วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 21:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2018, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วางตัวเทียบซักตัวอย่างสองตัวอย่างเทียบไว้

ตย. หนึ่ง นี่วนๆ ติดอยู่ตรงเวทนา เพราะอะไร เพราะกำหนดจิต คือ ว่าตามที่มันเป็น จากเวทนากลายเป็นอุปาทานไป


ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์ (...) คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ


ไม่ใช่ไปดูแต่เวทนา เพราะสติปัฏฐานที่ท่านให้ดู มี ๔ อย่าง ทางกาย (กายานุปัสสนา) หลัก ได้แก่ ลมเข้า กับ ลมออก กับ จงกรม,การเคลื่อนไหวกาย

ที่เหลืออีกสาม มันเกิดจึงค่อยกำหนดดูรู้ทันมัน มิใช่ไปนั่งจ้องแต่จะดูมัน มันเกิดจึงกำหนดรู้ทันมันมันไม่เกิดก็เรื่องของมัน รู้ตามที่มันเป็นแล้ว กลับไปที่หลัก คือ ลมเข้า-ออก ไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 13 ธ.ค. 2018, 17:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2018, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรสอ่านแล้วพอเข้าใจไหมขอรับ :b32:

หรือเห็นแค่เป็นตัวหนังสือ คิกๆๆ



น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง

คำสัจจะทุกคำคือคำตถาคต

คำที่ตถาคตบัญญัติเป็นภาษาต่างชาติ

จะเรียนให้เข้าใจต้องรู้ในภาษาปกติที่คุณฟังรู้เรื่องไม่ต้องแปลต่อ

จิตเห็นสี...มีแค่แสง+สี1สีกระทบประสาทตาดับทันทีแล้วมืดสลับกับมืดอีก5ทางแล้วเห็นใหม่ตอนกระพริบตา
แค่เห็นแสงสว่างนิดเดียวสลับด้วยความมืดของ จิตได้ยิน จิตรู้กลิ่น จิตรู้รส จิตรู้กระทบสัมผัส จิตคิดนึก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2018, 17:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสอ่านแล้วพอเข้าใจไหมขอรับ :b32:

หรือเห็นแค่เป็นตัวหนังสือ คิกๆๆ



น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง

คำสัจจะทุกคำคือคำตถาคต

คำที่ตถาคตบัญญัติเป็นภาษาต่างชาติ

จะเรียนให้เข้าใจต้องรู้ในภาษาปกติที่คุณฟังรู้เรื่องไม่ต้องแปลต่อ

จิตเห็นสี...มีแค่แสง+สี1สีกระทบประสาทตาดับทันทีแล้วมืดสลับกับมืดอีก5ทางแล้วเห็นใหม่ตอนกระพริบตา
แค่เห็นแสงสว่างนิดเดียวสลับด้วยความมืดของ จิตได้ยิน จิตรู้กลิ่น จิตรู้รส จิตรู้กระทบสัมผัส จิตคิดนึก


คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2018, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาเวทนาทางกายซักตัวอย่างหนึ่ง



ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วันละ 3 ชม. แรกๆก็จะบริกรรมดูลม จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างคะ


("มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก" นี่แหละการเกิด ดับ เกิด ดับ ของรูปนาม นี่แหละลักษณะของไตรลักษณ์ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นของมัน แต่คนคือเรานี่แหละที่รับความจริงไม่ได้ จึงทำให้เป็นทุกข์เพราะธรรม-ดาธรรมชาติไป หน้าที่ของเราคือกำหนดรู้ตามที่มันเป็น ไม่ใช่นั่งดูเฉยๆ ต้องว่าในใจด้วย เพื่อให้วงจรมันขาด)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2018, 06:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เอาเวทนาทางกายซักตัวอย่างหนึ่ง



ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วันละ 3 ชม. แรกๆก็จะบริกรรมดูลม จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างคะ


("มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก" นี่แหละการเกิด ดับ เกิด ดับ ของรูปนาม นี่แหละลักษณะของไตรลักษณ์ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นของมัน แต่คนคือเรานี่แหละที่รับความจริงไม่ได้ จึงทำให้เป็นทุกข์เพราะธรรม-ดาธรรมชาติไป หน้าที่ของเราคือกำหนดรู้ตามที่มันเป็น ไม่ใช่นั่งดูเฉยๆ ต้องว่าในใจด้วย เพื่อให้วงจรมันขาด)

:b32:
บอกไม่ฟัง
กิเลสนอนมาในจิตไหลออกมาตอนเห็น
ปัญญาแทรกเกิดตามหลังเห็นตอนกำลังฟังเข้าใจถูกตามได้
คนไม่ตายมีความคิดมีความรู้สึกทุกคนบอกให้ฟังพระพุทธพจน์เพื่อสะสมปัญญาแทนกิเลส
มีครบอายตนะ6กำลังเกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็วกิเลสใหม่เกิดตั้งแต่จิตเห็นดับไปแค่3ขณะยังไม่ครบ6ทาง
กิเลสไหลออกมาก่อนกะพริบตาโน่นดับสะสมลงไปในจิตใหม่แล้วไม่มีใครทำอะไรได้ค่ะ
มีศรัทธาที่จะฟังเพื่อให้คิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏว่ามีแล้ว
:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2018, 06:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอาเวทนาทางกายซักตัวอย่างหนึ่ง



ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วันละ 3 ชม. แรกๆก็จะบริกรรมดูลม จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างคะ


("มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก" นี่แหละการเกิด ดับ เกิด ดับ ของรูปนาม นี่แหละลักษณะของไตรลักษณ์ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นของมัน แต่คนคือเรานี่แหละที่รับความจริงไม่ได้ จึงทำให้เป็นทุกข์เพราะธรรม-ดาธรรมชาติไป หน้าที่ของเราคือกำหนดรู้ตามที่มันเป็น ไม่ใช่นั่งดูเฉยๆ ต้องว่าในใจด้วย เพื่อให้วงจรมันขาด)

:b32:
บอกไม่ฟัง
กิเลสนอนมาในจิตไหลออกมาตอนเห็น
ปัญญาแทรกเกิดตามหลังเห็นตอนกำลังฟังเข้าใจถูกตามได้
คนไม่ตายมีความคิดมีความรู้สึกทุกคนบอกให้ฟังพระพุทธพจน์เพื่อสะสมปัญญาแทนกิเลส
มีครบอายตนะ6กำลังเกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็วกิเลสใหม่เกิดตั้งแต่จิตเห็นดับไปแค่3ขณะยังไม่ครบ6ทาง

กิเลสไหลออกมาก่อนกะพริบตาโน่นดับสะสมลงไปในจิตใหม่แล้วไม่มีใครทำอะไรได้ค่ะ

มีศรัทธาที่จะฟังเพื่อให้คิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏว่ามีแล้ว
:b16: :b16: :b16:



ทีนี้ จะถามความหมายของสิ่งที่คุณโรสพูดมาบ้างนะ ตรงมี อะไรบ้าง

กิเลส

ปัญญา

พุทธพจน์

อายตนะ

ศรัทธา

หมายถึงอะไรว่าไปสิขอรับโผม

อ้างคำพูด:
กิเลสไหลออกมาก่อนกะพริบตาโน่นดับ สะสม ลงไปในจิตใหม่แล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้ค่ะ


ตรงนี้สำคัญ ".... ไม่มีใครทำอะไรได้" แสดงว่า พระพุทธเจ้า พระอริยสาวกทั้งหลาย เมื่อก่อนก็เป็นคนธรรมดาสามัญ ยังมีกิเลสตัณหาอุปาทาน ก็ในเมื่อคุณโรสมาล๊อคเสียเช่นนั้น ท่านเหล่านั้น ก็ยังมีกิเลสสิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2018, 07:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ฟังนะ
จิตกำลังเกิดดับสลับกันครบ6ทาง
จิตเห็นเท่านั้นที่มีแสงสว่าง1ขณะ
อีก5ขณะที่เกิดดับสลับกันไม่มีแสง
จิตเห็นมีแค่สีกระทบประสาทตา
ดับในประสาทตาทันที
ไม่มีอะไรนอกตาเพราะ
จิตเห็นดับตรงที่กระทบทันที
ทุกครั้งที่เห็นมีแค่แสงวาบเข้าตาดับคิดนึกในมืด
https://youtu.be/8pE339xWiO0
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2018, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอาเวทนาทางกายซักตัวอย่างหนึ่ง



ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วันละ 3 ชม. แรกๆก็จะบริกรรมดูลม จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างคะ


("มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก" นี่แหละการเกิด ดับ เกิด ดับ ของรูปนาม นี่แหละลักษณะของไตรลักษณ์ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นของมัน แต่คนคือเรานี่แหละที่รับความจริงไม่ได้ จึงทำให้เป็นทุกข์เพราะธรรม-ดาธรรมชาติไป หน้าที่ของเราคือกำหนดรู้ตามที่มันเป็น ไม่ใช่นั่งดูเฉยๆ ต้องว่าในใจด้วย เพื่อให้วงจรมันขาด)

:b32:
บอกไม่ฟัง
กิเลสนอนมาในจิตไหลออกมาตอนเห็น
ปัญญาแทรกเกิดตามหลังเห็นตอนกำลังฟังเข้าใจถูกตามได้
คนไม่ตายมีความคิดมีความรู้สึกทุกคนบอกให้ฟังพระพุทธพจน์เพื่อสะสมปัญญาแทนกิเลส
มีครบอายตนะ6กำลังเกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็วกิเลสใหม่เกิดตั้งแต่จิตเห็นดับไปแค่3ขณะยังไม่ครบ6ทาง

กิเลสไหลออกมาก่อนกะพริบตาโน่นดับสะสมลงไปในจิตใหม่แล้วไม่มีใครทำอะไรได้ค่ะ

มีศรัทธาที่จะฟังเพื่อให้คิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏว่ามีแล้ว
:b16: :b16: :b16:



ทีนี้ จะถามความหมายของสิ่งที่คุณโรสพูดมาบ้างนะ ตรงมี อะไรบ้าง

กิเลส

ปัญญา

พุทธพจน์

อายตนะ

ศรัทธา

หมายถึงอะไรว่าไปสิขอรับโผม

อ้างคำพูด:
กิเลสไหลออกมาก่อนกะพริบตาโน่นดับ สะสม ลงไปในจิตใหม่แล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้ค่ะ


ตรงนี้สำคัญ ".... ไม่มีใครทำอะไรได้" แสดงว่า พระพุทธเจ้า พระอริยสาวกทั้งหลาย เมื่อก่อนก็เป็นคนธรรมดาสามัญ ยังมีกิเลสตัณหาอุปาทาน ก็ในเมื่อคุณโรสมาล๊อคเสียเช่นนั้น ท่านเหล่านั้น ก็ยังมีกิเลสสิ


เอาอีกไปชวนฟังโน่นอีก ที่พูดที่ถามเนี่ย ตกลง จะเอายังไง ไม่มีใครทำอะไรได้ คิกๆๆๆ

พระพุทธเจ้ายังมีกิเลสใช่ไหม เพราะท่านทำอะไรไม่ได้ พระสารีบุตร พระอานนท์ ก็ยังมีกิเลสใช่ไหม เพราะท่านก็ทำอะไรไม่ได้ กะพริบตา ปริบๆ ดับ กิเลสสะสมลงไปในจิตใหม่แล้ว ทำอะไรบ่ด้าย :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2018, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ฟังนะ
จิตกำลังเกิดดับสลับกันครบ6ทาง
จิตเห็นเท่านั้นที่มีแสงสว่าง1ขณะ
อีก5ขณะที่เกิดดับสลับกันไม่มีแสง
จิตเห็นมีแค่สีกระทบประสาทตา
ดับในประสาทตาทันที
ไม่มีอะไรนอกตาเพราะ
จิตเห็นดับตรงที่กระทบทันที
ทุกครั้งที่เห็นมีแค่แสงวาบเข้าตาดับคิดนึกในมืด
https://youtu.be/8pE339xWiO0
:b32: :b32:

:b1:
ยังไม่เข้าใจอีกหรือคะ
รูปมีอายุยืนกว่าจิต17ขณะ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะทันที
จิตเห็นมีแค่แสงสะท้อนสีเข้าประสาทตาดับตรงที่กระทบทันที
แล้วมีจิตเกิดดับสลับกันในมืด5ขณะสลับเห็นที่สว่าง1ขณะ
เวลาสภาพธรรมปรากฏต้องปรากฏทีละ1ลักษณะตรงทาง
ต้องรู้ทั่วตัวครบ6ทางก่อนดับที่คิดถึงสิ่งที่ปรากฏนอกตา
คือความเห็นผิดยังไม่เก็ตอีกหรือคะสีที่มหาภูตรูปยังอยู่
เคยเขียนภาพพลิกสมุดทุกหน้าทำเป็นภาพเคลื่อนไหวไหมคะ
พอพลิกดูกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวเขียนไว้ทุกหน้าใช่ไหมคะ
เวลาเห็นอดีตสีที่ทะยอยดับไปทีละสีจึงปรากฏนิมิตคนสัตว์วัตถุลวงตา
จิตเกิดดับสลับกันครบ6ทางมีแล้วไม่ต้องทำฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนได้ตามรู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้
:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ฟังนะ
จิตกำลังเกิดดับสลับกันครบ6ทาง
จิตเห็นเท่านั้นที่มีแสงสว่าง1ขณะ
อีก5ขณะที่เกิดดับสลับกันไม่มีแสง
จิตเห็นมีแค่สีกระทบประสาทตา
ดับในประสาทตาทันที
ไม่มีอะไรนอกตาเพราะ
จิตเห็นดับตรงที่กระทบทันที
ทุกครั้งที่เห็นมีแค่แสงวาบเข้าตาดับคิดนึกในมืด
https://youtu.be/8pE339xWiO0
:b32: :b32:

:b1:
ยังไม่เข้าใจอีกหรือคะ
รูปมีอายุยืนกว่าจิต17ขณะ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะทันที
จิตเห็นมีแค่แสงสะท้อนสีเข้าประสาทตาดับตรงที่กระทบทันที
แล้วมีจิตเกิดดับสลับกันในมืด5ขณะสลับเห็นที่สว่าง1ขณะ
เวลาสภาพธรรมปรากฏต้องปรากฏทีละ1ลักษณะตรงทาง
ต้องรู้ทั่วตัวครบ6ทางก่อนดับที่คิดถึงสิ่งที่ปรากฏนอกตา
คือความเห็นผิดยังไม่เก็ตอีกหรือคะสีที่มหาภูตรูปยังอยู่
เคยเขียนภาพพลิกสมุดทุกหน้าทำเป็นภาพเคลื่อนไหวไหมคะ
พอพลิกดูกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวเขียนไว้ทุกหน้าใช่ไหมคะ
เวลาเห็นอดีตสีที่ทะยอยดับไปทีละสีจึงปรากฏนิมิตคนสัตว์วัตถุลวงตา
จิตเกิดดับสลับกันครบ6ทางมีแล้วไม่ต้องทำฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนได้ตามรู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้


อ่ะนะ มาที่รูปมีอายุยืนกว่าจิต 17 ขณะอีกเอ้า :b12: พูดทิ้งๆไปเรื่อยแต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพืดเอ้า คิกๆๆ แล้วจะพูดทำไม พูดให้หลงไปเปล่าๆ บอกให้ไปทอดผ้าป่า ทอดกฐินก็ไม่เชื่อ :b9:

ถามอีกดูสิจะไปไหน เอาคำที่ตนเองพูดนั่นแหละ ว่าหมายถึงอะไร ยังไง เอานะ

รูป

จิต

แล้วที่ว่า รูปมันอายุยืนกว่า จิตเนี่ย มันยืนยังไงตั้ง 17 ขณะอะไรที่ว่านั่น เขานับยังไง เอ้าว่าไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ฟังนะ
จิตกำลังเกิดดับสลับกันครบ6ทาง
จิตเห็นเท่านั้นที่มีแสงสว่าง1ขณะ
อีก5ขณะที่เกิดดับสลับกันไม่มีแสง
จิตเห็นมีแค่สีกระทบประสาทตา
ดับในประสาทตาทันที
ไม่มีอะไรนอกตาเพราะ
จิตเห็นดับตรงที่กระทบทันที
ทุกครั้งที่เห็นมีแค่แสงวาบเข้าตาดับคิดนึกในมืด
https://youtu.be/8pE339xWiO0
:b32: :b32:

:b1:
ยังไม่เข้าใจอีกหรือคะ
รูปมีอายุยืนกว่าจิต17ขณะ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะทันที
จิตเห็นมีแค่แสงสะท้อนสีเข้าประสาทตาดับตรงที่กระทบทันที
แล้วมีจิตเกิดดับสลับกันในมืด5ขณะสลับเห็นที่สว่าง1ขณะ
เวลาสภาพธรรมปรากฏต้องปรากฏทีละ1ลักษณะตรงทาง
ต้องรู้ทั่วตัวครบ6ทางก่อนดับที่คิดถึงสิ่งที่ปรากฏนอกตา
คือความเห็นผิดยังไม่เก็ตอีกหรือคะสีที่มหาภูตรูปยังอยู่
เคยเขียนภาพพลิกสมุดทุกหน้าทำเป็นภาพเคลื่อนไหวไหมคะ
พอพลิกดูกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวเขียนไว้ทุกหน้าใช่ไหมคะ
เวลาเห็นอดีตสีที่ทะยอยดับไปทีละสีจึงปรากฏนิมิตคนสัตว์วัตถุลวงตา
จิตเกิดดับสลับกันครบ6ทางมีแล้วไม่ต้องทำฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนได้ตามรู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้


อ่ะนะ มาที่รูปมีอายุยืนกว่าจิต 17 ขณะอีกเอ้า :b12: พูดทิ้งๆไปเรื่อยแต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพืดเอ้า คิกๆๆ แล้วจะพูดทำไม พูดให้หลงไปเปล่าๆ บอกให้ไปทอดผ้าป่า ทอดกฐินก็ไม่เชื่อ :b9:

ถามอีกดูสิจะไปไหน เอาคำที่ตนเองพูดนั่นแหละ ว่าหมายถึงอะไร ยังไง เอานะ

รูป

จิต

แล้วที่ว่า รูปมันอายุยืนกว่า จิตเนี่ย มันยืนยังไงตั้ง 17 ขณะอะไรที่ว่านั่น เขานับยังไง เอ้าว่าไป

:b12:
จิตรู้ทุกอย่างแต่จิตเกิดดับทีละ1ขณะรูป1ขณะก็ดับสะสมพร้อมในจิตไปแล้ว
เหลือแต่ซากอดีตรูปอีก16ขณะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเหมือนเดิมส่วนจิตนั้น
หลงไปตามอดีตรูปที่ปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุเป็นเพียงอุปาทานขันธฺ์ไงคะ
จำลองจิต
แถวนี้คือจิต123456 123456 123456 กะพริบตาไป3ครั้งรูปที่เหลืออีก16ขณะเพิ่งจะดับหมดไม่เหลือซาก
กะพริบตานับ1ใหม่ จิตเห็นขณะใหม่นับ1ใหม่มีรูปอันใหม่สืบต่อเห็นใหม่แล้วอีก17ขณะเห็นแต่อดีตสีลืมจิต
แถวนี้คือรูป1 2 3...17รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรกดับตรงเลข1ตัวแรกโน่น จิตเกิดดับครบ6ทาง6ขณะไม่หยุด
ลองประมาณการดูก็ได้รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรกมีอายุ17ขณะเท่ากับกะพริบตาประมาณ3ครั้ง*6ทาง=18
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ฟังนะ
จิตกำลังเกิดดับสลับกันครบ6ทาง
จิตเห็นเท่านั้นที่มีแสงสว่าง1ขณะ
อีก5ขณะที่เกิดดับสลับกันไม่มีแสง
จิตเห็นมีแค่สีกระทบประสาทตา
ดับในประสาทตาทันที
ไม่มีอะไรนอกตาเพราะ
จิตเห็นดับตรงที่กระทบทันที
ทุกครั้งที่เห็นมีแค่แสงวาบเข้าตาดับคิดนึกในมืด
https://youtu.be/8pE339xWiO0
:b32: :b32:

:b1:
ยังไม่เข้าใจอีกหรือคะ
รูปมีอายุยืนกว่าจิต17ขณะ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะทันที
จิตเห็นมีแค่แสงสะท้อนสีเข้าประสาทตาดับตรงที่กระทบทันที
แล้วมีจิตเกิดดับสลับกันในมืด5ขณะสลับเห็นที่สว่าง1ขณะ
เวลาสภาพธรรมปรากฏต้องปรากฏทีละ1ลักษณะตรงทาง
ต้องรู้ทั่วตัวครบ6ทางก่อนดับที่คิดถึงสิ่งที่ปรากฏนอกตา
คือความเห็นผิดยังไม่เก็ตอีกหรือคะสีที่มหาภูตรูปยังอยู่
เคยเขียนภาพพลิกสมุดทุกหน้าทำเป็นภาพเคลื่อนไหวไหมคะ
พอพลิกดูกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวเขียนไว้ทุกหน้าใช่ไหมคะ
เวลาเห็นอดีตสีที่ทะยอยดับไปทีละสีจึงปรากฏนิมิตคนสัตว์วัตถุลวงตา
จิตเกิดดับสลับกันครบ6ทางมีแล้วไม่ต้องทำฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนได้ตามรู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้


อ่ะนะ มาที่รูปมีอายุยืนกว่าจิต 17 ขณะอีกเอ้า :b12: พูดทิ้งๆไปเรื่อยแต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพืดเอ้า คิกๆๆ แล้วจะพูดทำไม พูดให้หลงไปเปล่าๆ บอกให้ไปทอดผ้าป่า ทอดกฐินก็ไม่เชื่อ :b9:

ถามอีกดูสิจะไปไหน เอาคำที่ตนเองพูดนั่นแหละ ว่าหมายถึงอะไร ยังไง เอานะ

รูป

จิต

แล้วที่ว่า รูปมันอายุยืนกว่า จิตเนี่ย มันยืนยังไงตั้ง 17 ขณะอะไรที่ว่านั่น เขานับยังไง เอ้าว่าไป

:b12:
จิตรู้ทุกอย่างแต่จิตเกิดดับทีละ1ขณะรูป1ขณะก็ดับสะสมพร้อมในจิตไปแล้ว
เหลือแต่ซากอดีตรูปอีก16ขณะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเหมือนเดิมส่วนจิตนั้น
หลงไปตามอดีตรูปที่ปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุเป็นเพียงอุปาทานขันธฺ์ไงคะ
จำลองจิต
แถวนี้คือจิต123456 123456 123456 กะพริบตาไป3ครั้งรูปที่เหลืออีก16ขณะเพิ่งจะดับหมดไม่เหลือซาก
กะพริบตานับ1ใหม่ จิตเห็นขณะใหม่นับ1ใหม่มีรูปอันใหม่สืบต่อเห็นใหม่แล้วอีก17ขณะเห็นแต่อดีตสีลืมจิต
แถวนี้คือรูป1 2 3...17รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรกดับตรงเลข1ตัวแรกโน่น จิตเกิดดับครบ6ทาง6ขณะไม่หยุด
ลองประมาณการดูก็ได้รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรกมีอายุ17ขณะเท่ากับกะพริบตาประมาณ3ครั้ง*6ทาง=18


อ้างคำพูด:
ลองประมาณการดูก็ได้ รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรก มีอายุ 17 ขณะเท่ากับกะพริบตาประมาณ3 ครั้ง* 6 ทาง=18


อ้อๆๆ คำนวณด้วยการกระพริบตา หกสามสิบแปด คิกๆๆ หกสี่ยี่สิบสี่ หกห้าสามสิบ หกหกสามสิบหก ว่ากันไปครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ดีกว่าดูหนังโป้หน่อย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2018, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ฟังนะ
จิตกำลังเกิดดับสลับกันครบ6ทาง
จิตเห็นเท่านั้นที่มีแสงสว่าง1ขณะ
อีก5ขณะที่เกิดดับสลับกันไม่มีแสง
จิตเห็นมีแค่สีกระทบประสาทตา
ดับในประสาทตาทันที
ไม่มีอะไรนอกตาเพราะ
จิตเห็นดับตรงที่กระทบทันที
ทุกครั้งที่เห็นมีแค่แสงวาบเข้าตาดับคิดนึกในมืด
https://youtu.be/8pE339xWiO0
:b32: :b32:

:b1:
ยังไม่เข้าใจอีกหรือคะ
รูปมีอายุยืนกว่าจิต17ขณะ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะทันที
จิตเห็นมีแค่แสงสะท้อนสีเข้าประสาทตาดับตรงที่กระทบทันที
แล้วมีจิตเกิดดับสลับกันในมืด5ขณะสลับเห็นที่สว่าง1ขณะ
เวลาสภาพธรรมปรากฏต้องปรากฏทีละ1ลักษณะตรงทาง
ต้องรู้ทั่วตัวครบ6ทางก่อนดับที่คิดถึงสิ่งที่ปรากฏนอกตา
คือความเห็นผิดยังไม่เก็ตอีกหรือคะสีที่มหาภูตรูปยังอยู่
เคยเขียนภาพพลิกสมุดทุกหน้าทำเป็นภาพเคลื่อนไหวไหมคะ
พอพลิกดูกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวเขียนไว้ทุกหน้าใช่ไหมคะ
เวลาเห็นอดีตสีที่ทะยอยดับไปทีละสีจึงปรากฏนิมิตคนสัตว์วัตถุลวงตา
จิตเกิดดับสลับกันครบ6ทางมีแล้วไม่ต้องทำฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนได้ตามรู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้


อ่ะนะ มาที่รูปมีอายุยืนกว่าจิต 17 ขณะอีกเอ้า :b12: พูดทิ้งๆไปเรื่อยแต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพืดเอ้า คิกๆๆ แล้วจะพูดทำไม พูดให้หลงไปเปล่าๆ บอกให้ไปทอดผ้าป่า ทอดกฐินก็ไม่เชื่อ :b9:

ถามอีกดูสิจะไปไหน เอาคำที่ตนเองพูดนั่นแหละ ว่าหมายถึงอะไร ยังไง เอานะ

รูป

จิต

แล้วที่ว่า รูปมันอายุยืนกว่า จิตเนี่ย มันยืนยังไงตั้ง 17 ขณะอะไรที่ว่านั่น เขานับยังไง เอ้าว่าไป

:b12:
จิตรู้ทุกอย่างแต่จิตเกิดดับทีละ1ขณะรูป1ขณะก็ดับสะสมพร้อมในจิตไปแล้ว
เหลือแต่ซากอดีตรูปอีก16ขณะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเหมือนเดิมส่วนจิตนั้น
หลงไปตามอดีตรูปที่ปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุเป็นเพียงอุปาทานขันธฺ์ไงคะ
จำลองจิต
แถวนี้คือจิต123456 123456 123456 กะพริบตาไป3ครั้งรูปที่เหลืออีก16ขณะเพิ่งจะดับหมดไม่เหลือซาก
กะพริบตานับ1ใหม่ จิตเห็นขณะใหม่นับ1ใหม่มีรูปอันใหม่สืบต่อเห็นใหม่แล้วอีก17ขณะเห็นแต่อดีตสีลืมจิต
แถวนี้คือรูป1 2 3...17รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรกดับตรงเลข1ตัวแรกโน่น จิตเกิดดับครบ6ทาง6ขณะไม่หยุด
ลองประมาณการดูก็ได้รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรกมีอายุ17ขณะเท่ากับกะพริบตาประมาณ3ครั้ง*6ทาง=18


อ้างคำพูด:
ลองประมาณการดูก็ได้ รูปที่ดับพร้อมจิตขณะแรก มีอายุ 17 ขณะเท่ากับกะพริบตาประมาณ3 ครั้ง* 6 ทาง=18


อ้อๆๆ คำนวณด้วยการกระพริบตา หกสามสิบแปด คิกๆๆ หกสี่ยี่สิบสี่ หกห้าสามสิบ หกหกสามสิบหก ว่ากันไปครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ดีกว่าดูหนังโป้หน่อย :b32:

ก็ลืมตาดูสิกะพริบตาไป3รอบสีที่เห็นที่17ขณะก่อนเพ่งดับไป1ขณะก่อนหน้าตรงขณะที่17ก่อนขณะที่18ไง
รู้จักตาเนื้อกิเลสของตนเองรึยังปลอกเปลือกกิเลสลอกต้อเนื้อต้อกระจกก็ยังเห็นเป็นคนสัตว์วัตถุทำไรได้ล่ะ
https://youtu.be/XHkG7EOodUY
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร