วันเวลาปัจจุบัน 02 ส.ค. 2025, 20:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 84, 85, 86, 87, 88, 89, 90 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
นั้นจึงกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นท่านจงมา แล้วพาพระราชานั้นไปเรือน
ให้นั่งบนตั่งของตน แล้วกล่าวว่า นางผู้เจริญเธอจงมา จงล้างเท้า
ของสหาย ครั้นให้ภรรยาล้างพระบาทของพระราชานั้นแล้ว ให้
อาหารตามสมควรแก่กำลังของตน แล้วปูลาดที่นอนโดยพูดว่า ท่าน
จงพักสักครู่หนึ่ง. พระราชาทรงบรรทมแล้ว. ฝ่ายชายเจ้าของบ้านได้

เปลื้องเครื่องเกราะของม้าออกให้เดินได้ถนัด ให้ดื่มน้ำ เอาน้ำมันทา
หลังแล้วให้หญ้า. เขาปฏิบัติพระราชาอย่างนี้ได้ ๓-๔ วัน เมื่อพระ-
ราชาตรัสว่า สหาย เราจักไปละ จึงได้กระทำกิจทั้งปวงอันเหมาะสม
ที่จะพึงทำแก่พระราชาและม้าอีกครั้ง. พระราชาเสวยแล้วเมื่อจะเสด็จ

ไปได้ตรัสว่า ดูก่อนสหาย เราชื่อมหาอัสสาโรหะ บ้านของเราอยู่
กลางพระนคร ถ้าท่านมายังพระนครด้วยกิจอะไรๆ ท่านจงยืนที่ประตู
ด้านทักษิณแล้วกล่าวกะนายประตูว่า คนชื่อมหาอัสสาโรหะอยู่บ้าน
หลังไหน แล้วพึงพานายประตูไปยังบ้านของเรา ตรัสดังนี้ แล้วก็

เสด็จหลีกไป. ฝ่ายหมู่พลโยธาไม่เห็นพระราชา จึงตั้งค่ายพักอยู่นอก
พระนคร ครั้นเห็นพระราชาแล้วต่างพากันลุกรับแวดล้อม. พระราชา
เมื่อจะเสด็จเข้าพระนครได้ประทับยืนที่ระหว่างประตู รับสั่งให้เรียก
นายประตูมา ให้มหาชนถอยออกไปแล้วตรัสว่า ดูก่อนพ่อ ชาวบ้าน

ปัจจันตคามคนหนึ่งมีความประสงค์จะมาพบเรา มาแล้วจักถามเธอว่า
เรือนของนายมหาอัสสาโรหะอยู่ที่ไหน เธอพึงจับมือเขาไว้แล้วนำมา
แสดงเราให้เขาเห็น. ในกาลนั้น เธอจักได้ทรัพย์พันหนึ่ง. ครั้น
ตรัสสั่งแล้วพระองค์ก็เสด็จเข้ายังพระราชนิเวศน์ ส่วนบุรุษนั้นก็ยัง
ไม่มาเฝ้า. เมื่อบุรุษนั้นไม่มาเฝ้า พระราชาจึงให้เพิ่มพลีในบ้านที่เขา


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อยู่ เมื่อเพิ่มพลีแล้ว เขาก็ยังไม่มาเฝ้า. เมื่อเป็นอย่างนั้น จึงทรง
ให้เพิ่มพลี แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม เขาก็ยังไม่มาเฝ้าอยู่นั่นเอง.
ลำดับนั้น ชาวบ้านทั้งหลายจึงประชุมกันแล้วพูดกะบุรุษนั้นว่า ข้า
แต่นาย นับตั้งแต่นายอัสสาโรหะของท่านมา พวกเราถูกกดขี่ด้วยพลี
จนไม่อาจโงศีรษะขึ้นได้ ท่านจงไป จงบอกแก่นายมหาอัสสาโรหะ

ของท่านให้ช่วยปลดเปลื้องพลีของพวกเรา. บุรุษนั้นกล่าวว่า ดีละ
เราจักไป แต่ว่าเราไม่อาจมีมือเปล่าไป สหายของเรามีเด็ก ๒ คน
ท่านทั้งหลายจงจัดแจงเครื่องนุ่งเครื่องห่มและเครื่องประดับ เพื่อ
เด็ก ๒ คนนั้น เพื่อภรรยาของเขา และเพื่อสหายเรา. ชาวบ้าน

เหล่านั้นกล่าวว่าได้ พวกเราจักจัดแจงให้ แล้วพากันจัดแจงเครื่อง
บรรณาการทุกอย่าง. บุรุษนั้นถือเอาเครื่องบรรณาการนั้น และขนม
ทอดในเรือนของตนไป ครั้นถึงประตูด้านทิศใต้ จึงถามนายประตูว่า
ดูก่อนสหาย เรือนของนายมหาอัสสาโรหะอยู่ที่ไหน ? นายประตูนั้น

กล่าวว่า ท่านจงมา เราจักแสดงแก่ท่าน แล้วจับมือเขาพาไปยังประตู
พระราชนิเวศน์แล้วส่งข่าวให้ทรงทราบว่า นายประตูพาบุรุษชาวบ้าน
ปัจจันตคามมา. พระราชาพอได้ทรงสดับก็เสด็จลุกขึ้นจากพระอาสน์
ตรัสว่า แม้สหายของเราเฉพาะมากับนายประตูนั้นเท่านั้น จงเข้ามา

เถิด แล้วทรงทำการต้อนรับ พอทรงเห็นเท่านั้น จึงทรงทักทายบุรุษ
นั้นแล้วตรัสถามว่า หญิงสหายและพวกเด็กๆ ของเราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
หรือ แล้วทรงจับมือพาขึ้นท้องพระโรง ให้นั่งบนอาสน์ภายใต้เศวตร-
ฉัตร รับสั่งให้เรียกพระอัครมเหสีมาแล้วตรัสว่า พระนางผู้เจริญ


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
เธอจงล้างเท้าแม้แห่งสหายของเรา. พระอัครมเหสีนั้นได้ทรงล้างเท้า
บุรุษผู้นั้น พระราชาทรงรดน้ำด้วยพระสุวรรณภิงคาร พระเทวีทรง
ล้างเท้าแล้วทาด้วยน้ำมันหอม. พระราชาตรัสถามว่า สหาย ของกิน
สำหรับพวกเราชนิดไรๆ มีบ้างไหม ? บุรุษนั้นกล่าวว่ามี แล้วนำขนม
ออกมาจากกระทอ. พระราชาทรงรับด้วยจานทอง เมื่อจะทำการ

สงเคราะห์เอาน้ำใจเขาจึงตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงกินขนมที่สหายเรา
นำมา แล้วได้ประทานแก่พระเทวีและอำมาตย์ทั้งหลาย แม้พระองค์เอง
ก็ทรงเสวย. ฝ่ายบุรุษนั้นก็แสดงเครื่องบรรณาการแม้อย่างอื่นถวาย.
เพื่อจะทรงสงเคราะห์เขา พระราชาจึงทรงเปลื้องผ้ากาสิกพัสตร์แล้ว

ทรงนุ่งคู่ผ้าที่เขานำมาถวาย. ฝ่ายพระเทวีก็ทรงเปลื้องผ้ากาสิกสาฎก
และเครื่องอาภรณ์ทั้งหลาย แล้วทรงนุ่งผ้าสาฎกที่เขานำมา แล้วทรง
ประดับเครื่องอาภรณ์. ลำดับนั้น พระราชาให้บุรุษสหายนั้นบริโภค
โภชนะอันควรแก่พระราชา แล้วทรงสั่งอำมาตย์คนหนึ่งว่า ท่านจงไป

จงให้ช่างกระทำการโกนหนวดแก่บุรุษนี้ ตามทำนองที่ทำแก่เรานั่น
แหละ แล้วให้อาบด้วยน้ำหอม ให้นุ่งผ้ากาสิกพัสตร์อันมีค่าแสนหนึ่ง
ให้ประดับด้วยเครื่องอลังการสำหรับพระราชา แล้วจงนำมา. อำมาตย์

นั้นได้กระทำเหมือนอย่างนั้น. พระราชาให้เที่ยวตีกลองป่าวร้องใน
พระนคร ให้อำมาตย์ทั้งหลายประชุมกัน แล้วให้พาดด้ายแดงกลาง
เศวตรฉัตร แล้วพระราชทานราชสมบัติกึ่งหนึ่งแก่บุรุษผู้สหายนั้น.
จำเดิมแต่นั้น พระราชาทั้งสองนั้นก็ทรงร่วมเสวย ร่วมดื่ม ร่วม


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรทมด้วยกัน ความวิสสาสะคุ้นเคยได้แน่นแฟ้นอันใครๆ ให้แตก
แยกไม่ได้. ลำดับนั้น พระราชารับสั่งให้เรียกบุตรและภรรยาของ
บุรุษผู้สหายนั้นมา ได้ให้สร้างนิเวศน์ในภายในพระนครพระราชทาน
พระราชาทั้งสองนั้น ต่างสมัครสมานรื่นเริงบรรเทิงใจ ครองราช-

สมบัติ. ต่อมาอำมาตย์ทั้งหลายพากันโกรธ พระเจ้าพาราณสีนั้นจึงทูล
พระราชโอรสว่า ข้าแต่พระราชกุมาร พระราชาได้ประทานราชสมบัติ
กึ่งหนึ่งแก่คฤหบดีนี้ ร่วมเสวย ร่วมดื่มกับคฤหบดีนั้น ซ้ำให้พวก
เด็กๆ ไหว้ ข้าพระบาททั้งหลายไม่ทราบถึงกรรมที่คฤหบดีนี้กระทำ

พระราชาทรงกระทำอะไร ข้าพระบาททั้งหลายรู้สึกละอาย ขอพระ-
องค์จงทูลพระราชาด้วยเถิด. พระราชโอรสนั้นรับคำแล้ว จึงกราบ
ทูลเรื่องราวนั้นทั้งหมดแด่พระราชา แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช
ขอพระองค์อย่าได้ทรงกระทำอย่างนี้เลย. พระเจ้าพาราณสีตรัสว่า

ดูก่อนพ่อ บิดาแม้ในการรบ แม้ในกาลนั้นได้อยู่ ณ ที่ไหน เจ้าทราบ
หรือไม่เล่า. พระราชโอรสกราบทูลว่า ไม่ทราบพระเจ้าข้า. พระราชา
ตรัสว่า บิดาไปอยู่ในเรือนของคฤหบดีนี้ปลอดภัย แล้วกลับมาครอง-
ราชสมบัติ เมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุไร บิดาจึงจักไม่ให้สมบัติแก่

ผู้มีอุปการะแก่เราเล่า. พระโพธิสัตว์ครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว จึงตรัสว่า
ดูก่อนพ่อ ก็บุคคลใดให้แก่คนผู้ไม่ควรให้ ไม่ให้แก่บุคคลผู้ควรให้
บุคคลนั้นถึงภัยอันตรายเข้า จะไม่ได้อุปการะเกื้อหนุนอะไรเลย เมื่อ
จะทรงแสดงต่อไปจึงตรัสคาถาเหล่านี้ว่า :-


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ผู้ใดให้ทานในบุคคลที่ไม่ควรให้ ไม่
เพิ่มให้ในคนที่ควรให้ ผู้นั้นถึงจะได้รับทุกข์
ในคราวมีอันตราย ก็ไม่ได้สหาย ช่วยเหลือ.

ผู้ใดไม่ให้ทานในคนที่ไม่ควรให้ เพิ่ม
ให้ในคนที่ควรให้ ผู้นั้นถึงได้รับทุกข์ในคราว
มีอันตราย ย่อมได้สหาย ช่วยเหลือ

การแสดงคุณวิเศษแห่งความเกี่ยวพัน
และความสนิทสนมกันฉันท์มิตร ในชน
ทั้งหลายผู้ไม่มีอารยธรรม เป็นคนมักโอ้อวด
ย่อมไร้ผล การแสดงคุณวิเศษแห่งความ
เกี่ยวพันและความสนิทสนมกันฉันท์มิตร
ในอารยชนทั้งหลายผู้ซื่อตรงคงที่ แม้เล็ก
น้อยก็ย่อมมีผลมาก.

ผู้ใดได้ทำความดีงามไว้ก่อน ผู้นั้น
ชื่อว่าได้ทำกิจที่ทำได้แสนยากในโลก ภาย
หลังเขาจะทำหรือไม่ทำก็ตาม ชื่อว่าเป็น
บุคคลผู้ควรแก่การบูชายิ่งนัก.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อเทยฺเยสุ ได้แก่ ผู้ไม่เคยทำ
อุปการะมาก่อน. บทว่า เทยฺเยสุ ได้แก่ ผู้ทำอุปการะมาแล้ว. บทว่า
นปฺปเวจฺฉติ แปลว่า ไม่ให้เข้าไป คือ ไม่ให้. บทว่า อาปาสุ
แปลว่า ในคราวมีอันตราย. บทว่า พฺยสนํ ได้แก่ ความทุกข์.


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บทว่า สญฺโคสมฺโภควิเสสทสฺสนํ ความว่า การแสดงความวิเศษ
คือการแสดงคุณของการเกี่ยวพันกันและการกินอยู่ร่วมกัน ที่มิตร
กระทำไว้ทั้งหมดนี้ที่ว่า ผู้นี้กระทำดีแก่เราแล้ว ย่อมพินาศ คือ
ฉิบหายไป ในชนผู้ชื่อว่าอนารยชน เพราะเป็นผู้มีธรรมไม่หมดจด
ชื่อว่าผู้โอ้อวด เพราะความเป็นคนหลอกลวง. บทว่า อริเยสุ ได้แก่

ชื่อว่าผู้ประเสริฐ คือ ผู้บริสุทธิ์ เพราะรู้คุณที่เขาทำไว้แก่ตน. บทว่า
อญฺชเสสุ ได้แก่ ชื่อว่าผู้ซื่อตรง คือผู้ไม่คดโกง เพราะเหตุนั้น
นั่นเอง. บทว่า อณุมฺปิ แปลว่า แม้มีประมาณน้อย. บทว่า ตาทิสุ
ความว่า สิ่งที่กระทำในบุคคลผู้ประเสริฐ ผู้ซื่อตรง เช่นนั้น แม้จะ

น้อยก็มีผลมาก เหมือนพืชที่หว่านลงในนาดี ย่อมมีผลรุ่งเรืองแผ่
ไพศาล แต่สิ่งที่กระทำในคนผู้ลามกนอกนี้ แม้จะมาก ก็ย่อมพินาศ
ฉิบหายเหมือนพืชที่หว่านลงในไฟฉะนั้น. สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า

พืชย่อมมอดไหม้ ไม่งอกงามในไฟ
แม้ฉันใด กิจที่ทำในอสัตบุรุษ ย่อมพินาศ
ไม่งอกงาม ฉันนั้น ส่วนที่ทำในชนผู้มีความ
กตัญญู มีศีล มีความประพฤติเยี่ยงอารยชน
ย่อมไม่ฉิบหายไปในที่นั้นๆ เหมือนพืชที่
หว่านในนาดีฉะนั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ ได้แก่
ผู้กระทำอุปการะไว้ก่อน. บทว่า อกา แปลว่า ได้กระทำแล้ว
อธิบายว่า ผู้นี้ได้กระทำ ชื่อว่าสิ่งที่ทำได้แสนยากในโลก. บทว่า
ปจฺฉา กยิรา ความว่า บุคคลนั้นจะได้กระทำหรือไม่ได้กระทำคุณ

ความดีอะไรๆ อื่นในภายหลัง เพราะคุณความดีที่ทำไว้ก่อนนั้นนั่น
แหละ. บทว่า อจฺจนฺตํ ปูชนารโห ความว่า ย่อมควรสักการะ
สัมมานะทุกอย่าง.

ก็พวกอำมาตย์และราชโอรสได้ฟังดังนี้แล้ว ก็มิได้กล่าวอะไรๆ
อีกแล.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรง
ประชุมชาดกว่า บุรุษชาวบ้านปัจจันตคามในครั้งนั้น ได้เป็นพระ-
อานนท์ในบัดนี้ ส่วนพระเจ้าพาราณสีในครั้งนั้น คือเราตถาคต
ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามหาอัสสาโรหชาดกที่ ๒

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
เสวกข้าราชสำนักของพระเจ้าโกศลคนหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนา
นี้ มีคำเริ่มต้นว่า อนุตฺตเร กามคุเณ สมิทฺเธ ดังนี้.

เรื่องปัจจุบันได้กล่าวไว้แล้วในเสยยชาดก ในหนหลังนั้นแล.
ก็ในชาดกนี้ พระศาสดาตรัสว่า มิใช่ท่านเท่านั้น ที่นำเอาประโยชน์
มาโดยสิ่งอันมิใช่ประโยชน์ แม้โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย ก็ได้นำ
เอาประโยชน์มาโดยสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แก่ตน แล้วทรงนำเอาเรื่อง
ในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล อำมาตย์ผู้เป็นอุปัฏฐากของพระเจ้าพาราณสี
ประทุษร้ายในราชสำนัก พระราชาทรงเห็นโทษของเขาโดยประจักษ์
จึงทรงให้ขับไล่เสวกนั้น จากแว่นแคว้น เสวกนั้นจึงไปอุปัฏฐาก
พระเจ้าโกศลพระนามว่า ทุพภิเสน. เหตุการณ์ทั้งปวงนั้นได้กล่าวไว้

แล้วในมหาสีลวชาดกทั้งนั้น. ส่วนในชาดกนี้ พระเจ้าทุพภิเสนให้
จับพระเจ้าพาราณสีผู้ประทับนั่งในท่ามกลางอำมาตย์ ณ ท้องพระโรง
แล้วใส่สาแหรกแขวนห้อยพระเศียร ณ เบื้องบนธรณีประตู พระ-

เจ้าพาราณสีทรงเจริญเมตตาปรารภพระราชาโจร กระทำกสิณบริกรรม
ยังฌานให้บังเกิดแล้ว. เครื่องพันธนาการขาด. แต่นั้น พระราชา
ประทับนั่งขัดสมาธิในอากาศ ความเร่าร้อนเกิดขึ้นในร่างกายของราชา
โจร พระองค์ทรงบ่นว่าร้อนๆ แล้วกลิ้งไปกลิ้งมา บนภาคพื้น. เมื่อ

พระราชาโจรตรัสอย่างนี้ว่า นี้เหตุอะไร อำมาตย์ทั้งหลายจึงทูลว่า
ข้าแต่มหาราช พระองค์ทรงทำพระราชาผู้ตั้งอยู่ในธรรม ผู้หาความ
ผิดมิได้เห็นปานนี้ ให้ห้อยพระเศียรลง ณ เบื้องธรณีประตู พระเจ้า
ข้า. พระราชาโจรตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงรีบไปปล่อยพระ-

ราชาพระองค์นั้น. ราชบุรุษทั้งหลายไปแล้ว ได้เห็นพระราชาทรง
นั่งขัดสมาธิในอากาศ จึงกลับมากราบทูลแก่พระเจ้าทุพภิเสน. พระ-
เจ้าทุพภิเสนนั้นจึงรีบเสด็จไปไหว้พระเจ้าพาราณสีนั้น ให้ทรงอดโทษ.
แล้วตรัสคาถาที่ ๑ ว่า :-


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเอกราช ในการก่อน
พระองค์เสวยกามคุณอันบริบูรณ์อย่างยิ่ง อยู่
มาบัดนี้ พระองค์ถูกโยนลงในบ่ออันขรุขระ
เหตุไรพระองค์จึงยังไม่ลดละพระฉวีวรรณ
และพระกำลังกายอันมีอยู่แต่เก่าก่อน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วสิ แปลว่า อยู่แล้ว. พระเจ้า
ทุพภิเสนตรัสเรียกพระโพธิสัตว์โดยพระนามว่า เอกราช. บทว่า
โสทานิ ตัดบทเป็น โส ตฺวํ อิทานิ แปลว่า บัดนี้ พระองค์นั้น.
บทว่า ทุคฺเค แปลว่า ไม่สม่ำเสมอ. บทว่า นรกมฺหิ ได้แก่ ใน

หลุม คำนี้ท่านกล่าวหมายเอาที่ที่ถูกแขวน. บทว่า นปฺปชเห
วณฺณพลํ นี้ พระเจ้าทุพภิเสนตรัสถามว่า พระองค์แม้ถูกโยนไป
ในที่อันไม่สม่ำเสมอเห็นปานนี้ ก็มิได้ทรงลดละพระฉวีวรรณอันมีอยู่
แต่เก่าก่อน และพระกำลังกาย.

พระโพธิสัตว์ได้ทรงสดับดังนั้นจึงตรัสคาถาที่เหลือว่า
ข้าแต่พระเจ้าทุพภิเสน ขันติและตบะ
เป็นคุณธรรมที่หม่อมฉันปรารถนามาแต่เดิม
แล้ว บัดนี้ หม่อมฉันได้สิ่งที่ปรารถนานั้น
แล้ว เหตุไรจะละฉวีวรรณและกำลังกายที่มี
อยู่แต่เก่าก่อนเสียเล่า.

ข้าแต่พระองค์ผู้เปรื่องยศ มีปรีชาญาณ
ทนทานได้พิเศษ ทราบมาว่า กิจที่จะพึงทำ
ทุกอย่าง หม่อมฉันทำให้สำเร็จแล้ว ทั้งได้
ยศอันยิ่งใหญ่อันมีในกาลก่อน หม่อมฉัน
จึงไม่ละฉวีวรรณและกำลังกาย อันมีอยู่แต่
เก่าก่อน.


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งปวงชน
สัตบุรุษทั้งหลายบรรเทาความสุขด้วยความ
ทุกข์ หรือบรรเทาความทุกข์อันยากที่จะ
อดทนได้นั้นด้วยความสุข เพราะเป็นผู้มีจิต
เยือกเย็นยิ่งนักในสุขและทุกข์ ทั้งสองจึง
เป็นผู้มีจิตเที่ยงตรงดังตราชู ทั้งในความสุข
และความทุกข์.

ในบรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ขนฺติ ได้แก่ อธิวาสนขันติ.
บทว่า ตโป ได้แก่ การประพฤติตบะ. บทว่า สมฺปฏฺ€ิตา ได้แก่
ปรารถนาแล้ว คือปรารถนาเฉพาะแล้ว. พระเจ้าพาราณสีตรัสเรียก

พระราชาโจรนั้นโดยพระนามว่า ทุพภิเสน. บทว่า ตนฺทานิ ลทฺธาน
ความว่า บัดนี้ เราได้ความปรารถนานั้นแล้ว. บทว่า ชเห ความว่า
เพราะเหตุไรเราจะละ. ท่านแสดงความว่า เพราะบุคคลผู้มีความทุกข์
หรือโทมนัสก็ตาม จะต้องละทุกข์หรือโทมนัสนั้น. พระเจ้าพาราณสี

เมื่อจะแสดงสมบัติของพระองค์ ตามที่ทรงได้ฟังตามกันมาจึงตรัสว่า
ทราบมาว่า กิจที่ควรทำทุกอย่างหม่อมฉันทำให้สำเร็จแล้ว. ท่านกล่าว
อธิบายไว้ว่า กิจที่หม่อมฉันจะพึงทำทุกอย่าง คือการให้ทาน การ
รักษาศีล และการรักษาอุโบสถ หม่อมฉันทำเสร็จแล้วในกาลก่อน

ทีเดียว. บทว่า ยสสฺสินํ ปญฺวนฺตํ วิสยฺห ความว่า ชื่อว่าผู้
เปรื่องยศ เพราะบริวารสมบัติ ชื่อว่ามีปัญญาญาณ เพราะถึงพร้อม
ด้วยปัญญา ชื่อว่าผู้อดทนได้พิเศษ เพราะเป็นผู้อันใครๆ ไม่อาจข่ม


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ได้. เมื่อเป็นอย่างนี้ บททั้ง ๓ นี้ จึงเป็นอาลปนะคือคำสำหรับเรียก
ทั้งนั้น. ก็ศัพท์ว่า นํ ในคาถานี้ เป็นนิบาต. และลงนิคหิตที่ ต
ศัพท์ ( คือลง ตํ ศัพท์ ) โดยทำพยัญชนะให้ไพเราะสละสลวย.
บทว่า ยโส จ คือ ยศนั่นแหละ. บทว่า ลทฺธา ปุริมํ ได้แก่

ได้ยศที่ไม่เคยได้มาก่อน คือในกาลก่อน. บทว่า อุฬารํ ได้แก่ ใหญ่.
พระเจ้าพาราณสีตรัสหมายเอาการเกิดฌาน ด้วยเมตตาภาวนาอันเป็น
เครื่องข่มกิเลส. บทว่า นปฺปชเห ความว่า ได้ยศเห็นปานนี้แล้ว
เพราะเหตุไร จักละผิวพรรณและกำลังกายอันมีแต่เก่าก่อนเสียเล่า.

บทว่า ทุกฺเขน ความว่า บรรเทาสุขในราชสมบัติของหม่อมฉัน
ด้วยความทุกข์ เพราะโยนลงไปในนรกที่พระองค์ทำให้เกิดขึ้น. บทว่า
สุเขน วา ตํ ทุกฺขํ ได้แก่ หรือว่า บรรเทาทุกข์นั้นด้วยสุขอัน

เกิดแต่ฌาน. บทว่าอุภยตฺถ สนฺโต ความว่า สัตบุรุษทั้งหลาย
ผู้เป็นเช่นกับเรานั้น มีสภาวะดับเย็นยิ่งแล้ว คือมีตนเป็นกลางในส่วน
แม้ทั้งสองนี้ ย่อมเป็นผู้เที่ยงตรง คือย่อมเป็นเช่นเดียว ไม่มีอาการ
ผิดแผกเลยในสุขและทุกข์.

พระเจ้าทุพภิเสนได้ทรงสดับดังนี้แล้ว จึงขอให้พระโพธิสัตว์
อดโทษแล้วตรัสว่า พระองค์เท่านั้น จงครองราชสมบัติของพระองค์
หม่อมฉันจักคอยป้องกันพวกโจรแก่พระองค์ แล้วลงอาญาแก่อำมาตย์
ผู้ประทุษร้ายคนนั้นแล้วเสด็จหลีกไป. ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทรงมอบ

ราชสมบัติแก่อำมาตย์ทั้งหลายแล้วบวชเป็นฤาษี ได้มีพรหมโลกเป็นที่
ไปในเบื้องหน้า.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรง
ประชุมชาดกว่า. พระเจ้าทุพภิเสนในกาลนั้น ได้เป็นพระอานนท์
ส่วนพระเจ้าพาราณสี คือเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาเอกราชชาดกที่ ๓

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาทัททรชาดกที่ ๔

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
ภิกษุผู้มักโกรธรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
อิมานิ มํ ททฺทร ตาปยนฺติ ดังนี้.

เรื่องได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั้นแล. ก็ครั้งนั้น เมื่อภิกษุ
ทั้งหลายประชุมสนทนากันด้วยเรื่องที่ภิกษุนั้นเป็นคนขี้โกรธ ใน
โรงธรรมสภา พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า

เรื่องชื่อนี้พระเจ้าข้า จึงรับสั่งให้เรียกภิกษุนั้นมาแล้วตรัสถามว่า
ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นคนขี้โกรธจริงหรือ เมื่อภิกษุนั้นกราบ
ทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ภิกษุนี้ก็เป็นคนขี้โกรธ

เหมือนกัน ก็เพราะความเป็นคนขี้โกรธของเธอ โบราณกบัณฑิต
ทั้งหลายแม้ตั้งอยู่ในความเป็นนาคราชผู้บริสุทธิ์ ก็ได้อยู่ในพื้นที่
เปื้อนคูถซึ่งเต็มไปด้วยคูถถึง ๓ ปี แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก
ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นโอรสของพระยาทัททรนาค-
ราชผู้ครองราชสมบัติอยู่ในทัททรนาคภพ อันมีอยู่ ณ เชิงเขาทัททร-

บรรพต ในหิมวันตประเทศ ได้มีนามว่า มหาทัททระ ส่วน
น้องชายของมหาทัททรนาคราชนั้นชื่อว่าจุลลทัททระ. จุลลทัททรนาค
นั้น มักโกรธ หยาบคาย เที่ยวด่า เที่ยวประหารพวกนาคมาณพ
อยู่. พระยานาคราชรู้ว่าจุลลทัททรนาคนั้นเป็นผู้หยาบช้า จึงสั่งให้


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 20 ธ.ค. 2018, 06:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
นำจุลลทัททรนาคนั้นออกจากนาคภพ. แต่มหาทัททรนาคขอให้บิดา
อดโทษแล้วทัดทานห้ามไว้. แม้ครั้งที่สองพระยานาคทรงกริ้วต่อ
จุลลทัททรนาคนั้น. แม้ครั้งที่สอง มหาทัททรนาคนั้นก็ทูลขอให้
อดโทษไว้. แต่ในวาระที่สาม พระยานาคผู้บิดาตรัสว่า เจ้าห้ามมิให้

พ่อขับไล่มันผู้ประพฤติอนาจาร เจ้าแม้ทั้งสองจงไป จงออกจาก
นาคภพนี้ไปอยู่ที่พื้นเปื้อนคูถ ในนครพาราณสีกำหนด ๓ ปี แล้ว
ให้ฉุดคร่าออกจากนาคภพ. นาคพี่น้องทั้งสองนั้นจึงไปอยู่ที่พื้นเปื้อน
คูถในเมืองพาราณสีนั้น. ครั้งนั้น พวกเด็กชาวบ้านเห็นนาคพี่น้อง
ทั้งสองนั้นเที่ยวหาเหยื่ออยู่ที่ชายน้ำใกล้พื้นที่เปื้อนคูถ จึงพากัน

ประหารขว้างปาท่อนไม้และก้อนดินเป็นต้น. พากันด่าว่าคำหยาบ
เป็นต้นว่า นี้ตัวอะไรหัวใหญ่ หางเหมือนเข็ม มีกบเขียดเป็น
ภักษาหาร. จุลลทัททรนาคอดกลั้นการดูหมิ่นของพวกเด็กชาวบ้าน
เหล่านั้นไม่ได้ เพราะตนเป็นผู้ดุร้ายหยาบช้าจึงกล่าวว่า ข้าแต่พี่

เจ้าพวกเด็กเหล่านี้ดูหมิ่นพวกเรา ไม่รู้ว่าพวกเราเป็นผู้มีพิษร้าย น้อง
ไม่อาจอดกลั้นการดูหมิ่นของพวกมันได้ น้องจะทำพวกมันให้ฉิบหาย
ด้วยลมจมูก เมื่อจะเจรจากับพี่ชาย จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-

พี่ทัททระ คำว่าหยาบคายทั้งหลายใน
มนุษยโลกเหล่านี้ ย่อมทำข้าพเจ้าให้เดือด-
ร้อน พวกเด็กชาวบ้านผู้ไม่มีพิษฤทธิ์เดช
พากันสาปแช่งว่า เราผู้มีพิษร้ายว่าเป็นสัตว์
กินกบกินเขียด และว่าเป็นสัตว์น้ำ.


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 20 ธ.ค. 2018, 06:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตาปยนฺติ แปลว่า ย่อมทำให้
ลำบาก. บทว่า มณฺฑูกภกฺขา อุทกนฺตเสวี ความว่า พวกเด็ก
ชาวบ้านผู้ไม่มีพิษฤทธิ์เดชเหล่านั้นกล่าวกันว่า สัตว์กินกบกินเขียด
และว่าเป็นสัตว์น้ำ สาปแช่งคือด่าว่าเราซึ่งเป็นผู้มีพิษร้าย.

มหาทัททรนาคผู้พี่ได้ฟังคำของจุลลทัททรนาคผู้น้องนั้นแล้ว
จึงได้กล่าวคาถาที่เหลือว่า :-
บุคคลถูกขับไล่จากแว่นแคว้นของตน
ไปอยู่ยังถิ่นอื่น ควรทำฉางใหญ่ไว้ เพื่อเก็บ
คำหยาบคายทั้งหลาย.

บุคคลอยู่ในหมู่ชนผู้ไม่รู้จักตน ไม่
ควรทำการถือตัวในที่ที่ไม่มีคนรู้จักตน โดย
ชาติหรือโดยวินัย.
บุคคลผู้มีปัญญาแม้เปรียบเสมอด้วยไฟ
เมื่อไปอยู่ต่างถิ่นไกลพึงอดทน แม้คำขู่
ตะคอกของทาส.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทุรุตฺตานํ นิเธตเว ความว่า
ชนทั้งหลายสร้างฉางใหญ่ไว้เพื่อเก็บข้าวเปลือก ทำฉางให้เต็มไว้
เมื่อกิจเกิดขึ้น ก็ใช้สอยข้าวเปลือก ฉันใด บุรุษผู้เป็นบัณฑิต
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ไปต่างถิ่นพึงสร้างฉางใหญ่ไว้ภายในหทัย เพื่อ

เก็บคำหยาบคาย ครั้นเก็บคำหยาบคายเหล่านั้นไว้ในหทัยนั้นแล้ว
กลับจักกระทำกิจที่ควรทำในเวลาอันเหมาะแก่ตน. บทว่า ชาติยา
วินเยน วา ความว่า ในที่ใด ชนทั้งหลายย่อมไม่รู้จักตนโดยชาติ
หรือโดยวินัยว่า ผู้นี้เป็นกษัตริย์ ผู้นี้เป็นพราหมณ์ หรือว่าเป็นผู้มีศีล

เป็นพหูสูตร เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม. บทว่า มานํ ความว่า
ไม่พึงกระทำการถือตัวว่า เขาเรียกเรารู้เห็นปานนี้ด้วยโวหารอัน
ลามก ไม่สักการะ ไม่เคารพ. บทว่า วสํ อญฺาตเก ชเน
ความว่า อยู่ในสำนักของคนผู้ไม่รู้จักชาติและโคตรของตน. บทว่า
วสโต แก้เป็น วสตา แปลว่า อยู่. อีกอย่างหนึ่ง บาลีก็เป็น
(ศัพท์ว่า วสตา) ดังนี้เหมือนกัน.

นาคพี่น้องทั้งสองนั้นอยู่ ณ ที่นั้น สิ้นกำหนด ๓ ปี ด้วย
อาการอย่างนี้. ลำดับนั้น พระยานาคผู้บิดาให้เรียกนาคพี่น้องทั้งสอง
นั้นมา. ตั้งแต่นั้นมานาคพี่น้องทั้งสองนั้น ก็สิ้นมานะการถือตัว.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรง
ประกาศสัจจะทั้งหลาย. ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้มักโกรธได้ดำรงอยู่
ในอนาคามิผล. แล้วทรงประชุมชาดกว่า จุลลทัททรนาคในครั้งนั้น
ได้เป็นภิกษุผู้มักโกรธในบัดนี้ ส่วนมหาทัททรนาคในครั้งนั้น ได้เป็น
เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาทัททรชาดกที่ ๔

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 20 ธ.ค. 2018, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาสีลวีมังสชาดกที่ ๕

พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภอุบายเครื่องข่มกิเลส จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า นตฺถิ โลเก รโห นาม ดังนี้.

เรื่องปัจจุบัน จักมีแจ้งในปัญจาลชาดก* เอกาทสนิบาต. ส่วน
ในชาดกนี้ มีเนื้อความสังเขปดังต่อไปนี้ :- ภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป
อยู่ในภายในพระเชตวันวิหาร พากันตรึกกามวิตกในลำดับมัชฌิมยาม.
พระศาสดาทรงตรวจดู ภิกษุทั้งหลายเป็นนิตยกาล ในเวลาทั้งปวงทั้ง

เวลากลางคืนและกลางวัน เหมือนคนมีตาข้างเดียวรักษาตา คนผู้มีบุตร
คนเดียวรักษาบุตร จามรีชาติรักษาขนหางอ่อน ด้วยความไม่ประมาท
ฉะนั้น. ในกาลอันเป็นส่วนราตรี พระองค์ทรงตรวจดูในพระเชตวัน
วิหาร ด้วยพระจักษุอันเป็นเพียงดังทิพย์ ทรงเห็นภิกษุเหล่านั้น

ประหนึ่งโจรอันเกิดขึ้นในภายในนิเวศน์ของพระเจ้าจักรพรรดิ จึงทรง
เปิดพระคันธกุฏีรับสั่งเรียกพระอานันทเถระมาแล้วตรัสว่า อานนท์
เธอจงให้ภิกษุทั้งหลายประชุมกัน ณ ภายในหอประชุมด้านสุด แล้ว
จงปูลาดอาสนะที่ประตูพระคันธกุฏี. พระอานันทเถระนั้นได้กระทำ

อย่างนั้นแล้วกราบทูลพระศาสดาให้ทรงทราบ. พระศาสดาประทับนั่ง
บนอาสนะที่พระอานนท์ปูลาดแล้วทรงเตือนภิกษุทั้งหลายโดยรวมหมด
ด้วยกัน แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย
__________________________

* บางแห่งว่า ปานียชาดก.
ไม่กระทำบาปด้วยคิดว่า ชื่อว่าที่ลับในการทำบาปย่อมไม่มี อันภิกษุ
ทั้งหลายเหล่านั้นทูลอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก
ดังต่อไปนี้ :-


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 20 ธ.ค. 2018, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ เจริญวัยแล้ว ได้
เป็นหัวหน้ามาณพ ๕๐๐ คน เล่าเรียนศิลปะในสำนักอาจารย์ทิศาปา-
โมกข์ ในนครพาราณสีนั้นนั่นแหละ. ท่านอาจารย์มีธิดาผู้กำลังเจริญ
วัย ท่านจึงคิดว่า เราจักทดลองศีลของมาณพเหล่านี้ แล้วจักให้ธิดา

นั้นแก่มาณพผู้สมบูรณ์ด้วยศีลเท่านั้น. วันหนึ่ง อาจารย์ทิศาปาโมกข์
นั้นเรียกมาณพทั้งหลายมาแล้วกล่าวว่า พ่อทั้งหลาย ธิดาของเราเจริญ
วัยแล้ว เราจักทำการวิวาหมงคลแก่เธอ ควรจะได้ผ้าและเครื่องอลังการ
เธอทั้งหลาย เมื่อพวกญาติของตน ๆ ไม่เห็น จงลักเอาผ้าและเครื่อง

อลังการมา ผ้าและเครื่องอลังการที่ใคร ๆ ไม่เห็นเท่านั้น เราจึงรับ
เอา ผ้าและเครื่องอลังการที่ใคร ๆ เห็นแล้วเอามา เราจะไม่รับ. มาณพ
เหล่านั้นรับคำจำเดิมแต่นั้นมา เมื่อพวกญาติไม่ทันเห็น จึงจักนำเอา
ผ้าและเครื่องประดับทั้งหลายมา. อาจารย์ก็วางสิ่งของที่พวกมาณพนำ

มา ๆ ไว้เป็นพวก ๆ. พระโพธิสัตว์ไม่นำอะไร ๆ มาเลย. ที่นั้น อาจารย์
จึงกล่าวกะพระโพธิสัตว์นั้นว่า ดูก่อนพ่อ เธอเล่าไม่ไปนำอะไร ๆ มา
หรือ. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ขอรับท่านอาจารย์. อาจารย์ถามว่า
เพราะอะไรพ่อ ? พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ท่านไม่รับของที่เอามา เมื่อ

ใคร ๆ เห็น แม้กระผมก็ไม่เห็นที่ลับในการทำบาป เมื่อจะแสดงความ
จึงกล่าวคาถา ๒ คาถานี้ว่า :-


* ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เรียนรู้ได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร ทำงานได้เก่ง
ความขยันหมั่นเพียร นายจ้างก็รัก
ความขยันหมั่นเพียร คนโดยส่วนมากรักใคร่พอใจปราถนา
ความขยันหมั่นเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ความขยันหมั่นเพียร เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ความขยันหมั่นเพียร มีเงินทองร้อยเล่มเกวียนก็ชื้อมิได้
ความขยันหมั่นเพียร แบ่งปันกันมิได้(มีต่อ)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432566#p432566
* ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งทำก็ยิ่งสำนิสำนาน ยิ่งให้ธรรมทาน นานวันเข้าก็ยิ่งรู้แจ้ง
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 84, 85, 86, 87, 88, 89, 90 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร