วันเวลาปัจจุบัน 15 ต.ค. 2025, 22:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาวะที่กล่าวมานี้ มองอีกด้านหนึ่ง เป็นลักษณะแห่งพัฒนาการของชีวิตจิตใจ ซึ่งทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพ ตลอดจนท่าทีต่อสิ่งต่างๆ หรือ ต่อโลกและชีวิตโดยส่วนรวม

ความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดจากการพัฒนาการของชีวิตจิตใจนั้น

ทุกคนพอจะมองเห็นได้ เมื่อเทียบเคียงกับการเติบโตจากเด็กขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ของเล่นต่างๆ ที่เคยรักใคร่หวงแหน ถือเอาเป็นเรื่องจริงจังสลักสำคัญนักหนา มีความหมายต่อชีวิต และต่อความสุขความทุกข์ของตนถึงเป็นถึงตายในสมัยเป็นเด็ก
ครั้นเติบโตเป็นเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็จืดจาง กลายเป็นของไม่เร้าความรู้สึก
เมื่อเห็นเด็กๆ ชื่นชมกันนัก ตั้งตาคอยจ้องจะชิงมาเป็นเจ้าของก่อน ผู้ใหญ่อาจมองเป็นขำไป
แม้วิธีหาความสุขสนุกสนานต่างๆ ตามแบบของเด็กๆ ก็หลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย ข้อนี้ฉันใด

ผู้ที่บรรลุนิพพาน เข้าถึงการพัฒนาการที่สูงเลยขึ้นไปจากปุถุชน ย่อมมีท่าทีต่อโลก และชีวิต ต่อสิ่งที่ชื่นชมยินดี และต่อวิถีทางดำเนินชีวิตของปุถุชนเปลี่ยนแปลงไป ฉันนั้น (ดู องฺ.ทสก.24/99/216)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จบตอน ภาวิตจิต: มีจิตที่ได้พัฒนาแล้ว

พุทธธรรมหน้า ๓๗๑

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ต่อ :b13: พี่เมสังเกต คคห.นี้ดีๆ แล้วจะเห็นพุทธพจน์ที่สอนนกุลบิดา ที่ตัวเองตั้งกระทู้กายส่าย (ไปแปล ส่าย จึงทำให้ตีความนอกเรื่องไป) ใจไม่ส่าย นี่

viewtopic.php?f=1&t=57238


คำสำคัญที่แสดงภาวะทางจิตของผู้บรรลุนิพพานอีกคำหนึ่ง ซึ่งครอบคลุมลักษณะหลายอย่างที่กล่าวมาแล้ว คือคำว่า อาโรคยะ แปลว่า ความไม่มีโรค หรือภาวะไร้โรค ที่ในภาษาไทยเรียกว่า สุขภาพ หรือ ความมีสุขภาพดี

อาโรคยะ นี้ใช้เป็นคำเรียกนิพพานอย่างหนึ่ง ดังได้กล่าวมาแล้ว ความไร้โรค หรือ สุขภาพในที่นี้มุ่งเอาความไม่มีโรคทางจิตใจ หรือ สุขภาพจิต ดังพุทธพจน์ที่ตรัสสอนคหบดีผู้เฒ่าคนหนึ่งว่า

"ท่านพึงศึกษาฝึกสอนตน ดังนี้ว่า ถึงแม้ร่างกายของเราจะป่วยออดแอด แต่จิตของเราจักไม่ป่วยออดแอดไปด้วย" (สํ.ข.17/2/3)

"สัตว์ที่ยืนยันได้ว่า ตนปราศจากโรคทางจิต แม้เพียงครู่หนึ่งนั้น หาได้ยาก ยกเว้นแต่พระขีณาสพ" (องฺ.จตุกฺก.21/156/192)

พุทธพจน์นี้ แสดงให้เห็นว่า พระอรหันต์เป็นผู้มีสุขภาพจิตสมบูรณ์ การแสดงภาวะของผู้บรรลุนิพพานในแง่ที่เป็นผู้ไม่มีโรค หรือ มีสุขภาพดีนี้ เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้เข้าใจคุณค่าของการบรรลุนิพพานดีขึ้น เพราะปุถุชนมักสงสัยว่า ในเมื่อผู้บรรลุนิพพานปราศจากการแสวงหา และเสวยความสุข อย่างที่ปุถุชนนิยมชมชอบกันอยู่ ท่านจะมีความสุขได้อย่างไร และนิพพานจะดีอะไร

(พระอรหันต์แท้ๆ ไม่เป็นโรคทางจิต ไม่เป็นโรคซึมเศร้า)

(คนแก่ร่างกายก็เจ็บป่วยออดๆแอดๆเป็นธรรมดา แต่ถึงกายจะเจ็บออดแอด แต่ใจจะไม่ป่วยออดแอดไปด้วย กายเจ็บป่วยเจ็บปวด แต่จิตใจไม่เจ็บไม่ป่วย)


"สัตว์ที่ยืนยันได้ว่า ตนปราศจากโรคทางจิต แม้เพียงครู่หนึ่งนั้น หาได้ยาก ยกเว้นแต่พระขีณาสพ" (องฺ.จตุกฺก.21/156/192)

s006 ?

เอ่? หาได้ยาก ไม่ใช่ไม่มี เนาะค๊ะ ตัวอย่าง

๑. พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
๒. พระรามะพุทธเจ้า
๓. พระธัมมราชาพุทธเจ้า
๔. พระธัมมสามีพุทธเจ้า
๕. พระนารทะพุทธเจ้า
๖. พระรังสีมุนีพุทธเจ้า
๗. พระเทวเทวะพุทธเจ้า
๘. พระธัมมิสสระพุทธเจ้า
๙. พระติสสะพุทธเจ้า
๑๐. พระสุมังคละพุทธเจ้า



แล้วที่ยกมาทั้ง ๑๐ ท่านนั่น เป็นพระขีณาสพมั้ยล่ะ หือ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2019, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เมื่อรับรู้อารมณ์ (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส) ต่างๆ จากภายนอก ทางตา ทางหู ทางจมูก เป็นต้น พระอรหันต์ยังคงเสวยเวทนาที่เนื่องจากอารมณ์เหล่านั้น ทั้งที่เป็นสุข เป็นทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ เช่นเดียวกับคนทั่วไป

แต่มีข้อพิเศษ ตรงที่ท่านเสวยเวทนาอย่างไม่มีกิเลสร้อยรัด ไม่ติดเพลินหรือข้องขัดอยู่กับเวทนานั้น เวทนานั้นไม่เป็นเหตุให้เกิดตัณหา เป็นการเสวยเวทนาชั้นเดียว
เรียกสั้นๆว่า เสวยแต่เวทนาทางกาย ไม่เสวยเวทนาทางจิต ไม่ทำให้เกิดความเร่าร้อนกระวนกระวายภายใน เรียกว่า เวทนานั้นเป็นของเย็นแล้ว การเสวยเวทนาของท่าน เป็นการเสวยชนิดที่ไม่มีอนุสัยตกค้าง



ที่ว่า พระอรหันต์เสวยเวทนาโดยไม่มีอนุสัยตกค้างนี้ เป็นจุดพึงสังเกตสำคัญข้อหนึ่ง คือเป็นความแตกต่างจากปุถุชนที่ ว่า เมื่อเสวยสุข ก็มีราคานุสัยตกค้าง
เสวยทุกข์ ก็มีปฏิฆานุสัยตกค้าง
เสวยอารมณ์เฉยๆ ก็มีอวิชชานุสัยตกค้าง เพิ่มความเคยชิน และความแก่กล้าให้แก่กิเลสเหล่านั้นมากยิ่งๆขึ้น (สํ.นิ. 16/192/99 ฯลฯ)
แต่สำหรับพระอรหันต์ สุขทุกข์จากภายนอก ไม่สามารถเข้าไปกระทบถึงภาวะที่ดับเย็น เป็นสุขในภายใน ความสุขของท่าน จึงเป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่ออารมณ์ หรือ สิ่งต่างๆภายนอก คือไม่ต้องอาศัยอามิส ท่านเรียกว่า เป็นนิรามิสสุขอย่างยิ่ง หรือยิ่งกว่านิรามิสสุข (นิรามิสสุขชั้นสามัญ คือสุขในฌาน) (สํ.ฬ. 18/451-2/293)

ในเมื่อสุขของผู้ถึงนิพพาน ไม่ขึ้นต่อปัจจัยภายนอก ความผันแปรเปลี่ยนแปลงของสิ่งทั้งหลายอันเป็นไปตามคติธรรมดาแห่งสภาพสังขาร จึงไม่เป็นเหตุให้ท่านเกิดความทุกข์
ถึงอารมณ์ ๖ จะแปรปรวนเคลื่อนคลาหายลับ ท่านก็คงอยู่เป็นสุข
ถึงขันธ์ ๕ (รวมหมดทั้งตัว) จะผันแปรกลับกลายไปเป็นอื่น ท่านก็ไม่เศร้าโศกเป็นทุกข์

ความรู้เท่าทันในความไม่เที่ยงแท้และสภาพที่ผันแปรนั้นเอง ย่อมทำให้เกิดความสงบเย็น ไม่พล่านส่าย ไม่กระวนกระวาย อยู่เป็นสุขได้ตลอดเวลา
ภาวะเช่นนี้ท่านว่าเป็นความหมายอย่างหนึ่งของการพึ่งตนได้ หรือการมีธรรมเป็นที่พึ่ง (สํ.ข.17/87-88/53-54)

(ตัดชื่อคัมภีร์อ้างอิงออกส่วนมาก)


s006 เอ่?

พารากราฟ สุดท้าย มาบอกว่าไม่พล่านส่าย ด้วยเนาะค๊ะ

ทีหลังจะก๊อปมาอ่านให้ดีๆก่อนเนาะค๊ะ

สงสัยลืมลบออกน๊ะค๊ะ

s006



อ้างคำพูด:
ความรู้เท่าทัน ในความไม่เที่ยงแท้ และสภาพที่ผันแปรนั้นเอง ย่อมทำให้เกิดความสงบเย็น ไม่พล่านส่าย ไม่กระวนกระวาย อยู่เป็นสุขได้ตลอดเวลา


เป็นตัวอย่างอย่างดี สำหรับคนอ่านบทความ ว่าการอ่านหนังสือนั้น นอกจากอ่านออกแล้ว ต้องอ่านเป็นจับประเด็นได้ด้วย อ่านออกอย่างเดียวไม่พอ

ที่ว่าไม่พล่านส่าย ไม่กระวนกระวายนั่น เป็นผลจากการรู้เท่ารู้ทันความไม่เที่ยงของสังขารซึ่งมันผันแปรไปนั่นเอง ก็จึงทำให้ผู้นั้นเกิดความสงบเย็น ไม่เต้นส่าย ไม่กระวนกระวายอยู่เป็นสุข

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร