วันเวลาปัจจุบัน 07 ส.ค. 2025, 22:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 102, 103, 104, 105, 106, 107, 108 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
แน่ะเพื่อนสุพาหุ ถ้าท่านจะประทุษร้าย
เราผู้อยู่กับท่านอย่างนี้ บัดนี้ เราก็จะไม่พึง
ยินดีอยู่ร่วมกับท่านต่อไป.
ผู้ใดเชื่อคำของคนอื่นโดยถือเป็นจริง
เป็นจัง ผู้นั้นต้องพลันแตกจากมิตร และ
ต้องประสบเวรเป็นอันมาก.

ผู้ใดระมัดระวังอยู่ทุกขณะ มุ่งความ
แตกร้าว คอยแต่จับผิด ผู้นั้นไม่ชื่อว่าเป็น
มิตร ส่วนผู้ใดอันผู้อื่นยุให้แตกกันไม่ได้ ไม่
มีความรังเกียจในมิตร นอนอยู่อย่างปลอด-
ภัยเหมือนบุตรนอนแอบอกมารดาฉะนั้น ผู้
นั้นนับว่าเป็นมิตรแท้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมฺม แปลว่า เพื่อน. บทว่า
ทุพฺภสิ ความว่า ถ้าท่านเชื่อถือถ้อยคำของสุนัขจิ้งจอกแล้วประทุษ-
ร้าย คือปรารถนาจะฆ่าเราผู้อยู่อย่างพร้อมเพรียงกับท่านอย่างนี้ไซร้
จำเดิมแต่บัดนี้ไป เราจะไม่พึงยินดีอยู่กับท่าน. บทว่า ยถาตถํ ความ

ว่า พึงเชื่อคำอารยชนผู้ไม่กล่าวให้คลาดเคลื่อนกล่าวแล้วตามความ
เป็นจริง คือตามความจริงความแท้. อธิบายว่า ผู้ใดพึงเชื่อคำของคน
อื่นคนใดคนหนึ่ง ด้วยประการอย่างนี้. บทว่า โย สทา อปฺป-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
มตฺโต ความว่า ผู้ใดเป็นผู้ไม่ประมาทระมัดระวังเป็นนิจ ไม่ให้ความ
คุ้นเคยแก่มิตร ผู้นั้นไม่ชื่อว่ามิตร. บทว่า เภทาสงฺกี ความว่า
ย่อมหวังแต่ความแตกร้าวของมิตรอยู่อย่างนี้ว่า จักแตกกันวันนี้ จัก
แตกกันพรุ่งนี้. บทว่า รนฺธเมวานุปสฺสีได้แก่ มองเห็นแต่ช่อง
บกพร่องเท่านั้น. บทว่า อุรสีว ปุตฺโต ความว่า เป็นผู้ไม่รังเกียจ
ในมิตร เป็นผู้ปลอดภัยนอนอยู่ เหมือนบุตรนอนที่หทัยของมารดา
ฉะนั้น.

เมื่อราชสีห์กล่าวคุณของมิตรด้วยคาถาทั้ง ๔ คาถานี้ด้วยประ-
การฉะนี้ เสือโคร่งกล่าวว่า โทษผิดของข้าพเจ้า แล้วของษมาราชสีห์.
สัตว์ทั้งสองนั้นได้อยู่พร้อมเพรียงกันเหมือนอย่างเดิม ส่วนสุนัขจิ้ง-
จอกได้หนีไปอยู่ที่อื่นแล.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรง
ประชุมชาดกว่า สุนัขจิ้งจอกในกาลนั้น ได้เป็นคนกินเดน ราชสีห์
ในกาลนั้น ได้เป็นพระสารีบุตร เสือโคร่งในกาลนั้น ได้เป็นพระ-
โมคคัลลานะ ส่วนรุกขเทวดาผู้สิงสถิตอยู่ในป่านั้นเห็นเหตุการณ์นั้น
โดยจัดแจ้ง ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถา วรรณาโรหชาดกที่๑

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
พราหมณ์ผู้ทดลองศีลคนหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า สีลํ เสยฺโย ดังนี้.

ได้ยินว่า พระราชาทรงเห็นพรามณ์นั้นว่า พราหมณ์นี้
เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยศีล จึงทรงตั้งให้ยิ่งกว่าพราหมณ์ทั้งหลายอื่น.
พราหมณ์นั้นคิดว่า พระราชาทรงกระทำความเคารพนับถือเรา ทรง
เห็นเราว่าเป็นผู้มีศีล หรือว่าทรงเห็นว่าเป็นผู้ประกอบด้วยการจำ

ทรงสุตะไว้ได้ เราจักทดลองดูก่อนว่าศีลหรือสุตะสำคัญกว่ากัน.
วันหนึ่งพราหมณ์นั้นจึงหยิบเอากหาปณะจากแผ่นกระดานนับเงินของ
เหรัญญิกไป. เหรัญญิกก็ไม่พูดอะไร เพราะความเคารพ. แม้ในครั้ง
ที่สอง ก็ไม่พูดอะไร แต่ในครั้งที่สาม เหรัญญิกกล่าวหาว่า เป็นโจร
ปล้นเงิน แล้วให้จับพราหมณ์นั้นมาถวายพระราชา เมื่อพระราชาตรัส

ว่า พราหมณ์นี้ทำอะไร จึงกราบทูลว่า ปล้นทรัพย์พระเจ้าข้า. พระ-
ราชาตรัสถามว่า เขาว่า จริงหรือพราหมณ์. พราหมณ์กราบทูลว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพระบาทมิได้ปล้นทรัพย์ แต่ข้าพระบาทมีความ
รังเกียจสงสัยว่า ศีลเป็นใหญ่หรือว่าสุตะเป็นใหญ่ ข้าพระบาทนั้น

เมื่อจะทดลองว่า บรรดาศีลและสุตะนั้น อย่างไหนหนอเป็นใหญ่ จึง
หยิบเอากหาปณะไป ๓ ครั้ง เหรัญญิกนี้ให้จำข้าพระบาทนั้นแล้วนำ
มาถวายพระองค์ บัดนี้ ข้าพระบาททราบแล้วว่า ศีลใหญ่กว่าสุตะ
ข้าพระบาทไม่มีความต้องการอยู่ครองเรือน ข้าพระบาทจักบวช. ดังนี้
แล้ว ขอให้ทรงอนุญาตการบวช แล้วไม่เหลียวดูประตูเรือนเลยไป

ยังพระเชตวัน ทูลขอบรรพชากะพระศาสดา พระศาสดาทรงสั่งให้
บรรพชาและอุปสมบทแก่พราหมณ์นั้น. ท่านอุปสมบทแล้วไม่นาน
เจริญวิปัสสนา ได้ดำรงอยู่ในอรหัตตผล.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโส
ทั้งหลาย พราหมณ์ชื่อโน้นทดลองศีลของตนแล้ว ก็บวชเจริญวิปัสส-
นา ได้บรรลุพระอรหัตแล้ว. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ? เมื่อ

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า เรื่องชื่อนี้พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย พราหมณ์นี้เท่านั้นทดลองศีลแล้วบรรพชาบรรลุพระอรหัต
เฉพาะในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน บัณฑิตทั้งหลาย
ทดลองศีลแล้วบรรพชา ได้กระทำที่พึ่งแก่ตนแล้วเหมือนกัน. แล้ว
ทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพระพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
นครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพราหมณ์ เจริญวัยแล้ว
เรียนศิลปะทุกอย่างในเมืองตักกศิลาเสร็จแล้ว กลับไปเมืองพาราณสี
แสดงให้พระราชา ทอดพระเนตร. พระราชาได้ประทานตำแหน่ง

ปุโรหิตแก่พระโพธิสัตว์นั้น พระโพธิสัตว์นั้นรักษาศีลห้า. ฝ่ายพระ-
ราชาก็ทรงเคารพพระโพธิสัตว์นั้นทรงเห็นว่าเป็นผู้มีศีล. พระโพธิ-
สัตว์นั้นคิดว่า พระราชาทรงเคารพเห็นว่าเราเป็นผู้มีศีล หรือทรง
เห็นว่าเป็นผู้ประกอบการทรงจำสุตะไว้ได้. เรื่องทั้งปวงเหมือนเรื่อง

ปัจจุบันนั่นแล. แต่ในที่นี้ พราหมณ์นั้นกล่าวว่า บัดนี้เรารู้แล้วว่า
ศีลเป็นใหญ่สำคัญว่าสุตะ จึงได้กล่าวคาถา ๕ คาถานี้ว่า :-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ข้าพระองค์ได้มีความสงสัยว่า ศีลประ-
เสริฐหรือสุตะประเสริฐ ศีลนี่แหละประเสริฐ
กว่าสุตะ ข้าพระองค์ไม่มีความสงสัยแล้ว.

ชาติและวรรณะเป็นของเปล่า ได้สดับ
มาว่า ศีลเท่านั้นประเสริฐที่สุด บุคคลผู้ไม่
ประกอบด้วยศีล ย่อมไม่ได้ประโยชน์เพราะ
สุตะ.

กษัตริย์และแพศย์ผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม
ไม่อาศัยธรรม ชนทั้งสองนั้น ละโลกนี้ไป
แล้ว ย่อมเข้าถึงทุคติ.

กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ สูทร์ คน
จัณฑาลและคนเทหยากเยื่อ ประพฤติธรรม
ในพระธรรมวินัยนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้เสมอกัน
ในไตรทิพย์

เวท ชาติ แม้พวกพ้อง ก็ไม่สามารถจะ
ให้อิสริยยศหรือความสุขในภพหน้าได้ ส่วน
ศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว ย่อมนำมาซึ่งความ
สุขในภพหน้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สีลเมว สุตา เสยฺโย ความว่า
ศีลเท่านั้นยิ่งกว่าปริยัติคือสุตะ โดยร้อยเท่า พันเท่า. ก็แหละครั้น
กล่าวอย่างนี้แล้วจึงตั้งหัวข้อว่า ชื่อว่าศีลนี้มีอย่างเดียวด้วยอำนาจ
สังวรศีล มีสองอย่าง ด้วยอำนาจจารีตศีลและวารีตศีล มีสามอย่าง
ด้วยอำนาจศีลที่เป็นไปทางกาย วาจา และใจ มีสี่อย่างด้วยอำนาจ
ปาติโมกข์สังวรศีล อินทรียสังวรศีล อาชีวปาริสุทธิศีล และปัจจย-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
สันนิสิตศีล แล้วได้กล่าวคุณของศีลให้พิสดาร. บทว่า โมฆา ได้แก่
ไร้ผล คือเป็นของเปล่า. บทว่า ชาติ ได้แก่ การเกิดในขัตติยสกุล
เป็นต้น. บทว่า วณฺโณ ได้แก่ ผิวพรรณแห่งร่างกาย คือ ความ
เป็นผู้มีรูปงาม. ก็เพราะเหตุที่ความถึงพร้อมด้วยชาติก็ดี ความถึง

พร้อมด้วยวรรณะก็ดี ย่อมไม่สามารถจะให้ความสุขในสวรรค์ แก่คน
ผู้เว้นจากศีล ฉะนั้น พระโพธิสัตว์นั้น จึงกล่าวความถึงพร้อมด้วย
ชาติและวรรณะทั้งสองนั้นว่าเป็นโมฆะ.ด้วยบทว่าสีลเมว กิร นี้ท่าน
กล่าวตามที่ได้ยินได้ฟังมา แต่ไม่ได้รู้ด้วยตนเอง. บทว่า อนฺเปตสฺส
แปลว่า ผู้ไม่ประกอบแล้ว. บทว่า สุเตนตฺโถ น วิชฺชติ ความว่า

บุคคลผู้เว้นจากศีล ย่อมไม่มีความเจริญอะไรในโลกนี้หรือโลกหน้า
เพราะเหตุสักว่าปริยัติคือสุตะ. จากนั้นได้กล่าวคาถา ๒ คาถาข้างหน้า
ต่อไป เพื่อจะแสดงถึงความที่ชาติเป็นของเปล่า. บรรดาบทเหล่านั้น
บทว่า เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเก ความว่า คนไม่มีศีลเหล่านั้นละโลก

ทั้งสองคือ เทวโลกและมนุษยโลก ย่อมเข้าถึงทุคติ. บทว่า จณฺฑาล-
ปุกฺกุสา ได้แก่ คนจัณฑาลผู้ทิ้งซากศพ และคนชาติปุกกุสะผู้ทิ้ง
ดอกไม้. บทว่า ภวนฺติ ติทิเว สมา ความว่า ชนเหล่านั้นทั้งหมด
บังเกิดในเทวโลก ด้วยอานุภาพแห่งศีล ชื่อว่าเป็นผู้เสมอกัน คือไม่

พิเศษกว่ากัน ถึงการนับว่าเทพเหมือนกัน. ท่านกล่าวคาถาที่ ๕ เพื่อ
แสดงว่า สุตเป็นต้นทั้งหมดเป็นของเปล่า. เนื้อความของคาถาที่ ๕ นั้น


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า เวทเป็นต้นเหล่านี้ เว้นการให้เพียงสักว่ายศ
ในโลกนี้เสีย ย่อมไม่สามารถจะให้ยศหรือสุขในโลกหน้า คือในภพ
ที่ ๒ หรือภพที่ ๓ ได้ส่วนศีลของตนเท่านั้นอันบริสุทธิ์ ย่อมอาจให้
ยศหรือสุขนั้นได้.

พระมหาสัตว์กล่าวคุณของศีลอย่างนี้แล้ว จึงขอให้พระราชา
ทรงอนุญาตการบวช แล้วเข้าไปยังประเทศหิมพานต์ในวันนั้นเอง
บวชเป็นฤาษี ทำอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดแล้ว ได้มีพรหมโลกเป็น
ที่ไปในเบื้องหน้า.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้วจึงทรง
ประชุมชาดกว่า พราหมณ์ผู้ทดลองศีลแล้วบวชเป็นฤาษีในครั้งนั้น
ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสีลวีมังสชาดกที่ ๒

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาหิริชาดกที่ ๓

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
เศรษฐีชาวปัจจันตคามผู้เป็นสหายของอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงตรัส
พระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า หิรินฺตรนฺตํ ดังนี้.

เรื่องทั้งสอง คือเรื่องปัจจุบันและเรื่องในอดีต ได้มีพิสดาร
แล้วในชาดกจบสุดท้ายแห่งนวมวรรค เอกนิบาต. แต่ในชาดกนี้ เมื่อ
คนมาบอกแก่พาราณสีเศรษฐีว่า คนของเศรษฐีชาวปัจจันตคามถูก
ชิงทรัพย์สมบัติ ไม่เป็นเจ้าของของที่เป็นของตน พากันหนีไปแล้ว

พาราณสีเศรษฐีจึงกล่าวว่า ธรรมดาคนผู้ไม่กระทำกิจที่จะพึงทำแก่
คนผู้มายังสำนักของตน ย่อมไม่ได้คนผู้กระทำตอบแทนเหมือนกัน
แล้วได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดหมดความอาย เกลียดชังความมี
เมตตา กล่าวอยู่ว่า เราเป็นมิตรสหายของ
ท่าน แต่ไม่ได้เอื้อเฟื้อทำการงานที่ดีกว่า
บัณฑิตรู้จักผู้นั้นได้ดีกว่า ผู้นี้มิใช่มิตรสหาย
ของเรา.

เพราะว่าบุคคลทำอย่างไร ก็พึงกล่าว
อย่างนั้น ไม่ทำอย่างไร ก็ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น
บัณฑิตทั้งหลายรู้จักบุคคลนั้นว่า ผู้ไม่ทำให้
สมกับพูด เป็นแต่พูดอยู่ว่า เราเป็นมิตร
สหายของท่าน.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ผู้ใดไม่ประมาทอยู่ทุกขณะ มุ่งความ
แตกร้าว คอยแต่จับความผิด ผู้นั้นไม่ชื่อว่า
เป็นมิตร ส่วนผู้ใดอันคนอื่นยุให้แตกกันไม่
ได้ ไม่รังเกียจในมิตร นอนอยู่อย่างปลอด-
ภัยเหมือนบุตรนอนแนบอกมารดาฉะนั้น ผู้
นั้นนับว่าเป็นมิตรแท้.

กุลบุตรผู้มองเห็นผลและอานิสงส์ เมื่อ
นำธุระหน้าที่ของลูกผู้ชายไปอยู่ ย่อมทำเหตุ
คือการทำความปราโมทย์ และความสุขอัน
นำมาซึ่งความสรรเสริญให้เกิดมีขึ้น.

บุคคลได้ดื่มรสอันเกิดจากวิเวก รส
แห่งความสงบ และรสคือธรรมปีติ ย่อม
เป็นผู้ไม่มีความกระวนกระวาย เป็นผู้หมด
บาป.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า หิรินฺตรนฺตํ ได้แก่ ก้าวล่วง
ความละอาย. บทว่า วิชิคุจฺฉมานํ ได้แก่ ผู้เกลียดการเจริญเมตตา.
บทว่า ตวาหมสฺมิ ความว่า พูดแต่คำพูดอย่างเดียวเท่านั้นว่า เรา
เป็นมิตรของท่าน. บทว่า เสยฺยานิ กมฺมานิ ความว่า ผู้ไม่เอื้อ-

เฟื้อ คือไม่กระทำกรรมอันสูงสุดซึ่งสมควรแก่คำพูดว่า จักให้ จักทำ.
บทว่า เนโส มมํ ความว่า พึงรู้แจ้งบุคคลเห็นปานนั้นว่า นั่นไม่
ใช่มิตรของเรา. บทว่า ปาโมชฺชกรณํ €านํ ได้แก่ ทาน ศีล

ภาวนา และความเป็นมิตรกับบัณฑิตผู้เป็นกัลยาณมิตร. แต่ในที่นี้
ท่านกล่าวหมายเอาเฉพาะความเป็นมิตรซึ่งมีประการดังกล่าวแล้ว. จริง
อยู่ ความเป็นมิตรกับบัณฑิตผู้เป็นกัลยาณมิตร. ย่อมนำซึ่งความปรา-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
โมทย์ ทั้งนำมาซึ่งสรรเสริญ ท่านเรียกว่า ความสุขดังนี้ก็มี เพราะ
เป็นเหตุแห่งสุขทางกายและทางใจ ในโลกนี้และโลกหน้า. เพราะ
ฉะนั้น กุลบุตรผู้เห็นผลและอานิสงส์นี้ ชื่อว่าผู้มีผลานิสงส์ เมื่อนำ-
พาธุระหน้าที่ของลูกผู้ชายทั้ง ๔ อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา และ

มิตรภาพ ที่ลูกผู้ชายทั้งหลายจะพึงนำพา ย่อมยังเหตุเครื่องกระทำ
ความปราโมทย์กล่าวคือมิตรภาพนี้ และสุขอันเป็นเหตุนำมาซึ่งสรร-
เสริญให้เกิด คือ ให้เจริญ ท่านแสดงว่า ไม่ทำลายมิตรภาพให้แตก
จากบัณฑิตทั้งหลาย. บทว่า ปวิเวกรสํ ได้แก่ รสแห่งกายวิเวก

จิตตวิเวก และอุปธิวิเวก คือ รสแห่งความโสมนัสอันอาศัยวิเวก
เหล่านั้นเกิดขึ้น. บทว่า อุปสมสฺส จ ได้แก่ โสมนัสอันได้แล้ว
เพราะความสงบระงับกิเลส. บทว่า นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป ความว่า
ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีความกระวนกระวาย เพราะไม่มีความกระวนกระวาย

ด้วยอำนาจของกิเลสทั้งปวง ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีบาป เพราะไม่มีกิเลส.
บทว่า ธมฺมปีติรสํ ความว่า ดื่มรสกล่าวคือธรรมปีติ ได้แก่ ปีติอัน
เกิดแต่วิมุตติ.

พระมหาโพธิสัตว์สยดสยองการเกลือกกลั้วกับปาปมิตร จึงถือเอา
ยอดแห่งเทศนา โดยให้บรรลุพระอมตมหานิพพาน ด้วยรสแห่งวิเวก
ด้วยประการฉะนี้.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึง
ทรงประชุมชาดกว่า เศรษฐีชาวปัจจันตคามในครั้งนั้น ได้เป็นเศรษฐี
ชาวปัจจันตคามนี้แหละ ส่วนพาราณสีเศรษฐีในครั้งนั้น ได้เป็นเรา
ตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาหิริชาดกที่ ๓
อรรถกถาขัชโชปนกชาดกที่ ๔
ปัญหาว่าด้วยหิ่งห้อยนี้ มีคำเริ่มต้นว่า โกนุ สนฺตมฺหิ
ปชฺโชเต ดังนี้. จักมีแจ้งโดยพิสดาร ในมหาอุมังคชาดกแล.
จบ อรรถกถาขัชโชปนกชาดกที่ ๔

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาอหิตุณฑิกชาดกที่ ๕

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุแก่รูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ธุตฺโตมฺหิ
ดังนี้.

เรื่องปัจจุบันได้ให้พิสดารแล้วในสาลกชาดกในหนหลัง. แม้
ในชาดกนี้ ภิกษุแก่นั้นให้เด็กชาวบ้านคนหนึ่งบวช แล้วด่าและ
ประหาร. เด็กจึงหนีไปสึก. แม้ครั้งที่สอง ให้เด็กนั้นบวชแล้วก็ได้
กระทำเหมือนอย่างเดิม. แม้ครั้งที่สองเด็กนั้นก็สึก ผู้อันพระแก่นั้น

อ้อนวอนอีก ก็ไม่ปรารถนาแม้เพื่อจะแลดู. ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนา
กันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุแก่ชื่อโน้นไม่อาจเป็น
ไปเพื่อจะร่วมและจะพรากจากสามเณรของตน ส่วนสามเณรเห็นโทษ
ของพระแก่นั้น ไม่ปรารถนาแม้เพื่อจะแลดูอีก สามเณรนั้นเป็นเด็ก

ใจดี. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอ
ทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า
เรื่องชื่อนี้ พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้
เท่านั้น แม้ในปางก่อน สามเณรนี้ก็เป็นคนใจดีแท้ เห็นโทษคราว

เดียวไม่ปรารถนาแม้เพื่อจะแลดูอีก แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมา
สาธก ดังต่อไปนี้ :-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพ่อค้าข้าวเปลือก เจริญวัยแล้ว
จึงเลี้ยงชีวิตด้วยการขายข้าวเปลือก. ครั้งนั้น มีหมองูคนหนึ่งจับลิง
มาฝึกให้เล่นกับงู เมื่อเขาโฆษณาการมหรสพในนครพาราณสี จึง

พักลิงนั้นมาไว้ในสำนักของพ่อค้าข้าวเปลือกแล้วเที่ยวเล่นอยู่ตลอด ๗
วัน. พ่อค้าแม้นั้นได้ให้ของเคี้ยว ของบริโภคแก่ลิง. ในวันที่ ๗
หมองูเลิกเล่นมหรสพกลับมา ได้เอาซี่ไม้ไผ่ตีลิงนั้น ๓ ครั้ง แล้ว

พาลิงนั้นไปยังอุทยาน ผูกไว้แล้วจึงหลับไป. ลิงแก้เครื่องผูกออกแล้ว
ขึ้นไปยังต้นมะม่วง นั่งกินมะม่วงอยู่. หมองูนั้นตื่นขึ้นแล้ว แลเห็น
ลิงอยู่บนต้นไม้ จึงคิดว่า เราควรจะหลอกล่อจับลิงนั้น เมื่อจะเจรจา
กับลิงนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-

ดูก่อนสหายผู้มีหน้างาม เราเป็นนักเลง
สะกาแพ้เขาเพราะลูกบาศก์ท่านจงทิ้งมะม่วง
สุกลงมาบ้าง เราจะได้บริโภคก็เพราะความ
เพียรของท่าน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกฺขปราชิโต แปลว่า แพ้เพราะ
ลูกบาศก์ทั้งหลาย. บทว่า หเรหิ ความว่า จงให้ตกลงมา. บาลีว่า
ปาเตหิ ดังนี้ก็มี.
ลิงได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาทั้งหลายที่เหลือว่า :-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ดูก่อนสหาย ท่านมาสรรเสริญเราผู้
ล่อกแล่กด้วยคำไม่เป็นจริง ขึ้นชื่อว่าลิงที่มี
หน้างาม ท่านเคยได้ยินหรือเคยได้เห็นที่
ไหนมาบ้าง.

ดูก่อนหมองู ท่านทำกรรมใดไว้กะเรา
กรรมนั้นยังปรากฎอยู่ในหัวใจของเราจนบัดนี้
ท่านเข้าไปยังร้านตลาดข้าวเปลือก เมาสุรา
แล้ว ตีเราผู้กำลังหิวโหยถึงสามที.

เราระลึกถึงการนอนเป็นทุกข์ ณ ที่
ตลาดนั้นได้ อนึ่ง ถึงท่านจะยกราชสมบัติ
ให้เราครอบครอง ถึงอย่างนั้น ท่านขอ
มะม่วงเราแม้ผลเดียว เราก็ไม่ให้ เพราะว่า
เราถูกท่านคุกคามให้กลัวเสียแล้ว.

อนึ่ง บัณฑิตรู้จักผู้ใดที่เกิดในตระกูล
เอิบอิ่มอยู่ในห้อง ไม่มีความตระหนี่ ก็ควร
จะผูกความเป็นสหายและมิตรภาพกับผู้นั้น
ไว้ให้สนิท.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อลิกํ ได้แก่ เหลวไหลหนอ.
บทว่า อภูเตน แปลว่า ไม่มีอยู่. บทว่า โก เต แก้เป็น กตฺถ
ตยา. บทว่า สุมุโข แปลว่า ผู้มีหน้างาม. ลิงเรียกหมองูนั้นว่า
อหิตุณฑิกะ. บาลีว่า อหิคุณฺฑิก ดังนี้ก็มี. บทว่า ฉาตํ ได้แก่
ถูกความหิวครอบงำ คือ ทุรพล กำพร้า. บทว่า หนาสิ ได้แก่
ตีด้วยซี่ไม้ไผ่ ๓ ครั้ง. บทว่า ตาหํ แยกเป็นศัพท์ว่า ตํ อหํ.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บทว่า สรํ แปลว่า ระลึกถึงอยู่. บทว่า ทุกฺขเสยฺยํ ได้แก่ นอน
เป็นทุกข์อยู่ที่ตลาดนั้น. บทว่า อปิ รชฺชมฺปิ การเย ความว่า
ถ้าแม้ท่านจะเอาราชสมบัติในเมืองพาราณสีมาให้เรา แล้วให้เราครอง
ราชสมบัติไซร้ แม้ถึงอย่างนั้น เราผู้อันท่านอ้อนวอนขอก็จะไม่ให้

มะม่วงนั้น คือ เราถูกท่านขอก็จะไม่ให้มะม่วงสุกนั้นแม้แต่ผลเดียว.
เพราะเหตุไร ? เพราะเราถูกท่านคุกคามให้กลัวเสียแล้ว อธิบายว่า
จริงอย่างนั้น เราถูกท่านคุกคามด้วยความกลัว. บทว่า คพฺเภ ติตฺตํ
ความว่า ผู้อิ่มเอิบด้วยสุธาโภชน์อยู่เฉพาะในท้องมารดา หรือใน

ห้องนอนที่ประดับและตกแต่งแล้ว ชื่อว่าผู้ไม่จนเพราะหวังได้
โภคทรัพย์. บทว่า สขิญฺจ มิตฺตญฺจ ความว่า บัณฑิตควรจะเชื่อม
คือเชื่อมต่อความเป็นเพื่อนและความเป็นมิตรกับบุคคลเห็นปานนี้
ผู้เกิดในตระกูล ผู้เอิบอิ่ม ไม่ยากจน ไม่มีความตระหนี่ ก็ใครเล่าจะ
เชื่อมต่อความเป็นมิตรกับท่านผู้เป็นหมองูยากจน.

ก็แหละวานรครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็ผลุนผลันเข้าชัฎป่าไป.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรง
ประชุมชาดกว่า หมองูในครั้งนั้น ได้เป็นพระเถระแก่ ลิงในครั้งนั้น
ได้มาเป็นสามเณร ส่วนพ่อค้าข้าวเปลือกในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต
ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอหิตุณฑิกชาดกที่ ๕

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กระสันจะสึก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
มธุวณฺณํ มธุรสํ ดังนี้.

ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยิน
ว่าเธอกระสันจะสึกจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริงพระ-
เจ้าข้า. จึงตรัสถามว่า เพราะเห็นอะไร? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า เพราะ
เห็นมาตุคามผู้ประดับแต่งตัว พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ

ขึ้นชื่อว่าเบญจกามคุณเหล่านั้น เป็นเสมือนน้ำผึ้งที่ยักษ์ชื่อว่า คุมพิยะ
ตนหนึ่งใส่น้ำผึ้งวางไว้ที่หนทาง อันภิกษุนั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรง
นำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลสัตถวาหะคือพ่อค้าเกวียน พอ
เจริญวัย จึงเอาเกวียน ๕๐๐ เล่ม บรรทุกสินค้าจากเมืองพาราณสีไป
เพื่อค้าขาย บรรลุถึงประตูดงชื่อมหาวัตตนี จึงให้พวกเกวียนประชุม

กันแล้วให้โอวาทว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ในหนทางนี้ มีใบไม้ดอกไม้
และผลไม้เป็นต้นมีพิษ ท่านทั้งหลายเมื่อจะกินอะไรที่ไม่เคยกิน ยัง
ไม่ได้ถามข้าพเจ้า อย่าเพิ่งกิน แม้พวกอมนุษย์ก็จะใส่ยาพิษวางห่อภัต
ชิ้นน้ำอ้อย และผลไม้เป็นต้นไว้ในหนทาง พวกท่านยังไม่ได้ถาม
ข้าพเจ้า จงอย่ากินห่อภัตเป็นต้นแม้เหล่านั้น ดังนี้แล้วก็เดินทางไป.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 102, 103, 104, 105, 106, 107, 108 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron