วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
ลามกทั้งหลาย เข้าไปประทุษร้ายอย่างนี้ จักเป็นเหมือนกาลที่
พวกเสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลาย พากันหลบหนีเพราะกลัว
ฝูงแกะฉะนั้น ภัยแม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร
ด้วยสุบินนี้ ที่มหาบพิตรเห็นแล้ว ปรารภอนาคตทั้งนั้น แต่พวก
พราหมณ์มิได้ทำนายสุบินนั้นด้วยความจงรักภักดีในพระองค์

โดยถูกต้องเท่าที่ถูกที่ควร ทำนายไปเพราะอาศัยการเลี้ยงชีพ
เพราะเห็นแก่อามิสว่า พวกเราจักได้ทรัพย์กันมาก ๆ ครั้นทรง
ทำนายผลแห่งสุบินใหญ่ ๆ ๑๖ ข้อ อย่างนี้แล้ว ตรัสว่า ดูก่อน
มหาบพิตร มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่บพิตรได้เห็นสุบินเหล่านี้

แม้พระราชาทั้งหลายแต่ก่อน ๆ ก็ได้ทรงเห็นแล้วเหมือนกัน.
แม้พวกพราหมณ์ ก็ถือเอาสุบินเหล่านี้ นับเข้าในยอดยัญพิธี
อย่างนี้เหมือนกัน ภายหลังอาศัยคำแนะนำที่พวกเป็นบัณฑิต
พากันกราบทูล จึงถามพระโพธิสัตว์ แม้ท่านโบราณกบัณฑิต

ทั้งหลาย เมื่อทำนายสุบินเหล่านี้ แก่พระราชาเหล่านั้น ก็พากัน
ทำนายทำนองนี้แหละ อันพระเจ้าปเสนทิโกศลทูลอาราธนา จึง
ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์กำเนิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ
์เจริญวัยแล้วบวชเป็นฤๅษี ให้อภิญญาสมาบัติเกิดแล้ว ได้
ประลองฌานอยู่ในหิมวันตประเทศ ในครั้งนั้น ณ พระนคร
พาราณสี พระเจ้าพรหมทัตทรงเห็นพระสุบินเหล่านี้ โดยทำนอง

นี้เหมือนกัน มีพระดำรัสถามพวกพราหมณ์. พวกพราหมณ์
ปรารภจะบูชายัญอย่างนี้เหมือนกัน. บรรดาพราหมณ์เหล่านั้น
ท่านปุโรหิตมีศิษย์เป็นบัณฑิตฉลาด กล่าวกะอาจารย์ว่า ท่าน
อาจารย์ครับ คัมภีร์พระเวทย์ทั้ง ๓ ท่านอาจารย์ให้ผมเรียนจบ

แล้ว ในพระเวทย์ทั้ง ๓ คัมภีร์นั้น ข้อที่ว่า การฆ่าคนหนึ่งแล้ว
ทำให้เกิดความสวัสดีแก่อีกคนหนึ่ง ไม่มีเลยมิใช่หรือ ขอรับ ?
ท่านอาจารย์ตอบว่า พ่อคุณ ด้วยอุบายนี้ทรัพย์จำนวนมากจัก
เกิดแก่พวกเรา ส่วนเจ้าชะรอยอยากจะรักษาพระราชทรัพย์

• บุคคลที่บอกว่าไม่มีเวลารักษาศีล คือบุคคลที่ยังไม่เห็นคุณค่าของศีล
• ไม่ควรปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไป โดยไม่เกิดประโยชน์อันใด
• เวลาชีวิตยังเหลือน้อยเต็ม คุณมีความดีมากแค่ไหนแล้วที่จะติดตัวไปเมื่อตาย
• ความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้าออก เมื่อขาดเป็นเวลา ๕ นาทีแล้วคงต้องตายแน่
• ต่างคนต่างก็กำลังเดินไปสู่ความตาย แล้วจะสร้างความวุ้นวายให้เกิดทำไม
• อยากรู้ก็ต้องเรียน อยากพากเพียรก็ต้องฝึกฝนตนเอง
• ตัดความสงสัยด้วยการลงมือทำ เพิ่มความทรงจำด้วยการทำความเข้าใจและสังเกต
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
กระมัง ? มาณพกล่าวว่า ท่านอาจารย์ครับ ถ้าเช่นนั้น พวกท่าน
จงกระทำงานของพวกท่านไปเถิด กระผมจักกระทำอะไรใน
สำนักของพวกท่านได้ แล้วเดินเรื่อยไปจนถึงพระราชอุทยาน.
ในวันนั้นเอง แม้พระบรมโพธิสัตว์ก็รู้เหตุนั้น คิดว่า วันนี้ เมื่อ
เราไปถึงถิ่นมนุษย์ ความพ้นจากการจองจำจักมีแก่มหาชน

ดังนี้แล้วจึงเหาะมาทางอากาศ ลงที่อุทยานนั่งเหนือแผ่นศิลาอัน
เป็นมงคล ประหนึ่งรูปที่หล่อด้วยทองฉะนั้น. มาณพเข้าไปหา
พระโพธิสัตว์ ไหว้แล้ว นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ได้ทำการต้อนรับ
พระโพธิสัตว์. แม้พระโพธิสัตว์ ก็ได้ทำการปฏิสันถารอย่าง
ไพเราะกับเขาแล้ว ถามว่า เป็นอย่างไรเล่าหนอพ่อมาณพ

พระราชายังจะเสวยราชสมบัติโดยธรรมอยู่หรือ ? มาณพ
กราบเรียนว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระราชายังได้พระนาม
ว่า ธรรมิกราชอยู่ดอกครับ ก็แต่ว่า พวกพราหมณ์กำลังชักจูง
พระองค์ให้วิ่งไปผิดทาง พระราชาทรงเห็นพระสุบิน ๑๖ ข้อ
ตรัสบอกแก่พวกพราหมณ์ พวกพราหมณ์กล่าวว่า พวกเราจัก

ต้องบูชายัญ แล้วเตรียมการทันที พระคุณเจ้าผู้เจริญขอรับ
การที่พระคุณเจ้าทำให้พระราชาทรงเข้าพระทัยว่า ขึ้นชื่อว่า
ผลแห่งสุบินนี้เป็นอย่างนี้ แล้วช่วยให้มหาชนพ้นจากภัย จะมิควร
หรือขอรับ ? พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พ่อมาณพ เราเองก็ไม่รู้จัก
พระราชา พระราชาเล่าก็มิได้ทรงรู้จักเรา ถ้าพระองค์เสด็จ

มาถาม ณ ที่นี้ เราพึงบอกแก่พระองค์ได้. มาณพกราบเรียนว่า
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมจักนำพระองค์เสด็จมา ขอ
พระคุณเจ้าได้โปรดนั่งรอการมาของกระผมสักครู่หนึ่ง นะขอรับ
ขอให้พระโพธิสัตว์ปฏิญญาแล้ว ก็ไปสู่พระราชสำนัก กราบทูล
ว่า ข้าแต่มหาราชเจ้าดาบสผู้เที่ยวไปในอากาศได้องค์หนึ่ง

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
ลงมาในอุทยานของพระองค์ กล่าวว่า จักทำนายผลของพระสุบิน
ที่พระองค์ทรงเห็น กำลังรอพระองค์อยู่. พระราชาทรงสดับ
คำของมาณพนั้น ก็รีบเสด็จไปพระอุทยาน ด้วยบริวารเป็น
อันมากทันที ทรงไหว้พระดาบสแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง มีพระดำรัสถามว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ

ได้ยินว่า พระคุณเจ้าทราบผลแห่งสุบินที่กระผมเห็นหรือ ?
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร อาตมาภาพ
ทราบ. พระราชาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นนิมนต์พระคุณเจ้าทำนาย
เถิด. พระโพธิสัตว์ กล่าวว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร อาตมา-
ภาพจะทำนายถวาย เชิญมหาบพิตรตรัสเล่าพระสุบินตามท
ี่ทรงเห็นให้อาตมาภาพฟังก่อนเถิด. พระราชาตรัสว่า ดีละ
พระคุณเจ้าผู้เจริญ พลางตรัสว่า :-

โคอุสุภราช ๑ ต้นไม้ทั้งหลาย ๑ แม่โค
ทั้งหลาย ๑ โคทั้งหลาย ๑ ม้า ๑ ถาดทอง ๑
นางสุนัขจิ้งจอก ๑ ตุ่มน้ำ ๑ โบกขรณี ๑ ข้าวไม่สุก
๑ จันทน์แดง ๑ น้ำเต้าจม ๑ ศิลาลอย ๑ เขียด
ขยอกงู ๑ หงษ์ทองล้อมกา ๑ เสือดาว เสือโคร่ง
กลัวแพะจริง ๆ ๑ ดังนี้.

แล้วตรัสบอกสุบิน ตามนิยมที่พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสบอก
นั่นเอง แม้พระโพธิสัตว์ ก็ทำนายผลแห่งสุบินเหล่านั้น โดย
พิสดารตามทำนองที่พระศาสดาทรงทำนายในบัดนี้แหละ ใน
ที่สุดถวายพระพรดังนี้ ด้วยตนเองว่า จะเป็นไปต่อเมื่อโลกถึง
จุดเสื่อม ยังไม่มีในยุคนี้.

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
อรรถาธิบาย ในคำนั้น มีดังนี้ คือ ดูก่อนมหาบพิตร
ผลแห่งพระสุบินเหล่านั้น มีดังนี้ คือการบูชายัญที่กำลังดำเนินไป
เพื่อปัดเป่าพระสุบินเหล่านั้น ย่อมดำเนินไปผิดหลักเกณฑ์
ท่านกล่าวอธิบายว่า ย่อมเป็นไปอย่างผิดตรงกันข้าม ความเสื่อม
จากความจริง. เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า ผลแห่งสุบินเหล่านี้
จักมีในกาลที่โลกถึงจุดเสื่อม คือในกาลที่ต่างถือเอาข้อที่มิใช่

เหตุว่าเป็นเหตุ ในกาลที่ทิ้งเหตุเสีย ว่ามิใช่เหตุ ในกาลที่ถือเอา
ข้อที่ไม่จริง ว่าเป็นจริง ในกาลที่ละทิ้งข้อที่จริงเสียว่าไม่เป็นจริง
ในกาลที่พวกอลัชชี มีมากขึ้น และในกาลที่พวกลัชชี ลดน้อย
ถอยลง ยังไม่มีในยุคนี้ หมายความว่าแต่ผลของพระสุบินเหล่านี้
ยังไม่มีในบัดนี้ คือในรัชกาลของมหาบพิตร หรือในศาสนาของ

ตถาคตนี้ ในยุคนี้ คือในชั่วบุรุษปัจจุบันนี้ เพราะเหตุนั้น การ
บูชายัญที่กำลังดำเนินไป เพื่อปัดเป่าผลแห่งพระสุบินเหล่าน
ี้จึงเป็นไปโดยคลาดเคลื่อน เลิกการบูชายัญนั้นเสียเถิด ภัยหรือ
ความสะดุ้งอันมีพระสุบินนี้เป็นเหตุ ยังไม่มีแก่มหาบพิตร. พระ-

มหาบุรุษทำพระราชาให้เบาพระทัย ปลดปล่อยมหาชนจากการ
จองจำแล้ว กลับเหาะขึ้นอากาศ ถวายโอวาทแด่พระราชา ชักจูง
ให้ดำรงมั่นในศีล ๕ แล้วถวายพระพรว่า ตั้งแต่บัดนี้ต่อไป
มหาบพิตรอย่าได้ร่วมคิดกับพราหมณ์บูชายัญ ที่มีชื่อว่า ปสุ-

ฆาตยัญ (ยัญฆ่าสัตว์) อีกต่อไป ครั้นแสดงธรรมแล้ว
กลับไปที่อยู่ของตนทางอากาศนั่นแล. ฝ่ายพระราชาตั้งอยู่ใน
โอวาทของพระโพธิสัตว์ ทรงทำบุญมีให้ทานเป็นต้น แล้วเสด็จ
ไปตามยถากรรม.

พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
ตรัสให้พระเจ้าปเสนทิโกศลเลิกบูชายัญ ด้วยพระพุทธดำรัส
ว่า เพราะพระสุบินเป็นปัจจัย ภัยยังไม่มีแก่มหาบพิตรดอก
มหาบพิตรจงสั่งให้เลิกยัญเสียเถิด พระราชทาน ชีวิตทาน

แก่มหาชน แล้วทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า พระราชาใน
ครั้งนั้นได้มาเป็นพระอานนท์ในครั้งนี้ มาณพได้มาเป็นพระ-
สารีบุตร ส่วนพระดาบส ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.

ก็และครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว
พระสังคีติกาจารย์ทั้งหลาย ยกบททั้ง ๓ มีอสุภาเป็นอาทิขึ้น
สู่อรรถกถา กล่าวบททั้ง ๕ มีลาวูนิเป็นอาทิ ยกขึ้นสู่บาลีเอกนิบาต
ด้วยประการฉะนี้.
จบ อรรถกถามหาสุบินชาดกที่ ๗

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
พระบรมศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภเศรษฐีชื่อ มัจฉริโกสิยะตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า "อุโภ ขญฺชา" ดังนี้.

ได้ยินว่า ไม่ห่างพระนครราชคฤห์ มีนิคมชื่อว่าสักกระ
ในนิคมนั้น มีเศรษฐีผู้หนึ่ง ชื่อว่ามัจฉริโกสิยะ มีสมบัติ
๘๐ โกฏิ อยู่อาศัย. ท่านเศรษฐีนั้นแม้เอายอดหญ้าจุ่มน้ำมัน
ให้ทานแก่คนเหล่าอื่นสักหยดเดียวก็ไม่มี ทั้งตนเองก็ไม่ยอม
บริโภค ด้วยประการฉะนี้ สมบัติของเขาไม่อำนวยประโยชน
์แก่บุตรและภรรยาเป็นต้น ทั้งแก่สมณพราหมณ์ ตั้งอยู่อย่าง
ไม่ได้แตะต้องใช้สอย เหมือนสระโบกขรณีที่รากษสคุ้มครอง
ฉะนั้น.

วันหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จออกจากมหากรุณาสมาบัติ
ในเวลาใกล้รุ่ง ทรงตรวจดูหมู่สัตว์ที่เป็นเผ่าพันธ์แห่งผู้พอจะ
ทรงแนะนำให้ตรัสรู้ได้ ทั่วโลกธาตุทั้งสิ้น ได้ทอดพระเนตรเห็น
อุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผล ของท่านเศรษฐีพร้อมด้วยภรรยา

อันอยู่ไกลถึง ๔๕ โยชน์. เมื่อวันก่อนจากวันนั้น ท่านเศรษฐี
ได้ไปสู่พระราชวังเข้าเฝ้าพระราชา ขณะเดินมาเห็นชาวชนบท
ผู้หนึ่งหิวหนัก กำลังกัดกินขนมเบื้องผสมถั่วกุมมาส เกิดความ
อยากในขนมนั้น ไปถึงเรือนของตนแล้วดำริว่า ถ้าเราบอกว่า

อยากกินขนมเบื้อง คนเป็นอันมากก็จักอยากกินกับเรา เมื่อ
เป็นเช่นนี้ สิ่งของเป็นต้นว่า ข้าวสาร เนยใส น้ำอ้อย ของเรา
จักต้องสิ้นเปลืองไปเป็นอันมาก เราจักไม่บอกใคร ๆ แล้วสู้อดกลั้น
ความอยากไว้ เที่ยวไป. ครั้นนานหนักเข้า ท่านชักจะผอมเหลือง
ตัวสะพรั่งด้วยเส้นเอ็น ทีนั้นก็ไม่อาจทนอยากอยู่ได้ จึงเข้านอน

ซุกบนเตียงน้อย แม้ถึงอย่างนั้นแล้ว ก็ยังไม่ยอมเอ่ยอะไรแก่
ใคร ๆ เพราะกลัวเสียทรัพย์. ฝ่ายภรรยาจึงเข้าไปหาท่านลูบหลัง
พลางถามว่า ท่านเจ้าขา ท่านไม่สบายหรือ ?

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
เศรษฐี. ฉันไม่เจ็บ ไม่ไข้ ไม่เป็นอะไรดอก.
ภรรยา. พระราชาทรงกริ้วท่านหรือ ?
เศรษฐี. ถึงพระราชาก็มิได้ทรงกริ้วฉัน.
ภรรยา. เมื่อเป็นเช่นนั้น จะมีลูกชาย ลูกหญิงเป็นต้น
หรือบริวารมีทาสและกรรมกรเป็นต้นพากันทำอะไร ๆ ที่ไม่
พอใจท่านหรือ ?

เศรษฐี. แม้เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีแก่เรา.
ภรรยา. ท่านคงนึกอยากจะกินอะไรบ้าง กระมัง?
เศรษฐี พอภรรยาพูดอย่างนี้ ก็ไม่ยอมเอ่ยอะไร ๆ นอน
นิ่งเงียบทีเดียว เพราะกลัวเสียทรัพย์ ทีนั้นภรรยาจึงกล่าวกะ
ท่านเศรษฐีว่า ท่านเจ้าขาบอกเถิด ท่านนึกอยากกินอะไร ?
ท่านเศรษฐีทำท่าทีกล้ำกลืนถ้อยคำ แล้วกล่าวว่า จ้ะ ฉันนึก
อยากอยู่อย่างหนึ่ง.

ภรรยา. อะไรเจ้าคะ ที่ท่านนึกอยาก ?
เศรษฐี. ฉันอยากกินขนมเบื้อง.
ภรรยา. เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่บอกเล่าคะ ท่านเป็น
คนจนหรือเจ้าคะ คราวนี้ ดิฉันจะทอดขนมเบื้องให้พอแจกชาว-
สักกระนิคมให้ทั่วถึง.

เศรษฐี. เจ้าเอ่ยถึงพวกนั้นทำไม พวกเขาทำงานของตน
แล้ว ก็จักทำกินกันเอง.
ภรรยา ถ้าเช่นนั้นก็ทอดพอแจกพวกตรอกเดียวกันนะคะ ?
เศรษฐี. ฉันรู้ละว่า เจ้านะมีทรัพย์มาก.
ภรรยา. ถ้าเช่นนั้น ก็ทอดพอแจกกันระหว่างลูกเมียในเรือน
เท่านั้น ก็แล้วกันนะเจ้าคะ ?

เศรษฐี. ท่านไปยุ่งกับพวกนั้นทำไม ?
ภรรยา. ถ้าเช่นนั้นก็ทอดพอรับประทานกันระหว่าง
ท่านกับดิฉัน นะเจ้าคะ ?

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
เศรษฐี. ท่านจะมาเกี่ยวด้วยทำไม ?
ภรรยา. ถ้าเช่นนั้น ก็ทอดพอท่านรับประทานคนเดียว
ก็แล้วกัน.
เศรษฐี. เมื่อทอดที่นี่ คนเป็นอันมากจักพากันมุงดู เจ้าจง
ขนข้าวสารที่แหลก ๆ เว้นข้าวที่เป็นตัวเสีย ทั้งเตาและกระเบื้อง
ทอด ก็ขนไปด้วย ถือเอานมสด เนยใส น้ำผึ้ง น้ำอ้อย อย่างละนิด
ละหน่อย ขึ้นสู่พื้นโถงบนปราสาทชั้นที่ ๗ แล้วทอดเถิด ฉัน
คนเดียวเท่านั้น จักนั่งกินที่นั่น.

ภรรยา. รับคำแล้ว ให้คนขนสิ่งของที่ต้องใช้ขึ้นปราสาท
ไล่ทาสีลง ให้เชิญท่านเศรษฐีขึ้นไป. เศรษฐีปิดประตูชั้นแรก
ขัดลิ่มสลักทุกแห่ง ขึ้นสู่พื้นปราสาทชั้น ๗ แม้ในชั้นก็ปิดประตู
เสียด้วยแล้วนั่งคอย ฝ่ายภรรยาของท่านเศรษฐี จัดแจง
ก่อไฟใส่เตา ยกกระเบื้องขึ้นตั้ง เริ่มจะทอดขนม.

ลำดับนั้น พระบรมศาสดาตรัสเรียกพระมหาโมคคัลลานะ
แต่เช้าตรู่. ตรัสว่า โมคคัลลานะ เศรษฐีตระหนี่ในสักกระนิคม
ไม่ห่างไกลพระนครราชคฤห์ผู้นี้ ดำริว่า เราจักกินขนมเบื้อง
กลัวคนอื่น ๆ จะเห็น ให้ภรรยาทอดขนมเบื้องที่พื้นชั้นบนแห่ง
ปราสาท ๗ ชั้น ท่านจงไปที่นั่น ทรมานเศรษฐี ทำให้หมดพยศ

แล้วให้สามีภรรยาทั้งคู่ ขนขนม นมเนย น้ำผึ้ง น้ำอ้อย พามา
สู่พระเชตวัน ด้วยกำลังของตนเถิด วันนี้ตถาคตกับภิกษุ ๕๐๐
จักนั่งคอยในวิหาร จักกระทำภัตตกิจด้วยขนมนั้นแหละ. พระ-
เถระเจ้าทูลรับสนองพระดำรัสของพระศาสดาว่า ดีแล้ว พระเจ้าข้า
ไปสู่นิคมด้วยกำลังฤทธิ์ในทันใดนั้นเอง ครองสบงจีวรเรียบร้อย
ยืนอยู่ในอากาศตรงช่องหน้าต่าง ปานประหนึ่งรูปที่ทำด้วย

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
แก้วมณีมาลอยอยู่ฉะนั้น. เพราะเห็นพระเถระเจ้าเข้าเท่านั้น
ท่านมหาเศรษฐีหัวใจสั่น. เศรษฐีดำริว่า เพราะกลัวมนุษย์
ประเภทนี้ นี่แหละ เราถึงต้องมาที่นี่ แต่ท่านผู้นี้ยังมาที่ช่อง
หน้าต่างจนได้ มองไม่เห็นสิ่งที่พอจะถือเอาได้ก็เปล่งเสียง
ตฏะ ตฏะ ออกมา ด้วยความแค้น เหมือนเอาก้อนเกลือใส่ไปใน
กองไฟ แตกเพียะพะอยู่ฉะนั้น แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนสมณะ

ท่านยืนอยู่ในอากาศจักได้อะไร ถึงจะเดินไปเดินมา แสดง
รอยเท้าในอากาศอันหารอยมิได้ ก็จักยังไม่ได้อยู่นั่นเอง. พระ-
เถระก็เดินจงกรมไปมาอยู่ ณ ที่นั้นเอง. เศรษฐีกล่าวว่า ท่าน
จงกรมอยู่จักได้อะไร ถึงจะนั่งขัดสมาธิในอากาศ ก็จักไม่ได้
อะไรเลย. พระเถระเจ้าคู้บัลลังก์นั่งแล้ว. ครั้งนั้นเศรษฐีกล่าว
กะพระเถระว่า นั่งแล้วจักได้อะไรถึงจะมายืนอยู่ที่ธรณีหน้าต่าง

ก็จักไม่ได้เลย. พระเถระได้มายืนอยู่ที่ธรณี. ครั้งนั้น เศรษฐ
ีพูดกะท่านว่า ถึงยืนที่ธรณีแล้วก็จักได้อะไร ต่อให้บังหวลควัน
ก็จักไม่ได้อะไร. พระเถระจึงบังหวลควัน ปราสาททั้งนั้น เป็น
ควันพุ่งไปทั่ว. เกิดเป็นดุจเวลาเอาเข็มแทงนัยน์ตาท่านเศรษฐี
ท่านเศรษฐีไม่กล้ากล่าวว่า ถึงจะให้ไฟลุก ก็คงจะไม่ได้ เพราะ

กลัวไฟจะไหม้บ้าน ดำริว่า สมณะรูปนี้ เกาะเกี่ยวเหนียวแน่น
ไม่ได้คงไม่ยอมไป จึงบอกภรรยาว่า ดูก่อนนางผู้เจริญ เจ้าจง
ทอดขนมเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง ให้สมณะแล้วส่งท่านไปเสียเถิด.
นางตักแป้งหน่อยเดียวเท่านั้นใส่ลงในถาดกระเบื้อง เป็นขนม
โตเต็มถาดหมด พองหนาปรากฏอยู่. เศรษฐีเห็นขนมนั้นแล้ว

พูดว่า เจ้าคงใส่แป้งมากเป็นแน่ แล้วเอามุมทัพพีนั่นแหละตัก
แป้งหน่อยหนึ่งใส่ลงไปเองทีเดียว ขนมกลับใหญ่กว่าอันก่อน
ไม่ว่าจะทอดอันใด ๆ อันนั้น ๆ เป็นต้องใหญ่ ๆ ทั้งนั้น. เศรษฐี
ชักเหนื่อย จึงบอกภรรยาว่า นางเอ๋ย เจ้าจงให้ขนมแก่สมณะ
รูปนี้ไปชิ้นหนึ่งเถิด. เมื่อนางหยิบขนมชิ้นหนึ่งออกจากกระเช้า

ขนมทุกชิ้น ติดเป็นแผ่นเดียวกันไปหมด. นางบอกกะเศรษฐีว่า
ท่านเจ้าคะ ขนมทั้งหมดติดเป็นแผ่นเดียวกันเสียแล้ว ดิฉันไม่อาจ
จะแยกได้. ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ฉันทำเอง ก็ไม่อาจแยกออกได้
เมื่อท่านเศรษฐีพยายามปลุกปล้ำแยกขนมอยู่นั่นแล เหงื่อไหล

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
โทรมร่างกาย ความอยากก็หายไป. ลำดับนั้น ท่านเศรษฐีจึงพูด
กับภรรยาว่า นี่แน่ะนางผู้เจริญ เราไม่ต้องการขนมแล้วละ
เธอจงถวายแก่ภิกษุนี้ทั้งกระเช้าทีเดียวเถิด. นางจึงหิ้วกระเช้า
เข้าไปหาพระเถระ แล้วถวายขนมทั้งหมดแด่พระเถระเจ้า.

พระเถระเจ้าเมื่อแสดงธรรมแก่คนทั้งสอง ก็กล่าวถึงคุณ
ของพระรัตนะทั้ง ๓ แล้วชี้แจงผลของการให้ทานเป็นต้น ว่า
ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล การบูชามีผล แจ่มแจ้งประดุจแสดงให้
เห็นดวงจันทร์วันเพ็ญ บนพื้นนภากาศ ฉะนั้น. ครั้นฟังธรรมแล้ว
มหาเศรษฐี มีจิตผ่องใสกล่าวว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ

นิมนต์นั่งบนบัลลังก์นี้ ฉันขนมเถิดขอรับ. พระเถระเจ้ากล่าวว่า
ท่านมหาเศรษฐี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ตถาคตจักฉันขนม
ประทับนั่งในพระวิหารกับภิกษุ ๕๐๐ รูป เมื่อท่านพอใจ จง
ให้ภรรยาถือขนมและนมเป็นต้น เราจักไปสู่สำนักพระศาสดา
ท่านเศรษฐี ถามว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ เดี๋ยวนี้พระศาสดา

พระองค์นั้นประทับอยู่ที่ไหนเล่าขอรับ ? พระเถระเจ้าตอบว่า
พระองค์ประทับอยู่ ณ พระมหาวิหารเชตวัน ห่างจากที่นี่ ๔๕
โยชน์. ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ เราจัก
ไปไกลถึงเพียงนี้ โดยไม่ให้ล่วงเวลาภัตได้อย่างไรเล่าขอรับ ?
พระเถระเจ้ากล่าวว่า ดูก่อนมหาเศรษฐี เมื่อท่านมีความพอใจ

เราจะพาท่านไปด้วยกำลังฤทธิ์ของตน หัวบันไดที่ปราสาทของ
ท่าน จักปรากฏ ณ ที่ตั้งของตนทีเดียว แต่ที่สุดแห่งบันได จัก
อยู่ซุ้มพระทวารแห่งพระวิหารเชตวัน เราจักพาท่านไปพระ-
วิหารเชตวัน ด้วยระยะเวลาเพียงเท่ากาลที่ลงจากปราสาทชั้นบน
มาสู่ปราสาทชั้นล่าง ท่านเศรษฐีรับคำว่าดีแล้วขอรับ ท่าน
ผู้เจริญ.

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
พระเถระเจ้าก็อธิษฐานว่า ศีรษะบันไดจงอยู่ที่เดิม เชิง
บันไดจงมีที่ซุ้มพระทวารพระวิหารเชตวันเถิด. การก็ได้เป็น
ดังคำอธิษฐานของพระเถระเจ้านั่นแหละ ด้วยอาการอย่างนี้
พระเถระเจ้า พาท่านเศรษฐีกับภรรยาลุถึงพระวิหารเชตวัน
เร็วกว่าเวลาลงจากปราสาทชั้นบน ถึงปราสาทชั้นล่างเสียอีก.

ท่านเศรษฐีและภรรยาแม้ทั้งคู่เข้าเฝ้าพระศาสดา กราบทูล
ภัตตกาลพระศาสดา เสด็จเข้าสู่โรงฉัน ประทับนั่งเหนือพระ-
บวรพุทธาอาสน์ที่จัดไว้พร้อมกับภิกษุสงฆ์ ท่านเศรษฐีได้ถวาย
น้ำทักษิโณทกแด่พระสงฆ์ มีพระพุทธองค์เป็นประมุข ภรรยา

ของท่านเศรษฐีก็ใส่ขนมในบาตรของพระตถาคต. พระศาสดา
ทรงรับขนมพอแก่พระประสงค์ของพระองค์. แม้ภิกษุ ๕๐๐ รูป
ก็รับเช่นนั้นเหมือนกัน. ถึงท่านเศรษฐีก็เดินถวาย นมสด เนยใส
น้ำผึ้ง น้ำอ้อยและน้ำตาลกรวดเป็นต้น. พระศาสดากับภิกษุ

๕๐๐ รูปกระทำภัตกิจเสร็จแล้ว. ท่านมหาเศรษฐีกับภรรยาเล่า
ก็รับประทานขนมพอแก่ความต้องการ ความสิ้นสุดของขนม
ทั้งหลาย ไม่ปรากฏเลย แม้ถวายแจกจ่ายแก่พวกภิกษุและคน
กินเดนในวิหารทั้งสิ้นแล้ว ความหมดสิ้นก็ยังไม่ปรากฏอยู่นั่นเอง.

ท่านเศรษฐีและภรรยาพากันกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขนมยังไม่หมดเลยพระเจ้าข้า. พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจงเททิ้งเสียที่ซุ้มประตูพระ-
วิหารเชตวันเถิด สองสามีภรรยาก็ขนไปทิ้ง ในที่เป็นเงื้อมไม่ห่าง

ซุ้มประตู ที่นั้นจึงปรากฏชื่อว่า "เงื้อมขนมเบื้อง" ต่อมาจนถึง
ทุกวันนี้. มหาเศรษฐีกับภรรยาพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ยืนอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำ

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
อนุโมทนา ในเวลาจบอนุโมทนา เศรษฐีและภรรยาแม้ทั้งสอง
คนก็ดำรงในพระโสดาปัตติผล พากันถวายบังคมพระบรมศาสดา
ก้าวขึ้นบันไดสถิตในปราสาทของตน นั่นเอง. จำเดิมแต่นั้นมา
ท่านมหาเศรษฐีก็บริจาคทรัพย์ ๘๐ โกฏิ ในพระพุทธศาสนา
นั่นแล.

วันรุ่งขึ้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเที่ยวบิณฑบาต
ในพระนครสาวัตถี แล้วเสด็จมาสู่พระวิหารเชตวัน ประทาน
สุคโตวาทแก่พวกภิกษุ แล้วเสด็จเข้าพระคันธกุฏีทรงหลีกเร้น
ครั้นเวลาเย็น ภิกษุประชุมกันในธรรมสภา นั่งกล่าวถึงคุณกถา
ของพระเถระเจ้าอยู่ว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย จงดูอานุภาพของ

พระมหาโมคคัลลานเถรเจ้าเถิด ท่านมิได้ทำลายศรัทธา มิได้
แตะต้องโภคทรัพย์ ทรมานเศรษฐี ผู้ตระหนี่ครู่เดียวเท่านั้น
ก็ทำให้หายพยศได้ ให้ถือขนมชวนมาพระเชตวัน เฝ้าพระศาสดา
ให้ดำรงในโสดาปัตติผล โอ พระเถระเจ้ามีอานุภาพมาก. พระ-
ศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่ง

ประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูล
ให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษ
ุผู้ทรมานสกุล ไม่ต้องเบียดเบียนสกุลให้ลำบาก พึงเป็นเหมือน
ภมรเคล้าเอาเกษรดอกไม้ เข้าไปใกล้แล้วให้เขารู้พระพุทธคุณ
เมื่อจะทรงสรรเสริญพระเถระเจ้า ตรัสพระคาถาในธรรมบทนี้ว่า
"ภมรมิให้ดอกไม้เสียสี และเสื่อมกลิ่น
เคล้าเอาแต่รส แล้วบินไป แม้ฉันใด มุนี พึงเที่ยว
ไปในบ้าน ฉันนั้น" ดังนี้.

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
เพื่อจะประกาศคุณของพระเถระเจ้าให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่มัจฉริยเศรษฐี.
ีถูก โมคคัลลานะทรมาน แม้ในครั้งก่อน โมคคัลลานะก็เคย
ทรมานเขา ให้รู้ความสัมพันธ์แห่งกรรม และผลแห่งกรรม
มาแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุง-
พาราณสี เศรษฐี ชื่ออิลลีสะ มีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ ประกอบด้วย
บุรุษโทษหลายสถาน เป็นคนกระจอก ง่อย ตาเหล่ ไม่มีศรัทธา
ไม่เลื่อมใส ตระหนี่ ไม่ให้แก่คนอื่น และไม่บริโภคด้วยตนเอง
ได้มีในพระนครพาราณสี เรือนของเศรษฐีนั้นได้เป็นเหมือน

สระโบกขรณี ที่รากษสยึดครอง แต่มารดาบิดาของท่านเศรษฐีเป็น
ผู้ให้ทาน เป็นทานบดีมา ๗ ชั่วตระกูล. ครั้นอิลลีสะนั้นได้
ตำแหน่งเศรษฐีก็ทำลายสกุลวงษ์เสีย เผาโรงทาน เฆี่ยนขับไล่
พวกยาจก เก็บแต่ทรัพย์เท่านั้น วันหนึ่งอิลลีสะนั้นไปเฝ้าพระราชา
ขณะเดินมาเรือนของตน เห็นคนบ้านนอกผู้หนึ่ง เหน็ดเหนื่อย

จากการเดินทาง ถือขวดเหล้ามาขวดหนึ่ง นั่งบนตั่งน้อย รินเหล้า
ใส่จอกสำหรับดื่มสุรารสเปรี้ยวแล้วดื่มอยู่ แกล้มด้วยแกงอ่อม
ใส่ปลาร้า นึกอยากดื่มบ้าง คิดว่า ถ้าเราจักดื่มสุรา เมื่อกำลังดื่ม
คนเป็นอันมากก็จักอยากดื่มบ้าง ความสิ้นเปลืองทรัพย์ ก็จัก
มีแก่เราด้วยอาการอย่างนี้. เศรษฐีอิลลีสะนั้น อดกลั้นความ

อยากไว้ ครั้นเวลาผ่านไป ไม่อาจอดกลั้นได้ เลยเป็นคนตัวเหลือง
เนื้อตัวสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น เหมือนใบฝ้ายที่แก่แล้ว. ครั้น
วันหนึ่ง จึงเข้าห้องนอน เข้าไปซุกอยู่ที่เตียงน้อย ภรรยาเข้าไป
ลูบหลัง พลางถามว่า นายท่านไม่สบายเป็นอะไรหรือ ? ถ้อยคำ
ทั้งหมด พึงทราบโดยทำนองที่กล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล. เมื่อ

ภรรยากล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะปรุงสุราให้พอแก่ท่านผู้เดียว
เท่านั้น. เศรษฐีดำริว่า เมื่อปรุงสุราในเรือน คนเป็นอันมาก
จักต้องมุงมอง ให้ไปซื้อมาจากร้านตลาดแต่ไม่อาจนั่งดื่มในที่นี้ได้
จึงให้เงินไปประมาณมาสกหนึ่ง ให้ไปซื้อเหล้ามาจากตลาดขวด
หนึ่ง ให้บ่าวถือออกไปจากเมือง ถึงฝั่งแม่น้ำ หลบเข้าสู่พุ่มไม้

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
พุ่มหนึ่ง ให้บ่าววางขวดเหล้าไว้แล้ว กล่าวว่า เจ้าไปเถิด ให้
บ่าวไปนั่งเสียไกล รินเหล้าใส่จอกเริ่มดื่มสุรา.

ส่วนบิดาของเศรษฐี อิลลีสะนั้น เกิดเป็นท้าวสักกะ
ในเทวโลก เพราะทำบุญทั้งหลายมีให้ทานเป็นต้น ขณะนั้นท้าวเธอ
ดำริว่า ทานของเรายังเป็นไปอยู่หรือไม่หนอ ครั้นเห็นทานไม
่เป็นไป และเห็นบุตรทำลายสกุลวงษ์เสีย เผาโรงทาน ขับไล
่พวกจายก ตั้งอยู่ในความตระหนี่ กำลังเข้าพุ่มไม้ดื่มเหล้าเพียง

ผู้เดียว เพราะกลัวว่า จักต้องให้แก่คนอื่น ๆ ทรงพระดำริว่า
เราต้องไปขนาบ ทรมาน อิลลีสะนั้น ให้รู้ความสัมพันธ์แห่ง
กรรมและผลแห่งกรรม แล้วให้บำเพ็ญทาน ทำให้เขาเหมาะสม
ที่จะเกิดในเทวโลก ดังนี้แล้วเสด็จลงมาสู่ถิ่นมนุษย์ ทรงเนรมิต
อัตภาพเป็นคนกระจอก ง่อย และตาเหล่ เช่นเดียวกับเศรษฐี

อิลลีสะ เข้าไปสู่พระนครพาราณสี หยุด ณ ทวารพระราชนิเวศน์
ให้กราบทูลการที่ตนมา เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตว่า จง
เข้ามาเถิด จึงเข้าไปถวายบังคมพระราชาแล้วยืนอยู่. พระราชา
มีพระดำรัสถามว่า ดูก่อนท่านมหาเศรษฐี เหตุไฉน ท่านจึงมา
ผิดเวลาเล่า กราบทูลว่า ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้า

ข้าพระพุทธเจ้ามาโดยประสงค์ว่า ในเรือนของข้าพระพุทธเจ้า
มีทรัพย์อยู่ประมาณ ๘๐ โกฏิ ขอพระองค์ได้โปรดให้ขนมาเข้า
ท้องพระคลังของพระองค์เถิด. พระราชารับสั่งว่า อย่าเลย
ท่านมหาเศรษฐี ทรัพย์ในวังของเรา มีมากกว่าทรัพย์ของท่าน.

เขากราบทูลว่า ขอเดชะ ถ้าพระองค์ไม่ต้องพระประสงค์ ข้า-
พระองค์จะจ่ายทรัพย์ให้ทานตามความพอใจพระเจ้าข้า. พระราชา
รับสั่งว่า ให้เถิดท่านเศรษฐี. เขารับพระบรมราชานุญาตแล้ว
ถวายบังคมพระราชา ออกไปสู่เรือนของอิลลีสเศรษฐี. พวก
มนุษย์ผู้เป็นอุปัฏฐากทุกคนก็พากันแวดล้อม แม้คนหนึ่งที่จะ
สามารถรู้ว่า ท่านผู้นี้มิใช่อิลลีสเศรษฐี ไม่มีเลย.

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
ครั้นท้าวสักกเทวราช เข้าสู่เรือนแล้ว ยืนที่ธรณีด้านใน
เรียกนายประตูมาสั่งว่า ผู้อื่นคนใดมีรูปคล้ายเราจะเข้ามาด้วย
กล่าวว่า นี่เรือนของเรา พวกเจ้าพึงเฆี่ยนหลังคนนั้น แล้วไล่
ไปเสีย แล้วขึ้นสู่ปราสาทนั่งเหนืออาสนะอันโออ่า ให้เชิญภรรยา
ท่านเศรษฐีมาหา แสดงอาการอย่างท่านเศรษฐีไม่มีผิด กล่าวว่า
นางผู้เจริญเราให้ทานกันเถิด. ภรรยา บุตร ธิดา และทาส

กรรมกรได้ยินถ้อยคำของท้าวเธอนั้นแล้ว พากันกล่าวว่า ตลอด
กาลนานเห็นปานนี้ ความคิดที่จะให้ทานไม่มีเลย แต่วันนี้ดื่มสุรา
แล้ว เกิดใจดีอยากให้ทานเป็นแน่ ทีนั้น ภรรยาท่านเศรษฐี
จึงกล่าวว่า ท่านเจ้าคะ เชิญท่านให้ตามพอใจเถิด. ท้าวเธอ
กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น เธอจงเรียกคนตีกลองมา ให้นำกลองไป

เที่ยวตีประกาศทั่วพระนครว่า ผู้ที่ต้องการเงินทอง แก้วมณ
ีและมุกดาเป็นต้น จงพากันไปสู่เรือนของอิลลีสเศรษฐี คนตีกลอง
ได้กระทำอย่างนั้นแล้ว มหาชนต่างพากันถือภาชนะมีกระเช้า
กระทอเป็นต้น ไปชุมนุมกันที่ประตูเรือน. ท้าวสักกะทรงให้
เปิดห้องอันเต็มไปด้วยรัตนะ ๗ ประการหลายห้อง กล่าวว่า

เราขอให้แก่พวกท่าน พวกท่านจงพากันขนเอาไปจนพอต้องการ
เถิด มหาชนพากันขนทรัพย์ออกไปกองไว้ที่พื้นโถง บรรจุลง
ภาชนะที่นำมาจนเต็มแล้ว จึงพากันไป.

ฝ่ายมนุษย์ชาวชนบทคนหนึ่ง เทียมโคคู่ของอิลลีสเศรษฐี
ที่รถของท่านนั่นแหละ บรรทุกเต็มไปด้วยรัตนะ ๗ ประการ
ออกจากพระนครเดินไปตามทางหลวง ขับรถไปไม่ห่างพุ่มไม้นั้น
ขับไปพลาง กล่าวถึงคุณของท่านเศรษฐีไปพลางว่า เจ้าพ่อคุณ
เอ๋ย ท่านอิลลีสเศรษฐี จงมีชีวิตอยู่ถึงร้อยปีเถิด คราวนี้เรา

ไม่ต้องทำการงานเลี้ยงชีพไปจนตลอดชีวิตแล้ว เพราะอาศัย
ท่าน รถนี่ก็ของท่าน โคคู่ก็เป็นของท่านเหมือนกัน แก้ว ๗ ประการ
ก็ในเรือนของท่าน มารดาเล่าก็มิได้ให้ บิดาก็มิได้ให้ เราได้
เพราะอาศัยท่านแท้ ๆ. อิลลีสเศรษฐี ฟังเสียงนั้นแล้ว เกิดกลัว
หวาดผวาฉุกใจคิดว่า คนผู้นี้เอาชื่อของเรามากล่าวอ้างถึงเรื่องนี้ ๆ
พระราชาพระราชทานทรัพย์ของเราแก่ชาวโลกเสียละกระมัง

• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2018, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
หนอ ? โผล่ออกจากพุ่มไม้ จำโคและรถได้ กล่าวตวาดว่า เฮ้ย
ไอ้บ่าวชาติชั่ว โคก็ของกู รถก็ของกู พลางวิ่งไปจับโคที่สาย
ตะพาย คหบดีก็ลงจากรถกล่าวว่า เฮ้ย! ไอ้บ่าวชั่ว ท่านอิลลิส-
เศรษฐีให้ทานแก่คนทั้งเมือง มึงเป็นอะไรเล่า พลางวิ่งไปหา
ทุบที่ต้นคอ เหมือนฟ้าฟาด แล้วดึงรถมาขับต่อไป ฝ่ายท่าน

อิลลีสเศรษฐีลุกขึ้นงันงก ปัดฝุ่นแล้ววิ่งไปยึดรถไว้อีก. คหบดี
ก็ลงจากรถ จิกผมให้ก้มลงถองด้วยศอก จับคอเหวี่ยงไปทางที่มา
แล้วก็หลีกไป พอโดนเข้าอย่างนี้ ความเมาสุราของท่านเศรษฐ
ีก็หายเป็นปลิดทิ้ง. งก ๆ เงิ่น ๆ เดินไปที่ประตูนิเวศน์อย่าง
รวดเร็ว เห็นมหาชนพากันขนทรัพย์ไป ก็ตะโกนว่า พ่อคุณ

นี่มันเรื่องอะไรกัน พระราชารับสั่งให้มารุมปล้นทรัพย์ของข้า
หรือไร ? แล้วไปจับคนนั้น ๆ ไว้ คนที่ถูกจับก็ช่วยกันประหาร
จนล้มลงใกล้เท้านั่นเอง เศรษฐีเจ็บปวดหนัก มุ่งจะเข้าเรือน
พวกเฝ้าประตูพากันร้องว่า เฮ้ย ไอ้คฤหบดีตัวร้าย มึงจะเข้าไป
ไหน ? พลางหวดด้วยเรียวไผ่ จับคอไสออกไป เศรษฐีคิดว่า

คราวนี้เว้นพระราชาแคว้น ใครอื่นที่จะเป็นที่พำนักของเรา
ไม่มีแล้ว ไปสู่ราชสำนัก กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
พระองค์สั่งให้คนปล้นเรือนของข้าพระองค์หรือพระเจ้าข้า ?
พระราชารับสั่งว่า ท่านเศรษฐี เราไม่ได้ให้ปล้น ท่านนั่นแหละ

มาหาเราบอกว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงรับไว้ ข้าพระองค์จักให้
ทรัพย์ของข้าพระองค์เป็นทาน ให้คนเที่ยวตีกลองป่าวร้องใน
พระนคร แล้วได้ให้ทานมิใช่หรือ ? เขากราบทูลว่า ขอเดชะ
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ข้าพระองค์มิได้มาสู่สำนักของพระองค์

เลย พระองค์ไม่ทรงทราบความที่ข้าพระองค์เป็นคนตระหนี่
หรือพระเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่ยอมให้แม้หยดน้ำมันด้วยปลายหญ้า
แก่ใคร ๆ ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ขอได้ทรงพระกรุณา

• ความห่วงใยมากไป จะทำใจเราให้ขุ่นมัว
• อยู่กับความตาย แล้วจะกลัวทำไม กลัวก็ตายไม่กลัวก็ตาย
• ของดียังมีอยู่ แต่เราจะสนใจใฝ่รู้และนำมาปฏิบัติหรือไม่?
• มีศีล ๕ กันทุกคน หมดความกังวนในเรื่องของโจรผู้ร้าย
• สังคมคือคนหมู่มาก หากมากไปด้วย หิริโอตัปป และเมตตาก็อยู่กันด้วยความผาสุข
• อยู่กับสังคม มิควรจมอยู่กับความตระหนี่
• รักเพื่อน ควรแนะนำบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้
• รักตัว ควรแล้วหรือที่เอาตัวไปเกือกกลั้วกับความเลว
• ช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อวันที่สดใสยิ่งขึ้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร