วันเวลาปัจจุบัน 14 ก.ค. 2025, 17:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2018, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ทางสายเอก" คนชอบพูดๆกัน ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนๆ บาลีเป็น เอกมคฺโค แปลว่า ทางสายเดียว,มรรคาเอก,ทางสายเอก (เอกะ. หนึ่ง, เดียว) อะไรว่ากันไป :b16:

รูปภาพ

เห็นชอบพูดกันเลยจัดให้ พูดๆสะก่อนจะละโลกนี้ไป ตายแล้วจะไม่ได้พูด :b32: ยังหายใจเข้า-ออกอยู่จะได้ทำกันหรือไม่, ทำทำถูกไหม ทำแล้วถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ หรือทำแล้วเข้ารกเข้าพงกันไป (อยากพูดตรงๆอีกประโยคหนึ่ง แต่กลัวว่าจะแรงไปเลยเก็บไว้ในใจ) :b32: เป็นอีกขั้นหนึ่งตอนหนึ่ง

มีคนร้องอ๋อแน่ๆ :b35:

:b12:
ยังอีกยังไม่เข้าใจกันอีกบอกว่า
ไปนั่งเดาสภาพธรรมเองโดยไม่ฟัง
มันเดาส่งเดชไปเองขาดพึ่งคำตถาคต
ต้องมีปรโตโฆสะกล่าวคำสัจจะให้คิดถูกตาม
เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันขณะตามปกติเป็นปกติเข้าใจไหมคะ
จิรกาลภาวนากล่าวตรงสัจจะเพื่อเข้าใจถูกตามและถ่ายทอดได้ตรงตามคำตถาคต
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วที่กายใจตนเองยังไม่ทำอะไรก็กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครเลือกทำ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:




แน้ๆๆ คุณยายโรสคะ

เห็นพูดปกติๆๆๆๆๆๆ มาซ้ำๆ บ่อยๆ
แต่ไม่เข้าใจว่า

ปกติแบบ ของคุณยายนั่นแหละคือความผิดปกติค่ะ
ไม่ใช่ความปกติ ไม่ควรแก่การงานเรยหละค่ะ

เพราะ คุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก และไม่ได้ปฎิบัติ
จำแค่คำยูทูปมาพูด

ก็เรยเข้าใจผิดๆๆ ไม่เข้าใจ ปกติ ความปกติที่เต็มไปด้วยความโลภอยากฟังแบบนั้น
ตั้งใจอยากฟังแต่ยูทูป น่ะไม่ปกติหรอกค่ะ

ฟังมาเจ็ดปี ไม่ได้อะไรเรย เพราะฟังด้วยปกติ ที่ไม่เป็นปกติ ไงคะ

คุณยายโรส จึงไม่รู้ว่า

การตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกาย
ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
จึงต้องมีบาทฐานในสมาธิด้วยค่ะ
และนี่คือความปกติ ที่ควรค่า ค่ะ



เม แนะนำนะคะ ว่า คุณยายโรส ทำปกติที่ควรค่า แบบนี้ให้ได้เสียก่อนนะคะ
แล้วไปเรียนพระธรรมให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อนนะคะ



:b12:
รู้สึกว่าจะแสดงความฉลาดน้อยเสียเหลือเกินไงคะ
ไม่มีเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไงคะฟังใช้หูฟังเงี่ยโสตลงสดับ
และใช้ตาดูโลกตามปกติอยากเป็นแบบพระอาจารย์2ดาบสก็ตามใจ
ตายไปก่อนไม่ได้ฟังความจริงตามคำสอนที่งดงามลึกซึ้งไงชวนคนฟังธรรมยากที่สุดในโลกเลยค่ะ555
:b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ

เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ทำกัมฐานไม่เป็น
เรยไม่รู้จัก ว่าพระพุทธองค์กล่าวถึงบาทฐานของสมาธิ ในมหาสติปัฎฐาน
ว่า ทำให้ปกติ ยิ่งกว่าปกติ ควรแก่การงาน

ไม่ใช่เพื่อหวัง อิทธปาฎิหารย์

แต่สามารถทำความปกติ ยิ่งกว่าปกติของคุณยาย ที่โลภะไปอยากฟังแต่ยูทูป นะคะ

คริคริ

และแถมจะบอกให้นะคะ ว่าพระพุทธเจ้า ต้องสำเร็จด้วยพระองค์เอง
พระอาจารย์ดาบส ไม่สอน ให้ไปต่อยอดเอาเอง
ไม่งั้น อดเป็นพระพุทธเจ้าค่ะ

ท่านดาบส ท่านเรยไม่สอนต่อให้ไงคะ

คริคริ


:b32:
แค่ชาตินี้ที่ดูสิ่งที่เธอสนทนา
ก็รู้แล้วว่าเธอไม่รู้ว่าเธอไม่รู้
มีแต่ส่งไปคิดเรื่องราวที่ตนไม่มี
:b12:
:b32: :b32:



เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม แถมดื้อด้านไม่ยอมรับ ได้แต่ฟังศาสดายูทูป

เรยไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ กะเม

มี จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้น สิบเนื่องไป และดับไป

กว่าคุณยายโรสจะหายเขลาเบาปัญญาเห็นว่า เม ก็มีจิต เจตสิก รูป จริงตามพระอภิธรรม

ก็ต้องไปเรียนพระอภิธรรมเสียก่อนนะคะ
หรือไม่ก็ ชาติหน้าบ่ายๆ แล้วหละค่ะ คุณยายโรส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2018, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
ความคิดเห็นใดๆก็ตามคือเรื่องนอกเหนือสัจจะ
ไม่อยู่ในการควบคุมกำกับของคุณดังนั้น
ภาระต่างๆภายนอกกายใจคุณไม่ใช่
สิ่งที่คุณจะไปควบคุมกำกับ
เพราะความจริงมี
ที่กายใจคุณ
ควรฟังเพื่อให้คำที่ได้ยินควบคุมกำกับจิตคุณให้อยู่ที่กายตรงคำนั้นๆตรงจริงคือพึ่งคิดตามคำสัจจะ


ถามไม่ตอบ สัจจะ เนี่ยมันอะไร เอาชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2018, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้พี่เมโลกสวย สังเกตระหว่างความรู้จากหนังสือ กับ การบอกเล่า 90 มา เช่น สติปัฏฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม เรื่องร่างกายนี่เขาก็รู้ดี เพราะเป็นนักศึกษาแพทย์ วิปัสสะนง วิปัสสนา ขันธ์ 5 ก็รู้ว่าไม่ให้ยึดติดมัน เกิดดับเขาก็รู้นะ :b12:
แต่พอมาประสบกับของแท้ของจริงมันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาทำเอาเกือบรากแตกรากแตน ที่รู้ๆมาศึกษามา ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย สังเกตดู


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจนเวียนหัว จึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามา ก็เริ่มมาหาอ่านเอง จนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฏฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีก ซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว
เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรม พิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่า ทุกอย่างมีเกิดดับของมันเป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด

แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ

หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุด บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

มองออกไหมฮะ

รูปภาพ

ไปนั่งคิดเองเลยไม่ได้ฟังเพื่อสะสมสุตมยปัญญาเพื่อเจริญปัญญารู้เพิ่มขึ้นที่ละ1ตัวธัมมะตรงสัจจะที่มีไงคะ



ไม่มีแววจินๆเรย คิกๆๆ แม้แต่เด็กยังขำหงายท้องหงายไส้ :b12:

ไม่ได้เรื่องได้ราวหรอก เสียเวลาเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 25 ต.ค. 2018, 19:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2018, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
"เมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศลหรือมีโทษเมื่อนั้นพึงละเสีย และเมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นกุศลหรือไม่มีโทษ เมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติ"

ข้อความสำคัญ ในเกสปุตตสูตร


เห็นคุณยายโรส ชอบอ้างกาละมสูตรหนักหนา
แต่ไม่ อ่านให้จบครบถ้วน ไม่รู้ความหมาย ในข้อความสำคัญ

ข้อความนี้ แสดงนัยยะ อีกด้าน ต่อ ผู้คนที่ยังคิดใช้กาลามะสูตรอยู่ด้วยซ้ำ

ว่า สอบสวนลงพระธรรม พระวินัย พระปริยัติในพระไตรปิฎกไม่ได้
ไม่มีปัญญาพอ ที่จะแยกแยะได้ว่า
พระธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง นั้น ในพระไตรปิฎกทั้งหมด
ไม่มีโทษ เป็นกุศลทั้งหมด เป็นปรมัตถ์ธรรมทั้งหมด ไม่มีโทษ และควรถือปฎิบัติ อย่างยิ่งค่ะ

และที่สำคัญ ในพระไตรปิฎก ได้ทรงแสดงวิธีปฎิบัติไว้ต่างๆนาๆครบถ้วน ทุกด้าน
ไม่ใช่แค่วิธีเดียว ของคนกลุ่มเดียวค่ะ
คนกลุ่มเดียว มันไม่ใช่สาธารณะค่ะ ขอเข้าใจไว้ด้วยนะคุณยายโรส
ว่า คนกลุ่มเดียว ไม่ใช่สาธารณะค่ะ อย่างที่คุณยาย คิดผิดๆๆ เข้าใจผิดๆๆ

ซึ่งหลังจากที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเกสปุตตสูตร จบลง
ให้รู้ว่า ไม่มีชาวกาลามะ คนใดแม้นสักคนเดียวที่หลงเหลือ
ที่ยังใช้กาละมะสูตรอีก ในพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว

แต่ในเมืองไทย หลายกลุ่มหลายลัทธิ

ยังมี คนที่ใช้กาลามะสูตร ต่อพระปริยัติ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก
อย่างล้นหลาม มากหน้าหลายตา

หนึ่งในนั้น คือ คุณยายโรสน่ะเองค่ะ


เมก็ขอ แนะนำนะคะ ให้หัดเรียนพระอภิธรรม พระปริยัติให้เป็นเรื่องเป็นราว ก่อนนะคะ

บ๊ายบายนะคะ จุ๊ฟๆๆ

:b32:
ทุกคำในพระไตรปิฎกรู้เองไม่ได้แม้แต่คำเดียวเพราะเป็นสาวก
สาวกแปลว่ารู้ตามการฟังคำสอนเข้าใจถูกตามตรงปัจจุบันขณะ
เดี๋ยวนี้ไม่ได้ฟังอะไรเลยแปลว่าคิดเองตามเห็นผิดตามที่เธอเห็นไง
เธอไม่ได้กำลังเห็นตัวจริงของสีตรงสัจจะดังนั้นยอมรับความจริงก่อน
ว่าไม่ได้รู้ความจริงตรงสัจจะเลยแต่พยายามบอกให้คนอื่นทำตามเธอสั่ง
แต่ตถาคตบอกว่าจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมด้วยการฟังตถาคตทำได้แค่บอกให้ฟังไงคะ
:b32: :b32:



คริคริ
เพราะคุณยายโรสไม่ได้เรียนพระอภิธรรม แถมดื้อด้านไม่เรียน มัวไปฟังแต่ยูทูปกล่อมประสาท

คนที่เรียนพระปริยัติทุกคน รู้ดีค่ะ

ว่า พระตถาคต ไม่ได้บอกแค่ให้ฟังนะคะ ๆๆๆๆๆๆ

แต่พระพุทธองค์ สอนทั้งปริยัติ ปฎิบัติ เพื่อให้ถึงปฎิเวธ
และทำเป็นแบบอย่าง มาตลอดพระชมน์


โรงเรียนยูทูปยายแว่น ของคุณยายโรส เรยปฎิบัติไม่เป็น
ต่อให้ยายแว่นสิบคนว่า ก็ไม่เท่าหนึ่งตาเห็น
ต่อให้ยายแว่นไส่แว่นสิบชั้นไปเห็น

ก็ไม่เท่า ปฎิบัติ ทำตามคำสอนพระศาสดา



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2018, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้พี่เมโลกสวย สังเกตระหว่างความรู้จากหนังสือ กับ การบอกเล่า 90 มา เช่น สติปัฏฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม เรื่องร่างกายนี่เขาก็รู้ดี เพราะเป็นนักศึกษาแพทย์ วิปัสสะนง วิปัสสนา ขันธ์ 5 ก็รู้ว่าไม่ให้ยึดติดมัน เกิดดับเขาก็รู้นะ :b12:
แต่พอมาประสบกับของแท้ของจริงมันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาทำเอาเกือบรากแตกรากแตน ที่รู้ๆมาศึกษามา ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย สังเกตดู


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจนเวียนหัว จึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามา ก็เริ่มมาหาอ่านเอง จนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฏฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีก ซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว
เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรม พิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่า ทุกอย่างมีเกิดดับของมันเป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด

แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ

หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุด บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

มองออกไหมฮะ

รูปภาพ

ไปนั่งคิดเองเลยไม่ได้ฟังเพื่อสะสมสุตมยปัญญาเพื่อเจริญปัญญารู้เพิ่มขึ้นที่ละ1ตัวธัมมะตรงสัจจะที่มีไงคะ



ไม่มีแววจินๆเรย คิกๆๆ แม้แต่เด็กยังขำหงายท้องหงายไส้ :b12:

ไม่ได้เรื่องได้ราวหรอก เสียเวลาเปล่า

:b12:
ไม่รู้ตรงสัจจะที่กำลังมีตรงวิสยรูปนั่นแหละคือความจริงปรากฏกับอวิชชาเดี๋ยวนี้คือสัจจะไงคะไม่รู้คือกิเลส
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2018, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
ความคิดเห็นใดๆก็ตามคือเรื่องนอกเหนือสัจจะ
ไม่อยู่ในการควบคุมกำกับของคุณดังนั้น
ภาระต่างๆภายนอกกายใจคุณไม่ใช่
สิ่งที่คุณจะไปควบคุมกำกับ
เพราะความจริงมี
ที่กายใจคุณ
ควรฟังเพื่อให้คำที่ได้ยินควบคุมกำกับจิตคุณให้อยู่ที่กายตรงคำนั้นๆตรงจริงคือพึ่งคิดตามคำสัจจะ


ถามไม่ตอบ สัจจะ เนี่ยมันอะไร เอาชัดๆ


viewtopic.php?f=1&t=56203

Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตาม
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ
รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:

ตามข้างบนนั้นแหละรู้ตรง1สัจจะจนกว่าจะประจักษ์ความจริงตรงทางครบวิสยรูป7ที่กายใจตนเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2018, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
ความคิดเห็นใดๆก็ตามคือเรื่องนอกเหนือสัจจะ
ไม่อยู่ในการควบคุมกำกับของคุณดังนั้น
ภาระต่างๆภายนอกกายใจคุณไม่ใช่
สิ่งที่คุณจะไปควบคุมกำกับ
เพราะความจริงมี
ที่กายใจคุณ
ควรฟังเพื่อให้คำที่ได้ยินควบคุมกำกับจิตคุณให้อยู่ที่กายตรงคำนั้นๆตรงจริงคือพึ่งคิดตามคำสัจจะ


ถามไม่ตอบ สัจจะ เนี่ยมันอะไร เอาชัดๆ


viewtopic.php?f=1&t=56203

Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตาม
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ
รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:

ตามข้างบนนั้นแหละรู้ตรง1สัจจะจนกว่าจะประจักษ์ความจริงตรงทางครบวิสยรูป7ที่กายใจตนเท่านั้น

งานแท้ๆที่จิตไม่เคยว่างจากวิสยรูปเลยคืองานวิปัสสนาภาวนาไงคะเอาให้ทันเท่าที่สติปัญญาตนตรงได้ทั่วตัวนะ
ฟังเวลาไหนก็เข้าใจตรงสัจจะที่กำลังมีตามได้คลิปวิดีโอเก่าก็ตามเนื้อหาฟังเมื่อใดจริงเมื่อนั้นพิสูจน์จากฟังจริง
https://youtu.be/XHkG7EOodUY
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2018, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้พี่เมโลกสวย สังเกตระหว่างความรู้จากหนังสือ กับ การบอกเล่า 90 มา เช่น สติปัฏฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม เรื่องร่างกายนี่เขาก็รู้ดี เพราะเป็นนักศึกษาแพทย์ วิปัสสะนง วิปัสสนา ขันธ์ 5 ก็รู้ว่าไม่ให้ยึดติดมัน เกิดดับเขาก็รู้นะ :b12:
แต่พอมาประสบกับของแท้ของจริงมันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาทำเอาเกือบรากแตกรากแตน ที่รู้ๆมาศึกษามา ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย สังเกตดู


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจนเวียนหัว จึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามา ก็เริ่มมาหาอ่านเอง จนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฏฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีก ซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว
เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรม พิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่า ทุกอย่างมีเกิดดับของมันเป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด

แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ

หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุด บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

มองออกไหมฮะ

รูปภาพ

ไปนั่งคิดเองเลยไม่ได้ฟังเพื่อสะสมสุตมยปัญญาเพื่อเจริญปัญญารู้เพิ่มขึ้นที่ละ1ตัวธัมมะตรงสัจจะที่มีไงคะ



ไม่มีแววจินๆเรย คิกๆๆ แม้แต่เด็กยังขำหงายท้องหงายไส้ :b12:

ไม่ได้เรื่องได้ราวหรอก เสียเวลาเปล่า




บอกหน่อยได้มั๊ยคะหนู ว่าไปอยู่วัดไหนอะไรมา ชื่อไร
ใครเป็นเจ้าอาวาส
ใครเป็นพระพี่เลี้ยง



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2018, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้พี่เมโลกสวย สังเกตระหว่างความรู้จากหนังสือ กับ การบอกเล่า 90 มา เช่น สติปัฏฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม เรื่องร่างกายนี่เขาก็รู้ดี เพราะเป็นนักศึกษาแพทย์ วิปัสสะนง วิปัสสนา ขันธ์ 5 ก็รู้ว่าไม่ให้ยึดติดมัน เกิดดับเขาก็รู้นะ :b12:
แต่พอมาประสบกับของแท้ของจริงมันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาทำเอาเกือบรากแตกรากแตน ที่รู้ๆมาศึกษามา ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย สังเกตดู


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจนเวียนหัว จึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามา ก็เริ่มมาหาอ่านเอง จนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฏฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีก ซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว
เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรม พิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่า ทุกอย่างมีเกิดดับของมันเป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด

แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ

หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุด บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

มองออกไหมฮะ

https://f.ptcdn.info/392/060/000/pgxz0m ... t86C-o.gif
ไปนั่งคิดเองเลยไม่ได้ฟังเพื่อสะสมสุตมยปัญญาเพื่อเจริญปัญญารู้เพิ่มขึ้นที่ละ1ตัวธัมมะตรงสัจจะที่มีไงคะ



ไม่มีแววจินๆเรย คิกๆๆ แม้แต่เด็กยังขำหงายท้องหงายไส้ :b12:

ไม่ได้เรื่องได้ราวหรอก เสียเวลาเปล่า




บอกหน่อยได้มั๊ยคะหนู ว่าไปอยู่วัดไหนอะไรมา ชื่อไร
ใครเป็นเจ้าอาวาส
ใครเป็นพระพี่เลี้ยง




เห็นพูดบ่อยๆ อนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ อิอิ บอกแล้วว่า "พูดเลยทำ" "พูดแบบมโนธรรม" แต่ไม่ทำ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2018, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
ความคิดเห็นใดๆก็ตามคือเรื่องนอกเหนือสัจจะ
ไม่อยู่ในการควบคุมกำกับของคุณดังนั้น
ภาระต่างๆภายนอกกายใจคุณไม่ใช่
สิ่งที่คุณจะไปควบคุมกำกับ
เพราะความจริงมี
ที่กายใจคุณ
ควรฟังเพื่อให้คำที่ได้ยินควบคุมกำกับจิตคุณให้อยู่ที่กายตรงคำนั้นๆตรงจริงคือพึ่งคิดตามคำสัจจะ


ถามไม่ตอบ สัจจะ เนี่ยมันอะไร เอาชัดๆ


viewtopic.php?f=1&t=56203

Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตาม
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ
รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:

ตามข้างบนนั้นแหละรู้ตรง1สัจจะจนกว่าจะประจักษ์ความจริงตรงทางครบวิสยรูป7ที่กายใจตนเท่านั้น

งานแท้ๆที่จิตไม่เคยว่างจากวิสยรูปเลยคืองานวิปัสสนาภาวนาไงคะเอาให้ทันเท่าที่สติปัญญาตนตรงได้ทั่วตัวนะ
ฟังเวลาไหนก็เข้าใจตรงสัจจะที่กำลังมีตามได้คลิปวิดีโอเก่าก็ตามเนื้อหาฟังเมื่อใดจริงเมื่อนั้นพิสูจน์จากฟังจริง
https://youtu.be/XHkG7EOodUY


อ่านแล้วได้แต่ปวดตับ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร