วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 01:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อูยสสสสสส์

ขนลุกซู่ซ่า น้ำหูน้ำตาไหล

สติตั้งมั่น

อูยส์

วิปัสสนูกิเลส เกิดแล้ว หล่ะป่าวค๊ะ ป๋าดัน

มึนท้ายทอยจุงเบย s006 เอ่?


โพสต์ เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:



มันต้องออกสู่สนามรบ การสู่สนามรบนั้น รบกับร่างกาย กับ จิตใจตนเอง ไหวไหมก็รู้กันตอนนั้นล่ะ เขาแค่นี้ก็นับว่า รู้เห็นลึกแล้ว แต่ต้องไปอีก ไปทางนี้แหละ ไปอีก


จิตบอกให้หยุดหายใจ

ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ เป็นอันตราย หรือ ปฏิบัติผิดทางไหมค่ะ เพราะฝึกทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนค่ะ หนูฝึกดูจิตมาประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ แรกๆก็เห็นจิตฟุ้งซ่านมาก

ช่วงหลังๆจิตเริ่มสงบ ไม่ไหลออกไปตามอารมณ์ข้างนอก แต่เริ่มเห็นจิต เฉยๆบ้าง สุขบ้าง บางครั้งรู้สึกหดหู่เป็นทุกข์เบื่อโลกมากๆเลยค่ะ มันเป็นของมันเองควบคุมอารมณ์นี้ไม่ได้
ได้แต่ตามดูเฉยๆรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเราเหมือนเราไม่มีตัวตนเลยค่ะ
บางครั้งก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆแล้วเหมือนว่าตัวเองจะเคลิ้มๆไป แต่ยังมีสติรู้สึกตัวค่ะ อยู่ดีๆ จิตก็พูดว่า ลองหยุดหายใจตายดูหน่อยสิ แล้วหนูก็หยุดหายใจตามไปด้วย บังคับร่างกายไม่ได้เลยค่ะ
ตอนนั้นขยับร่างกายไม่ได้ด้วยค่ะ รู้สึกเริ่มกลัวก็เลยพยายามฝืนจนหายใจได้
ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดและรีบสูดลมหายใจเข้าปอดค่ะ
ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้คิดว่าตัวเองต้องตายจริงแน่ๆเลยค่ะ เกิดจากอะไรค่ะ หนูทำผิดทางไหมค่ะ ถ้าเกิดเป็นอีกจะทำอย่างไรดีค่ะ

ส่วนกบนั้น อยู่แค่ศีลหาเมีย

ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดหรอก แต่ให้กำหนดรู้ความเป็นอย่างนั้น อย่านั่งเฉยๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:



มันต้องออกสู่สนามรบ การสู่สนามรบนั้น รบกับร่างกาย กับ จิตใจตนเอง ไหวไหมก็รู้กันตอนนั้นล่ะ เขาแค่นี้ก็นับว่า รู้เห็นลึกแล้ว แต่ต้องไปอีก ไปทางนี้แหละ ไปอีก


จิตบอกให้หยุดหายใจ

ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ เป็นอันตราย หรือ ปฏิบัติผิดทางไหมค่ะ เพราะฝึกทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนค่ะ หนูฝึกดูจิตมาประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ แรกๆก็เห็นจิตฟุ้งซ่านมาก

ช่วงหลังๆจิตเริ่มสงบ ไม่ไหลออกไปตามอารมณ์ข้างนอก แต่เริ่มเห็นจิต เฉยๆบ้าง สุขบ้าง บางครั้งรู้สึกหดหู่เป็นทุกข์เบื่อโลกมากๆเลยค่ะ มันเป็นของมันเองควบคุมอารมณ์นี้ไม่ได้
ได้แต่ตามดูเฉยๆรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเราเหมือนเราไม่มีตัวตนเลยค่ะ
บางครั้งก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆแล้วเหมือนว่าตัวเองจะเคลิ้มๆไป แต่ยังมีสติรู้สึกตัวค่ะ อยู่ดีๆ จิตก็พูดว่า ลองหยุดหายใจตายดูหน่อยสิ แล้วหนูก็หยุดหายใจตามไปด้วย บังคับร่างกายไม่ได้เลยค่ะ
ตอนนั้นขยับร่างกายไม่ได้ด้วยค่ะ รู้สึกเริ่มกลัวก็เลยพยายามฝืนจนหายใจได้
ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดและรีบสูดลมหายใจเข้าปอดค่ะ
ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้คิดว่าตัวเองต้องตายจริงแน่ๆเลยค่ะ เกิดจากอะไรค่ะ หนูทำผิดทางไหมค่ะ ถ้าเกิดเป็นอีกจะทำอย่างไรดีค่ะ

ส่วนกบนั้น อยู่แค่ศีลหาเมีย

ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดหรอก แต่ให้กำหนดรู้ความเป็นอย่างนั้น อย่านั่งเฉยๆ


ไปถึงกระบวนท่าสุดท้ายเรยนะคะเนี่ย

ลมเข้าไม่ออก ลมออกไม่เข้า ตายแล้วไม่ต้องเกิดน่ะดีแล้ว
ไปกลัวตายทำไม หราค๊ะ

กลับมาเริ่มใหม่แระกันค่ะ
มัวแต่คิด ตลอดเรย ไม่ได้ดูจิตเรย

tongue


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 04:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ก็ทำนองคนนึกถึงข้อปฏิบัติของสิ่งที่เขานับถือ เช่น นึกถึงพระเจ้า นึกถึงพระอัลเลาะ นึกถึงพระเยซู ฯลฯ ครั้นนึกถึงแล้วใจเกิดปีติ เกิดความซาบ น้ำหูน้ำตาไหลนั่นแล.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ตัวอย่างนี้ลึกกว่าอ่านบทความแล้วขนลุก


รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

(จขกท. คคห. 51)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 06:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ตัวอย่างนี้ลึกกว่าอ่านบทความแล้วขนลุก


รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

(จขกท. คคห. 51)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html


โมทนาด้วย เห็นได้อย่างนั้นก็เข้าท่าแล้ว


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ตัวอย่างนี้ลึกกว่าอ่านบทความแล้วขนลุก


รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

(จขกท. คคห. 51)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html


โมทนาด้วย เห็นได้อย่างนั้นก็เข้าท่าแล้ว



ความลึกซึ้งทางความรู้สึกต่างกัน เอาหลักนี้เทียบก็ได้ ปริยัติ ปฏิบัติ

คนที่ร่ำเรียนตำรับตำรา อ่านแล้วเข้าใจร้องอ๋อ อ้อ ฮ้อๆ :b32: ขึ้นในใจ ขั้นนี้เรียกว่าขั้นจินตนาการ (เปรียบเหมือนคนอ่านแผนที่ลายแทงเข้าใจ แต่ยังไม่ออกเดินทาง)

ลึกลงไปกว่านั้นอีก เขาลงมือปฏิบัติบำเพ็ญ จะเรียกชื่ออย่างไรสุดแล้วแต่ เรียกภาวนาก็ได้ จนเขาเห็นอย่างตัวอย่างนั้น คือ สัมผัสทางใจโดยตรง (ข้้นนี้เปรียบเหมือนคนเดินทางบุกป่าฝ่าดงฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ไปๆๆจนถึงจุดนั้นได้)

นึกออกไหมขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 10:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ตัวอย่างนี้ลึกกว่าอ่านบทความแล้วขนลุก


รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

(จขกท. คคห. 51)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html


โมทนาด้วย เห็นได้อย่างนั้นก็เข้าท่าแล้ว



ความลึกซึ้งทางความรู้สึกต่างกัน เอาหลักนี้เทียบก็ได้ ปริยัติ ปฏิบัติ

คนที่ร่ำเรียนตำรับตำรา อ่านแล้วเข้าใจร้องอ๋อ อ้อ ฮ้อๆ :b32: ขึ้นในใจ ขั้นนี้เรียกว่าขั้นจินตนาการ (เปรียบเหมือนคนอ่านแผนที่ลายแทงเข้าใจ แต่ยังไม่ออกเดินทาง)

ลึกลงไปกว่านั้นอีก เขาลงมือปฏิบัติบำเพ็ญ จะเรียกชื่ออย่างไรสุดแล้วแต่ เรียกภาวนาก็ได้ จนเขาเห็นอย่างตัวอย่างนั้น คือ สัมผัสทางใจโดยตรง (ข้้นนี้เปรียบเหมือนคนเดินทางบุกป่าฝ่าดงฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ไปๆๆจนถึงจุดนั้นได้)

นึกออกไหมขอรับ


หยิบจับสิ่งที่ผมเล่าเพียงส่วนหนึ่ง แล้วสรุปตามการคาดเดาของตนเองว่าผมไม่ได้ปฏิบัติ ว่าผมอยู่ระดับนั้นระดับนี้ คุณกรัชกายช่วยตอบตามที่ตนเองเห็นชอบ

1. การคาดเดานั่นแม่นยำหรือไม่ ?

2. คาดเดาแล้วควรปักใจเชื่อสิ่งที่ตนคาดเดาหรือไม่ ?

3. เชื่อตามที่ตนคาดเดาแล้วควรพยากรณ์ผมหรือไม่ ?

4. พยากรณ์ผมแล้วว่าอยู่ระดับนั้น ระดับนี้จะพิจารณาสิ่งที่ผมกล่าวด้วยใจเป็นกลางหรือไม่
ว่าสิ่งที่ผมกล่าวนี้มีเนื้อหาสาระว่ายังไง


โพสต์ เมื่อ: 10 มี.ค. 2019, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ตัวอย่างนี้ลึกกว่าอ่านบทความแล้วขนลุก


รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

(จขกท. คคห. 51)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html


โมทนาด้วย เห็นได้อย่างนั้นก็เข้าท่าแล้ว



ความลึกซึ้งทางความรู้สึกต่างกัน เอาหลักนี้เทียบก็ได้ ปริยัติ ปฏิบัติ

คนที่ร่ำเรียนตำรับตำรา อ่านแล้วเข้าใจร้องอ๋อ อ้อ ฮ้อๆ :b32: ขึ้นในใจ ขั้นนี้เรียกว่าขั้นจินตนาการ (เปรียบเหมือนคนอ่านแผนที่ลายแทงเข้าใจ แต่ยังไม่ออกเดินทาง)

ลึกลงไปกว่านั้นอีก เขาลงมือปฏิบัติบำเพ็ญ จะเรียกชื่ออย่างไรสุดแล้วแต่ เรียกภาวนาก็ได้ จนเขาเห็นอย่างตัวอย่างนั้น คือ สัมผัสทางใจโดยตรง (ข้้นนี้เปรียบเหมือนคนเดินทางบุกป่าฝ่าดงฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ไปๆๆจนถึงจุดนั้นได้)

นึกออกไหมขอรับ


หยิบจับสิ่งที่ผมเล่าเพียงส่วนหนึ่ง แล้วสรุปตามการคาดเดาของตนเองว่าผมไม่ได้ปฏิบัติ ว่าผมอยู่ระดับนั้นระดับนี้ คุณกรัชกายช่วยตอบตามที่ตนเองเห็นชอบ

1. การคาดเดานั่นแม่นยำหรือไม่ ?

2. คาดเดาแล้วควรปักใจเชื่อสิ่งที่ตนคาดเดาหรือไม่ ?

3. เชื่อตามที่ตนคาดเดาแล้วควรพยากรณ์ผมหรือไม่ ?

4. พยากรณ์ผมแล้วว่าอยู่ระดับนั้น ระดับนี้จะพิจารณาสิ่งที่ผมกล่าวด้วยใจเป็นกลางหรือไม่
ว่าสิ่งที่ผมกล่าวนี้มีเนื้อหาสาระว่ายังไง



ว่าปฏิบัติก็ปฏิบัติเอ้า เห็นว่าทำ อนุสสติ ๑๐ หมดทุกอย่างแล้วเลย :b1: เช่น นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าหน่อยหนึ่ง นึกถึงคุณพระธรรมหน่อยหนึ่ง ฯลฯ นึกคุณพระนิพพานหน่อยหนึ่ง ครบ ๑๐ อย่าง อย่างละนิดละหน่อย จริงไม่จริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 10 มี.ค. 2019, 22:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ตัวอย่างนี้ลึกกว่าอ่านบทความแล้วขนลุก


รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

(จขกท. คคห. 51)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html


โมทนาด้วย เห็นได้อย่างนั้นก็เข้าท่าแล้ว



ความลึกซึ้งทางความรู้สึกต่างกัน เอาหลักนี้เทียบก็ได้ ปริยัติ ปฏิบัติ

คนที่ร่ำเรียนตำรับตำรา อ่านแล้วเข้าใจร้องอ๋อ อ้อ ฮ้อๆ :b32: ขึ้นในใจ ขั้นนี้เรียกว่าขั้นจินตนาการ (เปรียบเหมือนคนอ่านแผนที่ลายแทงเข้าใจ แต่ยังไม่ออกเดินทาง)

ลึกลงไปกว่านั้นอีก เขาลงมือปฏิบัติบำเพ็ญ จะเรียกชื่ออย่างไรสุดแล้วแต่ เรียกภาวนาก็ได้ จนเขาเห็นอย่างตัวอย่างนั้น คือ สัมผัสทางใจโดยตรง (ข้้นนี้เปรียบเหมือนคนเดินทางบุกป่าฝ่าดงฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ไปๆๆจนถึงจุดนั้นได้)

นึกออกไหมขอรับ


หยิบจับสิ่งที่ผมเล่าเพียงส่วนหนึ่ง แล้วสรุปตามการคาดเดาของตนเองว่าผมไม่ได้ปฏิบัติ ว่าผมอยู่ระดับนั้นระดับนี้ คุณกรัชกายช่วยตอบตามที่ตนเองเห็นชอบ

1. การคาดเดานั่นแม่นยำหรือไม่ ?

2. คาดเดาแล้วควรปักใจเชื่อสิ่งที่ตนคาดเดาหรือไม่ ?

3. เชื่อตามที่ตนคาดเดาแล้วควรพยากรณ์ผมหรือไม่ ?

4. พยากรณ์ผมแล้วว่าอยู่ระดับนั้น ระดับนี้จะพิจารณาสิ่งที่ผมกล่าวด้วยใจเป็นกลางหรือไม่
ว่าสิ่งที่ผมกล่าวนี้มีเนื้อหาสาระว่ายังไง



ว่าปฏิบัติก็ปฏิบัติเอ้า เห็นว่าทำ อนุสสติ ๑๐ หมดทุกอย่างแล้วเลย :b1: เช่น นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าหน่อยหนึ่ง นึกถึงคุณพระธรรมหน่อยหนึ่ง ฯลฯ นึกคุณพระนิพพานหน่อยหนึ่ง ครบ ๑๐ อย่าง อย่างละนิดละหน่อย จริงไม่จริง


ปฏิบัติมากหรือไม่มาก หากถามผมก็ตอบตามจริงอยู่แล้วครับ ที่ผมบอกว่าผมเจริญอนุสสติ ๑๐ ทุกอย่าง
นั้นผมพูดตามจริง ผมไม่ได้พูดเพื่อแสดงตนเป็นผู้ปฏิบัติมาก ผมตอบตามจริง

ถ้าถามว่าทำมาก ปฏิบัติมาก หรือทำนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ตอบว่าไม่ได้ปฏิบัติมากแต่ก็ไม่ได้ทำนิด ๆ หน่อย ๆ ผมทำเนือง ๆ เป็นประจำ เป็นปกติ เป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 06:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ตามอ่านไปๆ นอกจากจะได้เรียนรู้ถ้อยคำที่เป็นธรรมะ และ อธรรมะ มีประโยชน์บ้าง และไม่มีประโยชน์บ้าง
ยังได้เรียนรู้อุปนิสัยของคนที่ศึกษาธรรมะ เรียนรู้กิเลส แล้วก็คิดว่าเราอย่าเป็นอย่างเขาเหล่านั้นเลย

มานะเป็นสิ่งอันตราย
s007


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:

กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ศรัทธา..ของเลิฟนี้..เป็นศรัทธาที่เกิดจากปัญญา..ที่ไปเห็นบางอย่างตามที่พระองค์สอนใว้แล้ว...ไม่สงสัยในคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..

ต่างจากตัวอย่าง..ที่กักกายยกมา..เด็กประถมเพิ่งเจอข้อสอบดันชมว่าเข้าสู่สงครามวัดจิตวัดใจซะแล้ว.ปานว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..งั้นแหละ...

กักกาย ป๋าดัน...
:b32: :b32: :b32:


อ่านไปเห็นที่เขาเขียนที่ว่า เอาผ้าขาวมาให้ลูบ ลูบไปลูบมาผ้าก็เลอะ :b32: ขนลุกถึงท้ายทอยเลย


ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ผมกล่าวว่าอ่านถึงตอนที่พระพุทธเจ้าให้พระเถระพิจารณาผ้าขาว อ่านอ่านจบเพียงเท่านั้นก็ตระหนักขึ้นมาเองว่า ผ้าขาวนั้นไม่มีทางขาวสะอาดอย่างเดิมตลอดไป มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา

ตระหนักอย่างนั้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาว่าแค่นี้เองที่พระองค์สอน(สอนให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ) เกิดปิติจนก้มหน้าน้ำตาไหล ขนลุกท้ายทอยผ่าว ๆ จิตใจก็มาตั้งมั่นอยู่กับกายใจของตัวเองมีสติเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่จบอยู่เท่านี้ยกมาเพียงส่วนหนึ่ง

เป็นประสบการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาให้ลองพิจารณาเทียบเคียงดูว่าผมเคยเกิดความเบื่อหน่ายเพราะตระหนักความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ต่างจากอารมณ์เบื่อหน่ายชีวิต อยากตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างไร


เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะบอกว่าเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ในระดับนั้น ระดับนี้ ได้อย่างไร ?

ที่พยากรณ์ผู้อื่นด้วยการหยิบจับจากสิ่งที่เขาพูด จะพยาการณ์ได้แม่นยำถูกต้องแค่ไหน จะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร ?



ตัวอย่างนี้ลึกกว่าอ่านบทความแล้วขนลุก


รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

(จขกท. คคห. 51)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html


โมทนาด้วย เห็นได้อย่างนั้นก็เข้าท่าแล้ว



ความลึกซึ้งทางความรู้สึกต่างกัน เอาหลักนี้เทียบก็ได้ ปริยัติ ปฏิบัติ

คนที่ร่ำเรียนตำรับตำรา อ่านแล้วเข้าใจร้องอ๋อ อ้อ ฮ้อๆ :b32: ขึ้นในใจ ขั้นนี้เรียกว่าขั้นจินตนาการ (เปรียบเหมือนคนอ่านแผนที่ลายแทงเข้าใจ แต่ยังไม่ออกเดินทาง)

ลึกลงไปกว่านั้นอีก เขาลงมือปฏิบัติบำเพ็ญ จะเรียกชื่ออย่างไรสุดแล้วแต่ เรียกภาวนาก็ได้ จนเขาเห็นอย่างตัวอย่างนั้น คือ สัมผัสทางใจโดยตรง (ข้้นนี้เปรียบเหมือนคนเดินทางบุกป่าฝ่าดงฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ไปๆๆจนถึงจุดนั้นได้)

นึกออกไหมขอรับ


หยิบจับสิ่งที่ผมเล่าเพียงส่วนหนึ่ง แล้วสรุปตามการคาดเดาของตนเองว่าผมไม่ได้ปฏิบัติ ว่าผมอยู่ระดับนั้นระดับนี้ คุณกรัชกายช่วยตอบตามที่ตนเองเห็นชอบ

1. การคาดเดานั่นแม่นยำหรือไม่ ?

2. คาดเดาแล้วควรปักใจเชื่อสิ่งที่ตนคาดเดาหรือไม่ ?

3. เชื่อตามที่ตนคาดเดาแล้วควรพยากรณ์ผมหรือไม่ ?

4. พยากรณ์ผมแล้วว่าอยู่ระดับนั้น ระดับนี้จะพิจารณาสิ่งที่ผมกล่าวด้วยใจเป็นกลางหรือไม่
ว่าสิ่งที่ผมกล่าวนี้มีเนื้อหาสาระว่ายังไง



ว่าปฏิบัติก็ปฏิบัติเอ้า เห็นว่าทำ อนุสสติ ๑๐ หมดทุกอย่างแล้วเลย :b1: เช่น นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าหน่อยหนึ่ง นึกถึงคุณพระธรรมหน่อยหนึ่ง ฯลฯ นึกคุณพระนิพพานหน่อยหนึ่ง ครบ ๑๐ อย่าง อย่างละนิดละหน่อย จริงไม่จริง


ปฏิบัติมากหรือไม่มาก หากถามผมก็ตอบตามจริงอยู่แล้วครับ ที่ผมบอกว่าผมเจริญอนุสสติ ๑๐ ทุกอย่าง
นั้นผมพูดตามจริง ผมไม่ได้พูดเพื่อแสดงตนเป็นผู้ปฏิบัติมาก ผมตอบตามจริง


ถ้าถามว่าทำมาก ปฏิบัติมาก หรือทำนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ตอบว่าไม่ได้ปฏิบัติมากแต่ก็ไม่ได้ทำนิด ๆ หน่อย ๆ ผมทำเนือง ๆ เป็นประจำ เป็นปกติ เป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน


ถ้ายังงั้นก็เอาเป็นว่า คุณทำอนุสสติ ๑๐ ทุกอย่าง ถ้ายังงั้นก็อนุโมทนา ว่าคุณเป็นบุคคลพิเศษ :b1: เพราะอะไร เพราะเขาทำกันแค่อานาปานสติอย่างเดียว ก็ :b1:

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว
เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด

แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้ว จะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

นี่ก็อานาปานสติ อย่างเดียว

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
ตามอ่านไปๆ นอกจากจะได้เรียนรู้ถ้อยคำที่เป็นธรรมะ และ อธรรมะ มีประโยชน์บ้าง และไม่มีประโยชน์บ้าง
ยังได้เรียนรู้อุปนิสัยของคนที่ศึกษาธรรมะ เรียนรู้กิเลส แล้วก็คิดว่าเราอย่าเป็นอย่างเขาเหล่านั้นเลย

มานะเป็นสิ่งอันตราย
s007


นึกถึงกระทู้ก่อนหน้าโน่น :b13:

อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ฟังพระธรรม เพื่อให้เข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน

เห็นการสอนของสำนักนี้แล้ว น่าเป็นห่วงพระพุทธศาสนา "ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน" คิกๆๆ เละเทะเลอะเทอะสะไม่มี

ปฤษฎี
ตั้งสิ จะไปสนทนาด้วย น่าสนุกดีนะ

viewtopic.php?f=1&t=56225


เราก็รอสนทนากันอยู่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร