วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 03:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:

ในพุทโธมีสองแบบ คือ ในการบริกรรม
อันนี้ไม่ใช่สติปัฎฐาน


ในสติปัฎฐาน พุทโธ ไม่ใช่การบริกรรม แต่หมายถึงผู้รู้

การบริกรรม กะสติปัฎฐาน เป็นคนละอารมณ์กัน
เครื่องรู้ของจิต ตามสติปัฎฐาน
สติปัฎฐานนั้น ต้องมี กาย เวทนา จิต ธรรม อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นปรมัตถ์อารมณ์
ถ้าไม่ใช่ปรมัตถ์ ไม่เป็นสติปัฎฐาน

การเจริญสติปัญฐาน ทำด้วยการศึกษาสิ่งที่รู้ ที่ปรากฎอยู่เฉพาะหน้า

ไม่ใช่อยุ่ที่กำหนดพุทโธแบบบริกรรม
พระพุทธองค์ จึงไม่ได้บัญญัติ พุทโธไว้ ในสติปัฎฐานค่ะ


Love j.

การบริกรรมพุทโธ มีพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิตกำกับจิตให้อยู่กับคำบริกรรมด้วยสติ
เผลอไปในอารมณ์อื่นที่เป็นอกุศลก็ระลึกด้วยสติกลับมาอยู่กับคำบริกรรมพุทโธ.

เมื่อเราปฏิบัติอยู่อย่างนี้ ไม่ทอดทิ้งท้อถอย คำพูด การกระทำข้างอกุศลย่อมไม่เกิด
เป็นอันว่าศีลบริสุทธิ์ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลกรรม

เมื่อศีลบริสุทธิ์สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลกรรมก็ไม่มีความเดือดร้อน ความปราโมทย์
ปิติ ปัสสัทธิ สุข สมาธิ ย่อมถึงความเจริญงอกงามไพบูรณ์

เมื่อมีศีลบริสุทธิ์สงัด มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว อาศัยศีลความตั้งมั่นแล้วเจริญสติปัฏฐาน ๔
มีสติเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม มีความเพียร มีสติ

สัมปชัญญะ กำจัดอภิชชาและโทรมนัสในโลกเสีย เมื่อศีลบริสุทธิ์ มีจิตตั้งมั่นเรา
อาศัยสิ่งนั้นเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 อย่างนี้ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ได้


การบริกรรม ใช้บัญญัติ เป็นอารมณ์ ค่ะ
ไม่ใช่ปรมัตถ์อารมณ์
เป็นสมถะค่ะ ไม่ใช่สติปัฎฐาน

คำพุทโธที่บริกรรมสังเกตุกัน ให้ดูว่า เกิดขึ้นที่ไหน ชัดเจน ภายนอก ภายใน หรือไม่นอกไม่ใน
สังเกตุจนคำบริกรรมจะหายไป
เมื่อจิตตั้งมั่น มีสติระลึกพอควรคู่แก่งาน
คือการเตรียมความพร้อม
และมักต่อด้วยสมถะกัมฐาน สมาธิ

แต่นั้นก็ยังไม่ไช่ สติปัฎฐานที่มีปรมัตถ์ที่เกิดเฉพาะหน้า
ในกาย เวทนา จิต และธรรม เป็นอารมณ์ค่ะ


ลองไปฟังหลวงตามหาบัวน้อมจิตที่เป็นสมาธิ
แยกธาตุแยกขันธ์พิจารณาสติปัฏฐาน ๔ กาย
เวทนา จิต ธรรม ได้พิศดารมากท่านก็บริกรรม
พุทโธ เป็นหลักในการปฏิบัติ

บริกรรมพุทโธรู้อยู่กับพุทโธด้วยความวิริยะบากบั่นอย่างนี้
จะเรียกว่าเป็นการคุ้มครองทวารก็ได้
จะเรียกว่าเป็นการสังวรอินทรีย์ก็ได้
จะเรียกว่าอบรมศีลให้บริสุทธิ์ก็ได้
จะเรียกว่าอบรมจิตให้ผ่องใสตั้งมั่นก็ได้
จะเรียกเจริญสมถะมีวิปัสสนาเป็นเบื้องหน้าก็ได้
แต่อุบายวิธีนี้ไม่ได้มีในอักขระ พยัญชนะ ตามตำรา
อย่างนี้แล้วจะเรียกว่าการบริกรรมพุทโธเป็นการปฏิบัติ
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า


บริกรรมพุทโธ เป็นสมถะค่ะ ไม่ใช่สติปัฎฐาน
และสมถะ 40 กอง ก็ไม่ได้เรียกว่าพุทธวิชชา
สมถะ และฌาน ไม่อาจทำให้ถึงอนาคามีบุคคลได้
สติปัฎฐานจึงเป็นสายเอก ที่ทรงรับรอง

คนโดยมาก มักเข้าใจผิด ว่า สมถะ คือ สติปัฎฐาน และวิปัสสนา
ที่จริง เป็นคนละอารมณ์

พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ ทรงบัญญัติพุทธวิชชา
ด้วยสัพพัญญุตาญาน
ทุกอรรถะ ทุกๆพยัญชนะ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง
เป็นปัจจัยให้เข้าถึงสภาวะธรรมที่ถูกต้องค่ะ

การศึกษาปริยัติ ตามอักขระและพญัญชนะ ตามที่พระศาสดาสอน
เป็นเหตุให้เกิดปริยัติญาณ ตามที่พระพุทธองค์ดำริ
และอาศัยปริยัติญาน เพื่อปฎิบัติ ตรงคำสอนพระพุทธองค์
จึงสามารถปฎิบัติ ได้ปฎิบัติญาณ ตรงตามคำสอน
และเพื่อถึงปฎิเวธธรรม จน ถึงปฎิเวธญาณ ค่ะ

ถ้าคุณ มีปริยัติญาน จากพระธรรมที่แสดงไว้แล้ว
จะทราบได้เอง ว่า
ใครปฎิบัติ ถูกต้องตรงตามพุทธวิชชา จริงๆค่ะ


ที่คุณพูดนั้นมีส่วนถูก หลายคนก็แยกไม่ออกว่าอะไรคือสมถะ
อะไรคือวิปัสสนา อะไรคือการเจริญสติปัฏฐาน ๔ อะไรคือการ
เจริญอิทธิบาท ๔ และปธาณสังขารแล้วก็นั่งภาวนาไปทั้งไม่รู้
อย่างนั้นตามคำสอนของครูอาจารย์แล้วก็ลูบคลำกันไป

เมื่อเกิดความเห็นผิดพลาดคลาดเคลื่อนแสดงธรรมที่ขัดแย้ง
กับพระธรรมคำสอน เรายกปริยัติมาอ้างอิงเพื่อชี้บอกให้เห็น
ความเห็นผิดก็ไม่พอใจ ดูหมิ่นให้ว่าเป็นพวกท่องจำตำราไม่
ได้ปฏิบัติเหมือนเค้า

ที่จริงแล้วที่เค้าปฏิบัติไม่ได้มีที่เกินจากปริยัติหรอก เค้าแค่
เทียบเคียงเข้าไม่ได้ กำหนดตามไม่ถูก พอมาแสดงก็ขัดแย้ง


ก็เพราะว่า คงเห็นพระธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้
และเห็นบุคคล ที่ได้ยกเอา พระธรรมที่งามที่สุด ทั้งพระปริยัติธรรม พระสูตร พระวจนะ เป็นแค่หัวหลักหัวตอ สำหรับพวกคนเหล่านั้น

คนเหล่านั้น จึงไม่ยอม และมีมิจฉาทิฎฐิ เห็นผิด ต่อพระพุทธองค์ และธรรม ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงบัญญัติ
ไงคะ


tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 03:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 04:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


ท่านเหล่านั้น ก็บอกแล้วว่า สอนให้หัดดำรงจิตพอสมควร แล้วเพื่อไปต่อ ในการเจริญสติปัฎฐาน
เทคนิคของอาจารย์แต่ละองค์ ไม่เหมือนกัน

แม้แต่สามเฌร ท่านสอนพระใบลานเปล่า ให้ไปแข่น้ำซะก่อนค่ะ

แต่สุดท้าย 84000 วิธี ต้องมาที่ทางสายเอก เท่านั้นค่ะ

สอนเริ่มจาก ก.ไก่ ข.ไข่
สอนบริกรรมพุทโธ ปาก
จนบริกรรมลงได้ในใจ
จนพุทโธหายไป
ตั้งศีลมั่นคงขึ้นได้
เอาศีล เอาสติ สัมปชัญญะ อารมณ์มาทำสมถะ
ทำสมาธิ
จนปัญญาอันเป็นกุศล จากโลกียะสมาธิ เกิดระดับนึง
จึงเข้าสู่สัมมามรรค
เดินเข้าโลกุตระ
ศีล มัฌิมศีล มหาศีล

เจริญสติปัฎฐาน
มหาสติ มหาสัมปชัญญะ
ลงด้วยวิปัสสนา
และวิมุติปัญญา

ท่านเหล่านั้นก็เป็นครู ที่สอนตามชั้นต่างๆนั่นแหละค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 20:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

การนำพุทโธ มาภาวนา มากำกับอารมณ์นั้น เพื่อการปฎิบัตินั้น
จัดว่าเป็นแรกของอนุสติ

ไม่ได้หมายความว่า บริกรรมภาวนาปุ๊ป จะเกิดเป็นสัมมาสติเรย

ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสัมมาสติได้ทุกครั้ง
และสัมมาสติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ที่กำลังระลึกได้เท่านั้น
แต่ สัมมาสติจะเกิดเป็นไปได้ ต้องเกิดพร้อมกับ โสภณจิต 18 ดวง

คือ สัทธาเจตสิก
อหิริกะเจตสืก
อโนตัปปะเจตสิก
อโลภะเจตสิก
อโทสะเจตสิก
ตัตรมัชฌัตตาเจตสิก
และยุคลธรรมเจตสิก12ดวง
รวมเป้นเจตสิก 18 ดวง
จึงปรากฎความเบาสงบนุ่มนวลควรแก่การปฎิบัติต่อไปค่ะ

ก้อย่างที่ลุงกรัชกายว่าไว้
คือ เพียงเริ่มต้น ไม่ใช่พุทธโธ แล้วสุดแล้วจบแล้ว ค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ........................................ จิตย่อมผ่องใส ..............................................................................เกิดความปราโมทย์ ..........................................................ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ ..................................................กระทำให้มากแล้ว................................................................................................................................................................................................................................................................................... ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว............................... เพื่อคลายกำหนัด................................................................................ เพื่อความดับ ....................................................เพื่อความสงบ...................................................................... เพื่อความรู้ยิ่ง......................................................... เพื่อความตรัสรู้ .............................................................................................................................................................................เพื่อนิพพาน


อันนี้ เม ทำให้ดูตัวอย่างง่ายๆ

ว่า คำประโยคนั้น นั้น กว่าจะปรากฎแต่ละคำ ต้องไส่ระยะเวลา ไปด้วย เท่าไรค่ะ

ขนาดขีปภิญญาตรัสรู้เร็ว พระพุทธองค์ ยังต้องเทสน์หลายประโยคเรย

tongue

อ่าวยาวล้นจอ อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 22:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

การนำพุทโธ มาภาวนา มากำกับอารมณ์นั้น เพื่อการปฎิบัตินั้น
จัดว่าเป็นแรกของอนุสติ

ไม่ได้หมายความว่า บริกรรมภาวนาปุ๊ป จะเกิดเป็นสัมมาสติเรย

ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสัมมาสติได้ทุกครั้ง
และสัมมาสติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ที่กำลังระลึกได้เท่านั้น
แต่ สัมมาสติจะเกิดเป็นไปได้ ต้องเกิดพร้อมกับ โสภณจิต 18 ดวง

คือ สัทธาเจตสิก
อหิริกะเจตสืก
อโนตัปปะเจตสิก
อโลภะเจตสิก
อโทสะเจตสิก
ตัตรมัชฌัตตาเจตสิก
และยุคลธรรมเจตสิก12ดวง
รวมเป้นเจตสิก 18 ดวง
จึงปรากฎความเบาสงบนุ่มนวลควรแก่การปฎิบัติต่อไปค่ะ

ก้อย่างที่ลุงกรัชกายว่าไว้
คือ เพียงเริ่มต้น ไม่ใช่พุทธโธ แล้วสุดแล้วจบแล้ว ค่ะ

tongue


ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ


ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค


ในมรรคลำดับสุดท้าย หรือ อรหัตมรรคที่ต้องละสังโยชน์เบื้อปลาย ก็อาศัยคำ
บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติก็อาศัยสติอันอุเบกขาปราณีต
นั้นพิจารณาเพื่อละสังโยชน์เบื้องปลายได้ >>> อาศัยพุทโธได้จนจบกิจ


ผมยอมรับตามตรงว่าที่ผมแสดงนั้น แสดงโดยหลักการเพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์
แต่ผมก็มีเหตุผลไม่ใช่ไม่มีเหตุผล อิงอรรถอิงธรรมไม่ใช่ไม่อิงอรรถอิงธรรมก็ลอง
พิจารณา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 23:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

การนำพุทโธ มาภาวนา มากำกับอารมณ์นั้น เพื่อการปฎิบัตินั้น
จัดว่าเป็นแรกของอนุสติ

ไม่ได้หมายความว่า บริกรรมภาวนาปุ๊ป จะเกิดเป็นสัมมาสติเรย

ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสัมมาสติได้ทุกครั้ง
และสัมมาสติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ที่กำลังระลึกได้เท่านั้น
แต่ สัมมาสติจะเกิดเป็นไปได้ ต้องเกิดพร้อมกับ โสภณจิต 18 ดวง

คือ สัทธาเจตสิก
อหิริกะเจตสืก
อโนตัปปะเจตสิก
อโลภะเจตสิก
อโทสะเจตสิก
ตัตรมัชฌัตตาเจตสิก
และยุคลธรรมเจตสิก12ดวง
รวมเป้นเจตสิก 18 ดวง
จึงปรากฎความเบาสงบนุ่มนวลควรแก่การปฎิบัติต่อไปค่ะ

ก้อย่างที่ลุงกรัชกายว่าไว้
คือ เพียงเริ่มต้น ไม่ใช่พุทธโธ แล้วสุดแล้วจบแล้ว ค่ะ

tongue


ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ


ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค


ในมรรคลำดับสุดท้าย หรือ อรหัตมรรคที่ต้องละสังโยชน์เบื้อปลาย ก็อาศัยคำ
บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติก็อาศัยสติอันอุเบกขาปราณีต
นั้นพิจารณาเพื่อละสังโยชน์เบื้องปลายได้ >>> อาศัยพุทโธได้จนจบกิจ


ผมยอมรับตามตรงว่าที่ผมแสดงนั้น แสดงโดยหลักการเพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์
แต่ผมก็มีเหตุผลไม่ใช่ไม่มีเหตุผล อิงอรรถอิงธรรมไม่ใช่ไม่อิงอรรถอิงธรรมก็ลอง
พิจารณา


ไม่จบหรอกค่ะ
คำพูดสวย รวยเหตุผล ค่ะ

แต่ไม่ใช่สายเอก ดังที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในปัฎฐาน

เพราะอาศัยบัญญัติ มาทำอารมณ์ ตั้งแต่แรก

พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่า สภาวะปรมัต์ไม่มีหมายถึงสัตว์บุคคล ผู้ใดเรย

ไม่ใช่อย่างที่คุณ อย่างที่คุณคุ้นเคยไปแปลมาสวยหรู เลิศ ว่าพุทโธ คืออย่างโน้นอย่างนี้
การไปลากเอาอารมณ์สมถะ มาปะปนกัน พยายามทำบัญญัติให้เป็นปรมัตถ์

โดยเฉพาะ การไปเอาอารมณ์สมถะ มาละสังโยชน์ ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพราะตัดได้ด้วย วิปัสสนาญาน จนถึงมรรคญาน ผลญาน
อันเกิดจากการรู้เห็นสภาวะปรมัตถ์ เท่านั้น ค่ะ

บัญญัติ กับปรมัตถ์ เป็นคนละอารมณ์ เอามาปะปนกันไม่ได้

คุณก็พูดเอง ว่าคนทั่วไปแยกไม่ออก ว่าอะไรเป้นบัญญัติ อะไรเป็นปรมัตถ์
แต่ไม่บอกว่า รวมถึงตัวคุณเองด้วยไง
เพราะคุณไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไป
ว่า ตัวเองก็ยังแยกไม่ออก ค่ะ

เรยเอามาปะปนกัน เรียงร้อยเป็นมาลา บูชาครู สวยงาม งานดีค่ะ

แต่ไม่ตรง ตามที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 23:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณLove j แสดง เป็นหลักการของคุณ
ที่ตั้งหลักขึ้นมา ตามที่ตนประสบ ครูบาอาจารยืที่เคารพ
แล้วไปสรรหาหาถ้อยคำมายืนยันหลักการตน ฝ่ายตน ให้น่าเชื่อถือ

ทำไมเล่า ?

จึงไม่เอาหลักของพระพุทธองค์ โดยตรง

แม้ไม่ตรงกะหลักการของคุณ และสำนักที่เล่าเรียนมา

เพราะคงไม่รู้ หล่ะว่า

พระธรรมของพระพุทธองค์นั้น งามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย เพียงไร
ไม่มีใครเสมอเหมือนได้ ค่ะ

เหตุของปัญหา มันอยู่ตรงนี้
ตรงที่ ไม่เอาคำพระตถาคต ไงค๊ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 23:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

การนำพุทโธ มาภาวนา มากำกับอารมณ์นั้น เพื่อการปฎิบัตินั้น
จัดว่าเป็นแรกของอนุสติ

ไม่ได้หมายความว่า บริกรรมภาวนาปุ๊ป จะเกิดเป็นสัมมาสติเรย

ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสัมมาสติได้ทุกครั้ง
และสัมมาสติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ที่กำลังระลึกได้เท่านั้น
แต่ สัมมาสติจะเกิดเป็นไปได้ ต้องเกิดพร้อมกับ โสภณจิต 18 ดวง

คือ สัทธาเจตสิก
อหิริกะเจตสืก
อโนตัปปะเจตสิก
อโลภะเจตสิก
อโทสะเจตสิก
ตัตรมัชฌัตตาเจตสิก
และยุคลธรรมเจตสิก12ดวง
รวมเป้นเจตสิก 18 ดวง
จึงปรากฎความเบาสงบนุ่มนวลควรแก่การปฎิบัติต่อไปค่ะ

ก้อย่างที่ลุงกรัชกายว่าไว้
คือ เพียงเริ่มต้น ไม่ใช่พุทธโธ แล้วสุดแล้วจบแล้ว ค่ะ

tongue


ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ


ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค


ในมรรคลำดับสุดท้าย หรือ อรหัตมรรคที่ต้องละสังโยชน์เบื้อปลาย ก็อาศัยคำ
บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติก็อาศัยสติอันอุเบกขาปราณีต
นั้นพิจารณาเพื่อละสังโยชน์เบื้องปลายได้ >>> อาศัยพุทโธได้จนจบกิจ


ผมยอมรับตามตรงว่าที่ผมแสดงนั้น แสดงโดยหลักการเพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์
แต่ผมก็มีเหตุผลไม่ใช่ไม่มีเหตุผล อิงอรรถอิงธรรมไม่ใช่ไม่อิงอรรถอิงธรรมก็ลอง
พิจารณา


ไม่จบหรอกค่ะ
คำพูดสวย รวยเหตุผล ค่ะ

แต่ไม่ใช่สายเอก ดังที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในปัฎฐาน

เพราะอาศัยบัญญัติ มาทำอารมณ์ ตั้งแต่แรก

พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่า สภาวะปรมัต์ไม่มีหมายถึงสัตว์บุคคล ผู้ใดเรย

ไม่ใช่อย่างที่คุณ อย่างที่คุณคุ้นเคยไปแปลมาสวยหรู เลิศ ว่าพุทโธ คืออย่างโน้นอย่างนี้
การไปลากเอาอารมณ์สมถะ มาปะปนกัน พยายามทำบัญญัติให้เป็นปรมัตถ์

โดยเฉพาะ การไปเอาอารมณ์สมถะ มาละสังโยชน์ ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพราะตัดได้ด้วย วิปัสสนาญาน จนถึงมรรคญาน ผลญาน
อันเกิดจากการรู้เห็นสภาวะปรมัตถ์ เท่านั้น ค่ะ

บัญญัติ กับปรมัตถ์ เป็นคนละอารมณ์ เอามาปะปนกันไม่ได้

คุณก็พูดเอง ว่าคนทั่วไปแยกไม่ออก ว่าอะไรเป้นบัญญัติ อะไรเป็นปรมัตถ์
แต่ไม่บอกว่า รวมถึงตัวคุณเองด้วยไง
เพราะคุณไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไป
ว่า ตัวเองก็ยังแยอกไม่ออก ค่ะ

เรยเอามาปะปนกัน เรียงร้อยเป็นมาลา บูชาครู สวยงาม งานดีค่ะ

แต่ไม่ตรง ตามที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติค่ะ

tongue


ที่ผมพูด ๆ ด้วยสติสัมปชัญญะ พูดด้วยความสำรวมระวัง พูดโดยอาศัยอิงอรรถอิงธรรม
แม้สงสัยอยากจะถามในข้อที่สงสัยผมก็ยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจ หากเห็นว่าข้อไหน
ผมกล่าวขัดแย้งกับคำสอน แล้วผมแก้ไม่ได้กล่าวผิดจริงผมก็พร้อมยอมรับ ปรับแก้อย่าง
ยินดีเต็มใจ


แต่นี้ไม่ถามปัญหากับผมโดยดี กล่าวถึงผมด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ทั้งที่ผมตอบกับคุณ
ด้วยความตั้งใจ ด้วยความพิจารณา ด้วยความระวังคำพูดเพื่อรักษาใจและให้เกียรติอย่าง
นี้ใครกันที่ไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไปว่า ตัวเองก็ยังแยกไม่ออกครับ


สมถะ วิปัสสนา บัญญัติ ปรมัตถ์ สติปัฏฐาน ๔ เห็นว่าผมมีความเข้าใจไม่ถูกต้องตรงไหน
ก็แย้งมาหรือถามมา ผมยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

การนำพุทโธ มาภาวนา มากำกับอารมณ์นั้น เพื่อการปฎิบัตินั้น
จัดว่าเป็นแรกของอนุสติ

ไม่ได้หมายความว่า บริกรรมภาวนาปุ๊ป จะเกิดเป็นสัมมาสติเรย

ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสัมมาสติได้ทุกครั้ง
และสัมมาสติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ที่กำลังระลึกได้เท่านั้น
แต่ สัมมาสติจะเกิดเป็นไปได้ ต้องเกิดพร้อมกับ โสภณจิต 18 ดวง

คือ สัทธาเจตสิก
อหิริกะเจตสืก
อโนตัปปะเจตสิก
อโลภะเจตสิก
อโทสะเจตสิก
ตัตรมัชฌัตตาเจตสิก
และยุคลธรรมเจตสิก12ดวง
รวมเป้นเจตสิก 18 ดวง
จึงปรากฎความเบาสงบนุ่มนวลควรแก่การปฎิบัติต่อไปค่ะ

ก้อย่างที่ลุงกรัชกายว่าไว้
คือ เพียงเริ่มต้น ไม่ใช่พุทธโธ แล้วสุดแล้วจบแล้ว ค่ะ

tongue


ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ


ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค


ในมรรคลำดับสุดท้าย หรือ อรหัตมรรคที่ต้องละสังโยชน์เบื้อปลาย ก็อาศัยคำ
บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติก็อาศัยสติอันอุเบกขาปราณีต
นั้นพิจารณาเพื่อละสังโยชน์เบื้องปลายได้ >>> อาศัยพุทโธได้จนจบกิจ


ผมยอมรับตามตรงว่าที่ผมแสดงนั้น แสดงโดยหลักการเพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์
แต่ผมก็มีเหตุผลไม่ใช่ไม่มีเหตุผล อิงอรรถอิงธรรมไม่ใช่ไม่อิงอรรถอิงธรรมก็ลอง
พิจารณา


ไม่จบหรอกค่ะ
คำพูดสวย รวยเหตุผล ค่ะ

แต่ไม่ใช่สายเอก ดังที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในปัฎฐาน

เพราะอาศัยบัญญัติ มาทำอารมณ์ ตั้งแต่แรก

พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่า สภาวะปรมัต์ไม่มีหมายถึงสัตว์บุคคล ผู้ใดเรย

ไม่ใช่อย่างที่คุณ อย่างที่คุณคุ้นเคยไปแปลมาสวยหรู เลิศ ว่าพุทโธ คืออย่างโน้นอย่างนี้
การไปลากเอาอารมณ์สมถะ มาปะปนกัน พยายามทำบัญญัติให้เป็นปรมัตถ์

โดยเฉพาะ การไปเอาอารมณ์สมถะ มาละสังโยชน์ ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพราะตัดได้ด้วย วิปัสสนาญาน จนถึงมรรคญาน ผลญาน
อันเกิดจากการรู้เห็นสภาวะปรมัตถ์ เท่านั้น ค่ะ

บัญญัติ กับปรมัตถ์ เป็นคนละอารมณ์ เอามาปะปนกันไม่ได้

คุณก็พูดเอง ว่าคนทั่วไปแยกไม่ออก ว่าอะไรเป้นบัญญัติ อะไรเป็นปรมัตถ์
แต่ไม่บอกว่า รวมถึงตัวคุณเองด้วยไง
เพราะคุณไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไป
ว่า ตัวเองก็ยังแยอกไม่ออก ค่ะ

เรยเอามาปะปนกัน เรียงร้อยเป็นมาลา บูชาครู สวยงาม งานดีค่ะ

แต่ไม่ตรง ตามที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติค่ะ

tongue


ที่ผมพูด ๆ ด้วยสติสัมปชัญญะ พูดด้วยความสำรวมระวัง พูดโดยอาศัยอิงอรรถอิงธรรม
แม้สงสัยอยากจะถามในข้อที่สงสัยผมก็ยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจ หากเห็นว่าข้อไหน
ผมกล่าวขัดแย้งกับคำสอน แล้วผมแก้ไม่ได้กล่าวผิดจริงผมก็พร้อมยอมรับ ปรับแก้อย่าง
ยินดีเต็มใจ


แต่นี้ไม่ถามปัญหากับผมโดยดี กล่าวถึงผมด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ทั้งที่ผมตอบกับคุณ
ด้วยความตั้งใจ ด้วยความพิจารณา ด้วยความระวังคำพูดเพื่อรักษาใจและให้เกียรติอย่าง
นี้ใครกันที่ไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไปว่า ตัวเองก็ยังแยกไม่ออกครับ


สมถะ วิปัสสนา บัญญัติ ปรมัตถ์ เห็นว่าผมมีความเข้าใจไม่ถูกต้องตรงไหนก็แย้งมาหรือ
ถามมา ผมยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจครับ


คุณไม่ได้ตอบตามพระพุทธองค์
แต่ไปตอบตามรู้ตามเข้าใจของตนเอง

ที่เมบอกไป
มากมายก่ายกอง ยังไม่เห็นหรอค๊ะ
ว่า ตนผิดตรงไหนบ้าง

แต่ เมไม่เห็นคุณผิดหรอก เห็นว่า สภาวะของคุณอย่างนั้น คุณก็สมควรเป็นเข่นนั้น ค่ะ

เพราะที่บอกมา ไม่ได้ยอมรับ เพราะปัญญาที่จะเห็นที่จะเข้าใจสภาวะตนเอง ไม่ถึงพอ
เรยไม่รู้ว่า ไม่ตรงตามพระธรรมขนาดไหน

เมไม่ยัดเยียดให้หรอก
เมื่อคุณไม่เห็น ตอนนี้
อนาคต ค่อยระลึกได้เห็นได้เอง
นั่นแหละ จึงแก้ไขตัวเองได้ค่ะ

เอากาลามสูตร ที่คุณเที่ยวบอกประกาศมา ดูตัวเองให้ชัดก่อน
เหตุใด จึงไม่เอาธรรมะที่พระพุทธองค์ประกาศ เป็นหลัก
แต่เอาความรู้ความเข้าใจตนเอง เป็นหลัก

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 00:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เขาไม่เอาพุทโธ....ก็อย่าไปดึงดันให้เขามาเอาเลยครับ...

คนเราชอบไม่เหมือนกัน...ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เม ไม่รู้สึกยินดีอะไรเรย
ที่จะไปเที่ยวถามคุณ ในเรื่องปฎิบัติ และปริยัติ ตามแบบคุ้นเคย ตามสไตร์ของคุณ

ไม่รู้สึก ยินดีเรย ที่จะได้รับ จากความรู้ ความ คิดความเข้าใจของคุณ

เพราะ

หลักคือ ปริยัติของเม พระธรรม ที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ดีแล้วค่ะ

หลักปฎิบัติของเม ก็มาจากปริยัติ ที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไว้ดีแล้ว

ไม่ได้รู้สึกว่า การค้นพบสิ่งใหม่ๆๆ วิจิตรพิศดารของคุณ นอกเหนือพระธรรม
ที่กล่าวไว้ดีแล้ว
งามเหนือ พระธรรม ที่พระองค์แสดงค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 00:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เขาไม่เอาพุทโธ....ก็อย่าไปดึงดันให้เขามาเอาเลยครับ...

คนเราชอบไม่เหมือนกัน...ได้



ร่ายยาวคำแปลมา พุทโธ ผู้รู้ ผู้ ตื่น ผู้เบิกบาน ..........

แต่

ยังลงไม่ถึงจุดนี้

ว่า พุทโธ

คือคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประกาศไว้ดีแล้ว
พุทโธ คือ สิ่งที่พระพุทธองค์ บัญญัติ แสดง ไว้ดีแล้ว

คือ ศาสดา แทนพระองค์


เรยไม่เอาพระธรรมพระองค์มาเรียน มาปฎิบัติไงค๊ะ พี่กบ

tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร