วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 04:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2018, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ต่อจาก หัวข้อ นี้

viewtopic.php?f=1&t=56668

Kiss
:b32:
บอกแล้วว่าความจริงตรงตามพระไตรปิฎกทุกคำเป็นปัจจุบันขณะ
ต้องมีสติปัญญารู้ทันตรงคำที่ตนมีเดี๋ยวนี้คุณฟังตอนไหน
คุณไม่ฟังมีแต่คิดเองไปเรื่อยๆแล้วมโนว่าต้องไปทำ
แต่ความจริงเพื่อฟังให้คิดเข้าใจถูกตามได้
จะแตกกระทู้ออกมาให้คนอ่านงงทำไม
:b32: :b32:


พระไตรปิฎกอยู่ในตู้ อิอิ มันจะเป็นปัจจุบันยังไง เขาเขียนไว้บันทึกไว้เป็นพันๆปีแว้ว

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีเท่าใบไม้2-3ใบในมือ

แต่ความรู้ที่ตถาคตตรัสรู้มีเท่าใบไม้ทั้งต้นเต็มป่า
ไปอ่านทุกคำที่พระองค์ตรัสและบัญญัติไว้นิดนึง
ไม่ว่าจะนึกถึงคำไหนคำนั้นก็กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้เลย
คน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ธาตุ4 ขันธ์5 อายตนะ6
และที่สำคัญพระพุทธเจ้ารู้ความจริงทั้งหมดก่อนมาบอก
เพราะเป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แต่ผู้เดียวด้วยทศพลญาณ




อ้างคำพูด:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีเท่าใบไม้ 2-3 ใบในมือ


คุณโรสนี่ฟังไม่สับจับเอาไปกะเตง คิกๆๆ เขาว่าอย่างว่าสะที่ไหน

พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ดูเหมือนที่ป่าประดู่ลาย ในขณะที่พระองค์สอนภิกษุได้หยิบใบประดู่มากำไว้

แล้วบอกว่า สิ่งที่พระองค์รู้มีมากเหมือนใบไม้ในป่า แต่ที่มีประโยชน์ในชีวิตนี้ คือ ทำให้หลุดพ้นมีหน่อยเดียวเหมือนใบไม้ในกำมือ นั่นก็คืออริยสัจ ๔ ประการ


อ้างคำพูด:
ไม่ว่าจะนึกถึงคำไหนคำนั้นก็กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้เลย

คน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ6


นี่มั่วแล้ว อิอิ

จิต เจตสิก รูป ก็คนนี่แหละ (นิพพานยกไว้ก่อนอย่าเพิ่งเอารวม) จิต เจตสิก รูป คนจ้าคน ที่เดินแกว่งไปแกว่งมา ส่ายไปส่ายมาอยู่นั่นอยู่นี่แหละ

ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ นี่ก็คน คิกๆๆ นี่ก็ลักษณะท่อนซุง

:b12:
การรู้ความจริงตามคำสอนนั้นอาศัยปัญญาคือเข้าใจตรงจริงตรงปรมัตถะสัจจะ
การทำวิปัสสนาคือปัญญาตามคำสอนตามลำดับคือเริ่มที่สุตะ-จินตะ-ภาวนะ_ทำญาณ
การทำสมถะเป็นการทำสมาธิ(คนละทางกับทำปัญญา)คือเริ่มที่ปิติ-สุข-เอกัคตา_ทำฌาน
การรู้ความจริงตรงขณะตอนกำลังฟังคุณคิดตามได้ทีละ1พยางค์คุณคิดไม่ตรงคือไม่รู้ค่ะ
เพราะการนั่งขัดสมาธิหลับตาโดยขาดการฟังรู้ที่กายทำสมาธิที่ไม่มีสติปัญญาเกิดร่วมน๊า
ทำฌานโดยขาดฟังที่ไปนั่งเงียบๆคิดไปเองแถมหลับตาขาดจักขุปสาทะรูปคือไม่ได้รู้แจ้ง
:b32: :b32:


ธาตุ 4 ก็มีแล้วขันธ์ 5 ก็มีแล้ว อายตนะ 6 ก็มีแล้วไม่ต้องทำไงคะ

ตามรู้ความจริงที่มีแล้วเพื่อเข้าใจถูกตามได้เกิดสัมมาทิฏฐิ
ฟังเพื่อคิดถูกเข้าใจถูกตามได้คือสุตมยปัญญาทำเป็นไหม
ข้ามสุตะไปภาวนะมันไม่เป็นไปตามลำดับที่จะเกิดปัญญา
จะยึดตำราเอาแต่จำปัญญาพระพุทธเจ้าท่องได้ไม่ใช่ปัญญาเจตสิกของตน
สัญญาเจตสิกกับปัญญาเจตสิกเป็นคนละตัวธัมมะปัญญาไม่เกิดขณะมีอกุศล
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
ธาตุ 4 ก็มีแล้วขันธ์ 5 ก็มีแล้ว อายตนะ 6 ก็มีแล้วไม่ต้องทำไงคะ


คำพูด (วจีกรรม) นั่น แสดงถึงความคิด (มโนกรรม) พลาดคลาดเคลื่อน คิดว่าทำเพื่อให้มีอีก ทำเพื่อจะเอา คิกๆๆ และนั่นเป็นการรู้ระดับปริยัติ รู้จากหนังสือที่เขาว่าไว้ ถูกไหม และความคิดบรรทัดเดียวนั้น แสดงถึงความเข้าใจสับสนด้วย รู้แบบรู้อย่างท่อนซุงด้วย คือ รู้คลุมๆไป อีกทั้งน่าจะนำไปตั้งกระทู้ได้อีก นึกก่อนว่าจะใช้ชื่ออะไรดี คิกๆๆ

:b12:
ความจริงของชีวิตทุกวันคือทุกคนมีอายุแค่วันละ24ชม.
ที่ผ่านไปเป็นอดีตไปแล้วเอากลับมาแก้เห็นที่ผิดนั้นมิได้
คุณยังคิดไม่ตรงเลยเพราะคุณไม่รู้ว่าคุณเห็นผิดยังไง
สิ่งที่คุณทำได้คือคิดถูกตามคำสอนแต่ละขณะเท่านั้น
คุณดูตัวคุณเองสิมองเห็นอะไรก็คิดตามที่ตาเห็นอยู่นี่
คิดตามคำสอนเคยไหมตรงที่ตนเห็นว่าทรงตรัสให้รู้ว่า
กำลังเห็นอะไรก็คิดให้ตรงสิว่าไม่ได้รู้ความจริงของเห็น
คำสอนตรงๆไม่ต้องอ้อมไปทำเพื่อจะให้เห็นแค่สีไงคะ
ก็ที่ไม่ได้เห็นสีตรง1สีว่ามันเกิดทีละสีดับทีละสีสลับกัน
กับจิตทางอื่นๆอีก5ทางคุณมีครบอายตนะทั้ง6แล้วค่ะ
และที่ไม่รู้ถึงการเกิดดับและไม่ได้เห็นขณะจิตถึง7ชวนะ
นั่นแหละคือกิเลสตนเองไงคะและการจะมีปัญญาตามคำสอนได้
เกิดจากการฟังเพื่อเข้าใจถูกตามตรงความจริงที่กำลังเห็นอยู่เพราะ
ถ้าคุณนอนหลับไม่ตื่นลืมตาเห็นคุณก็ไม่รู้ว่ามีโลกทางอื่นๆเกิดดับสลับอยู่
คิดให้ตรงความจริงปัจจุบันวันนี้คุณไม่ได้เห็นสีกำลังมีกิเลสควรฟังเพื่อเข้าใจ
สะสมปัญญาของตนเองคือฟังเพื่อคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามได้ตรงความจริงที่กำลังมี
ถ้าคุณคิดไปตามตาเนื้อเห็นตลอดเวลาโดยไม่พึ่งฟังคำสอนเพื่อคิดถูกตามได้ตรงขณะก็เป็นมิจฉาไปเรื่อยๆ
วันนี้ทุกคำในพระไตรปิฏกคุณคิดถูกตรงความจริงที่กำลังมีกี่คำเดี๋ยวนี้ไม่ตรงทางไหนเลยก็คือมีอวิชชา
:b16:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2018, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ต่อจาก หัวข้อ นี้

viewtopic.php?f=1&t=56668

Kiss
:b32:
บอกแล้วว่าความจริงตรงตามพระไตรปิฎกทุกคำเป็นปัจจุบันขณะ
ต้องมีสติปัญญารู้ทันตรงคำที่ตนมีเดี๋ยวนี้คุณฟังตอนไหน
คุณไม่ฟังมีแต่คิดเองไปเรื่อยๆแล้วมโนว่าต้องไปทำ
แต่ความจริงเพื่อฟังให้คิดเข้าใจถูกตามได้
จะแตกกระทู้ออกมาให้คนอ่านงงทำไม
:b32: :b32:


พระไตรปิฎกอยู่ในตู้ อิอิ มันจะเป็นปัจจุบันยังไง เขาเขียนไว้บันทึกไว้เป็นพันๆปีแว้ว

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีเท่าใบไม้2-3ใบในมือ

แต่ความรู้ที่ตถาคตตรัสรู้มีเท่าใบไม้ทั้งต้นเต็มป่า
ไปอ่านทุกคำที่พระองค์ตรัสและบัญญัติไว้นิดนึง
ไม่ว่าจะนึกถึงคำไหนคำนั้นก็กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้เลย
คน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ธาตุ4 ขันธ์5 อายตนะ6
และที่สำคัญพระพุทธเจ้ารู้ความจริงทั้งหมดก่อนมาบอก
เพราะเป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แต่ผู้เดียวด้วยทศพลญาณ




อ้างคำพูด:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีเท่าใบไม้ 2-3 ใบในมือ


คุณโรสนี่ฟังไม่สับจับเอาไปกะเตง คิกๆๆ เขาว่าอย่างว่าสะที่ไหน

พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ดูเหมือนที่ป่าประดู่ลาย ในขณะที่พระองค์สอนภิกษุได้หยิบใบประดู่มากำไว้

แล้วบอกว่า สิ่งที่พระองค์รู้มีมากเหมือนใบไม้ในป่า แต่ที่มีประโยชน์ในชีวิตนี้ คือ ทำให้หลุดพ้นมีหน่อยเดียวเหมือนใบไม้ในกำมือ นั่นก็คืออริยสัจ ๔ ประการ


อ้างคำพูด:
ไม่ว่าจะนึกถึงคำไหนคำนั้นก็กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้เลย

คน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ6


นี่มั่วแล้ว อิอิ

จิต เจตสิก รูป ก็คนนี่แหละ (นิพพานยกไว้ก่อนอย่าเพิ่งเอารวม) จิต เจตสิก รูป คนจ้าคน ที่เดินแกว่งไปแกว่งมา ส่ายไปส่ายมาอยู่นั่นอยู่นี่แหละ

ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ นี่ก็คน คิกๆๆ นี่ก็ลักษณะท่อนซุง

:b12:
การรู้ความจริงตามคำสอนนั้นอาศัยปัญญาคือเข้าใจตรงจริงตรงปรมัตถะสัจจะ
การทำวิปัสสนาคือปัญญาตามคำสอนตามลำดับคือเริ่มที่สุตะ-จินตะ-ภาวนะ_ทำญาณ
การทำสมถะเป็นการทำสมาธิ(คนละทางกับทำปัญญา)คือเริ่มที่ปิติ-สุข-เอกัคตา_ทำฌาน
การรู้ความจริงตรงขณะตอนกำลังฟังคุณคิดตามได้ทีละ1พยางค์คุณคิดไม่ตรงคือไม่รู้ค่ะ
เพราะการนั่งขัดสมาธิหลับตาโดยขาดการฟังรู้ที่กายทำสมาธิที่ไม่มีสติปัญญาเกิดร่วมน๊า
ทำฌานโดยขาดฟังที่ไปนั่งเงียบๆคิดไปเองแถมหลับตาขาดจักขุปสาทะรูปคือไม่ได้รู้แจ้ง
:b32: :b32:


ธาตุ 4 ก็มีแล้วขันธ์ 5 ก็มีแล้ว อายตนะ 6 ก็มีแล้วไม่ต้องทำไงคะ

ตามรู้ความจริงที่มีแล้วเพื่อเข้าใจถูกตามได้เกิดสัมมาทิฏฐิ
ฟังเพื่อคิดถูกเข้าใจถูกตามได้คือสุตมยปัญญาทำเป็นไหม
ข้ามสุตะไปภาวนะมันไม่เป็นไปตามลำดับที่จะเกิดปัญญา
จะยึดตำราเอาแต่จำปัญญาพระพุทธเจ้าท่องได้ไม่ใช่ปัญญาเจตสิกของตน
สัญญาเจตสิกกับปัญญาเจตสิกเป็นคนละตัวธัมมะปัญญาไม่เกิดขณะมีอกุศล
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
ธาตุ 4 ก็มีแล้วขันธ์ 5 ก็มีแล้ว อายตนะ 6 ก็มีแล้วไม่ต้องทำไงคะ


คำพูด (วจีกรรม) นั่น แสดงถึงความคิด (มโนกรรม) พลาดคลาดเคลื่อน คิดว่าทำเพื่อให้มีอีก ทำเพื่อจะเอา คิกๆๆ และนั่นเป็นการรู้ระดับปริยัติ รู้จากหนังสือที่เขาว่าไว้ ถูกไหม และความคิดบรรทัดเดียวนั้น แสดงถึงความเข้าใจสับสนด้วย รู้แบบรู้อย่างท่อนซุงด้วย คือ รู้คลุมๆไป อีกทั้งน่าจะนำไปตั้งกระทู้ได้อีก นึกก่อนว่าจะใช้ชื่ออะไรดี คิกๆๆ

:b12:
ความจริงของชีวิตทุกวันคือทุกคนมีอายุแค่วันละ24ชม.
ที่ผ่านไปเป็นอดีตไปแล้วเอากลับมาแก้เห็นที่ผิดนั้นมิได้
คุณยังคิดไม่ตรงเลยเพราะคุณไม่รู้ว่าคุณเห็นผิดยังไง
สิ่งที่คุณทำได้คือคิดถูกตามคำสอนแต่ละขณะเท่านั้น
คุณดูตัวคุณเองสิมองเห็นอะไรก็คิดตามที่ตาเห็นอยู่นี่
คิดตามคำสอนเคยไหมตรงที่ตนเห็นว่าทรงตรัสให้รู้ว่า
กำลังเห็นอะไรก็คิดให้ตรงสิว่าไม่ได้รู้ความจริงของเห็น
คำสอนตรงๆไม่ต้องอ้อมไปทำเพื่อจะให้เห็นแค่สีไงคะ
ก็ที่ไม่ได้เห็นสีตรง1สีว่ามันเกิดทีละสีดับทีละสีสลับกัน
กับจิตทางอื่นๆอีก5ทางคุณมีครบอายตนะทั้ง6แล้วค่ะ
และที่ไม่รู้ถึงการเกิดดับและไม่ได้เห็นขณะจิตถึง7ชวนะ
นั่นแหละคือกิเลสตนเองไงคะและการจะมีปัญญาตามคำสอนได้
เกิดจากการฟังเพื่อเข้าใจถูกตามตรงความจริงที่กำลังเห็นอยู่เพราะ
ถ้าคุณนอนหลับไม่ตื่นลืมตาเห็นคุณก็ไม่รู้ว่ามีโลกทางอื่นๆเกิดดับสลับอยู่
คิดให้ตรงความจริงปัจจุบันวันนี้คุณไม่ได้เห็นสีกำลังมีกิเลสควรฟังเพื่อเข้าใจ
สะสมปัญญาของตนเองคือฟังเพื่อคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามได้ตรงความจริงที่กำลังมี
ถ้าคุณคิดไปตามตาเนื้อเห็นตลอดเวลาโดยไม่พึ่งฟังคำสอนเพื่อคิดถูกตามได้ตรงขณะก็เป็นมิจฉาไปเรื่อยๆ
วันนี้ทุกคำในพระไตรปิฏกคุณคิดถูกตรงความจริงที่กำลังมีกี่คำเดี๋ยวนี้ไม่ตรงทางไหนเลยก็คือมีอวิชชา
:b16:
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
พระไตรปิฏกคุณคิดถูกตรงความจริงที่กำลังมีกี่คำเดี๋ยวนี้ไม่ตรงทางไหนเลยก็คือมีอวิชชา


อวิชชาอยู่ในพระไตรปิฎกหรอ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2018, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ต่อจาก หัวข้อ นี้

viewtopic.php?f=1&t=56668

Kiss
:b32:
บอกแล้วว่าความจริงตรงตามพระไตรปิฎกทุกคำเป็นปัจจุบันขณะ
ต้องมีสติปัญญารู้ทันตรงคำที่ตนมีเดี๋ยวนี้คุณฟังตอนไหน
คุณไม่ฟังมีแต่คิดเองไปเรื่อยๆแล้วมโนว่าต้องไปทำ
แต่ความจริงเพื่อฟังให้คิดเข้าใจถูกตามได้
จะแตกกระทู้ออกมาให้คนอ่านงงทำไม
:b32: :b32:


พระไตรปิฎกอยู่ในตู้ อิอิ มันจะเป็นปัจจุบันยังไง เขาเขียนไว้บันทึกไว้เป็นพันๆปีแว้ว

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีเท่าใบไม้2-3ใบในมือ

แต่ความรู้ที่ตถาคตตรัสรู้มีเท่าใบไม้ทั้งต้นเต็มป่า
ไปอ่านทุกคำที่พระองค์ตรัสและบัญญัติไว้นิดนึง
ไม่ว่าจะนึกถึงคำไหนคำนั้นก็กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้เลย
คน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ธาตุ4 ขันธ์5 อายตนะ6
และที่สำคัญพระพุทธเจ้ารู้ความจริงทั้งหมดก่อนมาบอก
เพราะเป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แต่ผู้เดียวด้วยทศพลญาณ




อ้างคำพูด:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีเท่าใบไม้ 2-3 ใบในมือ


คุณโรสนี่ฟังไม่สับจับเอาไปกะเตง คิกๆๆ เขาว่าอย่างว่าสะที่ไหน

พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ดูเหมือนที่ป่าประดู่ลาย ในขณะที่พระองค์สอนภิกษุได้หยิบใบประดู่มากำไว้

แล้วบอกว่า สิ่งที่พระองค์รู้มีมากเหมือนใบไม้ในป่า แต่ที่มีประโยชน์ในชีวิตนี้ คือ ทำให้หลุดพ้นมีหน่อยเดียวเหมือนใบไม้ในกำมือ นั่นก็คืออริยสัจ ๔ ประการ


อ้างคำพูด:
ไม่ว่าจะนึกถึงคำไหนคำนั้นก็กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้เลย

คน จิต เจตสิก รูป นิพพาน ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ6


นี่มั่วแล้ว อิอิ

จิต เจตสิก รูป ก็คนนี่แหละ (นิพพานยกไว้ก่อนอย่าเพิ่งเอารวม) จิต เจตสิก รูป คนจ้าคน ที่เดินแกว่งไปแกว่งมา ส่ายไปส่ายมาอยู่นั่นอยู่นี่แหละ

ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ นี่ก็คน คิกๆๆ นี่ก็ลักษณะท่อนซุง

:b12:
การรู้ความจริงตามคำสอนนั้นอาศัยปัญญาคือเข้าใจตรงจริงตรงปรมัตถะสัจจะ
การทำวิปัสสนาคือปัญญาตามคำสอนตามลำดับคือเริ่มที่สุตะ-จินตะ-ภาวนะ_ทำญาณ
การทำสมถะเป็นการทำสมาธิ(คนละทางกับทำปัญญา)คือเริ่มที่ปิติ-สุข-เอกัคตา_ทำฌาน
การรู้ความจริงตรงขณะตอนกำลังฟังคุณคิดตามได้ทีละ1พยางค์คุณคิดไม่ตรงคือไม่รู้ค่ะ
เพราะการนั่งขัดสมาธิหลับตาโดยขาดการฟังรู้ที่กายทำสมาธิที่ไม่มีสติปัญญาเกิดร่วมน๊า
ทำฌานโดยขาดฟังที่ไปนั่งเงียบๆคิดไปเองแถมหลับตาขาดจักขุปสาทะรูปคือไม่ได้รู้แจ้ง
:b32: :b32:


ธาตุ 4 ก็มีแล้วขันธ์ 5 ก็มีแล้ว อายตนะ 6 ก็มีแล้วไม่ต้องทำไงคะ

ตามรู้ความจริงที่มีแล้วเพื่อเข้าใจถูกตามได้เกิดสัมมาทิฏฐิ
ฟังเพื่อคิดถูกเข้าใจถูกตามได้คือสุตมยปัญญาทำเป็นไหม
ข้ามสุตะไปภาวนะมันไม่เป็นไปตามลำดับที่จะเกิดปัญญา
จะยึดตำราเอาแต่จำปัญญาพระพุทธเจ้าท่องได้ไม่ใช่ปัญญาเจตสิกของตน
สัญญาเจตสิกกับปัญญาเจตสิกเป็นคนละตัวธัมมะปัญญาไม่เกิดขณะมีอกุศล
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
ธาตุ 4 ก็มีแล้วขันธ์ 5 ก็มีแล้ว อายตนะ 6 ก็มีแล้วไม่ต้องทำไงคะ


คำพูด (วจีกรรม) นั่น แสดงถึงความคิด (มโนกรรม) พลาดคลาดเคลื่อน คิดว่าทำเพื่อให้มีอีก ทำเพื่อจะเอา คิกๆๆ และนั่นเป็นการรู้ระดับปริยัติ รู้จากหนังสือที่เขาว่าไว้ ถูกไหม และความคิดบรรทัดเดียวนั้น แสดงถึงความเข้าใจสับสนด้วย รู้แบบรู้อย่างท่อนซุงด้วย คือ รู้คลุมๆไป อีกทั้งน่าจะนำไปตั้งกระทู้ได้อีก นึกก่อนว่าจะใช้ชื่ออะไรดี คิกๆๆ

:b12:
ความจริงของชีวิตทุกวันคือทุกคนมีอายุแค่วันละ24ชม.
ที่ผ่านไปเป็นอดีตไปแล้วเอากลับมาแก้เห็นที่ผิดนั้นมิได้
คุณยังคิดไม่ตรงเลยเพราะคุณไม่รู้ว่าคุณเห็นผิดยังไง
สิ่งที่คุณทำได้คือคิดถูกตามคำสอนแต่ละขณะเท่านั้น
คุณดูตัวคุณเองสิมองเห็นอะไรก็คิดตามที่ตาเห็นอยู่นี่
คิดตามคำสอนเคยไหมตรงที่ตนเห็นว่าทรงตรัสให้รู้ว่า
กำลังเห็นอะไรก็คิดให้ตรงสิว่าไม่ได้รู้ความจริงของเห็น
คำสอนตรงๆไม่ต้องอ้อมไปทำเพื่อจะให้เห็นแค่สีไงคะ
ก็ที่ไม่ได้เห็นสีตรง1สีว่ามันเกิดทีละสีดับทีละสีสลับกัน
กับจิตทางอื่นๆอีก5ทางคุณมีครบอายตนะทั้ง6แล้วค่ะ
และที่ไม่รู้ถึงการเกิดดับและไม่ได้เห็นขณะจิตถึง7ชวนะ
นั่นแหละคือกิเลสตนเองไงคะและการจะมีปัญญาตามคำสอนได้
เกิดจากการฟังเพื่อเข้าใจถูกตามตรงความจริงที่กำลังเห็นอยู่เพราะ
ถ้าคุณนอนหลับไม่ตื่นลืมตาเห็นคุณก็ไม่รู้ว่ามีโลกทางอื่นๆเกิดดับสลับอยู่
คิดให้ตรงความจริงปัจจุบันวันนี้คุณไม่ได้เห็นสีกำลังมีกิเลสควรฟังเพื่อเข้าใจ
สะสมปัญญาของตนเองคือฟังเพื่อคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามได้ตรงความจริงที่กำลังมี
ถ้าคุณคิดไปตามตาเนื้อเห็นตลอดเวลาโดยไม่พึ่งฟังคำสอนเพื่อคิดถูกตามได้ตรงขณะก็เป็นมิจฉาไปเรื่อยๆ
วันนี้ทุกคำในพระไตรปิฏกคุณคิดถูกตรงความจริงที่กำลังมีกี่คำเดี๋ยวนี้ไม่ตรงทางไหนเลยก็คือมีอวิชชา
:b16:
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
พระไตรปิฏกคุณคิดถูกตรงความจริงที่กำลังมีกี่คำเดี๋ยวนี้ไม่ตรงทางไหนเลยก็คือมีอวิชชา


อวิชชาอยู่ในพระไตรปิฎกหรอ :b10:

:b12:
มีสติไหมทุกคำใน3ปิฎกพระพุทธเจ้าบอกครั้งเดียวทุกคำเลยได้ไหมคะเวลาฟังคนละที่ต้องตามไปนั่งฟังตรงๆ
ตัวเองนั่นแหละงงไม่รู้จักคิดตรงปัจจุบันขณะคือเดี๋ยวนี้คิดทุกคำเป็นไปได้ไหมจำผิดเป็นบัญญัติไม่ใช่ปัญญา
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2018, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

พระไตรปิฏก คุณคิดถูกตรงความจริงที่กำลังมีกี่คำเดี๋ยวนี้ ไม่ตรงทางไหนเลย ก็คือมีอวิชชา


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
อวิชชาอยู่ในพระไตรปิฎกหรอ


อ้างคำพูด:
Rosarin
มีสติไหมทุกคำใน 3 ปิฎก พระพุทธเจ้าบอกครั้งเดียวทุกคำเลยได้ไหมคะ เวลาฟังคนละที่ต้องตามไปนั่งฟังตรงๆ
ตัวเองนั่นแหละงง ไม่รู้จักคิดตรงปัจจุบันขณะ คือเดี๋ยวนี้ คิดทุกคำเป็นไปได้ไหม จำผิด เป็นบัญญัติไม่ใช่ปัญญา


ศิษย์แม่สุจินแห่งบ้านธัมมะเขารำพึงรำพันเรื่องอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร