วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 278 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 06:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ความจริงตามคำสอนรู้ถูกตามได้ตรงปัจจุบันขณะคือเดี๋ยวนี้ต้องกำลังเป็นไปจริงๆ
ถ้าเดี๋ยวนี้คิดนึกอ่านจำแล้วก็คิดว่าต้องปลีกตัวออกไปทำนั่นน่ะไม่รู้ถึงคิดไปทำ
เพราะกิเลสอาสาวะนอนมาในจิตตนเองรอไหลออกมาตอนลืมตาตื่นมาเห็นค่ะ

:b12:
:b4: :b4:


:b10: :b10: :b10:

เหมือน ก๊อกน้ำ เลยยยย

:b16: :b16: :b16:

:b32:
ผู้ที่สิ้นกิเลสแล้วไม่เกิดที่เกิดลืมตาปริบๆนี่ที่มีกิเลส
ดูความจริงสิคะโลภะติดในเห็นที่กำลังเห็นอยู่นี่แหละ
ถึงมาอ่านอยู่นี้น่ะไม่รู้ว่าเห็นได้แค่สีหลงผิดจำตัวอักษร
จำเป็นชื่อคนสัตว์วัตถุทั้งหมดเลยจำทุกอย่างผิดไงคะคิดเห็นผิด
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็กำลังเห็นผิดไม่ได้เห็นสีแค่1สีรู้ตัวไหมคะ
:b32: :b32: :b32:


อ้อ เห็นลืมตาอยู่ในคลิป. นั่นคือมีกิเลสทั้งหมดเลย

ยกเว้นตาหลับ

:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 09 ต.ค. 2018, 10:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:

ปัญญาไม่เกิดพร้อมกิเลสเพราะเป็นโสภณเจตสิกเกิดได้เมื่อเริ่มฟังคำสอน

:b12:
:b4: :b4:


:b20: :b20: :b20:

โสภณเจตสิก คือ เสียงงงงง

:b16: :b16: :b16:

:b12:
ปัญญาแรกเกิดแบบนี้ค่ะ
สุตมยปัญญาแปลว่าอะไร
จิต+เจตสิกเกิดดับพร้อมกัน
จิตเป็นประธานเจตสิกเป็นกรรม
เดี๋ยวนี้กำลังมีวิบาก/กรรม/กิเลส
มีแล้วจะไปไหนก็หอบตัวตนไปทำ
ไม่รู้ว่าไม่ต้องทำเพราะมีตามเหตุปัจจัย
กำลังเกิดดับด้วยหลงผิดมีตัวตนไปทำไม่รู้เพิ่ม
สุตมยปัญญาคือหนทางแรกอันเอกเพื่อพึ่งคำตถาคต
เพื่อรู้ความจริงตามคำของพระองค์ทุกคำผู้ที่ไม่มีกิเลสคือบรรลุอรหัตตผล
ที่เหลือน่ะกิเลสไหลมาให้ดูตามเหตุปัจจัยไม่ขาดสายไม่รู้จักกิเลสตนเองจะดับยังไงคะขาดสุตะไงคะ
:b32: :b32: :b32:


วิสัชนาแบบนี้ ไม่ใช่แบบที่พระพุทธองค์รับรอง...

สิ่งที่พระพุทธองค์ไม่รับรอง ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธองค์

:b12:


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อกิเลสนำให้ข้าไปหมายมั่นในเรื่องว่าสังขารไม่มีตัวตน
สังขารที่หมายมั่นนั้นก็ตกอยู่ในอำนาจกิเลส

เข้าใจว่าไม่มี เพราะสังขารว่าไม่มี
แต่สังขารนั้น เกิดภายใต้อำนาจของกิเลส

ถ้าจิตไม่เคย เห็นการดับไปของสังขารได้
จิตก็ไม่มีทางเท่าทัน สังขาร

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 09 ต.ค. 2018, 10:48, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 07:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


อาจจะถึงเวลาที่จะต้องเอาเรื่องราวเกี่ยวกับ ปริพาชก มานำเสนอให้มาก

ผู้มีปัญญาอยู่บ้างจะได้แยกแยะออก

:b1:


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 07:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ความจริงตามคำสอนรู้ถูกตามได้ตรงปัจจุบันขณะคือเดี๋ยวนี้ต้องกำลังเป็นไปจริงๆ
ถ้าเดี๋ยวนี้คิดนึกอ่านจำแล้วก็คิดว่าต้องปลีกตัวออกไปทำนั่นน่ะไม่รู้ถึงคิดไปทำ
เพราะกิเลสอาสาวะนอนมาในจิตตนเองรอไหลออกมาตอนลืมตาตื่นมาเห็นค่ะ

:b12:
:b4: :b4:


:b10: :b10: :b10:

เหมือน ก๊อกน้ำ เลยยยย

:b16: :b16: :b16:

:b32:
ผู้ที่สิ้นกิเลสแล้วไม่เกิดที่เกิดลืมตาปริบๆนี่ที่มีกิเลส
ดูความจริงสิคะโลภะติดในเห็นที่กำลังเห็นอยู่นี่แหละ
ถึงมาอ่านอยู่นี้น่ะไม่รู้ว่าเห็นได้แค่สีหลงผิดจำตัวอักษร
จำเป็นชื่อคนสัตว์วัตถุทั้งหมดเลยจำทุกอย่างผิดไงคะคิดเห็นผิด
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็กำลังเห็นผิดไม่ได้เห็นสีแค่1สีรู้ตัวไหมคะ
:b32: :b32: :b32:


อ้้อ เห็นลืมตาอยู่ในคลิป. นั่นคือมีกิเลสทั้งหมดเลย

ยกเว้นตาหลับ

:b32: :b32: :b32:

:b32:
พระพุทธเจ้าสอนให้ดูตัวเองไม่รู้จริงๆหรือคะว่าเอกอนไม่รู้
ดูข้างนอกคือดูอกุศลคนอื่นกว้านอกุศลตามที่ดูไปทับถม
กิเลสของเอกอนเองให้มีกำลังแรงขึ้นซ้ำเติมกิเลสตนเอง
ดูคือส่งออกจำผิดเป็นคนสัตว์วัตถุเดี๋ยวนี้เลยไม่ได้เห็นสี
เห็นไม่ใช่สีและสีไม่เห็นค่ะตาก็ไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นสีดับ
สะสมที่จิตไปตั้งนานแล้วหลงพอใจในกิเลสตนเองไงคะ
คิดนึกเป็นคนสัตว์วัตถุสิ่งของเต็มโลกเต็มสังขารขันธ์
ปรุงอะไรคะเอาให้ชัดๆถามจริงที่ลืมตาตื่นนี่ยังอยาก
ลืมตาขึ้นมาดูเพราะยังชอบดูไม่อยากตาบอดไงและ
ไม่อยากหูหนวกยังติดในเห็นยังอยากเห็น+ได้ยิน
ยังมีภวตัณหาไงคะให้ตาบอดเอาไหมก็ไม่เอาคือ
มีวิภวตัณหากำลังมีกิเลสตัณหามีแล้วอยู่ครบ
นอนในจิตรอเกิดนี้ที่กำลังเห็นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
จะเห็นถูกตามได้ตอนคิดถูกตามว่าเห็นสีคริคริคริ
ทุกคำในพระไตรปิฎกส่องถึงความจริงเดี๋ยวนี้อ่านช้าๆทีละคำ
ไม่ต้องเติมกิเลสตนเองเพิ่มขึ้นโดยการใส่ความคิดตนเองสอดแทรกเข้าไปน๊า
:b13:
:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 08:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ความจริงตามคำสอนรู้ถูกตามได้ตรงปัจจุบันขณะคือเดี๋ยวนี้ต้องกำลังเป็นไปจริงๆ
ถ้าเดี๋ยวนี้คิดนึกอ่านจำแล้วก็คิดว่าต้องปลีกตัวออกไปทำนั่นน่ะไม่รู้ถึงคิดไปทำ
เพราะกิเลสอาสาวะนอนมาในจิตตนเองรอไหลออกมาตอนลืมตาตื่นมาเห็นค่ะ

:b12:
:b4: :b4:


:b10: :b10: :b10:

เหมือน ก๊อกน้ำ เลยยยย

:b16: :b16: :b16:

:b32:
ผู้ที่สิ้นกิเลสแล้วไม่เกิดที่เกิดลืมตาปริบๆนี่ที่มีกิเลส
ดูความจริงสิคะโลภะติดในเห็นที่กำลังเห็นอยู่นี่แหละ
ถึงมาอ่านอยู่นี้น่ะไม่รู้ว่าเห็นได้แค่สีหลงผิดจำตัวอักษร
จำเป็นชื่อคนสัตว์วัตถุทั้งหมดเลยจำทุกอย่างผิดไงคะคิดเห็นผิด
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็กำลังเห็นผิดไม่ได้เห็นสีแค่1สีรู้ตัวไหมคะ
:b32: :b32: :b32:


อ้้อ เห็นลืมตาอยู่ในคลิป. นั่นคือมีกิเลสทั้งหมดเลย

ยกเว้นตาหลับ

:b32: :b32: :b32:

:b32:
พระพุทธเจ้าสอนให้ดูตัวเองไม่รู้จริงๆหรือคะว่าเอกอนไม่รู้
ดูข้างนอกคือดูอกุศลคนอื่นกว้านอกุศลตามที่ดูไปทับถม
กิเลสของเอกอนเองให้มีกำลังแรงขึ้นซ้ำเติมกิเลสตนเอง
ดูคือส่งออกจำผิดเป็นคนสัตว์วัตถุเดี๋ยวนี้เลยไม่ได้เห็นสี
เห็นไม่ใช่สีและสีไม่เห็นค่ะตาก็ไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นสีดับ
สะสมที่จิตไปตั้งนานแล้วหลงพอใจในกิเลสตนเองไงคะ
คิดนึกเป็นคนสัตว์วัตถุสิ่งของเต็มโลกเต็มสังขารขันธ์
ปรุงอะไรคะเอาให้ชัดๆถามจริงที่ลืมตาตื่นนี่ยังอยาก
ลืมตาขึ้นมาดูเพราะยังชอบดูไม่อยากตาบอดไงและ
ไม่อยากหูหนวกยังติดในเห็นยังอยากเห็น+ได้ยิน
ยังมีภวตัณหาไงคะให้ตาบอดเอาไหมก็ไม่เอาคือ
มีวิภวตัณหากำลังมีกิเลสตัณหามีแล้วอยู่ครบ
นอนในจิตรอเกิดนี้ที่กำลังเห็นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
จะเห็นถูกตามได้ตอนคิดถูกตามว่าเห็นสีคริคริคริ
ทุกคำในพระไตรปิฎกส่องถึงความจริงเดี๋ยวนี้อ่านช้าๆทีละคำ
ไม่ต้องเติมกิเลสตนเองเพิ่มขึ้นโดยการใส่ความคิดตนเองสอดแทรกเข้าไปน๊า
:b13:
:b32: :b32: :b32:

ขาดอีก1ตัณหาคือยังพอใจในรูปเสียงกลิ่นรสโผฐัพพะธรรมารมณ์มีกามตัณหาไงคะเดี๋ยวนี้ไม่พ้นกิเลสตัณหา
จนกว่าจะเริ่มสะสมปัญญาตามลำดับตามคำสอนไม่ใช่มัวคิดปรุงแต่งตามที่ตนเองดูแต่ต้องปรุงถูกจากฟังนะคะ
:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพิ่งนึกได้ว่า เออๆ คู่นี้ ยังไม่เคยลับฝึมือฝีปากกันเลย เชิญๆ เอากันให้เต็มที่เอาให้สุดฝีมือกันไปเลยขอรับ ส่วนจขกท. จะขอนั่งดูอยู่ขอบเวที มีเสริมบ้างนิดๆหน่อยๆโดยไม่กระทบบนเวที คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โสภณเจตสิก เจตสิกฝ่ายดีงาม มี ๒๕ แบ่งเป็น

ก. โสภณสาธารณเจตสิก (เจตสิกที่เกิดทั่วไปกับจิตดีงามทุกดวง) ๑๙ คือ

ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ ตัตรมัชฌัตตตา (ความเป็นกลางในอารมณ์นั้นๆ = อุเบกขา)

กายปัสสัทธิ (ความคลายสงบแห่งกองเจตสิก) จิตตปัสสัทธิ (แห่งจิต)

กายลหุตา (ความเบาแห่งกองเจตสิก) จิตตลหุตา (แห่งจิต)

กายมุทุตา (ความนุ่มนวลแห่งกองเจตสิก) จิตตมุทุตา (แห่งจิต)

กายกัมมัญญุตา (ความควรแก่งานแห่งกองเจตสิก) จิตตกัมมัญญุตา (แห่งจิต)

กายปาคุญญตา (ความคล่องแคล่วแห่งกองเจตสิก) จิตตปาคุญญตา (แห่งจิต)

กายุชุกตา (ความซื่อตรงแห่งกองเจตสิก) จิตตุชุกตา (แห่งจิต)

ข. วีรตีเจตสิก (เจตสิกที่เป็นตัวงดเว้น) ๓. คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ

ค. อัปปมัญญาเจตสิก (เจตสิกคืออัปปมัญญา) ๒ คือ กรุณา มุทิตา (อีก ๒ ซ้ำกับ อโทสะ และตัตรมัชฌัตตตา)

ง. ปัญญินทรียเจตสิก ๑ คือ ปัญญินทรีย์ หรืออโมหะ


เจตสิกเป็นธรรมชาติที่เกิดร่วมกับจิต คือ เป็นคุณสมบัติของจิต ตำราท่านแยกไว้ละเอียด ใครเรียนเพื่อนำไปสอบสนามเพื่อวัดความรู้ก็ต้องท่องจำให้ได้ จำไม่ได้ก็สอบตก

แต่ผู้ที่ปฏิบัติเพื่อต้องการรู้จักรู้เท่าทันมัน ไม่ต้องแยกกันขนาดนั้น เพียงแต่สังเกตความรู้สึกนึกคิดแต่ละครั้งละขณะๆที่คิดที่นึกก็พอ คิดดีเป็นกุศลจิต คิดไม่ดีก็เป็นอกุศลจิต ทั้งจิตทั้งเจตสิกก็รวมอยู่ด้วยกัน (เกิดพร้อม, ดับพร้อมกัน, มีอารมณ์เป็นอย่างเดียวกัน.)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 09:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เพิ่งนึกได้ว่า เออๆ คู่นี้ ยังไม่เคยลับฝึมือฝีปากกันเลย เชิญๆ เอากันให้เต็มที่เอาให้สุดฝีมือกันไปเลยขอรับ ส่วนจขกท. จะขอนั่งดูอยู่ขอบเวที มีเสริมบ้างนิดๆหน่อยๆโดยไม่กระทบบนเวที คิกๆๆ


:b32: :b32: :b32:

ค่ะ เอกอนไม่เอาหรอกค่ะ
อ่านแล้วแปลภาษาไทยเป็นภาษาไทยไม่ออก เอกอนก็ไม่อ่านแล้ว .... :b32:

แปลออกแค่ อะไรลืมตา หลับตา ไหลเข้า ไหลออก นี่ล่ะค่ะ

พออ่านไปมากกว่านั้น ผสานคำเป็นประโยค เป็นท่อนข้อความแล้ว
เหมือนนั่งมอง คนเอาลิง เอาช้าง เอาม้า เอาหมู เอาวัว มาผูกไว้ด้วยกัน
ต่างคำก็แสดงความหมายไปคนละทิศคนละทาง

555 ใครพยายามแปลความหมายประโยคทั้งหมดทั้งก้อนให้เข้าใจ ก็บร้าาาาา แล้วววววว
ก็แค่ วิญญาณ ที่เป็นเหมือนมายากล 555

เอกอนไม่สนหรอกค่ะ ที่จะลับฝีมือกับใคร

เอกอนก็หาเรื่องบันเทิงธรรมไปตามประสาดีก่าาาาา

เอกอนเอาเรื่องปริพาชกมานำเสนอให้ชาวพุทธได้เห็นเป็นตัวอย่างดีก่าาาาา

เอกอนจะได้แยกออก ประมวลออกว่า ในยุคนี้
ปริพาชก มักปรากฏกายให้เห็นในสังคมในลักษณะไหนได้บ้าง

ลับคมกับ ตา หู จมูก กาย ใจ ที่ใช้กิเลสนามว่ารสครอบครองอยู่จะได้อะไรคะ
ลับคมกับสิ่งที่มีปัญญาว่าเขาไม่มี เหร๋อคะ ^^

เมื่อไม่มี จะลับทำไม ... ^^

:b16: :b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 09 ต.ค. 2018, 09:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เพิ่งนึกได้ว่า เออๆ คู่นี้ ยังไม่เคยลับฝึมือฝีปากกันเลย เชิญๆ เอากันให้เต็มที่เอาให้สุดฝีมือกันไปเลยขอรับ ส่วนจขกท. จะขอนั่งดูอยู่ขอบเวที มีเสริมบ้างนิดๆหน่อยๆโดยไม่กระทบบนเวที คิกๆๆ


:b32: :b32: :b32:

ค่ะ เอกอนไม่เอาหรอกค่ะ
อ่านแล้วแปลภาษาไทยเป็นภาษาไทยไม่ออก เอกอนก็ไม่อ่านแล้ว .... :b32:

แปลออกแค่ อะไรลืมตา หลับตา ไหลเข้า ไหลออก นี่ล่ะค่ะ

พออ่านไปมากกว่านั้น ผสานคำเป็นประโยค เป็นท่อนข้อความแล้ว
เหมือนนั่งมอง คนเอาลิง เอาช้าง เอาม้า เอาหมู เอาวัว มาผูกไว้ด้วยกัน
ต่างคำก็แสดงความหมายไปคนละทิศคนละทาง

555 ใครพยายามแปลความหมายประโยคทั้งหมดทั้งก้อนให้เข้าใจ ก็บร้าาาาา แล้วววววว
ก็แค่ วิญญาณ ที่เป็นเหมือนมายากล 555

เอกอนไม่สนหรอกค่ะ ที่จะลับฝีมือกับใคร

เอกอนก็หาเรื่องบันเทิงธรรมไปตามประสาดีก่าาาาา

เอกอนเอาเรื่องปริพาชกมานำเสนอให้ชาวพุทธได้เห็นเป็นตัวอย่างดีก่าาาาา

เอกอนจะได้แยกออก ประมวลออกว่า ในยุคนี้
ปริพาชก มักปรากฏกายให้เห็นในสังคมในลักษณะไหนได้บ้าง

ลับคมกับ ตา หู จมูก กาย ใจ ที่ใช้กิเลสนามว่ารสครอบครองอยู่จะได้อะไรคะ
ลับคมกับสิ่งที่มีปัญญาว่าเขาไม่มี เหร๋อคะ ^^

เมื่อไม่มี จะลับทำไม ... ^^

:b16: :b16: :b16:



เขาให้ก็เอาเถอะรับๆไว้ เอาไปแขวนไว้ข้างฝาก็ได้ อิอิ วันนี้เรายังไม่ใช้ สักวันหนึ่งเกิดจำเป็นต้องใช้ขึ้นมาก็ปลดลงมาใช้ ไม่เป็นปัญหาอะไร :b32: ตย.นี้ ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิต, จิตต์ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์, สภาพที่นึกคิด, ความคิด, ใจ

เจตสิก ธรรมที่ประกอบกับจิต, อาการหรือคุณสมบัติต่างๆของจิต เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ศรัทธา เมตตา สติ ปัญญา เป็นต้น


ท้ังจิตทั้งเจตสิก (จิ เจ) เป็นธรรมชาติทั้งคู่ทั้งนั้น เติม รูป เข้าไปอีก เป็น จิต เจตสิก รูป ก็เป็นคนๆหนึ่งๆ แล้วในเมื่อ จิต เจตสิ รูป เป็นธรรมชาติ เมื่อว่าโดยความหมายสูงสุด คนจะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่ธรรมชาติ

ดังนั้น การที่คนเราทั้งหมดทั้งสิ้นทั้งโลก คิด พูด ทำ กันอยู่นี่อยู่นั่น เราเขาก็ใช้ธรรมชาตินี่แหละ ทำ พูด คิด แต่ใช้ในนามส่วนตัวบุคคล (ชีวิตของใครก็ของคนๆนั้น ชีวิตใครชีวิตมัน ใครทำใครได้) นี่มองชีวิตเป็น 2 ชั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีพ ชีวิต, ความเป็นอยู่

ชีวิต ความเป็นอยู่


ชีวิตสมสีสี ผู้สิ้นกิเลสพร้อมกับสิ้นชีวิต, ผู้ได้บรรลุธรรมวิเศษแล้วก็ดับจิตพอดี


ชีวิตินทรีย์ อินทรีย์คือชีวิต, สภาวะที่เป็นใหญ่ในการตามรักษาสหชาติธรรม (ธรรมที่เกิดร่วมด้วย) ดุจน้ำหล่อเลี้ยงดอกบัว เป็นต้น มี ๒ ฝ่าย คือ

๑. ชีวิตินทรีย์ที่เป็นชีวิตรูป เป็นอุปาทายรูปอย่างหนึ่ง เป็นเจ้าการในการรักษาหล่อเลี้ยงเหล่ากรรมชรูป (รูปที่เกิดแต่กรรม) บางทีเรียก รูปชีวิตินทรีย์

๒. ชีวิตินทรีย์ที่เป็นเจตสิกเป็นสัพพจิตตสาธารณเจตสิก อย่างหนึ่ง เป็นเจ้าการในการรักษาหล่อเลี้ยงนามธรรม คือ จิต และเจตสิกทั้งหลาย บางทีเรียก อรูปชีวิตินทรีย์ หรือ นามชีวิตินทรีย์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ความจริงตามคำสอนรู้ถูกตามได้ตรงปัจจุบันขณะคือเดี๋ยวนี้ต้องกำลังเป็นไปจริงๆ
ถ้าเดี๋ยวนี้คิดนึกอ่านจำแล้วก็คิดว่าต้องปลีกตัวออกไปทำนั่นน่ะไม่รู้ถึงคิดไปทำ
เพราะกิเลสอาสาวะนอนมาในจิตตนเองรอไหลออกมาตอนลืมตาตื่นมาเห็นค่ะ

:b12:
:b4: :b4:


:b10: :b10: :b10:

เหมือน ก๊อกน้ำ เลยยยย

:b16: :b16: :b16:

:b32:
ผู้ที่สิ้นกิเลสแล้วไม่เกิดที่เกิดลืมตาปริบๆนี่ที่มีกิเลส
ดูความจริงสิคะโลภะติดในเห็นที่กำลังเห็นอยู่นี่แหละ
ถึงมาอ่านอยู่นี้น่ะไม่รู้ว่าเห็นได้แค่สีหลงผิดจำตัวอักษร
จำเป็นชื่อคนสัตว์วัตถุทั้งหมดเลยจำทุกอย่างผิดไงคะคิดเห็นผิด
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็กำลังเห็นผิดไม่ได้เห็นสีแค่1สีรู้ตัวไหมคะ
:b32: :b32: :b32:


อ้้อ เห็นลืมตาอยู่ในคลิป. นั่นคือมีกิเลสทั้งหมดเลย

ยกเว้นตาหลับ

:b32: :b32: :b32:

:b32:
พระพุทธเจ้าสอนให้ดูตัวเองไม่รู้จริงๆหรือคะว่าเอกอนไม่รู้
ดูข้างนอกคือดูอกุศลคนอื่นกว้านอกุศลตามที่ดูไปทับถม
กิเลสของเอกอนเองให้มีกำลังแรงขึ้นซ้ำเติมกิเลสตนเอง
ดูคือส่งออกจำผิดเป็นคนสัตว์วัตถุเดี๋ยวนี้เลยไม่ได้เห็นสี
เห็นไม่ใช่สีและสีไม่เห็นค่ะตาก็ไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นสีดับ
สะสมที่จิตไปตั้งนานแล้วหลงพอใจในกิเลสตนเองไงคะ
คิดนึกเป็นคนสัตว์วัตถุสิ่งของเต็มโลกเต็มสังขารขันธ์
ปรุงอะไรคะเอาให้ชัดๆถามจริงที่ลืมตาตื่นนี่ยังอยาก
ลืมตาขึ้นมาดูเพราะยังชอบดูไม่อยากตาบอดไงและ
ไม่อยากหูหนวกยังติดในเห็นยังอยากเห็น+ได้ยิน
ยังมีภวตัณหาไงคะให้ตาบอดเอาไหมก็ไม่เอาคือ
มีวิภวตัณหากำลังมีกิเลสตัณหามีแล้วอยู่ครบ
นอนในจิตรอเกิดนี้ที่กำลังเห็นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
จะเห็นถูกตามได้ตอนคิดถูกตามว่าเห็นสีคริคริคริ
ทุกคำในพระไตรปิฎกส่องถึงความจริงเดี๋ยวนี้อ่านช้าๆทีละคำ
ไม่ต้องเติมกิเลสตนเองเพิ่มขึ้นโดยการใส่ความคิดตนเองสอดแทรกเข้าไปน๊า
:b13:
:b32: :b32: :b32:

ขาดอีก1ตัณหาคือยังพอใจในรูปเสียงกลิ่นรสโผฐัพพะธรรมารมณ์มีกามตัณหาไงคะเดี๋ยวนี้ไม่พ้นกิเลสตัณหา
จนกว่าจะเริ่มสะสมปัญญาตามลำดับตามคำสอนไม่ใช่มัวคิดปรุงแต่งตามที่ตนเองดูแต่ต้องปรุงถูกจากฟังนะคะ
:b32: :b32: :b32:

:b12:
ไม่ชัดหรือคะเคยอ่านไหม
ปัจจุบันเท่านั้นที่รู้ถูกตรงตามได้
อดีตรู้ไม่ได้และอนาคตยังมาไม่ถึง
เขียนภาษาไทยไม่เข้าใจงั้นNOWเข้าใจไหม
Beingต้องกำลังมีตรงขณะกิเลสน่ะมีแล้วที่จิตใครจิตมัน
ดูคลิปน่ะคลิปไม่ใช่สภาพรู้นี่มีแต่จิตตัวเองปรุงแต่งครบ6ทางไม่ใช่เหรอขาดแค่ฟัง
ตาดูหูฟังถ้าทันจะเข้าหูซ้ายออกหูขวาก็เป็นเหตุปัจจัยที่ตนเองไม่มีสติระลึกตามทีละคำได้ไงคะ
เพราะมัวแต่ปรุงว่าคนนั้นพูดคนนี้ตอบลืมเงี่ยหูตั้งใจฟังเพื่อเข้าตรงตามที่กำลังได้ยินได้ฟังไงคะมัวคิดฟุ้งซ่าน
ตรงขณะคือสีกระทบตาดับทันทีไม่ตรงกับได้ยินไม่ตรงกับคิดไม่ตรงกับรสเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะไงคะ
โลกทั้งใบและขันธ์ทั้งหลายเลยดับพร้อมกับจิตไปแล้วครบทั้ง6ทางด้วยเดี๋ยวนี้ทรงแสดงความจริงที่ไม่มีใครรู้
จึงต้องเพียรฟังเพื่อไตร่ตรองตามคำที่กำลังฟังว่าทำให้คิดถูกตรงตัวจริงของธัมมะไหนน๊าขาดการฟังไม่ได้ไง
อันว่านั่งหลับตาจนได้อรูปฌานโดยคิดนึกไปตามสภาพธรรมเอาเองอย่าง2อาจารย์ดาบสตายก่อนฟังคำสอน
พระอาฬารดาบสและพระอุทกดาบสนั้นเป็นมิจฉาสมาธิเพราะไม่ได้ฟังคำสอนเลยไม่เกิดปัญญารู้ถูกตามได้ไงคะ
:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 09 ต.ค. 2018, 10:35, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 10:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b12:
ไม่ชัดหรือคะเคยอ่านไหม
ปัจจุบันเท่านั้นที่รู้ถูกตรงตามได้
อดีตรู้ไม่ได้และอนาคตยังมาไม่ถึง
เขียนภาษาไทยไม่เข้าใจงั้นNOWเข้าใจไหม
Beingต้องกำลังมีตรงขณะกิเลสน่ะมีแล้วที่จิตใครจิตมัน
ดูคลิปน่ะคลิปไม่ใช่สภาพรู้นี่มีแต่จิตตัวเองปรุงแต่งครบ6ทางไม่ใช่เหรอขาดแค่ฟัง
ตาดูหูฟังถ้าทันจะเข้าหูซ้ายออกหูขวาก็เป็นเหตุปัจจัยที่ตนเองไม่มีสติระลึกตามทีละคำได้ไงคะ
เพราะมัวแต่ปรุงว่าคนนั้นพูดคนนี้ตอบลืมเงี่ยหูตั้งใจฟังเพื่อเข้าตรงตามที่กำลังได้ยินได้ฟังไงคะมัวคิดฟุ้งซ่าน
ตรงขณะคือสีกระทบตาดับทันทีไม่ตรงกับได้ยินไม่ตรงกับคิดไม่ตรงกับรสเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะไงคะ
โลกทั้งใบและขันธ์ทั้งหลายเลยดับพร้อมกับจิตไปแล้วครบทั้ง6ทางด้วยเดี๋ยวนี้ทรงแสดงความจริงที่ไม่มีใครรู้
จึงต้องเพียรฟังเพื่อไตร่ตรองตามคำที่กำลังฟังว่าทำให้คิดถูกตรงตัวจริงของธัมมะไหนน๊าขาดการฟังไม่ได้ไง
อันว่านั่งหลับตาจนได้อรูปฌานโดยคิดนึกไปตามสภาพธรรมเอาเองอย่าง2อาจารย์ดาบสตายก่อนฟังคำสอน
พระอาฬารดาบสและพระอุทกดาบสนั้นเป็นมิจฉาสมาธิเพราะไม่ได้ฟังคำสอนเลยไม่เกิดปัญญารู้ถูกตามได้ไงคะ
:b32: :b32: :b32:


พระพุทธเจ้ารับรองคำสอนข้างต้นมั๊ยคะ ...

ถ้าหามายืนยังไม่ได้ แสดงว่า ก็ไม่ต่างจากอาหารไม่มี อย. :b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2018, 10:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
ไม่ชัดหรือคะเคยอ่านไหม
ปัจจุบันเท่านั้นที่รู้ถูกตรงตามได้
อดีตรู้ไม่ได้และอนาคตยังมาไม่ถึง
เขียนภาษาไทยไม่เข้าใจงั้นNOWเข้าใจไหม
Beingต้องกำลังมีตรงขณะกิเลสน่ะมีแล้วที่จิตใครจิตมัน
ดูคลิปน่ะคลิปไม่ใช่สภาพรู้นี่มีแต่จิตตัวเองปรุงแต่งครบ6ทางไม่ใช่เหรอขาดแค่ฟัง
ตาดูหูฟังถ้าทันจะเข้าหูซ้ายออกหูขวาก็เป็นเหตุปัจจัยที่ตนเองไม่มีสติระลึกตามทีละคำได้ไงคะ
เพราะมัวแต่ปรุงว่าคนนั้นพูดคนนี้ตอบลืมเงี่ยหูตั้งใจฟังเพื่อเข้าตรงตามที่กำลังได้ยินได้ฟังไงคะมัวคิดฟุ้งซ่าน
ตรงขณะคือสีกระทบตาดับทันทีไม่ตรงกับได้ยินไม่ตรงกับคิดไม่ตรงกับรสเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะไงคะ
โลกทั้งใบและขันธ์ทั้งหลายเลยดับพร้อมกับจิตไปแล้วครบทั้ง6ทางด้วยเดี๋ยวนี้ทรงแสดงความจริงที่ไม่มีใครรู้
จึงต้องเพียรฟังเพื่อไตร่ตรองตามคำที่กำลังฟังว่าทำให้คิดถูกตรงตัวจริงของธัมมะไหนน๊าขาดการฟังไม่ได้ไง
อันว่านั่งหลับตาจนได้อรูปฌานโดยคิดนึกไปตามสภาพธรรมเอาเองอย่าง2อาจารย์ดาบสตายก่อนฟังคำสอน
พระอาฬารดาบสและพระอุทกดาบสนั้นเป็นมิจฉาสมาธิเพราะไม่ได้ฟังคำสอนเลยไม่เกิดปัญญารู้ถูกตามได้ไงคะ
:b32: :b32: :b32:


พระพุทธเจ้ารับรองคำสอนข้างต้นมั๊ยคะ ...

ถ้าหามายืนยังไม่ได้ แสดงว่า ก็ไม่ต่างจากอาหารไม่มี อย. :b32: :b32: :b32:


ตอนนี้ ไม่สนอะไรทั้งสิ้นค่ะ จะดู อย.

ถ้าไม่มี อย. เดี๋ยวเอกอนจะไปเข้าเรื่อง ปริพาชก แล้วค่ะ

พระพุทธองค์มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ปริพาชก มากมาย ค่ะ

จะได้ทำความรู้จักกับ ปริพาชก ยุค 2561 กันนะคะ

:b12: :b12: :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 278 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร