วันเวลาปัจจุบัน 08 ส.ค. 2025, 15:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 110, 111, 112, 113, 114, 115, 116 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พึงทราบวินิจฉัยในคาถานั้น ด้วยบทว่า โกมาริกา นางแมว
กล่าวว่า ฉันไม่รู้จักชายอื่นตลอดเวลานี้ ฉันจักเป็นภรรยาสาวของคุณ,
บทว่า มฺชุกา ปิยภาณินี ความว่า เราจักเป็นผู้มีถ้อยคำไพเราะ
พูดคำน่ารักเป็นปกติ ต่อคุณทีเดียว. บทว่า วินฺท มํ ความว่า คุณจะ
กลับได้ฉัน. บทว่า อริเยน เวเทน ความว่า ด้วยการกลับได้ที่ดี.

นางแมวพูดว่า เพราะว่าฉันเองก่อนแต่นี้ไม่รู้จักสัมผัสตัวผู้ ถึงคุณก็ยัง
ไม่รู้จักการสัมผัสตัวเมีย ฉะนั้น คุณจะได้ฉันผู้เป็นพรหมจารินีตามปกติ
ด้วยการได้ที่ไม่มีโทษ คุณต้องการฉัน ถ้าไม่เชื่อถ้อยคำของฉันก็ให้ตี
กลองประกาศในนครพาราณสีชั่ว ๑๒ โยชน์ว่า นางแมวนี้เป็นทาสของ
ฉัน คุณจงรับฉันให้เป็นทาสของตนเถิด.

พระโพธิสัตว์ได้ยินคำนั้นแล้ว ถัดนั้นไปก็คิดว่า ควรที่เราจะขู่
แมวตัวนี้ให้หนีไปเสีย แล้วจึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า:-

ดูก่อนเจ้าผู้กินซากศพ ผู้ดื่มโลหิต ผู้
เป็นโจรปล้นไก่ เจ้าไม่ต้องการให้ฉันเป็นผัว
ด้วยการเสวยอารมณ์ที่ดี คือสุขเวทนา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า น ตวํ อริเยน ความว่า พระ-
โพธิสัตว์ กล่าวว่า เจ้าไม่ประสงค์ให้ข้าเป็นผัว ด้วยลาภที่ประเสริฐ
คือการอยู่ประพฤติเหมือนพรหม แต่เจ้าต้องการลวงกินฉัน. ดูก่อนเจ้า
ผู้ลามก เจ้าจงฉิบหาย ดังนี้แล้ว ให้แมวนั้นหนีไปแล้ว.

ส่วนแมวนั้นหนีไปแล้ว ไม่อาจแม้เพื่อจะมองดูอีก เพราะฉะนั้น
พระศาสดา จึงได้ตรัสอภิสัมพุทธคาถาเหล่านี้ว่า:-


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
หญิง ๔ คนเห็นนรชนผู้ประเสริฐ แม้
อย่างนี้แล้ว ชักนำด้วยวาจาอ่อนหวาน เหมือน
นางแมวชักนำไก่ ฉะนั้น. ก็ผู้ใดรู้ไม่เท่าทัน
เหตุที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ผู้นั้นจะตกอยู่ใน
อำนาจของศัตรู และจะเดือดร้อนภายหลัง.
ส่วนผู้ใดรู้ทันเหตุที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน. ผู้นั้น
จะพ้นจากการเบียดเบียนของศัตรู เหมือนไก่
พ้นจากนางแมว ฉะนั้น.

คาถาเหล่านี้ เป็นพระคาถาของท่านผู้รู้ยิ่งแล้ว คือคาถาของ
ท่านผู้ตรัสรู้แล้ว.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จตุรา คือผู้ประกอบหญิงจำนวน
๔ คน. บทว่า นารี ได้แก่ หญิงทั้งหลาย. บทว่า เนนฺติ ความว่า
นำเข้าไปสู่อำนาจของตน. บทว่า วิลารี วิย ความว่า นางแมวนั้น
พยายามชักนำไก่นั้น ฉันใด หญิงเหล่าอื่น ก็ชักนำภิกษุนั้น ฉันนั้น

เหมือนกัน. บทว่า อุปฺปติตํ อตฺถํ ความว่า เหตุการณ์บางอย่าง
นั่นเอง ที่เกิดขึ้นแล้ว. บทว่า น พุชฺฌติ ความว่า ไม่รู้ตามสภาพ
ความจริง และจะเดือดร้อนภายหลัง. บทว่า กุกฺกุโฏว มีเนื้อความว่า
ภิกษุนั้น พ้นจากการเบียดเบียนของศัตรู เหมือนไก่ตัวที่ถึงพร้อมด้วย
ความรู้ พ้นจากแมวฉะนั้น.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศ
สัจธรรมประมวลชาดกไว้. ในที่สุดแห่งสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึก ตั้ง
อยู่แล้วในโสดาปัตติผล ก็พระยาไก่ในครั้งนั้น ได้แก่เราตถาคต ฉะนี้
แล.
จบ อรรถกถากุกกุฏชาดกที่ ๘

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาธัมมัทธชชาดกที่ ๙

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ
ผู้โกหกรูปหนึ่งแล้ว จึงได้ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า ธมฺมํ จรถ
าตโย ดังนี้.

ความย่อว่า ในครั้งนั้นพระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุนี้ไม่ใช่โกหกเฉพาะในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนก็
โกหกเหมือนกัน แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดนก เติบโตแล้วมีฝูงนกห้อมล้อม
อาศัยอยู่ที่เกาะกลางมหาสมุทร. ครั้งนั้น พ่อค้าชาวกาสิกรัฐกลุ่มหนึ่ง
พากันแล่นเรือไปยังมหาสมุทร โดยเอากาบอกทิศไปด้วย. เรือแตกท่าม

กลางมหาสมุทร. กาบอกทิศนั้นไปถึงเกาะนั้นแล้ว คิดว่า นกฝูงนี้เป็น
ฝูงใหญ่ เราควรทำการโกหกแล้วกินไข่และลูกอ่อนของนกฝูงนี้อร่อย ๆ.
มันบินร่อนลงแล้ว ยืนขาเดียวอ้าปากอยู่ที่พื้นดินท่ามกลางฝูงนก. มัน
ถูกนกทั้งหลายถามว่า ท่านเป็นใครครับนาย ? ก็บอกว่า ฉันเป็นผู้
ประพฤติธรรม.

นก. เหตุไฉน ท่านจึงยืนขาเดียว ?
กา. เมื่อฉันเหยียบ ๒ ขา แผ่นดินก็ไม่สามารถจะทนทานได้.
นก. เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไฉน ท่านจึงยืนอ้าปาก ?
กา. ฉันไม่กินอาหารอื่น กินแต่ลมเท่านั้น.

ก็แล ครั้นมันตอบอย่างนั้นแล้ว จึงเรียกนกเหล่านั้นมาเตือน
ว่า ฉันจักให้โอวาทเธอทั้งหลาย ขอจงพากันมาฟังโอวาทนั้น แล้วได้
กล่าวคาถาที่ ๑ เป็นการให้โอวาทนกเหล่านั้นว่า:-


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ดูก่อนญาติทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพา
กันประพฤติธรรม เธอทั้งหลายจงพากันประ-
พฤติธรรม ความเจริญจักมีแก่พวกเธอ เพราะ
ว่าผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้
และโลกหน้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธมฺมํ จรถ ความว่า เธอทั้งหลาย
จงพากันประพฤติธรรม แยกประเภทเป็นกายทุจริตเป็นต้น. กาบอก
ทิศเรียกนกเหล่านั้นว่าญาติทั้งหลาย. บทว่า ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โว
ความว่า เธอทั้งหลายอย่าพากันย่อท้อ จงประพฤติธรรมบ่อยๆ เถิด

ความเจริญจักมีแก่เธอทั้งหลาย. คำว่า สุขํ เสติ นี้ เป็นเพียงหัวข้อ
เทศนา. กานั้นแสดงว่าผู้ประพฤติธรรม ยืน นั่ง เดิน นอน ก็เป็น
สุขอย่างยิ่ง เป็นสุขทุกอิริยาบถ.

นกทั้งหลายไม่รู้ว่า กาตัวนี้พูดอย่างนี้ เพื่อจะโกหกกินไข่นก.
เมื่อจะพรรณนาความทุศีลนั้น จึงได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:-

จำเริญหนอนตัวนี้ นกผู้ประพฤติธรรม
ยืนขาเดียว พร่ำสอนธรรมอย่างเดียว.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธมฺมเมว ได้แก่สภาวธรรมนั่นเอง
บทว่า อนุสาสติ ได้แก่บอกสอน.

นกทั้งหลายเชื่อฟังกาทุศีลนั้นแล้วบอกว่า นายครับ ได้ทราบว่า
ท่านไม่หาเหยื่ออย่างอื่นกินลมเท่านั้น ถ้ากระนั้นขอให้ท่านคอยดูไข่และ
ลูกอ่อนของพวกฉันด้วย แล้วไปหาเหยื่อกัน. กาลามกตัวนั้น เวลา
นกเหล่านั้นไปแล้ว ก็จิกกินไข่และลูกอ่อนของนกเหล่านั้น เต็มท้อง
แต่เวลานกเหล่านั้นกลับมา ก็สงบเสงี่ยมยืนขาเดียวอ้าปากอยู่ นกทั้ง-

หลายมาแล้วไม่เห็นลูกน้อยของตน. ร้องดังลั่นว่า ใครหนอกินลูกเรา
ไม่ทำแม้ความสงสัยในกาตัวนั้น เพราะคิดว่ากาตัวนี้ประพฤติธรรม. อยู่
มาวันหนึ่ง พระมหาสัตว์คิดว่า เมื่อก่อนที่นี่ไม่มีอันตรายอะไร จำเดิม
แต่กาตัวนี้มาแล้วอันตรายจึงเกิด เราควรซุ่มจับกาตัวนี้. พระมหาสัตว์
นั้นทำเหมือนไปหาเหยื่อกับนกทั้งหลาย แต่ก็กลับมาเกาะอยู่ในที่กำบัง.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ฝ่ายกาเข้าใจว่า นกทั้งหลายไปแล้ว ไม่มีความสงสัยลุกไปหากินไข่นก
และลูกอ่อน แล้วกลับมายืนขาเดียวอ้าปากอยู่. พระยานก เมื่อนก
ทั้งหลายมาแล้ว จึงเรียกให้ฝูงนกทั้งหมดมาประชุมกันเตือนฝูงนกว่า
วันนี้ฉันซุ่มจับอันตรายของลูกสูเจ้าทั้งหลาย ได้เห็นกาลามกตัวนี้กินลูก

สูเจ้าอยู่ มาเถิดสูเจ้าทั้งหลายพวกเราจงจับมันไว้ แล้วให้ล้อมกานั้นไว้
สั่งว่า ถ้าหากมันจะหนีไปไซร้ สูเจ้าทั้งหลายจงพากันจับมันไว้. แล้ว
ได้กล่าวคาถาที่เหลือว่า:-

กาตัวนั้นไม่มีศีล สูเจ้าทั้งหลายจงรู้ไว้
เถิด เพราะไม่รู้จึงพากันสรรเสริญมัน. มันกิน
ทั้งไข่ทั้งลูกอ่อน แล้วพูดว่า ธรรมๆ. มัน
พูดอย่างหนึ่งด้วยวาจา แต่ทำอย่างหนึ่งด้วย
กาย. พูดแต่ปาก แต่ไม่ทำด้วยกาย ไม่ตั้งอยู่
ในธรรมนั้น. มันเป็นผู้อ่อนหวานทางวาจา แต่

เป็นผู้มีใจร้ายกาจ คือปากปราศรัยหัวใจเชือด
คอ มันเป็นผู้ยกธรรมขึ้นเป็นธงชัย ซ่อนตัว
ไว้ เหมือนงูเห่าหม้อ ซ่อนตัวอาศัยอยู่ในรู
ฉะนั้น. กาตัวนี้ ถูกสมมติว่าเป็นสัตว์ดี ใน
บ้านและนิคมทั้งหลาย คนโง่รู้ได้ยาก. สูเจ้า
ทั้งหลาย จงใช้จะงอยปาก ปีกและเท้า จิกตี
กาตัวนี้. สูเจ้าทั้งหลาย จงให้กาชั่วช้าตัวนี้
พินาศ กาตัวนี้ไม่ควรอยู่ร่วม.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นาสฺส สีลํ ความว่า มันไม่มีศีล.
บทว่า อนฺาย ความว่า ไม่รู้. บทว่า ภุตฺวา จิกกิน. บทว่า
วาจาย โน จ กาเยน ความว่า เพราะว่ากาตัวนี้ ประพฤติธรรม
ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ไม่ทำด้วยกายเลย. บทว่า น ตํ ธมฺมํ อธิฏฺ€ิโต

ความว่า เพราะฉะนั้น ควรทราบมันไว้ว่า กาตัวนี้พูดธรรมอย่างใด
ไม่อธิษฐานธรรม คือไม่ตั้งอยู่ในธรรมนั้น. บทว่า วาจาย สขิโล
ความว่า เป็นผู้อ่อนโยนด้วยวาจา. บทว่า มโนปวิทุคฺโค ความว่า


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ถึงการรู้ทั่ว คือประกาศให้รู้ว่าชั่วด้วยใจ. บทว่า ปฏิจฺฉนฺโน ความว่า
มันนอนอยู่ในรูใด ถูกรูนั้นปิดบังไว้. บทว่า กูปสฺสโย ความว่า มี
รูเป็นที่อยู่อาศัย. บทว่า ธมฺมทฺธโช ความว่า ชื่อว่ามีธรรมเป็นธง
เพราะทำสุจริตธรรมให้เป็นธงเที่ยวไป. บทว่า คามนิคมาสุ สาธุ

ความว่า เป็นผู้ดีทั้งในบ้านทั้งในนิคมทั้งหลาย. บทว่า สมฺมโต ความว่า
ถูกยกย่องว่าเป็นผู้เจริญ. บทว่า ทุชฺชาโน ความว่า คนแบบนี้เป็น
คนทุศีล มีการงานปกปิด คนโง่คือผู้ไม่รู้ไม่อาจรู้ได้. บทว่า ปาทา-

หิมํ ความว่า และจิกตีกาตัวนี้ด้วยเท้าของตนๆ. บทว่า วิเห€ถ
ความว่า จงตี. บทว่า ฉวํ ได้แก่ลามก. บทว่า นายํ เป็นต้น ความว่า
กาตัวนี้ไม่ควรอยู่ร่วมในที่เดียวกันกับพวกเรา ดังนี้.

ก็แล หัวหน้านกครั้นพูดอย่างนี้แล้ว ตนเองก็โดดขึ้น ใช้จะ-
งอยปากจิกหัวของกานั้น. นกที่เหลือก็พากันใช้จะงอยปากบ้าง เล็บบ้าง
แข้งบ้าง ปีกบ้าง จิกตี. มันก็ถึงความสิ้นชีวิต ณ ที่นั้นนั่นเอง.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประมวล
ชาดกไว้ว่า กาโกหกในครั้งนั้น คือภิกษุผู้โกหกในบัดนี้ ส่วนพระยา-
นก ได้แก่เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาธัมมัทธชชาดกที่ ๙

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถานันทิยมิคราชชาดกที่ ๑๐

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ
ผู้เลี้ยงมารดาจึงตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า สเจ พฺราหฺมณ คจฺฉสิ ดังนี้.

ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือภิกษุ
ได้ทราบว่า เธอเลี้ยงคฤหัสถ์หรือ ? เมื่อเธอกราบทูลว่า จริงพระพุทธเจ้า-
ข้า เมื่อพระองค์ตรัสตามว่า เป็นอะไร กับเธอ ? เมื่อเธอทูลว่า เป็น

มารดาบิดาของข้าพระองค์พระเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดีแล้วดีแล้วภิกษุ เธอ
รักษาวงศ์ของโบราณกบัณฑิตทั้งหลายไว้ เพราะว่าโบราณกบัณฑิตทั้ง
หลาย แม้เกิดในกำเนิดเดียรัจฉาน ก็ได้ให้แม้ชีวิตแก่มารดาบิดาทั้ง
หลาย แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าโกศลครองราชสมบัติอยู่ในสาเกตนคร
แคว้นโกศล พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดเนื้อ เติบโตแล้วมีชื่อว่า
นันทิยมฤค ถึงพร้อมด้วยศีลและอาจาระ เลี้ยงมารดาบิดา. ครั้งนั้น
พระเจ้าโกศลได้เป็นกษัตริย์ ที่มีพระทัยฝักใฝ่กับการล่าเนื้อเท่านั้น. ก็

พระองค์ไม่โปรดให้คนทั้งหลายทำกสิกรรมเป็นต้น ทรงมีบริวารมาก
เสด็จไปล่าเนื้อทุกวัน. คนทั้งหลายจึงประชุมปรึกษากันว่า พ่อคุณเอ๋ย
พระราชาพระองค์นี้ ทรงทำการงดงานของพวกเรา แม้การครองเรือน
ก็จะล่มจม ถ้ากระไรแล้ว พวกเราควรล้อมสวนป่าอัญชัน สร้างประตู

ขุดสระโบกขรณีไว้ปลูกต้นไม้ แล้วมีมือถือไม้ค้อนและกระบองเป็นต้น
เข้าป่าไปฟาดพุ่มไม้ต้อนเนื้อมาล้อมไว้ ให้เข้าอยู่คอกในสวนเหมือนวัว
แล้วปิดประตูไว้ จึงไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทำงานของพระองค์. ทุก


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
คนมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า นั่นเป็นอุบายที่ดีในเรื่องนี้ พากันจัด
เตรียมสวนไว้แล้วเข้าป่าไปล้อมสถานที่ไว้ประมาณโยชน์หนึ่ง. ขณะนั้น
เนื้อชื่อนันทิยะตัวหนึ่ง พาพ่อแม่ไปนอนอยู่ที่พื้นดินในป่าดอนเล็กๆ
แห่งหนึ่ง. คนทั้งหลายมีมือถือโล่และอาวุธเป็นต้น พากันล้อมดอนนั้น

โดยเอาแขนเกี่ยวแขนกัน คือจับมือกัน. ได้มองเห็นเนื้อฝูงหนึ่งจึงพา
กันเข้าไปดอนนั้น. เนื้อนันทิยะเห็นพวกเขาแล้วคิดว่า วันนี้เราควรจะ
สละชีพให้ชีวิตเป็นทานเพื่อพ่อแม่ แล้วลุกขึ้นไหว้พ่อแม่ แล้วขอขมา
พ่อแม่ว่า ข้าแต่พ่อและแม่ ถ้าคนเหล่านี้เข้ามาดอนนี้แล้ว จักเห็นพวกเรา
ทั้ง ๓ ท่านทั้ง ๒ คงอยู่ได้ด้วยอุบายอย่างหนึ่ง การอยู่ได้ชีวิตของ

ท่านเป็นสิ่งประเสริฐ ลูกจักให้ทานชีวิต เพื่อพ่อเพื่อแม่ พอคนทั้งหลาย
ยืนที่ชายดอนฟาดพุ่มไม้เท่านั้น ก็จะออกไป ครานั้นพวกเขาจะเข้าใจ
ว่า ในดอนเล็กๆ นี้ คงจักมีเนื้อตัวเดียวเท่านั้น ไม่พากันเข้าไปดอน
ขอพ่อแม่จงอย่าประมาทเถิด. ดังนี้แล้วได้เป็นผู้เตรียมพร้อมจะไปยืนอยู่

แล้ว. พอคนทั้งหลายยืนที่ชายดอนโห่แล้วตีพุ่มไม้เท่านั้น เขาก็ออก
จากดอนนั้นไป. คนเหล่านั้นเข้าใจว่า ในดอนนี้คงจักมีเนื้อตัวเดียว
เท่านี้แหละ จึงไม่พากันเข้าดอน. ครั้งนั้นนันทิยะได้ไปเข้าอยู่ใน
ระหว่างเนื้อทั้งหลาย. คนทั้งหลายได้พากันต้อนเนื้อทุกตัวเข้าสวนแล้ว

กั้นประตูไว้ ทูลให้พระราชาทรงทราบแล้วไปสู่ที่ของตนๆ. ต่อแต่นั้นมา
พระราชาก็เสด็จโดยลำพังพระองค์เอง หรือทรงส่งอำมาตย์คนหนึ่งไป
นำเอาเนื้อมาด้วยพระดำรัสว่า เจ้าจงไปยิงเนื้อตัวหนึ่งแล้วเอามันมา
ดังนี้. จึงเนื้อทั้งหลายพากันตั้งวาระกันไว้. เนื้อตัวที่ถึงวาระ จะ


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ยืนอยู่ที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง. คนทั้งหลายจะยิงเนื้อนั้นแล้วเอามา. ฝ่าย
นันทิยะก็ดื่มน้ำในสระโบกขรณี และกินหญ้าในสวนนั้น ตลอดเวลา
ที่วาระของเขายังไม่ถึง. ครั้งนั้น โดยเวลาล่วงไปหลายวัน พ่อแม่ของ
เขาอยากจะพบเขา คิดว่านันทิยะมฤคราชลูกเรามีพลังเหมือนช้าง

สมบูรณ์ด้วยกำลัง ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ คงจักกระโดดข้ามรั้วมาเยี่ยม
พวกเราแน่นอน เราทั้งหลายจักส่งข่าวไปหาเขา แล้วยืนที่ใกล้ทาง
เห็นพราหมณ์คนหนึ่ง จึงถามเขาด้วยคำพูดของคนว่า พ่อคุณ, ท่าน
จะไปไหน ? เมื่อเขาตอบว่า เมืองสาเกต ดังนี้แล้ว เมื่อจะส่งข่าวไปหาลูก
จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า:-

ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ถ้าหากท่านไป ป่าอัญชัน
เมืองสาเกตไซร้ ท่านจงบอกลูก ผู้เกิดแต่อก
ของฉัน ชื่อนันทิยะว่า พ่อแม่ของเจ้าแก่แล้ว
และพวกเขาอยากจะพบเจ้า.

คาถานั้นมีเนื้อความว่า ท่านพราหมณ์ ถ้าหากท่านไปเมือง
สาเกตไซร้. ในเมืองสาเกตมีสวนชื่อว่าอัญชนวัน ในสวนนั้น มีเนื้อ
ชื่อว่านันทิยะผู้เป็นบุตรของฉัน ท่านพึงบอกเขาว่า มารดาบิดาของเจ้า
แก่แล้วอยากจะพบเจ้า ตลอดเวลาที่ยังไม่ตาย.

เขารับคำว่า ดีแล้ว ไปถึงเมืองสาเกต แล้วรุ่งขึ้นก็เข้าสวนถาม
ว่า ใครชื่อว่านันทิยมฤค. เนื้อมาแล้วยืนอยู่ใกล้พราหมณ์นั้น บอกว่า
ข้าพเจ้า.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พราหมณ์บอกเรื่องนั้นให้ทราบแล้ว. นันทิยะได้ยินคำนั้นแล้ว
เมื่อจะประกาศเนื้อความนี้ว่า ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ข้าพเจ้าจะต้องไปแต่
จะไม่กระโดดข้ามรั้วไป เพราะข้าพเจ้ากินเหยื่อกินน้ำและหญ้า ที่เป็น
ของพระราชาแล้ว เหยื่อเป็นต้นนั้นตั้งอยู่ในฐานะเป็นหนี้สำหรับข้าพ-
เจ้า ทั้งข้าพเจ้าก็อยู่ในท่ามกลางหมู่เนื้อเหล่านี้มานานแล้ว. ขึ้นชื่อ

ว่าการไปโดยไม่ได้แสดงกำลังของตน ไม่ทำความสวัสดีให้พระราชานั้น
และเนื้อทั้งหลายเหล่านั้น ไม่สมควรแก่ข้าพเจ้า แต่เมื่อถึงวาระของตน
แล้ว ข้าพเจ้าจักทำความสวัสดีแก่ท่านเหล่านั้นสุขสบาย แล้วจึงจะมาดังนี้
ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า:-

เรากินอาหาร กินน้ำและหญ้าของพระราชา
แล้ว ข้าแต่ท่านพราหมณ์ เราจะไม่พยายาม
กินอาหารพระราชทานนั้นเปล่าๆ เราจักเอียง
ข้างให้พระราชาผู้ทรงมีธนูในพระหัตถ์ ทรงยิง
เมื่อใด เมื่อนั้น เราจะพ้นภัยเป็นสุขใจ คง
เห็นแม่บ้าง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิวาปานิ ได้แก่เหยื่อที่ล้อมไว้ใน
ที่นั้นๆ. บทว่า ปานโภชนํ ได้แก่น้ำและหญ้าที่เหลือ. บทว่า ตํ ราชปิณฺฑํ
ความว่า น้ำและหญ้านั้นชื่อว่าปิณฑะ เพราะหมายความว่า หาเอาของ
หลวงมารวมไว้. บทว่า อวภุตฺตุํ ความว่า เพื่อกินเสียเปล่าๆ. อธิบาย

ว่า เนื้อนันทิยะกล่าวว่า ผู้กินแล้ว เมื่อไม่ยังราชกิจให้สำเร็จ ชื่อว่า
กินเหยื่อนั้นเสียเปล่า ข้าพเจ้านั้นไม่พยายามจะกินให้เสียเปล่าอย่างนั้น.
คำว่า พฺราหฺมณ ในคำว่า พฺราหฺมณมุสฺสเห เป็นคำร้องเรียก ส่วน ม
อักษรกล่าวไว้ด้วยอำนาจบทสนธิ การเชื่อมบท. บทว่า โอทหิสฺสามหํ
ปสฺสํ ขุรปาณิสฺส ราชิโน ความว่า ข้าแต่พราหมณ์ เมื่อถึงวาระของ


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ตนแล้ว ข้าพเจ้าจักออกจากฝูงเนื้อมายืนอยู่ที่เหมาะสมแห่งหนึ่งกราบ
ทูลพระราชาผู้ทรงผูกสอดลูกธนูแล้วเสด็จมาว่า ขอเดชะข้าแต่มหาราช
ขอพระองค์จงทรงยิงข้าพระพุทธเจ้า แล้วเอียงข้างที่อ้วนพีของตนให้
เป็นเป้า. บทว่า สุขิโต มุตฺโต ความว่า เมื่อนั้นข้าพเจ้าจะเป็นผู้พ้น
แล้วจากภัยคือความตาย มีความสุข ไม่มีทุกข์ พระราชาทรงอนุญาต
แล้ว คงเห็นแม่บ้าง.

พราหมณ์ได้ฟังคำนั้นแล้วก็หลีกไป ในเวลาต่อมาในวันที่เป็น
วาระของเนื้อนันทิยะ พระราชาได้เสด็จมายังสวนพร้อมด้วยข้าราช
บริพารจำนวนมาก. ฝ่ายเนื้อมหาสัตว์ ได้ยืนอยู่ ณ ที่เหมาะสมแห่ง
หนึ่ง. พระราชาทรงโก่งลูกธนูด้วยหมายพระทัยว่า เราจักยิงเนื้อ.

มหาสัตว์ไม่หนีไปเหมือนสัตว์ทั้งหลาย ที่ถูกมรณภัยคุกคามแล้วหนีไป
เป็นเหมือนไม่มีภัย ทำเมตตาให้เป็นปุเรจาริกแล้ว ได้ยืนเอียงข้างที่อ้วน
พีให้เป็นเป้า ไม่กระดิกเลย. พระราชาไม่อาจปล่อยลูกศรออกไปได้ด้วย
อำนาจของเมตตานั้น. พระมหาสัตว์จึงทูลว่า ข้าแต่มหาราช พระองค์
ทรงปล่อยลูกศรไม่ออกหรือ. ขอพระองค์จงทรงปล่อยเถิด.

ร. ดูก่อนมฤคราช เราไม่สามารถปล่อยออกไปได้.
ม. ข้าแต่มหาราช ถ้าเช่นนั้น พระองค์ก็ทรงรู้คุณธรรมของผู้มี
คุณธรรม. ครั้งนั้นพระราชาทรงเลื่อมใสพระโพธิสัตว์ ทรงทิ้งธนูแล้ว
ตรัสว่า แม้ท่อนไม้ท่อนนี้ไม่มีจิตใจ ก็ยังรู้คุณธรรมของท่านก่อน ฝ่าย
ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์มีจิตใจหารู้ไม่ ขอจงให้อภัยฉัน ฉันให้อภัยเจ้า.

ม. ข้าแต่มหาราช พระองค์ทรงพระราชทานอภัยแก่ข้าพระ-
พุทธเจ้าก่อน ส่วนฝูงเนื้อในอุทยานนี้จักทำอย่างไร ?


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ร. แม้สัตว์เหล่านี้ เราก็ให้อภัย
มหาสัตว์ครั้นให้พระราชทานอภัยแก่เนื้อในป่า นกที่บินอยู่ใน
อากาศ และปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำทุกตัวอย่างนี้แล้ว ได้ให้พระราชา
ทรงประดิษฐานอยู่ในศีล ๕ แล้วทูลว่า ข้าแต่มหาราช ธรรมดาพระ-
ราชาควรทรงละการลุอำนาจอคติ ไม่ทรงยังทศพิธราชธรรมให้กำเริบ
ครองราชย์ โดยธรรม โดยสม่ำเสมอ ดังนี้. พระมหาสัตว์ได้แสดง
ราชธรรมที่กล่าวไว้อย่างนี้ โดยผูกเป็นคาถาไว้ทีเดียวว่า:-

ขอพระองค์จงทรงตรวจดูกุศลธรรมเหล่านี้
ที่สถิตอยู่แล้วในพระองค์คือ ทาน ศีล การ
บริจาค ความซื่อตรง ความอ่อนโยน ความ
เคร่งครัด ความไม่พิโรธ การไม่เบียดเบียน
ความอดทน ความไม่ผิดพลาด.

ต่อแต่นั้นไป ปิติและโสมนัสจะเกิดแก่พระองค์หาน้อยไม่ ดังนี้
แล้ว พักอยู่ในราชสำนัก ๒-๓ วัน จึงทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช
ขอพระองค์จงทรงโปรดให้ราชบุรุษตีสุวรรณเภรีเดินไปประกาศ การ
พระราชทานอภัยแก่สรรพสัตว์ ในพระนคร อย่าได้ทรงประมาท ดังนี้
แล้วจึงไปเยี่ยมพ่อแม่. คาถาดังต่อไปนี้ เป็นคาถาของท่านผู้รู้ยิ่งแล้ว.

ในเมืองใกล้ที่ประทับของพระเจ้าโกศล
ได้มีสัตว์ ๔ เท้า มีรูปร่างงดงาม โดยชื่อว่า
นันทิยะ พระเจ้าโกศลทรงคาดศรแล้ว ได้
เสด็จมาที่ป่าพระราชทาน ชื่ออัญชันแล้ว ทรง
โก่งธนูเพื่อจะทรงยิงเรานั้น. ปางเมื่อเราเอียง
ข้างให้พระราชาพระองค์นั้น ผู้ทรงมีศรในพระ-
หัตถ์ทรงยิง เราพ้นจากภัยแล้วมีความสุขใจ
ได้มาพบแม่.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โกสลสฺส นิเกตเว ความว่า ใกล้
ราชสำนักคือที่ประทับของพระเจ้าโกศล อธิบายว่า ในป่าใกล้ราชสำนัก
นั้น. บทว่า ทายสฺมึ ความว่า ในสวนที่พระราชทานเพื่อประโยชน์
ให้เป็นที่อยู่ของเนื้อทั้งหลาย. บทว่า อารชฺชํ กตฺวาน มีเนื้อความว่า

ยกขึ้นรวมเข้ากันกับสาย คือโก่งธนู. บทว่า สนฺธาย ความว่า ทรง
พาดคือประกอบ คือลูกศร. บทว่า โอทหึ ความว่า เอียงให้ คือตั้ง
ให้เป็นเป้า. คำว่า มาตรํ ทฏฺ€ุมาคโต นี้เป็นเพียงหัวข้อเทศนา อธิบาย
ว่า ข้าพเจ้าครั้นแสดงธรรมถวายพระราชาแล้ว ได้ทูลพระราชาให้ตี
สุวรรณเภรีประกาศ เพื่อต้องการพระราชทานอภัยแก่มวลสัตว์แล้ว
จึงได้มาหาพ่อแม่.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้ มาประกาศสัจธรรม
ทั้งหลาย แล้วทรงประมวลชาดกไว้ ในที่สุดแห่งสัจธรรม ภิกษุผู้เลี้ยง
มารดาบิดา ดำรงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล พ่อแม่ คือพระยามฤค ใน
ครั้งนั้น ได้แก่ ตระกูลมหาราช พราหมณ์ ได้แก่พระสารีบุตร พระราชา
ได้แก่ พระอานนท์ ส่วนนันทิยมฤคราช ได้แก่เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถานันทิยมิคราชชาดกที่ ๑๐
รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ:-
๑. อาวาริยชาดก ๒. เสตเกตุชาดก ๓. ทรีมุขชาดก ๔. เนรุ-
ชาดก ๕. อาสังกชาดก ๖. มิคาโลปชาดก ๗. สิริกาลกรรณิชาดก
๘. กุกกุฏชาดก ๙. ธัมมัทธชชาดก ๑๐. นันทิยมิคราชชาดก.
จบ อาวาริยวรรคที่ ๑
อรรถกถาขุรปุตตวรรคที่ ๒

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาขุรปุตตชาดกที่ ๑

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้ถูกภรรยาเก่าโลมเล้า จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า สจฺจํ
กิเรวมาหํสุ ดังนี้.

ความย่อว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือภิกษุ
ได้ทราบว่าเธอกระสันอยากสึก เมื่อเธอทูลว่า จริงพระเจ้าข้า เมื่อถูก
ตรัสถามอีกว่า เธอกระสันอยากสึก เพราะเหตุอะไร ? เมื่อเธอทูลว่า
เพราะภรรยาเก่า พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้ทำสิ่งที่ไม่เป็น

ประโยชน์แก่เธอไม่เฉพาะในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน เธอกำลัง
จะกระโดดเข้าไฟตายเพราะอาศัยหญิงนี้ แต่อาศัยบัณฑิตจึงได้ชีวิต
ไว้ดังนี้แล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระราชาทรงพระนามว่า เสนกะ ครอง-
ราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ให้พระองค์ทรงทำความ
เคารพ. ครั้งนั้น พระเจ้าเสนกะทรงมีความรักใคร่กับด้วยนาคราช
ตัวหนึ่ง. ได้ทราบว่า นาคราชนั้นออกจากนาคพิภพเที่ยวหาจับเหยื่อ

บนบกกิน. ครั้งนั้น เด็กชาวบ้านเห็นมันแล้ว บอกกันว่านี้งู แล้ว
พากันเอาก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้นตี. พระราชาเสด็จสำราญที่พระ-
ราชอุทยาน ทรงเห็นแล้ว ตรัสถามว่า เด็กเหล่านั้นทำอะไรกัน ? ทรง
ทราบว่า พากันฆ่างูตัวหนึ่ง. จึงตรัสสั่งว่า พวกเอ็งอย่าฆ่า จงให้มัน
หนีไป แล้วทรงให้นาคราชนั้นหนีไปแล้ว. นาคราชได้ชีวิตแล้ว ได้


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ไปยังนาคพิภพ ถือเอารัตนะมากมาย ครั้นเวลาเที่ยงคืน จึงเข้าไปยัง
พระที่นั่งสำหรับพระราชาบรรทม ทูลเกล้าถวายรัตนะเหล่านั้น แล้ว
ทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าอาศัยพระองค์แล้วได้ชีวิตมา แล้วได้ทำมิตรภาพ
กับพระราชา จึงไปเฝ้าพระราชาบ่อยๆ. นาคราชนั้นได้ตั้งนาค-
มาณวิกานางหนึ่ง ผู้ไม่อิ่มในกามคุณ ในบรรดานางนาคมาณวิกา

ทั้งหลายของตนไว้ประจำราชสำนัก เพื่อประโยชน์แก่การรักษา. เขา
ทูลว่า เมื่อใดพระองค์ไม่ทรงเห็นนาคมาณวิกาคนนั้น เมื่อนั้นพระองค์
พึงทรงร่ายมนต์บทนี้ แล้วได้ถวายมนต์บทหนึ่งแด่พระองค์. อยู่มา
วันหนึ่ง พระองค์เสด็จพระราชอุทยาน ทรงเล่นน้ำในสระโบกขรณี

กับนางนาคมาณวิกา. นางนาคมาณวิกาเห็นงูน้ำตัวหนึ่ง จึงเปลี่ยนแปลง
อัตภาพเป็นงู เสพอสัทธรรมกับงูตัวนั้น. พระราชาเมื่อไม่ทรงเห็น
นาคมาณวิกานั้น ทรงสงสัยว่า เธอไปไหนหนอ ? จึงทรงร่ายมนต์
แล้วทรงเห็นนางกำลังทำอนาจาร จึงทรงตีด้วยซีกไม้ไผ่. นางโกรธ
จึงออกจากพระราชอุทยานนั้น ไปยังนาคพิภพ ถูกนาคราชถามว่า

เหตุไฉนเจ้าจึงมา ? ทูลว่า สหายของพระองค์ตีหลัง คือเฆี่ยน
หม่อมฉันผู้ไม่เชื่อถือถ้อยคำของตน แล้วแสดงการตีให้ดู. นาคราช
ไม่ทราบตามความจริงเลย จึงเรียกนาคมาณพ ๔ ตนมา ส่งไปโดย
ดำรัสว่า สูเจ้าทั้งหลายจงไป จงพากันเข้าไปยังพระที่นั่งบรรทมของ

พระเจ้าเสนกะ แล้วทำลายพระที่นั่งนั้นให้เป็นเหมือนแกลบ ด้วยลม
จมูกการพ่นพิษนั่นเอง. นาคมาณพเหล่านั้นพากันไปแล้ว ได้เข้าไป


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 110, 111, 112, 113, 114, 115, 116 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร