ภพชาติมันไม่จบง่ายๆแบบที่เขียนมาหรอกจร้า
ก็ที่ทำทุกอย่างด้วยความเป็นตัวตนมีคนสัตว์วัตถุ
มีเต็มโลกเต็มสงสารอยู่นี้น่ะเฉพาะคนทั่วโลกนี่กี่คน
แล้วเฉพาะคนที่คิดว่าตนนับถือพระพุทธศาสนามีกี่คน
ปล.คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่สาธารณะแบบเรียนตำรา
ต้องอาศัยปัญญาจากการฟังนำทางจิตทุกทางออกจากอวิชชา

มโนข้ามภพข้ามชาติไปโน่น เอ้า ทั่วๆไปจะเป็นแบบนี้

เกิดมาชาตินี้ นั่งหัวโด่กันอยู่นี่ ใช้ชีวิต ณ สถานที่นี้ ภพภูมินี้ เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ไม่คิดว่าเป็นทุกข์เป็นสุขอย่างไร ไปคิดถึงชาติหน้าโน้น ว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ขอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ (นี่แหละตัณหา อิอิ) ขออย่าให้ทุกข์เหมือนปัจจุบันชาตินี้เลย ชาตินี้ชาติเดียวพอ เบื่อเหลือเกินลำบากเหลือเกินแล้ว มีลูกก็กวนตัว มีผัวก็กวนใจ มีเมียก็ไม่ได้ดังใจ หาใหม่กว่า ตอนยังไม่มีก็เสาะหา ได้มาก็เป็นยังงั้น รู้งี้อยู่คนเดียวดีกว่า ว่า คิกๆๆ เบื่อหนักเข้าก็คิดอยากตายวันละหลายๆครั้ง บางรายก็ทำให้มันตายไปสำเร็จ บางรายก็ไม่สำเร็จญาติพาไปหาหมอทัน นี่ตัณหา อวิชชาทั้งนั้น




นี่ก็เข้าใจผิดสุดพรรณนาเป็นภาษาไทย คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสาธารณะ คนชาติไหน ภาษาใด จะหยิบไปใช้ก็ได้ ใช้ถูกใช้เป็นก็เป็นคุณประโยชน์ต่อชีวิตของเขาเอง พอพอแล้วร้อนในเจ็บคอ

จบข่าว

ดูความหมายตัณหาหน่อย

ตัณหา ความทะยานอยาก, ความร่านรน, ความปรารถนา, ความอยากเสพ อยากได้ อยากเอาเพื่อตัว, ความแส่หา, มี ๓ คือ

๑. กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม อยากได้อารมณ์อันน่าใคร่

๒. ภวตัณหา ความทะยานอยากในภพ อยากเป็นนั่นเป็นนี่

๓. วิภวตัณหา ความทะยานอยากในวิภพ อยากไม่เป็นนั่นไม่เป็นนี่ อยากพรากพ้นดับสูญไปเสีย

(พูดถึงเรื่องกิเลสตัณหาอุปาทาน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆดูเอาแล้วกัน เดี๋ยวอยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่ เดี๋ยวไม่อยากเป็นนั่น ไม่อยากเป็นนี่ เดี๋ยวอยากได้อยากเอา )


วางนี่เทียบไว้ด้วย

ตณฺหกฺขโย ความสิ้นไปแห่งตัณหา เป็นไวพจน์อย่างหนึ่งแห่ง วิราคะ และนิพพาน

ทำไมถึงเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากจังคะ
คำสอนของพระพุทธเจ้าทำได้แค่คิดตาม
เพื่อรู้ตรงปัจจุบันคือเดี๋ยวนี้มีแล้วไม่มีใครทำ
มันกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยตรงขณะ
มีแล้วครบทั้ง6ทางรู้ตรงจริงตามได้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละทางมีอะไรบ้างที่เกิดพร้อมกันได้
และตัวจริงของธัมมะใดเกิดพร้อมกันไม่ได้ฟังก่อนจะได้เข้าใจถูก
จิตเห็น=ตา+จักขุปสาทะรูป+รูปของสีสันวรรณะ3ประสานดับแล้วมืดต่อ5วิถีจิต
แต่ละ1วิถีจิตมันไม่เกิดพร้อมกันเลยเข้าใจไหมเห็นก็เห็นอย่างเดียวเห็นดับก่อนจึงคิดไม่พร้อมกัน
คิดปนเห็นไม่ได้มันคนละวิถีจิตและคิดในมืดแล้วที่คิดเห็นอักษรมันผิดไงก็คิดไม่มีแสงจะเห็นไม่ได้
ในจิตเห็นมีแค่3ธัมมะนั้นและสว่างทางเดียวจิตทางอื่นๆอีก5ทางมันมืดและจิตมันสลับกันเกิดดับมีครบ
ทั้ง6ทางไม่ได้เห็นตลอดเวลาเดี๋ยวนี้ครบแล้วดับไปแล้วนับไม่ถ้วนสะสมอวิชชาแล้วยังไม่ทำอะไรก็มีอวิชชา
https://youtu.be/jtXfMNL3G0A

จักขุปสาทะรูปคือรูปพิเศษตรงกลางตากระทบกับรูปของแสงสีดับทันทีตาน่ะไม่ได้เห็นสี
แต่จิตเห็นเกิดจากมีตาต้องลืมตาและตาไม่บอดจึงมีแสงมากระทบกันดับตรงนั้นทันทีเลยจำอดีตสี
ที่เห็นตัวอักษรและคนสัตว์วัตถุน่ะมันนิมิตของสีที่มหาภูตรูปหลากสีตัดกันจนปรากฏเป็นสัณฐานสีที่เห็นได้น๊า
จะรู้ที่ตั้งของมหาภูตรูปได้ต้องใช้จิตอีกทางนึงคือใช้กายสัมผัสจึงจะรู้ที่ตั้งของมหาภูตรูปไม่ใช่เห็นที่ตั้งนะคะ

ทั้งหมดนั่นคุณโรสไปเรียนไปศึกษาจากสำนักไหนมาขอรับ หรือ ค้นคว้าเอง หรือยังไงวานบอก

อ่ะนะ "คำสอนของพระพุทธเจ้าทำได้แค่คิดตาม" อ้าๆๆ ยกตัวอย่างคำสอนที่ว่ามาดูหน่อยสิขอรับ จะได้คิดตามไปมั่ง

เอาที่ชัดๆ เห็นแล้วเก็ตเรยรัยเงี้ย

สำนักนี้ นำความคิดความเห็นของตนไปใส่ปากพระพุทธเจ้าใส่ปากตถาคตเจ้า

คำสอนของพระพุทธเจ้าต้องสำเร็จเสร็จสิ้นหลังจากกระทำแล้ว (งานอื่นๆก็เช่นกัน) ต่อให้เราไปฟังจากใครมา สุดท้ายต้องนำประเด็นที่ได้ยินได้ฟังมานั้นไปทำ ไม่ยังงั้นในมรรคมีองค์ ๘ จะมีสัมมาวายามะทำไม พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้บอกผู้พูดให้ฟัง ฟังแล้วท่านต้องไปลงมือทำเอาเอง ดูหลักหน่อยหนึ่ง

ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา.

ความเพียร ท่านทั้งหลายต้องทำเอง ตถาคตทั้งหลาย เป็นแต่ผู้บอก (ทาง) ให้. (ขุ.ธ.25/30/51)

เอาหลักสัทธรรม ๓ นี้ก็ยังได้ ปริยัติ (ฟัง,เขียน,อ่าน,จำ) => ปฏิบัติ (กระทำ) = > ปฏิเวธ (ผลของการกระทำ,ทำเสร็จแล้ว)

เมื่อนำหลักนั่นวางแบให้เห็นแล้วก็จะถึงบางพลัดบางอ้อว่า คุณโรสศิษย์แม่สุจิน ทั้งแม่สุจิตเองด้วย ยังไม่ไปไหนเบย ยังนั่งฟังแล้วมโนกันอยู่นั่น คิกๆๆ นี่พูดจริงๆนะไม่ใช่พูดเล่น

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
เขาสนทนาเกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า
ตามพระไตรปิฎกตัวเองศึกษาแบบไหนล่ะตรงๆ
สิกขาตามคำสอนให้เกิดปัญญาตามเริ่มที่สุตะใช่ไหม

คำสอนน่ะไม่ผิด...แต่อะไรผิดรู้ไหม...
คิดเห็นผิดไง...ก็ตาเนื้อทุกคนบนโลกนี้เห็นไม่ผิดจ้ะ
เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุสิ่งของเต็มโลกเต็มสงสารก็ดูสิจ๊ะ
ทีนี้ก็เอาสิ่งที่ตาเนื้อคุณเห็นน่ะมาเทียบตามคำสอนสิว่าอะไรจริง
คำสอนบอกว่าจิตเห็นไม่ใช่ตาเห็นเข้าใจไหมคนตายก็มีตาคนตาบอดก็มีตา
และการเห็นเกิดจากคนไม่ตายลืมตาดูและตาไม่บอดมีแสงสีมากระทบตาดับทันทีมีข้างนอกไหม
รูปของแสงสีที่กระทบตากว่าจะดับหมดโน่น17ขณะเพราะรูปมีอายุยืนกว่าจิตก็จิตมีอายุแค่1ขณะ
1ขณะเห็นน่ะมีแค่สีเตะตานิดเดียวและดับ...นี่ทุกคนไม่ได้เห็นสีที่กระทบนั้นยกเว้นพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้
ถ้าพระพุทธเจ้าไม่แจกแจงไว้โดยละเอียดจะรู้ไหมว่าเห็นได้ยังไง...อ่ะไม่เชื่อเอาไม้ทิ่มตาดูสิบอดเดี๋ยวนี้ก็ได้

จิตทุกขณะมีตัวจริงของธัมมะนับไม่ถ้วนและครบทั้งธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ครบเลยรู้ตรงขณะต้องตรงทางจ้ะ
1ขณะจิตคือ1วิถีตรงทางไม่เกิดนอกวิถีมี6วิถีคืออายตนะ6เกิดดับสลับกันไม่พร้อมกันไม่ปนกันเลยแต่ละดวง
สว่าง1ขณะสลับกับ5ขณะที่มืดอ่ะดูสิมันมีมืดคั่น5ขณะตอนนี้ที่คุณเห็นมืดมากกว่าสว่างไหม...สว่าง มืดๆๆๆๆ
จิตทุกขณะนั้นน่ะละเอียดตามพระอภิธรรมเป็นปรมัตถธรรมคือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
กุศลกับอกุศลเกิดคนละขณะจิตไม่ปนกันเข้าใจไหมอยู่ที่เจตสิกปรุงแต่งถูกหรือผิด

โลกภายในจิตมันตั้งมั่นตรงทางจริงๆกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัย
ไม่มีใครทำทุกอย่างเกิดเองเป็นไปตามวิบากกรรมเกิดแล้วดับแล้วด้วย
เห็นสว่างฟังในมืดคิดในมืดดังนั้นคิดตามเสียงในมืดคือสุตมยปัญญาทำหรือยัง

ภาษามวยเขาเรียกว่า มีเถียง มีเถียง

ขนาดวางหลักให้ดูแล้วนะ นั่งฟังแล้วมโนนั่นนะ ยังไม่ถึงไม่ได้ปฏิบัติ

ความคิดแค่นี้ ก็บอกตัวตนหมดแล้ว



ก่อนหน้าพูดคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่สาธารณะ ไอ้เรืองก็บอกว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสาธารณะ

มาตรงนี้พูดว่า "คำสอนของพระพุทธเจ้า ทำ ได้ แค่ คิด ตาม" เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ก็พากันนั่งฟัง นั่งคิดกันอยู่นั่น ไม่ถึงปฏิบัติ เมื่อไม่ปฏิบัติก็ไม่ถึงปฏิเวธ เมื่อไม่ปฏิเวธ ก็ ก็ ก็ คิกๆๆ

พูดหลายหนแล้วนะคิดในมืด ในเมื่อรู้ว่ามันมืด ทำไมไม่ออกมาคิดที่มันสว่างๆเล่า

เชื่อไอ้เรืองเถอะชาตินี้เป็นหมัน เสียเวลาเปล่า

ตอนนี้ที่กะพริบตาปริบๆอยู่นี่มีครบ6ทางอายตนะใช่ไหม
รู้ทันตรง1ทางตรง1คำตรงจริงที่กายใจมีดับคนทั้งตัวยังไม่ถึงสติเลย
เอาอะไรมาเป็นปัญญาล่ะก็กิเลสตัวเองน่ะมันไหลไปครบ6ทางแล้วตั้งแต่กะพริบตานั่นน่ะ

ทำอะไรได้ไหมเห็นดับ3ขณะยังไม่ครบ6อายตนะก็ล่วงศีลเป็นอกุศลเจตสิกแล้วเพราะเห็นผิดไงคะ

ฟังพระพุทธพจน์ก่อนจิตออกจากร่างและฟังจนกว่าถึงนิพพานเพราะตาเนื้อทุกคนไม่ได้เห็นสีค่ะ
https://youtu.be/gMKo899DboE