรัสสอน
ให้รู้ตาม
พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า ชอบแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓
แห่งแก้วมณีนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาแก้วมณี
๑. เป็นของหมดจนเกลี้ยวเกลา
๒. ไม่มีอะไรเข้าไปเจือปน
๓. ชนิดแก้วมณีก็อยู่ส่วนแก้วมณี
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติพึงทรงคุณสมบัติเช่นแก้วมณีนี้แล คือ
๑. ต้องเป็นผู้มีอาชีพหมดจดส่วนเดียว
๒. ต้องไม่ปะปนด้วยคนชั่ว

๓. ต้องอยู่ร่วมด้วยผู้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ดังวจนะประพันธ์พุทธภาษิตว่า
ท่านผู้มีสติตั้งมั่นพึงอยู่ร่วมด้วยผู้บริสุทธิ์แต่ผู้นั้นมีปัญญารักษาตัวได้จักทำ
ที่สุดแห่งกองทุกข์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ควรแล้ว

ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๔
แห่งพรานเนื้อนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาพรานเนื้อ
๑. นอนหลับน้อย
๒. ผูกใจอยู่แต่เนื้ออย่างเดียว
๓. รู้เวลาที่จะพึงประกอบกิจนั้น

๔. เห็นเนื้อก็หมายใจได้ว่าได้เนื้อ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นเช่นนี้ คือ
๑. ต้องหลับน้อย
๒. ผูกใจอยู่แต่อารมณ์อันหนึ่ง
๓. ต้องรู้จักเวลาควรหลีกเร้นหรือไม่ใช่เวลาเช่นนั้น
๔. ต้องเพลินในเอกัคคตารมณ์ ยังความยินดีให้เกิดเฉพาะในอารมณ์ว่า
เราจักบรรลุคุณพิเศษอันยิ่งดังนี้ ดังภาษิตที่พระโมฆราชกล่าวว่า ภิกษุได้
อารมณ์แล้วมีจิตส่งไปในอารมณ์ ยังความยินดีให้เกิดว่า เราจักบรรลุคุณ
อันยิ่งฉะนี้
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า น่าฟัง

ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งพรานเบ็ดนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร วิสัยพรานเบ็ด
๑. ย่อมวัดปลาขึ้นมาได้ด้วยเบ็ด
๒. ฆ่าปลาตัวเล็กๆ แต่ได้ลาภมากมาย
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องกอปรด้วยองคคุณเช่นนี้แล คือ
๑. ยกขึ้นซึ่งสามัญผลอันยิ่งใหญ่ด้วยญาณ

๒. ละอามิสในโลกเล็กน้อยแล้ว ย่อมบรรลุผลเป็นอันมากดุจคำที่พระราหุล
เถรเจ้ากล่าวไว้ว่า ละโลกามิสแล้วพึงได้วิโมกข์ ๓ ผล ๔ อภิญญา ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2019, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งช่างไม้นั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดาช่างไม้
๑. ย่อมถากไม้ไปตามเส้นบรรทัด
๒. ย่อมถากกระพี้ไม่ออกคงไว้แต่แก่น ฉันใด
ผู้ปฏิบัติพึงประกอบด้วยองค์ ๒ เช่นเดียวกันนี้ คือ
๑. พึงยืนอยู่ที่แผ่นดินคือศีล ถือขวานคือ ปัญญาด้วยมือคือศรัทธาถาก
กิเลสทั้งหลายเสีย

๒. พึงถากความเห็นผิดออกเสียถือไว้แต่สารธรรมอย่างเดียว ดังพุทธภาษิต
ในธรรมจริยสูตรสุตตนิบาต ขุททกนิกายว่า ท่านทั้งหลายจงปัดเป่ามิจฉาทิฐิ
กวาดกิเลสทั้งหลายเสีย แต่นั้นจงสลัดกิเลสใหญ่น้อยให้สิ้นเชิง เลือกคัดผู้มิใช่
สมณะมีความสำคัญว่าสมณะออกเสีย เป็นผู้บริสุทธิ์มีสติตั้งมั่น สำเร็จการ
อยู่ร่วมด้วยผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ควรแล้ว
กุมภวรคที่ ๗

ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑
แห่งหม้อนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อันหม้อนั้นเมื่อเต้มเปี่ยมด้วยน้ำ
ย่อมไม่ดังฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นฉันนั้นเหมือนกัน คือเมื่อได้คุณพิเศษแล้ว
ก็ไม่อวดอ้าง ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ปากกล้า ไม่อวดตัว ดุจพุทธภาษิตว่า ของใดพร่อง
ของนั้น ดังของใดเต็มของนั้นเงี๋ยบ คนพานเปรียบด้วยหม้อเปล่า บัณฑิต
เปรียบด้วยหม้อน้ำเต็มเปี่ยม
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ชอบแล้ว

ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒
แห่งกาลักน้ำนั้น เป็นไฉน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ธรรมดากาลักน้ำ
๑. ย่อมดูดน้ำขึ้นมาได้
๒. ดูดทีเดียวน้ำก็ไม่ไหลออก ดูดน้ำไว้ได้ร่ำไป
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องกอบด้วยองค์เช่นนี้แล คือ

๑. นำความพอใจที่ตนดูดดื่มไว้ดีแล้วให้ซึบซาบไปด้วยดี
๒. มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยแล้วไม่ปล่อยความเลื่อมใสนั้น
ให้เสื่อมทรามไปอีก ทำพระไตรลักษณญาณให้เจริญแล้วไม่ปล่อยให้
เสื่อมเสีย ดุจพุทธภาษิตว่า ผู้บำเพ็ญเพียรนั้นเป็นเช่นนรชนผู้ชำระตน
ให้บริสุทธิ์แล้วในทัศนะ เที่ยวในอริยธรรมบรรลุธรรมวิเศษ ย่อมไม่
หวั่นไหว เพราะว่ามีสมบัติไม่น้อย และเพราะเป็นใหญ่ด้วยคุณธรรมทั้งปวง
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า ถูกแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 212 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร