ไม่รู้ทุกข์..ไม่รู้เหตุการเกิดของทุกข์นั้น...จะพูดคำพิศดารแค่ไหน..ก็ไม่ใช่มรรค..ดอกคุณโรส


มา..มาฟัง..ให้เกิดปัญญา

ต้องคิดหาวิธีที่จะหนีจากการเวียนว่ายตายเกิด

ปกติลืมตาดูกบเห็นแล้วคิดนึกอ่านตามตัวอักษรเนี่ย
ไม่รู้เลยหรือว่ากายใจตัวเองผลิตกิเลสแล้วปกติ
จะรู้ความจริงตามคำสอนให้ดูที่กายใจตัวเอง
จะมีพระอรหันต์ก็ดูได้ที่กายใจตัวเองเป็น
ไม่มีอะไรนอกกายให้ยึดมั่นว่าโน่นนี่นั่น
กิเลสผลิตออกจากจิตตนเองตอนเห็น
และปัญญาเกิดตอนฟังเข้าใจถูกตัว
ถ้าฟังน้อยกว่าดูแสดงว่ามีกิเลสมาก
ดูตาตัวเองให้ถูกว่าไม่ได้เห็นแค่สี
ยังไม่กะพริบตากิเลสก็ไหลแล้ว
เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสมีครบ
ตอนกะพริบตาดับครบ6ขณะ
เห็นเป็นกิเลสทันทีที่ไม่ได้
กำลังฟังแล้วคิดถูกตาม
ไม่ได้ระลึกตามคำสอน
ตรงที่กายมีคือมีอวิชชา
เห็นเกินสีก็คือมีกิเลส555
ตรงมากมันปิดหูปิดตาดูม๊๊งถึงดูตาเนื้อกิเลสตัวเองไม่เป็น
กิเลสน่ะมีแล้วขาดแค่ฟังก็คือไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มรู้สึกตัวไหมมมมม

งั้น..หลับตา..ก็ไม่เห็น ซะ...กิเลสก็ไม่มี..หรือคุณโรส.?
คนตาบอด..มองไม่เห็น..แต่ได้ยินเสียงอย่างเดียวตลอด...ก็เป็นอรหันต์กันหมด..แล้วซิ?.



นี้แหละ...คุณโรส..เห็นผิด...ครับ..

มันถึงไม่มีผล...อยู่นี้งัย

รู้จัก คำว่า แสงสว่าง เสมอด้วย ปัญญา ไม่มี...ไหมคะ
เพราะปัญญาแรกแทรกเกิดตามหลังเห็นดับตอนรู้ตัวตามเสียงในความมืด

เห็นดับก่อนนะ...ถึงจะมีเสียงให้ได้ยิน...คิดถูกตัวตนในความมืดทันที...นั่นแหละเรียกว่าตาสว่างแปลว่าหายโง่

เห็นสีดับมืดแล้วจึงเกิดเสียงตอนคิดถูกตามเสียงในความมืดก็ไม่มีแสงไม่รู้ตรงทางแปลว่าขาดสติแล้วเพราะ
ไม่ได้มองเห็นแค่สี...ตาคุณเห็นเกินสีกลายเป็นคนสัตว์วัตถุแล้วปกติลืมตายังไม่รู้ไปทำตาบอดหลับตาอีก
ชาตินี้ทั้งชาติก็บอดสนิทตายสนิททุกขณะไม่มีซากปัญญาสะสมลงไปในจิตเพราะขาดสุตมยปัญญา
บอกให้ลืมตาดูตอนตื่นจากหลับแล้วคือตื่นรู้ตรงทางตามปกติตาเนื้อกิเลสคือตาทุกคนที่ยังเกิดอยู่
ทุกคนที่เกิดมาแล้วรู้ตัวไหมถ้าถึงนิพพานแล้วก็ไม่มาลืมตาดูอยู่หรอกค่ะถ้าอ่านมากกว่าฟังตรงๆ
แปลว่าสะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำเพื่อเอาไปท่องจำทำข้อสอบได้คิดว่าเป็นปัญญามันผิดทาง
สุตมยปัญญาใช้หูฟังในความมืดมีแค่โสตปสาทะมืดไม่มีจักขุปสาทะสว่างมาปนแม้คิดนึกก็มืด
แล้วที่คิดพร้อมกับเห็นตัวหนังสือน่ะมันผิดทางเกิดปัญญาไม่รู้เรื่องเลยว่าผลิตแต่ตาเนื้อเห็นผิด

ไม่รู้จักฟังเสียงคนอื่นบอกให้คิดตาม
จิตเห็นสีแต่ตาเนื้อทุกคนเห็นเป็นกิเลส
ปัญญาเกิดตอนมีเสียงให้คิดถูกตามได้
ต้องกำลังคิดถูกตามตรงทางตรงคำตรงขณะ
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วกำลังปรากฏกับอวิชชาไงคะ
เพราะขาดฟังอยู่เดี๋ยวนี้ไม่มีปัญญาใหม่เกิดเพิ่มรู้หรือยังคะแค่ลืมตากิเลสเก่าก็ไหลออกมาปรุงใหม่แล้ว

มามะ...มาฟังเสียงคนอื่นบอกให้คิดตาม..แล้วปฏิบัติตามด้วยนะ..

การปฏิบัติคือการรักษา ดูแล กาย วาจา ใจ

ส่วน...ตาคนนี้..เป็นใครหว่า? YouTube มันเสนอเข้ามาในแท๊ปขวา..เฉยเลย




อีตาคนนี้..กล่าวหา คุณสุจินต์...ว่าทำลายทาน..ทำลายศีล..ทำลายวิปัสสนา..ของพระพุทธศาสนา..นู้นเลยนะคุณ

อยากรู้จัง..ว่า..ตอนอีตาคนนี้..รับวิบาก...กรรมจากการวิพากษ์วิจารณ์คุณสุจินต์..นี้...จะเป็นยังงัย..

ถามว่า..อีตาคนนี้..จะได้รับกรรมอะไรบ้างครับ?

อาจจะต้องฟังให้ครบ..จะได้รู้ว่า..อีตาคนนี้..จะได้รับกรรมแนวไหน ..บุญ..หรือบาป

ผู้ที่ฟังคำสอนเข้าใจ...เขาหยุดไปหลับตา...ทำมิจฉาสมาธิแล้ว...สัมมาสมาธิเกิดตอนเริ่มคิดเห็นถูกตามเสียง
เข้าใจคำว่าตื่น...รู้ไหม...ไม่ใช่หลับ...ไม่รู้จักลืมตาดู...ตื่นคือตื่นนอนขึ้นมาปกติดู+ฟังถึงจะมีวิถีจิตครบ6ทาง
พระพุทธเจ้าเรียนสมาธิหลับตาจากอาจารย์ดาบสรู้หมดก็ไม่บรรลุไม่สำนึกในคุณพระรัตนตรัยถึงไม่ยอมฟัง
ไม่รู้ตัวกันเลยหรือว่าทศพลญาณคือญาณที่ไม่มีในทุกคนยกเว้นพระพุทธเจ้าตอนมีคำสอนให้สิกขาเข้าใจอยู่
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณไม่มีแม้แต่ในพระอัครสาวกทั้ง2 คนยุคนี้ฉลาดมากไม่ฟัง555

ประเดียว...ก็ว่า..ลืมตาเห็นเป็นกิเลสแล้ว..

ตอนนี้ก็ว่า..หลับตา..เป็นมิจฉา..สัมมาสมาธิเกิดตอนลืมตา..ไม่ใช่หลับ..ไม่รู้จักลืมตาดู..




เอางัยแน่ คุณ.โรส. .

เอ้าก็เคยตั้งจิตไว้ชอบเพื่อให้ฟังคำสอนเข้าใจบ้างไหม

ถ้าไม่เคยฟังเลยแสดงว่าเอาเห็นของตนเองเป็นประธานดู

ถ้ามีปัญญาต้องกำลังพึ่งคิดตามคำสอนเพื่อให้เสียงเป็นประธาน

ต้องกำลังมีเสียงนำทางเห็นที่ผิดของตนและจิตทางอื่นออกจากความไม่รู้ของตนเองไงคะ

ใช้จิตได้ยินที่เกิดในความมืดนำทางไม่ใช่เอาเห็นผิดๆมานำทางมันไปไม่รอดเพราะสุตมยปัญญาคือเสียงนำ

เวลาอ่าน...ต้องเข้าใจเนื้อความทั้งหมดทีละคำตรงคำไม่ตัดมาแปะแล้วคิดตัดต่อเองบางประโยค
เพราะความเข้าใจของผู้ที่ไตร่ตรองตามคำสอนเข้าใจคือปัญญาของผู้อธิบายไม่ใช่ปัญญาของผู้อ่าน
การสะสมปัญญาของจริงต้องอาศัยการฟังไม่มีตัวอักษรสภาพธรรมให้จำว่าคือคำไหนเข้าใจไหมคะคือว่า
ได้ยินคำใหม่ตลอดเวลาและไม่ได้รู้เสียงคำต่อไปล่วงหน้าและขณะกำลังเข้าใจได้สะสมถูกเกิดสัมมาตามได้
ขณะที่ฟังพระพุทธพจน์ที่มีผู้อื่นเปล่งเสียงคำใหม่ๆให้ไตร่ตรองตรงความจริงคือรู้สิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีก่อนดับ
กระพริบตาคือจิตใหม่ครบทั้ง6ทางอายตนะที่กำลังเกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็วที่กำลังปกปิดความจริงอยู่
ต้องรู้จักตนเองว่ากำลังมีกิเลสเพราะเห็นของตนผิดมีกิเลสแล้วจนกว่าจะเริ่มสะสมการฟังพระพุทธพจน์
เพื่อให้จิตได้ยินนำทางจิตทางอื่นๆออกจากกิเลสและคำจริงตรงขณะใหม่ที่ทำให้เข้าใจถูกตัวคือคำสัจจะ
https://youtu.be/tdiEv4MxTbg

เท่าที่เห็นเขามี YouTube ออกมาเยอะมากเลยนะ



นึกแล้วอยากเห็น 2 ท่านนี้ได้มาเผชิญหน้าบนเวทีเดียวกัน





ว่าแล้วหาอะไรฟังเพลิน ๆ เจริญใจ ดีก่า



... ไปหยิบมามั่ว ๆ นึกไม่ถึงว่าท่านผู้นี้ก็เป็นอาจารย์สอนอภิธรรมนะนี่ ^^

แต่ท่านนี้น่าจะได้มีการปฏิบัติภาวนาควบคู่ด้วยแน่เลย ลักษณะบ่งบอก ^^

... นักอภิธรรมครบเครื่องของแท้หน้าตาเป็นไง ฟังคลิปนี้จบ ก็จะถึงบางอ้อเอง ...



ขนาดความยาว 2.24 ชม. แต่เอกอนก็ฟังรวดเดียวจบ

คำสอนของพระพุทธเจ้าตรงสัจจะที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกคำในพระไตรปิฎก
สาวกคือผู้ฟังคำสอนเข้าใจถูกตามตรงสัจจะแล้วไม่เดือดร้อนจะไปทำอะไร
เพราะทุกอย่างมีแล้วกำลังปรากฏว่ากำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยไม่ต้องทำ
กิเลสมีที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจตนเองตอนลืมตาตื่นนอนขึ้นมาเพื่อเห็นตอนมีวิถีจิต
แค่หลับตาวิถีจิตทางตาก็ไม่มียังจะไปยุ่งทำสมาธิหลับตาซื่อบรื้อไม่รู้จักคำว่าสุตะรึ
ฟังเนี่ยใช้หูฟังและต้องใช้ตาดูความจริงถึงจะมีครบที่ประชุมสภาพธรรมครบทั้ง6ทางด้วย
ถึงจะเข้าใจตามคำสอนถูกตัวตนว่าแต่ละทางมันเกิดไม่พร้อมกันไม่ปนกันและมันสลับกันเกิดดับไม่ต้องทำ
https://youtu.be/Pvn54OgTElk