วันเวลาปัจจุบัน 10 ต.ค. 2025, 00:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 94, 95, 96, 97, 98, 99, 100 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บทว่า อสสกาวนตี ได้แก่ แคว้นอัสสกะ หรือ แคว้นอวันตี ด้วยบทว่า
รชฺเชน นี้ พระราชาทรงแสดงว่า ถ้าแม้พระคุณเจ้ามีความปรารถนาราชสมบัติ
ในชมพูทวีปทั้งหมด ข้าพเจ้าก็จะให้ราชสมบัตินั้นแก่พระคุณเจ้า แล้วจักมี
มือถือโล่และอาวุธ วิ่งไปข้างหน้ารถของพระคุณเจ้า ดังนี้. บทว่า ยทิจฺฉสิ
ความว่า พระคุณเจ้าปรารถนาสิ่งใด ทุกอย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วเหล่านี้
ก็จงบอกคือจงสั่งสิ่งนั้นแก่ข้าพเจ้าเถิด.

นันทบัณฑิตดาบส ได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว เมื่อจะชี้แจงความ
ประสงค์ของตนให้แจ่มแจ้ง จึงทูลว่า
อาตมภาพ ไม่มีความต้องการด้วยราชสมบัติ
บ้านเมือง ทรัพย์ หรือแม้ชนบท อาตมภาพไม่มีความ
ต้องการเลย.

นันทบัณฑิตทูลต่อไปว่า ดูก่อนมหาบพิตร ถ้าพระองค์มีความรัก
ในอาตมภาพ ขอได้ทรงกระทำตามคำของอาตมภาพสักอย่างหนึ่ง แล้วทูล
เป็นคาถาว่า

ในแว่นแคว้นอาณาเขตของมหาบพิตร มีอาศรม
อยู่ในป่า มารดาและบิดาทั้งสองท่านของอาตมภาพ
อยู่ในอาศรมนั้น อาตมภาพอยู่ในอาศรมนั้น อาตม-
ภาพไม่ได้เพื่อทำบุญในท่านทั้งสอง ผู้เป็นบุรพาจารย์
นั้น อาตมภาพขอเชิญมหาบพิตร ผู้ประเสริฐยิ่งไป
ขอขมาโทษโสณดาบส เพื่อสังวรต่อไป.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รฏเฐ ได้แก่ ในความเป็นพระราชา
บทว่า วิชิเต ได้แก่ สถานที่ที่พระองค์แผ่ราชอาญาไป. บทว่า อสฺสโม
ได้แก่ ในป่าแห่งหิมวันตประเทศนั้น มีอาศรมอยู่แห่งหนึ่ง. บทว่า สมฺมนฺติ
ได้แก่ อยู่ในอาศรมนั้น. บทว่า เตสาหํ ตัดบทเป็น เตสุ อหํ แปลว่า
อาตมภาพมิได้กระทำบุญในบุรพาจารย์ทั้ง ๒ นั้น. บทว่า กาตเว ความว่า

อาตมภาพไม่ได้กระทำบุญ กล่าวคือวัตรปฏิบัติและการนำผลไม้น้อยใหญ่มา
เพราะว่าพี่ชายของอาตมภาพชื่อโสณบัณฑิต ได้ขับไล่อาตมภาพ เพราะความ
ผิดอย่างหนึ่งของอาตมภาพว่า เจ้าจงอย่าอยู่ในที่นี้เลย. บทว่า อชฺฌาวรํ
ความว่า อาตมภาพจะขออัญเชิญพระองค์ผู้ประเสริฐยิ่ง พร้อมด้วยบริวาร

เสด็จไปขอขมาโทษโสณบัณฑิต คือ อาตมภาพจะขอสำรวมต่อไป. บาลีว่า
ยาเจมิ มํ วรํ แปลว่า อาตมภาพจะขอพรอันนี้ ดังนี้ก็มี. อธิบายว่า
อาตมภาพจะไปอ้อนวอนพระโสณะให้ยกโทษพร้อมกับพระองค์ คือ อาตมภาพ
จะรับเอาพรอันนี้จากสำนักของพระองค์.
ลำดับนั้น พระราชาตรัสกะนันทดาบสนั้นว่า

ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ข้าพเจ้าจะขอทำตามคำที่
พระคุณเจ้ากล่าวกะข้าพเจ้าทุกประการ ก็แต่ว่า บุคคล
ผู้จะอ้อนวอนขอโทษมีประมาณเท่าใด ขอพระคุณเจ้า
จงบอกบุคคลมีประมาณเท่านั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กโรมิ ความว่า พระราชารับสั่งว่า
ข้าพเจ้าจะให้ราชสมบัติในชมพูทวีปทั้งหมด จักมิได้กระทำกรรมอะไรมี
ประมาณเพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าก็จะกระทำตามคำของท่าน. บทว่า กีวนโต
ได้แก่ มีประมาณเท่าใด.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
นันทบัณฑิตทูลว่า
ชาวชนบทมีประมาณหนึ่งร้อยเศษ พราหมณ์
มหาศาลก็เท่ากัน กษัตริย์ผู้เป็นอภิชาต ผู้เรืองยศเหล่า
นี้ทั้งหมด ทั้งมหาบพิตรซึ่งทรงพระนามว่า พระเจ้า
มโนชะ บุคคลผู้จะอ้อนวอนขอโทษ ประมาณเท่านี้
ก็พอแล้ว ขอถวายพระพร.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชานปทา ได้แก่ คฤหบดีมหาศาล
บทว่า พราหมณา ได้แก่ พราหมณ์ผู้จบพระเวทประมาณร้อยเศษเท่ากัน.
บทว่า อลํ เหสสนติ ความว่า จักเป็นการเพียงพอแล้ว. บทว่า ยาจกา
ได้แก่ บุคคลที่จะไปขอร้องให้โสณบัณฑิตยกโทษ เพื่อประโยชน์แก่อาตมภาพ.
ลำดับนั้น พระราชาตรัสกะนันทบัณฑิตนั้นว่า

เจ้าพนักงานทั้งหลาย จงเตรียมช้าง จงเตรียมม้า
นายสารถี ท่านจงเตรียมรถ ท่านทั้งหลายจงถือเอา
เครื่องผูก จงยกธงชัยขึ้นที่คันธงทั้งหลาย เราจะไปยัง
อาศรมอันเป็นที่อยู่ของโกสิยดาบส.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โยเชนตุ ความว่า นายควาญช้างทั้งหลาย
จงจัดเตรียมช้าง และนายควาญม้าทั้งหลาย จงจัดเตรียมม้า. บทว่า รถํ
สนนยห สารถิ ความว่า ดูก่อนสารถีผู้เป็นสหาย แม้ตัวท่านก็จงผูกสอด
รถนั้น. บทว่า อาพนธนานิ ความว่า ท่านทั้งหลาย จงถือเอาเครื่องที่

สำหรับจะผูกทั่ว ๆ ไป ในช้าง ม้าและรถทั้งหลาย บทว่า ปาเทสุสสารยทธเช
ความว่า จงยกคือให้ยกธงที่คันธงซึ่งตั้งอยู่บนรถ. บทว่า โกสิโย ความว่า
พระราชาตรัสว่า พระดาบสผู้โกสิยโคตร อยู่ในอาศรมใด ดังนี้.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
ก็ลำดับนั้น พระราชาพร้อมด้วยจาตุรงคเสนา
ได้เสด็จไปยังอาศรมอันน่ารื่นรมย์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของ
โกสิยดาบส.
นี้เป็นคาถาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสเพิ่มเข้ามา

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตโต จ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พระราชาพระองค์นั้น ครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว ในลำดับนั้น จึงทรงพากษัตริย์
๑๐๑ พระองค์ แวดล้อมด้วยเสนาหมู่ใหญ่ ให้พระดาบสนันทบัณฑิตนำหน้า
เสด็จออกจากพระนคร. บทว่า จตุรงคินี ความว่า เสด็จไปยังอาศรมพร้อม
ด้วยจตุรงคเสนา แม้กำลังเสด็จประทับอยู่ในระหว่างทาง ท่านก็กล่าวไว้อย่าง
นี้ เพราะจะต้องเสด็จไปอย่างแน่นอน นันทบัณฑิตดาบส เดินทางไปพร้อม

ด้วยหมู่พลเสนาประมาณได้ ๒๔ อักโขภิณี เนรมิตทางที่กว้างได้ ๘ อุสภะ
ให้ราบเรียบ ด้วยอานุภาพแห่งฤทธิ์ แล้วลาดแผ่นหนังในอากาศทีเดียว นั่ง
ขัดสมาธิบนแผ่นหนังนั้น มีเสนาแวดล้อมแล้ว กล่าวถ้อยคำอันประกอบด้วย
ธรรมะ กับพระราชาผู้ประทับนั่งบนคอช้าง ที่ประทับแล้ว เสด็จไปด้วยกัน
ห้ามเสียซึ่งอันตรายมีความเย็นและความร้อนเป็นต้น ได้ไปแล้ว.

ในวันเมื่อพระนันทดาบสนั้นมาถึงอาศรม โสณบัณฑิตดาบส รำพึงว่า
น้องชายของเราออกไปเสียนานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วันแล้ว จึงเล็งแล.
ดูด้วยทิพยจักษุญาณว่า บัดนี้เธอไปอยู่ที่ไหนหนอ ก็เห็นว่า น้องชายของเรา
กำลังพาพระราชา ๑๐๑ พระองค์ พร้อมด้วยบริวารประมาณ ๒๔ อักโข-

ภิณีมา เพื่อจะให้เรายกโทษเป็นแน่แท้ จึงดำริต่อไปว่า กษัตริย์เหล่านี้ พร้อม
ทั้งบริษัทได้เห็นปาฏิหาริย์ของน้องชายเราเป็นอันมาก แต่ยังมิได้ทราบอานุภาพ
ของเรา ก็จะพากันมาเจรจาข่มขู่ดูหมิ่นเราว่า ผู้นี้แหละเป็นชฏิลโกง ช่างไม่รู้
จักประมาณตนเองเสียเลย จะมาต่อยุทธ์กับพระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย ดังนี้

ทั้งหมดก็จะพึงมีนรกอเวจีเป็นที่เป็นไปในเบื้องหน้า เราจักแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
แก่พวกกษัตริย์และบริษัทเหล่านั้น พระโสณบัณฑิตดาบสนั้น จึงวางไม้คาน


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สำหรับหาบน้ำในอากาศ โดยมิให้ถูกบ่าห่างประมาณ ๔ องคุลี แล้วเหาะไป
ทางอากาศ ในที่ไม่ไกลแต่พระราชา เพื่อจะนำเอาน้ำมาจากสระอโนดาต
นันทบัณฑิตดาบส พอเห็นพี่ชายเหาะมา ไม่อาจจะแสดงตนได้ จึงอันตรธาน
ไปในที่นั่งนั้นทีเดียว หนีเข้าไปยังป่าหิมวันต์ พระเจ้ามโนชราช ทอดพระเนตร
เห็นพระโสณบัณฑิตดาบสนั้น เหาะมาด้วยเพศฤาษีอันน่าเลื่อมใส จึงตรัสพระ
คาถาว่า

ไม้คานอันทำด้วยไม้กระทุ่มของใคร ผู้ไปเพื่อ
หาบน้ำ ลอยมายังเวหาสมิได้ถูกบ่า ห่างประมาณ
๔ องคุลี.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กาพมฺพโย ได้แก่ ทำด้วยไม้กระทุ่ม.
บทว่า อํสํ อสํผุสํ เอติ ความว่า ไม้คานนี้มิได้ถูกต้องบ่า ลอยมาอยู่.
บทว่า อุทกาหารสฺส ความว่า ไม้คานนี้ของใคร ผู้ไปอยู่เพื่อนำน้ำมา คือ
ท่านชื่ออะไร หรือว่า ท่านมาจากไหนกัน.
แม้เมื่อพระราชาตรัสอย่างนี้แล้ว พระมหาสัตว์จึงกล่าวคาถา ๒ คาถาว่า

ดูก่อนมหาบพิตร อาตมภาพชื่อว่า โสณะ เป็น
ดาบสมีวัตรอันสมาทานแล้ว มิได้เกียจคร้านเลี้ยงดู
มารดาบิดาอยู่ทุกคืนทุกวัน ดูก่อนมหาบพิตร ผู้เป็น
เจ้าแห่งทิศ อาตมภาพระลึกถึงอุปการคุณ ที่ท่านทั้ง
สองได้กระทำแล้ว ในกาลก่อน จึงนำผลไม้ป่าและ
เผือกมันมาเลี้ยงดูมารดาบิดา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สหิตพฺพโต ความว่า พระโสณบัณฑิต
ดาบสนั้นกล่าวว่า อาตมภาพเป็นดาบสองค์หนึ่ง เป็นผู้มีวัตรอันสมาทานแล้ว
คือเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและมารยาท. บทว่า ภรามิ แปลว่า เลี้ยงดูประจำ
บทว่า อตนฺทิโต ได้แก่ เป็นผู้ไม่เกียจคร้าน. บทว่า ปุพเพกตมนุสสรํ
ความว่า อาตมภาพระลึกถึงอยู่ซึ่งบุญคุณ ที่มารดาและบิดาทั้งสองนั้นได้
กระทำไว้แล้วแก่อาตมภาพในกาลก่อน.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระราชา ได้ทรงสดับคำนั้นแล้ว มีพระประสงค์ใคร่จะทอดพระเนตร
อาศรม พร้อมด้วยพระโพธิสัตว์นั้น จึงได้ตรัสคาถาอันเป็นลำดับต่อไปว่า
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ปรารถนาจะไปยังอาศรม ซึ่ง
เป็นที่อยู่ของโกสิยดาบส ข้าแต่ท่านโสณะ ขอท่านได้
โปรดบอกทาง ที่จะไปยังอาศรมนั้น แก่ข้าพเจ้าทั้ง
หลายเถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อสฺสมํ ความว่า ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ปรารถนาจะไปยังอาศรมบทของท่านทั้งหลาย.

ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ จึงเนรมิตหนทางสำหรับไปยังอาศรมบท
ด้วยอานุภาพของตน แล้วทูลกะพระเจ้ามโนชราชนั้นว่า

ดูก่อนมหาบพิตร หนทางนี้เป็นหนทางสำหรับ
เดินคนเดียว ขอเชิญ มหาบพิตร เสด็จไปยังป่าอัน
สะพรั่งไปด้วยต้นทองหลาง มีสีเขียวชอุ่มดังสีเมฆ
โกสิยดาบสอยู่ในป่านั้น.

เนื้อความแห่งคำอันเป็นคาถานั้น มีดังต่อไปนี้ ดูก่อนมหาบพิตร
หนทางนี้เป็นหนทางเท้าสำหรับเดินไปได้เพียงคนเดียว ขอเชิญพระองค์เสด็จ
ไป โดยทิศาภาคที่หมู่ไม้อันสะพรั่งไปด้วยต้นทองหลาง มีดอกอันเบ่งบาน
ดีแล้ว มีสีเหมือนเมฆปรากฏอยู่นี้. บิดาของอาตมภาพผู้โกสิยโคตร อยู่ใน
อาศรมนี้ นั่นคืออาศรมแห่งบิดาของอาตมภาพ.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
โสณมหาฤาษี ครั้นกล่าวคำนี้แล้ว ได้พร่ำสอน
กษัตริย์ทั้งหลาย ณ กลางหาวแล้วรีบหลีกไปยัง
สระอโนดาต แล้วกลับมาปัดกวาดอาศรม แต่งตั้ง
อาสนะแล้ว เข้าไปสู่บรรณศาลา แจ้งให้ดาบสผู้เป็น
บิดาทราบว่า ข้าแต่ท่านมหาฤาษี พระราชาทั้งหลาย

ผู้เป็นอภิชาตเรืองยศเหล่านี้ เสด็จมาหา ขอเชิญบิดา
ออกไปนั่งนอกอาศรมเถิด มหาฤาษี ได้ฟังคำของ
โสณบัณฑิตนั้นแล้ว รีบออกจากอาศรมมานั่งอยู่ที่
ประตูของตน.

นี้เป็นพระคาถาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเพิ่มขึ้น
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปกฺกามิ ได้แก่ ไปยังสระอโนดาต.
บทว่า อสฺสมํ ปริมชชิตวา ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฤาษีนั้นรีบไป
ยังสระอโนดาตโดยเร็วพลัน. แล้วตักน้ำดื่มมา เมื่อพระราชาเหล่านั้น ยังไม่
ทันถึงอาศรมนั่นแล ก็กลับมาก่อนจัดแจงตั้งหม้อน้ำดื่มไว้ในโรงน้ำ แล้วอบน้ำ

ด้วยดอกไม้ในป่าทั้งหลาย ด้วยคิดว่า มหาชนจักได้ดื่มน้ำ แล้วถือเอาไม้กวาด
มากวาดอาศรม จัดแจงแต่งตั้งอาสนะของบิดาไว้ที่ประตูบรรณศาลาแล้ว เข้า
ไปบอกให้บิดาได้ทราบ. บทว่า อุปาวิสิ ได้แก่ นั่งบนอาสนะสูง.

ส่วนมารดาของพระโพธิสัตว์ นั่งบนอาสนะต่ำกว่าบิดา ซึ่งตั้งอยู่
ข้างหลัง. พระโพธิสัตว์นั่งอยู่บนอาสนะต่ำ ณ ส่วนข้างหนึ่ง.

ฝ่ายนันทบัณฑิตดาบส ในเวลาที่พระโพธิสัตว์ไปตักน้ำดื่มมาจากสระ
อโนดาต กลับมายังอาศรมแล้ว จึงไปยังสำนักของพระราชา ให้หยุดพัก
กองทัพไว้ ณ ที่ใกล้อาศรม. ลำดับนั้น พระเจ้ามโนชราชทรงสรงสนาน
ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง มีกษัตริย์ ๑๐๑ พระองค์ ห้อมล้อมเป็น

บริวาร พานันทบัณฑิตเสด็จเข้าไปยังอาศรม ด้วยความเป็นผู้เลิศด้วยความงาม
แห่งสิริอันยิ่งใหญ่ เพื่อจะขอให้พระโพธิสัตว์ยกโทษ ลำดับนั้น บิดาพระ-
โพธิสัตว์เห็นพระราชานั้นเสด็จมาดังนั้น จึงถามพระโพธิสัตว์ แม้พระโพธิสัตว์
ก็ได้เล่าถึงความเป็นไปทั้งหมดให้บิดาได้ทราบ.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
โกสิยดาบสได้เห็นพระเจ้ามโนชะนั้น ซึ่งมีหมู่
กษัตริย์ห้อมล้อมเป็นกองทัพ ประหนึ่งรุ่งเรืองด้วยเดช
เสด็จมาอยู่ จึงกล่าวคาถานี้ความว่า กลอง ตะโพน
สังข์ บัณเฑาะว์ และมโหระทึก ยังพระราชาผู้เป็น
จอมทัพให้ร่าเริงอยู่ ดำเนินไปแล้วข้างหน้าของใคร

หน้าผากของใครสวมแล้วด้วยแผ่นทองอันหนามีสีดุจ
สายฟ้า ใครกำลังหนุ่มแน่นผูกสอดด้วยกำลูกศร รุ่ง-
เรืองด้วยสิริ เดินมาอยู่ อนึ่งหน้าของใครงามผุดผ่อง
ดุจทองคำอันละลายคว้างที่ปากเบ้า มีสีดังถ่านเพลิง
ใครหนอรุ่งเรืองด้วยสิริ กำลังเดินมาอยู่ ฉัตรพร้อม
ด้วยคันน่ารื่นรมย์ใจ สำหรับกั้นแสงอาทิตย์ อันบุคคล

กางแล้วเพื่อใคร ใครหนอรุ่งเรืองด้วยสิริ กำลังเดิน
มาอยู่ ชนทั้งหลาย ถือพัดวาลวีชนีเครื่องสูง เดินเคียง
องค์ของใคร ผู้มีบุญอันประเสริฐ มาอยู่โดยคอช้าง
เศวตฉัตร ม้าอาชาไนย และทหารสวมเกราะ
เรียงรายอยู่โดยรอบของใคร ใครหนอรุ่งเรืองด้วยสิริ

กำลังเดินมาอยู่ กษัตริย์ ๑๐๑ พระนครผู้เรืองยศ เสด็จ
พระราชดำเนินแวดล้อมตามอยู่โดยรอบของใคร ใคร
หนอรุ่งเรืองด้วยสิริ กำลังเดินมาอยู่ จาตุรงคเสนา
คือ พลช้าง พลม้า พลรถ และพลเดินเท้า เดิน
แวดล้อมตามอยู่โดยรอบของใคร ใครหนอรุ่งเรือง

ด้วยสิริ กำลังเดินมาอยู่ เสนาหมู่ใหญ่นี้นับไม่ถ้วน
ไม่มีที่สุดดุจคลื่นในมหาสมุทรกำลังห้อมล้อมตามหลัง
ใครมา.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระมหาสัตว์ เมื่อจะบอกพระนามของพระเจ้ามโนชราชนั้น จึงได้
กล่าวคาถา ๒ คาถาเหล่านี้ว่า
กษัตริย์ที่กำลังเสด็จมานั้น คือ พระเจ้ามโนราชา-
ธิราช เป็นเพียงดังพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่กว่าเทวดาชั้น
ดาวดึงส์ เข้าถึงความเป็นบริษัทของนันทดาบส กำลัง
มาสู่อาศรม อันเป็นที่ประพฤติพรหมจรรย์ เสนาหมู่
ใหญ่นี้ นับไม่ถ้วน ไม่มีที่สุด ดุจคลื่นในมหาสมุทร
กำลังตามหลังพระเจ้ามโนชะนั้นมา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชลนตริว แปลว่า ราวกะรุ่งเรืองอยู่.
บทว่า ปฏิปนนานิ ความว่า เครื่องดนตรีเหล่านี้มาข้างหน้าของใคร. บทว่า
หาสยนตา ได้แก่ ให้ยินดีอยู่. บทว่า กญจนปฏเฏน ความว่า พระดาบส
ผู้เป็นบิดา ถามว่า ลูกเอ๋ย ที่สุดแห่งหน้าผากของใครสวมแล้ว ด้วยแผ่นทอง

คืออุณหิสอันทำด้วยทองคำ มีสีประดุจสายฟ้า. บทว่า ยุวา ได้แก่ กำลัง
รุ่นหนุ่ม. บทว่า กลาปสนนทโธ ได้แก่ มีแล่งลูกศรอันผูกสอดเสร็จแล้ว.
บทว่า อุกกามุปหฏฐํว ได้แก่ ประดุจทองคำที่กำลังคว้างอยู่ในเตาของ
นายช่างทอง. บทว่า ขทิรงคารสนนิภํ ได้แก่ มีสีคล้ายถ่านเพลิงของไม้
ตะเคียนที่เขาถากไว้ดีแล้ว. บทว่า อาทิจจรํสาวรณํ ได้แก่ สำหรับกั้น

รัศมีทั้งหลายแห่งดวงอาทิตย์. บทว่า องคํ ปริคคยห ความว่า เดินล้อมรอบ
คือเดินแวดล้อมองค์. บทว่า วาลวีชนิมุตตมํ ได้แก่ พัดวาลวีชนีอันเป็น
เครื่องสูงสุดชนิดหนึ่ง. บทว่า จรนฺติ แปลว่า เดินไปพร้อม ๆ กัน. บทว่า
ฉตตานิ ได้แก่ ฉัตรที่พวกทหารห่มเกราะนั่งบนหลังม้าถือไว้. บทว่า
ปริกิรนติ ความว่า ยืนเรียงรายกันอยู่ ในทิศาภาคทั้งหมดโดยรอบของใคร.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บทว่า จตุรงคินี ความว่า เสนาอันประกอบด้วยองค์ ๔ มีช้างเป็นต้นเหล่านี้.
บทว่า อกโขภินี ได้แก่ ไม่อาจจะนับได้. บทว่า สาครสเสว ได้แก่
หาที่สุดมิได้ประดุจลูกคลื่นในมหาสมุทรฉะนั้น. บทว่า ราชาภิราชา ความว่า
ชื่อว่าเป็นพระราชาภิราช เพราะเป็นผู้อันพระราชาทั้ง ๑๐๑ พระองค์บูชาแล้ว
หรือว่าเป็นพระราชาที่ยิ่งกว่าพระราชาเหล่านั้น. บทว่า ชยตํ ปติ ความว่า
เป็นผู้เจริญที่สุดกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ทั้งหลายผู้ถึงความชนะแล้ว. บทว่า
อชฌาวรํ ความว่า พระราชาพระองค์นั้น เข้าถึงความเป็นบริษัทของนันท-
ดาบสมาอยู่ เพื่อให้ลูกยกโทษ.

พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระราชาทุกพระองค์ ทรงลูบไล้ด้วยจันทน์หอม
ทรงผ้ากาสิกพัสตร์อย่างดี ทุกพระองค์ทรงประคอง
อัญชลีเข้าไปยังสำนักของฤาษีทั้งหลาย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อชฌุปาคมํ ความว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย พระราชาเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ทรงลูบไล้ด้วยผงจันทน์อันมีกลิ่นหอม
ทรงผ้าซึ่งมาจากแคว้นกาสีอย่างดีเลิศ ทรงยกอัญชลีขึ้นบนพระเศียร เข้าไป
ยังสำนักของฤาษีทั้งหลาย.

ลำดับนั้น พระเจ้ามโนชราช ทรงนมัสการบิดาของพระโพธิสัตว์
นั้นแล้ว ประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง เมื่อจะทรงกระทำปฏิสันถารจึงตรัส
คาถา ๒ คาถาว่า

พระคุณเจ้าผู้เจริญไม่มีโรคาพาธดอกหรือ พระ
คุณเจ้าสุขสำราญดีอยู่หรือ พระคุณเจ้าพอยังอัตภาพ
ให้เป็นไปได้สะดวก ด้วยการแสวงหามูลผลาหาร
แลหรือ เหง้ามันและผลไม้มีมากแลหรือ เหลือบ ยุง
และสัตว์เลื้อยคลานมีน้อยแลหรือ ในป่าอันเกลื่อนกล่น
ไปด้วยพาฬมฤค ไม่มีมาเบียดเบียนบ้างหรือ.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ต่อไปนี้เป็นคาถาที่พระดาบสบิดาของพระโพธิสัตว์ และพระเจ้า
มโนชราชกล่าวถามและตอบกัน ๒ คนว่า
ดูก่อนมหาบพิตร อาตมภาพทั้งหลายไม่มีโรคา-
พาธ มีความสุขสำราญดี เยียวยาอัตภาพได้สะดวก
ด้วยการแสวงหามูลผลาหาร ทั้งมูลมัน ผลไม้ก็มีมาก
เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลานมีน้อย ในป่าอัน

เกลื่อนกล่นไปด้วยพาฬมฤค ไม่มีมาเบียดเบียนอาตม-
ภาพ เมื่ออาตมภาพได้อยู่อาศรมนี้หลายปีมาแล้ว
อาตมภาพไม่รู้สึกอาพาธ อันไม่เป็นที่รื่นรมย์แห่งใจ
เกิดขึ้นเลย ดูก่อนมหาบพิตร พระองค์เสด็จมาดีแล้ว
และพระองค์ไม่ได้เสด็จมาร้าย พระองค์ผู้เป็นอิสระ

เสด็จมาถึงแล้ว ขอจงตรัสบอกสิ่งที่ทรงชอบพระ-
หฤทัย ซึ่งมีอยู่ ณ ที่นี้เถิด ขอเชิญมหาบพิตรเสวย
ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง และผลหมากเม่า
อันเป็นผลไม้มีรสหวานน้อย ๆ เชิญเลือกเสวยแต่ผลที่
ดี ๆ เถิด น้ำนี้เย็น นำมาแต่ซอกเขา ขอเชิญมหาบ-
พิตรดื่มเถิด ถ้าพระองค์ทรงปรารถนา.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สิ่งใดที่พระคุณเจ้าให้ ข้าพเจ้าขอรับเอาสิ่งนั้น
พระคุณเจ้ากระทำให้ถึงแก่ข้าพเจ้าทั้งปวง ขอพระ-
คุณเจ้าจงเงี่ยโสตสดับคำของนันทดาบส ที่ท่านจะ
กล่าวนั้นเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบริษัทของนันทดา-
บสมาแล้วสู่สำนักของพระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าโปรด
สดับคำของข้าพเจ้า ของนันทดาบสและของบริษัท
เถิด.

คาถาเหล่านี้ มีข้อความเกี่ยวเนื่องกันชัดแล้ว โดยส่วนมากทีเดียว.
ส่วนในที่นี้ ข้าพเจ้าจักกล่าวเฉพาะคำที่ยังไม่ชัดเจนเท่านั้น. บทว่า ปเวทย
ความว่า พระดาบสทูลว่า ขอพระองค์จงตรัสบอกสิ่งนั้นที่มีอยู่ในที่นี้ ซึ่งเป็น
ที่ชอบพระทัยของพระองค์ แก่อาตมภาพเถิด. บทว่า ขุททกปปานิ ความว่า
ผลไม้ต่าง ๆ เหล่านี้มีรสหวาน มีส่วนเปรียบด้วยรสหวานนิดหน่อย บทว่า

วรํ วรํ ความว่า ขอพระองค์จงเลือกเอาผลไม้ที่ดี ๆ จากผลไม้เหล่านี้แล้ว
เชิญเสวยเถิด. บทว่า คิริคพภรา ได้แก่ จากสระอโนดาต. บทว่า สพพสส
อคฆิยํ ความว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายถามแล้วด้วยสิ่งใด สิ่งนั้นชื่อว่าเป็นอัน
ข้าพเจ้าทั้งหลายรับแล้ว อนึ่งชื่อว่า สิ่งนั้นเป็นของอันพระคุณเจ้าให้แล้วทีเดียว

อธิบายว่า พระคุณเจ้ากระทำให้เป็นของถึงแก่ชนนี้ทั้งหมด ด้วยการกระทำ
มีประมาณเพียงเท่านี้ คือ กระทำสิ่งทั้งหมดแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายก่อน. บทว่า
นนทสสาปิ ความว่า พระคุณเจ้ากระทำสิ่งทั้งหมดแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายก่อน
แล้ว บัดนี้ นันทบัณฑิต ปรารถนาจะกล่าวถ้อยคำเล็กน้อย ขอพระคุณเจ้า

จงฟังคำของเธอก่อน. บทว่า อชฌาวรมหา ความว่า พระราชาตรัสว่า
ข้าพเจ้าทั้งหลายมาแล้วด้วยเหตุอื่นก็หาไม่ ก็ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบริษัทของ
นันทบัณฑิตมาแล้ว เพื่อจะยังท่านทั้งหลายให้ยกโทษ. บทว่า ภวํ ความว่า
พระคุณเจ้าผู้มีชื่อว่า โสณบัณฑิต จงสดับเถิด.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เมื่อพระเจ้ามโนชราชตรัสอย่างนี้แล้ว นันทบัณฑิตจึงลุกจากอาสนะ
ไหว้มารดาบิดาและพี่ชาย เมื่อจะเจรจากับบริษัท จึงกล่าวว่า

ชาวชนบทร้อยเศษ พราหมณ์มหาศาลประมาณ
เท่านั้น กษัตริย์อภิชาตผู้เรืองยศทั้งหมดนี้ และพระเจ้า
มโนชะผู้เจริญ จงเข้าใจคำของข้าพเจ้า ยักษ์ทั้งหลาย
ภูตและเทวดาทั้งหลายในป่า เหล่าใด ซึ่งมาประชุมกัน
อยู่ในอาศรมนี้ ขอจงฟังคำของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอ

กระทำความนอบน้อมแก่เทวดาทั้งหลายแล้ว จักกล่าว
กะฤาษีผู้มีวัตรอันงาม ข้าพเจ้านั้นชาวโลกสมมติแล้ว
ว่า เป็นชาวโกสิยโคตรร่วมกับท่าน จึงนับว่าเป็น
แขนขวาของท่าน ข้าแต่ท่านโกสิยะผู้มีความเพียร

เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ประสงค์จะเลี้ยงดูมารดาบิดาของ
ข้าพเจ้า ฐานะนี้ชื่อว่าเป็นบุญ ขอท่านอย่าได้ห้าม
ข้าพเจ้าเสียเลย จริงอยู่ การบำรุงมารดาบิดานี้ สัต-
บุรุษทั้งหลายสรรเสริญแล้ว ขอท่านจงอนุญาตการ

บำรุงมารดาบิดานี้แก่ข้าพเจ้า ท่านได้กระทำกุศลมา
แล้วสิ้นกาลนาน ด้วยการลุกขึ้นทำกิจวัตรและการ
บีบนวด บัดนี้ ข้าพเจ้าปรารถนาจะทำบุญในมารดา
และบิดา ขอท่านจงให้โลกสวรรค์แก่ข้าพเจ้าเถิด
ข้าแต่พระฤาษี มนุษย์ทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในบริษัทนี้


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ทราบบทแห่งธรรมในธรรมว่าเป็นทางแห่งโลกสวรรค์
เหมือนดังท่านทราบ ฉะนั้น การบำรุงมารดาบิดาด้วย
การอุปัฏฐากและการบีบนวด ชื่อว่านำความสุขมาให้
ท่านห้ามข้าพเจ้าจากบุญนั้น ชื่อว่า เป็นอันห้ามทาง
อันประเสริฐ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนุมญญนตุ ความว่า จงรู้ คือ จง
กระทำให้ดีให้ประจักษ์ บทว่า สมิตาโร ได้แก่ มาประชุมกันอยู่พร้อมแล้ว.
บทว่า อรญเญ ภูตภพยานิ ความว่า ภูตทั้งหลายด้วย เทวดาทั้งหลาย
ผู้ถึงแล้วซึ่งแดนแห่งความเจริญด้วย และเทวดาหนุ่ม ๆ ทั้งหลายด้วยเหล่าใด.

ในป่าหิมวันตประเทศนี้ เทวดาเหล่านั้นทั้งหมด จงฟังคำของข้าพเจ้า. บทว่า
นโม กตฺวาน ความว่า พระนันทบัณฑิตนั้น ครั้นให้สัญญานี้แก่บริษัทแล้ว
กระทำการนอบน้อมแก่เทวดาทั้งหลาย ผู้เกิดแล้วในชัฏแห่งป่านั้นนั่นแล จึง
ได้กล่าวแล้ว. เนื้อความแห่งคำนั้น มีอธิบายว่า ในวันนี้แหละเทวดาผู้อยู่ใน

หิมวันตประเทศทั้งหลายเป็นอันมาก พึงมาประชุมกันเพื่อจะฟังธรรมกถาของ
พี่ชายเรา เพราะฉะนั้น นันทบัณฑิตจึงได้กล่าวว่า ก็ความนอบน้อมนี้ เป็น
ความนอบน้อมแก่ท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงเป็นสหายของข้าพเจ้า.

นันทบัณฑิตนั้นประคองอัญชลีแก่เทวดาทั้งหลาย ยังบริษัทให้ทราบแล้ว จึง
กล่าวคำเป็นต้นว่า ข้าพเจ้าจักกล่าวกะพระฤาษี ดังนี้ คำว่า อิสึ ในคาถา
นั้น ท่านกล่าวหมายถึงโสณบัณฑิต. บทว่า สมฺมโต ความว่า ธรรมดาว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พี่ชายทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้เสมอด้วยร่างกาย เพราะฉะนั้น พระนันทบัณฑิตนั้น
จึงสมมติเอาว่า ข้าพเจ้าเท่ากับเป็นแขนขวาของท่าน จึงแสดงว่า ท่านทั้งหลาย
จึงควร เพื่อจะยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเหตุนั้น บทว่า วีร ได้แก่ ข้าแต่พี่
ผู้มีความพยายาม ผู้มีความบากบั่นมาก บทว่า ปุญฺญมิทํ €านํ ความว่า
นันทบัณฑิตกล่าวว่า ขึ้นชื่อว่าการบำรุงมารดาบิดานี้ เป็นบุญ คือ เป็นเหตุที่

จะยังหมู่สัตว์ให้เป็นไปพร้อมเพื่อบังเกิดในสวรรค์ เพราะฉะนั้น ท่านอย่าได้
ห้ามข้าพเจ้าผู้จะทำบุญนั้นเลย. บทว่า สพฺภิเหตํ ความว่า จริงอยู่ ธรรมดาว่า
การบำรุงมารดาบิดานี้ บัณฑิตทั้งหลายสรรเสริญแล้ว คือเข้าไปรู้แล้วและ
พรรณนาแล้ว. บทว่า มเมตํ อุปนิสสช ความว่า ขอท่านจงอนุญาต คือ

จงสละ จงให้การบำรุงมารดาบิดานี้แก่ข้าพเจ้าเถิด. บทว่า อุฏฐานปาทจริยาย
ได้แก่ ด้วยความเพียรเป็นเหตุให้ลุกขึ้น และด้วยการบำเรอเท้า. บทว่า กตํ
ได้แก่ ท่านกระทำกุศลไว้แล้วสิ้นกาลนาน. บทว่า ปุญญานิ ความว่า บัดนี้
ข้าพเจ้าใคร่จะทำบุญในมารดาบิดาทั้ง ๒. บทว่า มม โลกทโท ความว่า

นันทบัณฑิตกล่าวว่า ขอท่านจงให้โลกสวรรค์แก่ข้าพเจ้านั้น ด้วยว่า ข้าพเจ้า
กระทำวัตรคือการบำรุงมารดาบิดาทั้ง ๒ นั้น จักได้อิสริยยศหาประมาณมิได้
ในเทวโลก ขอท่านจงเป็นทายกของข้าพเจ้านั้นเถิด. บทว่า ตเถว ความว่า
ท่านย่อมรู้ด้วยประการใด แม้ชนเหล่าอื่นที่มีอยู่ในบริษัทนี้ ชนเหล่านั้น

ย่อมกล่าวซึ่งธรรมทั้งหลายมีประการต่าง ๆ คือส่วนแห่งธรรม กล่าวคือความ
เป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญที่สุดนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน. ถามว่า
ชนเหล่านั้นกล่าวว่าอย่างไร ? ตอบว่า ชนเหล่านั้นกล่าวว่า ธรรมคือการบำรุง
มารดาบิดานี้ เป็นทางแห่งโลกสวรรค์. บทว่า สุขาวหํ ความว่า นำความสุข


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 94, 95, 96, 97, 98, 99, 100 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร