วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 11:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 278 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอกัคคตา ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือ ความมีจิตต์แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ได้แก่ สมาธิ (พจนานุกรม เขียน เอกัคตา) ดูฌาน

ฌาน การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ, ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก

ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชากำหนดรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว และการออกจากฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติตามความเป็นจริง

ฌานปนกิจ กิจเผาศพ, การเผาศพ

(ฌาปนกิจ แถมให้ ธาตุตัวเดียวกัน คิกๆๆ)

:b12:
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางนั้นมันมั่นคงตั้งมั่นตรงทางตามปกติตามเป็นจริงเป็นสมาธิชื่อเอกัคตาเจตสิก
บอกว่ามีแล้วตรงตามคำสอนเกิดกับจิตทุกขณะจะเป็นสัมมามรรคเมื่อเริ่มคิดตามการฟังพระพุทธพจน์
คบบัณฑิตคือฟังคำสอนแล้วเข้าใจเกิดปัญญาส่วนคบพาลคือไม่ฟังคำสอนใช้ชีวิตแบบไม่รู้ความจริง
https://youtu.be/HfYLK6OM4_o



มาอีกแระจิตเกิดดับทีละ 1 ขณะ มโนเอาทั้งเพ นี่คือเหตุหนึ่งแห่งความคิดฟุ้งซ่าน ถ้าถามว่า เห็นจิตเกิดดับไหม ? ถาม 99 ครั้งแล้ว ไม่ตอบเลี่ยงไปนั่นมานี่ เอาให้ครบ 100 ถามอีกที คุณโรสเห็นจิตเกิดดับไหม

1. เห็น

2. ไม่เห็นหรอก เขาพูดให้ฟัง

ข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้เทียบเคียงสิ่งที่ตนเองกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแปลว่ามีแล้ว
แต่ตนเองไม่รู้ว่าขณะนี้ที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีคือลักษณะนั้นปรากฏว่ามีแล้วอย่างไร
มีแต่ไปอ่านตำราแล้วก็ท่องจำคำเอามาพูดเป็นการพูดทุกคำที่ไม่รู้ความจริง...ชัดไหม
จะรู้คิดถูกตามได้ต้องอาศัยคิดตามทีละคำตรงขณะจากคนที่กล่าวคำตถาคตให้เข้าใจถูกตามได้คร่าาาาา
เช่น...เห็นเป็นธัมมะเป็นจิตไม่ใช่เรา...เห็นสีกระทบตาดับทันทีแล้วแต่คิดผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
จำผิดคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อธัมมะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ไงล่ะคะ
ต่างคนต่างคิดพูดทำโดยขาดการฟังอยู่ชัดไหมคะเดี๋ยวนี้กำลังมีมิจฉาทิฏฐิ
จนกว่าจะเริ่มฟังจึงเริ่มคิดถูกตามได้จึงจะเกิดสัมมาตามคำสอนได้รู้ยัง
:b32: :b32:

Kiss
แก้ต้องแก้เดี๋ยวนี้...ฟังจากปรโตโฆสะคือผู้ที่กล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจสิ่งที่ตนกำลังมีที่กายใจเดี๋ยวนี้ค่ะ
https://youtu.be/Qfaa6RT2bgs
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้เริ่มยืดยาว เพราะคุณลุงกรัชกาย
กำลังหาทางแถ ออกไปนอกประเด็น

เม สรุปให้นะคะ ว่า

เพราะคุณลุงกรัชกาย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก ปฎิบัติไม่เอาไหน

เรยเอาสมาธิ ไปมั่วปนกัน กะสติปัฎฐาน เอาไปมั่วปนกัน กะ วิปัสสนาธุระ

ไม่รู้ว่า องค์ธรรมสำคัญ ของสมาธิ คือเอกคัคคตา
บรรลุได้ด้วยความมีธรรมเอกผุดขึ้น

แต่ลุงกรัชกาย ดันไปแนะนำด้วยความเขลา เบาปัญญา ว่า ให้กำหนดหนอๆๆๆ ตลอดเวลา ในสมาธิ

ดันไปห้ามกิเลส ด้วยจิตอันเป็นสสังขาร
ดันไปกดข่มธรรมที่เป็นข้าศึก
ดันไปกำหนด คันคอหนอๆๆ วุ่นวายหนอๆๆๆ ขัดข้องหนอๆๆๆ
ตลอดเวลา ในสมาธิ

ลุงกรัชกาย มั่วๆๆๆมากๆค่ะ
และยังไม่อาจสำนึกผิดได้ ที่กล่าวไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์แสดง

ซึ่งคำสอนลุงกรัชกาย สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า

"สมาธินี้ อันคนเลวเสพไม่ได้ "ตรัสในพระสูตรไว้ จริงๆค่ะ

เม แนะนำนะคะ ไปศึกษาพื้นฐานให้ดีๆก่อนนะคะ

อย่าดื้อ
จะได้เสพสมาธิได้ค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เมแนะนำนะคะ ให้ลุงกรัชกาย

ไปศึกษาพื้นฐานให้ดีๆเสีย หัดปฎิบัติให้ตรงตามที่พระพุทธองค์แสดงนะคะ

ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ในบอร์ด ของคุณลุง ได้มาจากการโพสต์มาก พูดมาก

ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหรอกค่ะ

มันไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิทางธรรมจริงๆ
ที่เรียน ที่ศึกษา ที่ปฎิบัติมาจริงๆ มันแค่โพสต์มาก พูดมาก ก็ได้แล้วตำแหน่งนี้

เพราะลุงกรัชกาย จะแถต่อไป ยังไง ก็ฟังไม่ขึ้นหรอกค่ะ

มันผิดเพี้ยนมา เป็นมิจฉาสมาธิ ตั่งแต่แรก

ไม่ใช่สัมมาสมาธิ อันประณีต ที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ในพระธรรม

คนเลว เสพไม่ได้จริงๆค่ะ

อย่าดื้อๆ นะคะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอกัคคตา ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือ ความมีจิตต์แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ได้แก่ สมาธิ (พจนานุกรม เขียน เอกัคตา) ดูฌาน

ฌาน การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ, ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก

ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชากำหนดรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว และการออกจากฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติตามความเป็นจริง

ฌานปนกิจ กิจเผาศพ, การเผาศพ

(ฌาปนกิจ แถมให้ ธาตุตัวเดียวกัน คิกๆๆ)

:b12:
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางนั้นมันมั่นคงตั้งมั่นตรงทางตามปกติตามเป็นจริงเป็นสมาธิชื่อเอกัคตาเจตสิก
บอกว่ามีแล้วตรงตามคำสอนเกิดกับจิตทุกขณะจะเป็นสัมมามรรคเมื่อเริ่มคิดตามการฟังพระพุทธพจน์
คบบัณฑิตคือฟังคำสอนแล้วเข้าใจเกิดปัญญาส่วนคบพาลคือไม่ฟังคำสอนใช้ชีวิตแบบไม่รู้ความจริง
https://youtu.be/HfYLK6OM4_o



มาอีกแระจิตเกิดดับทีละ 1 ขณะ มโนเอาทั้งเพ นี่คือเหตุหนึ่งแห่งความคิดฟุ้งซ่าน ถ้าถามว่า เห็นจิตเกิดดับไหม ? ถาม 99 ครั้งแล้ว ไม่ตอบเลี่ยงไปนั่นมานี่ เอาให้ครบ 100 ถามอีกที คุณโรสเห็นจิตเกิดดับไหม

1. เห็น

2. ไม่เห็นหรอก เขาพูดให้ฟัง

ข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้เทียบเคียงสิ่งที่ตนเองกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแปลว่ามีแล้ว
แต่ตนเองไม่รู้ว่าขณะนี้ที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีคือลักษณะนั้นปรากฏว่ามีแล้วอย่างไร
มีแต่ไปอ่านตำราแล้วก็ท่องจำคำเอามาพูดเป็นการพูดทุกคำที่ไม่รู้ความจริง...ชัดไหม
จะรู้คิดถูกตามได้ต้องอาศัยคิดตามทีละคำตรงขณะจากคนที่กล่าวคำตถาคตให้เข้าใจถูกตามได้คร่าาาาา
เช่น...เห็นเป็นธัมมะเป็นจิตไม่ใช่เรา...เห็นสีกระทบตาดับทันทีแล้วแต่คิดผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
จำผิดคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อธัมมะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ไงล่ะคะ
ต่างคนต่างคิดพูดทำโดยขาดการฟังอยู่ชัดไหมคะเดี๋ยวนี้กำลังมีมิจฉาทิฏฐิ
จนกว่าจะเริ่มฟังจึงเริ่มคิดถูกตามได้จึงจะเกิดสัมมาตามคำสอนได้รู้ยัง
:b32: :b32:

Kiss
แก้ต้องแก้เดี๋ยวนี้...ฟังจากปรโตโฆสะคือผู้ที่กล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจสิ่งที่ตนกำลังมีที่กายใจเดี๋ยวนี้ค่ะ
https://youtu.be/Qfaa6RT2bgs


รายนี้ก็ปรโตโฆสะ ปะระโตโคบ่อ อะไรนักก็ไม่รู้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กระทู้เริ่มยืดยาว เพราะคุณลุงกรัชกาย
กำลังหาทางแถ ออกไปนอกประเด็น

เม สรุปให้นะคะ ว่า

เพราะคุณลุงกรัชกาย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก ปฎิบัติไม่เอาไหน

เรยเอาสมาธิ ไปมั่วปนกัน กะสติปัฎฐาน เอาไปมั่วปนกัน กะ วิปัสสนาธุระ

ไม่รู้ว่า องค์ธรรมสำคัญ ของสมาธิ คือเอกคัคคตา
บรรลุได้ด้วยความมีธรรมเอกผุดขึ้น

แต่ลุงกรัชกาย ดันไปแนะนำด้วยความเขลา เบาปัญญา ว่า ให้กำหนดหนอๆๆๆ ตลอดเวลา ในสมาธิ

ดันไปห้ามกิเลส ด้วยจิตอันเป็นสสังขาร
ดันไปกดข่มธรรมที่เป็นข้าศึก
ดันไปกำหนด คันคอหนอๆๆ วุ่นวายหนอๆๆๆ ขัดข้องหนอๆๆๆ
ตลอดเวลา ในสมาธิ

ลุงกรัชกาย มั่วๆๆๆมากๆค่ะ
และยังไม่อาจสำนึกผิดได้ ที่กล่าวไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์แสดง

ซึ่งคำสอนลุงกรัชกาย สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า

"สมาธินี้ อันคนเลวเสพไม่ได้ "ตรัสในพระสูตรไว้ จริงๆค่ะ

เม แนะนำนะคะ ไปศึกษาพื้นฐานให้ดีๆก่อนนะคะ

อย่าดื้อ
จะได้เสพสมาธิได้ค่ะ



นึกถึงฝอยขัดหม้ออีก คือ จับศัพท์นั้นมาโยงกับศัพท์นี้ ร้อยเรียงกันเป็นพวง ซึ่งศัพท์ที่นำมาร้อยเรียงเช่นว่านั้น มันคนเรื่องคนละความหมายเลย เข้าตำราหัวมังกุฎท้ายมังกือ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เมแนะนำนะคะ ให้ลุงกรัชกาย

ไปศึกษาพื้นฐานให้ดีๆเสีย หัดปฎิบัติให้ตรงตามที่พระพุทธองค์แสดงนะคะ

ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ในบอร์ด ของคุณลุง ได้มาจากการโพสต์มาก พูดมาก

ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหรอกค่ะ

มันไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิทางธรรมจริงๆ
ที่เรียน ที่ศึกษา ที่ปฎิบัติมาจริงๆ มันแค่โพสต์มาก พูดมาก ก็ได้แล้วตำแหน่งนี้

เพราะลุงกรัชกาย จะแถต่อไป ยังไง ก็ฟังไม่ขึ้นหรอกค่ะ

มันผิดเพี้ยนมา เป็นมิจฉาสมาธิ ตั่งแต่แรก

ไม่ใช่สัมมาสมาธิ อันประณีต ที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ในพระธรรม

คนเลว เสพไม่ได้จริงๆค่ะ

อย่าดื้อๆ นะคะ




นี่ก็เช่นกัน จับเอาศัพท์นั้นมาโยงกับศัพท์นี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2018, 00:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
เมแนะนำนะคะ ให้ลุงกรัชกาย

ไปศึกษาพื้นฐานให้ดีๆเสีย หัดปฎิบัติให้ตรงตามที่พระพุทธองค์แสดงนะคะ

ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ในบอร์ด ของคุณลุง ได้มาจากการโพสต์มาก พูดมาก

ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหรอกค่ะ

มันไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิทางธรรมจริงๆ
ที่เรียน ที่ศึกษา ที่ปฎิบัติมาจริงๆ มันแค่โพสต์มาก พูดมาก ก็ได้แล้วตำแหน่งนี้

เพราะลุงกรัชกาย จะแถต่อไป ยังไง ก็ฟังไม่ขึ้นหรอกค่ะ

มันผิดเพี้ยนมา เป็นมิจฉาสมาธิ ตั่งแต่แรก

ไม่ใช่สัมมาสมาธิ อันประณีต ที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ในพระธรรม

คนเลว เสพไม่ได้จริงๆค่ะ

อย่าดื้อๆ นะคะ




นี่ก็เช่นกัน จับเอาศัพท์นั้นมาโยงกับศัพท์นี้


ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด ได้มาจากการโพสต์มาก พูดมากค่ะ
ไม่ใช่ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ที่แตกฉานในธรรมจริงๆ

สมาธิอันนี้ คนเลวเสพไม่ได้จริงๆ ค่ะ
ถ้าไม่ทำตามที่พระบรมศาสดาทรงแสดง ไม่สอดคล้องกะพระสูตร

ไม่มีทางได้เสพ ไม่มีทางได้ลิ้มรส สมาธิ อันปราณีตที่พระพุทธองค์กล่าวแน่นอนค่ะ

ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า

"สมาธินี้ อันคนเลวเสพไม่ได้ "ตรัสในพระสูตรไว้ ค่ะ

เม แนะนำนะคะ ไปศึกษาพื้นฐานให้ดีๆก่อนนะคะ

อย่าดื้อ อย่ารั้น นะคะ
จะได้เสพสมาธิ ได้ลิ้มรสสมาธิ แบบที่พระพุทธองค์สอนได้ค่ะ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2018, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้สังเกตกันอีกทีว่า เรื่องนี้ ต้องลงมือทำ ลงมือฝึก ลงมือภาวนา คิดๆเอาไปไม่ถึงหรอก :b16: ให้สังเกตซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึง เจอะเข้าแล้วถึงรู้ตัวว่า เมื่อก่อนคิดผิด คิกๆๆๆ


ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรก คือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถะ ๔o วิธีแล้ว รู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง) แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง ฯลฯ
กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกาย ขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้ มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่า กายหายไป รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้น ผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้ มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่า ลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปีติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"

จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2018, 03:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ให้สังเกตกันอีกทีว่า เรื่องนี้ ต้องลงมือทำ ลงมือฝึก ลงมือภาวนา คิดๆเอาไปไม่ถึงหรอก :b16: ให้สังเกตซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึง เจอะเข้าแล้วถึงรู้ตัวว่า เมื่อก่อนคิดผิด คิกๆๆๆ


ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรก คือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถะ ๔o วิธีแล้ว รู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง) แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง ฯลฯ
กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกาย ขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้ มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่า กายหายไป รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้น ผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้ มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่า ลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปีติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"

จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

"มีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ "

คริคริ สมาธิ กำหนดลมหายใจ

คุณลุงยกตัวอย่างมามั่วอีกแล้ว

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้หัดปฎิบัติมาเรย

เรยไม่รู้ว่า องค์ธรรมของสมาธิ มีอะไรบ้าง ไม่ใช่มีลมสักหน่อยนะคะ

องค์ธรรมสำคัญสมาธิ คือ เอกคัตตาจิต ไม่ใช่ลม

เมบอกมาหกเดือนแล้วนะ ยังไม่เก๊ต
ยังไปเอาตัวอย่างมั่วๆสะเปะสะปะ มาอีก

คุณลุงกรัชกาย แยกอานาปานะสติ กะสมาธิไม่ออก เรย

คริๆ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2018, 05:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้สังเกตกันอีกทีว่า เรื่องนี้ ต้องลงมือทำ ลงมือฝึก ลงมือภาวนา คิดๆเอาไปไม่ถึงหรอก :b16: ให้สังเกตซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึง เจอะเข้าแล้วถึงรู้ตัวว่า เมื่อก่อนคิดผิด คิกๆๆๆ


ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรก คือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถะ ๔o วิธีแล้ว รู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง) แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง ฯลฯ
กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกาย ขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้ มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่า กายหายไป รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้น ผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้ มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่า ลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปีติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"

จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

"มีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ "

คริคริ สมาธิ กำหนดลมหายใจ

คุณลุงยกตัวอย่างมามั่วอีกแล้ว

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้หัดปฎิบัติมาเรย

เรยไม่รู้ว่า องค์ธรรมของสมาธิ มีอะไรบ้าง ไม่ใช่มีลมสักหน่อยนะคะ

องค์ธรรมสำคัญสมาธิ คือ เอกคัตตาจิต ไม่ใช่ลม

เมบอกมาหกเดือนแล้วนะ ยังไม่เก๊ต
ยังไปเอาตัวอย่างมั่วๆสะเปะสะปะ มาอีก

คุณลุงกรัชกาย แยกอานาปานะสติ กะสมาธิไม่ออก เรย

คริๆ




อานาปานะ มันก็ลมหายใจเข้าๆ ออกๆ นี่แหละ ส่วนสมาธิ ก็แล่นแน่วอยู่ลมหายใจเข้า-ออก เป็นต้น มันก็แค่นี้เอง อานาปานะ + สมาธิ คิกๆๆ จริงๆนะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ :b32:

เรื่องนี้ จะต้องวัดด้วยการทำการฝึกแล้วจะร้องอ๋อ ก็ได้ ร้องโอ้ย ก็ได้ ร้องอ๋อ นี่เข้าใจ ร้องโอ้ยยนี่แพ้ใจตัวเอง :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2018, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้สังเกตกันอีกทีว่า เรื่องนี้ ต้องลงมือทำ ลงมือฝึก ลงมือภาวนา คิดๆเอาไปไม่ถึงหรอก :b16: ให้สังเกตซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึง เจอะเข้าแล้วถึงรู้ตัวว่า เมื่อก่อนคิดผิด คิกๆๆๆ


ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรก คือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถะ ๔o วิธีแล้ว รู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง) แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง ฯลฯ
กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกาย ขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้ มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่า กายหายไป รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้น ผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้ มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่า ลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปีติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"

จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

"มีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ "

คริคริ สมาธิ กำหนดลมหายใจ

คุณลุงยกตัวอย่างมามั่วอีกแล้ว

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้หัดปฎิบัติมาเรย

เรยไม่รู้ว่า องค์ธรรมของสมาธิ มีอะไรบ้าง ไม่ใช่มีลมสักหน่อยนะคะ

องค์ธรรมสำคัญสมาธิ คือ เอกคัตตาจิต ไม่ใช่ลม

เมบอกมาหกเดือนแล้วนะ ยังไม่เก๊ต
ยังไปเอาตัวอย่างมั่วๆสะเปะสะปะ มาอีก

คุณลุงกรัชกาย แยกอานาปานะสติ กะสมาธิไม่ออก เรย

คริๆ





ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มั่นเขี้ยวเอาอีกสักตัวอย่างเหอะ :b13:

ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วันละสาม ชม. แรกๆก็จะบริกรรม ดูลม (เรียนทำสมาธิจากเวปต่างๆ และคลิปที่ยูทูป อยู่ต่างประเทศคะ) จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึงวันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้าง คะ
ขอรบกวนให้คำปรึกษาด้วยนะคะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2018, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้สังเกตกันอีกทีว่า เรื่องนี้ ต้องลงมือทำ ลงมือฝึก ลงมือภาวนา คิดๆเอาไปไม่ถึงหรอก :b16: ให้สังเกตซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึง เจอะเข้าแล้วถึงรู้ตัวว่า เมื่อก่อนคิดผิด คิกๆๆๆ


ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรก คือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถะ ๔o วิธีแล้ว รู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง) แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง ฯลฯ
กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกาย ขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้ มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่า กายหายไป รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้น ผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้ มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่า ลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปีติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"

จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

"มีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ "

คริคริ สมาธิ กำหนดลมหายใจ

คุณลุงยกตัวอย่างมามั่วอีกแล้ว

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้หัดปฎิบัติมาเรย

เรยไม่รู้ว่า องค์ธรรมของสมาธิ มีอะไรบ้าง ไม่ใช่มีลมสักหน่อยนะคะ

องค์ธรรมสำคัญสมาธิ คือ เอกคัตตาจิต ไม่ใช่ลม

เมบอกมาหกเดือนแล้วนะ ยังไม่เก๊ต
ยังไปเอาตัวอย่างมั่วๆสะเปะสะปะ มาอีก

คุณลุงกรัชกาย แยกอานาปานะสติ กะสมาธิไม่ออก เรย

คริๆ





ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มั่นเขี้ยวเอาอีกสักตัวอย่างเหอะ :b13:

ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วันละสาม ชม. แรกๆก็จะบริกรรม ดูลม (เรียนทำสมาธิจากเวปต่างๆ และคลิปที่ยูทูป อยู่ต่างประเทศคะ) จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึงวันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้าง คะ
ขอรบกวนให้คำปรึกษาด้วยนะคะ
[color=#BF00FF]

ทำสมาธิแบบที่ลุงกรัชกายแนะนำให้มาเหรอคะ
ทำได้ฟุ้งดีมากค่ะ เอาบัญญัติมาเป็นอารมณ์ได้เยอะเรย
เยอะเกินกว่า จะเป็นสมาธิค่ะ
ถ้ายังฟังลุงกรัชกายอยู่ จะทำสมาธิให้ฟุ้งกว่านี้ได้อีกมากเรยค่ะ

ก่อนอื่น เข้าใจง่ายๆก่อนนะคะ
สมาธิ แปลว่า ทรงไว้ซึ่งความสงบค่ะ

นั่น เป็นทั้งมิจฉาสมาธิ และมิจฉาสติไปแล้วค่ะ

หาคนแนะนำที่
เรียนพระอภิธรรมด้วยนะคะ
จะได้ ตรงต่อปริยัติ ปฎิบัติจะไม่เพี้ยนขนาดนี้ค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2018, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอกัคคตา ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือ ความมีจิตต์แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ได้แก่ สมาธิ (พจนานุกรม เขียน เอกัคตา) ดูฌาน

ฌาน การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ, ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก

ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชากำหนดรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว และการออกจากฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติตามความเป็นจริง

ฌานปนกิจ กิจเผาศพ, การเผาศพ

(ฌาปนกิจ แถมให้ ธาตุตัวเดียวกัน คิกๆๆ)

:b12:
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางนั้นมันมั่นคงตั้งมั่นตรงทางตามปกติตามเป็นจริงเป็นสมาธิชื่อเอกัคตาเจตสิก
บอกว่ามีแล้วตรงตามคำสอนเกิดกับจิตทุกขณะจะเป็นสัมมามรรคเมื่อเริ่มคิดตามการฟังพระพุทธพจน์
คบบัณฑิตคือฟังคำสอนแล้วเข้าใจเกิดปัญญาส่วนคบพาลคือไม่ฟังคำสอนใช้ชีวิตแบบไม่รู้ความจริง
https://youtu.be/HfYLK6OM4_o



มาอีกแระจิตเกิดดับทีละ 1 ขณะ มโนเอาทั้งเพ นี่คือเหตุหนึ่งแห่งความคิดฟุ้งซ่าน ถ้าถามว่า เห็นจิตเกิดดับไหม ? ถาม 99 ครั้งแล้ว ไม่ตอบเลี่ยงไปนั่นมานี่ เอาให้ครบ 100 ถามอีกที คุณโรสเห็นจิตเกิดดับไหม

1. เห็น

2. ไม่เห็นหรอก เขาพูดให้ฟัง

ข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้เทียบเคียงสิ่งที่ตนเองกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแปลว่ามีแล้ว
แต่ตนเองไม่รู้ว่าขณะนี้ที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีคือลักษณะนั้นปรากฏว่ามีแล้วอย่างไร
มีแต่ไปอ่านตำราแล้วก็ท่องจำคำเอามาพูดเป็นการพูดทุกคำที่ไม่รู้ความจริง...ชัดไหม
จะรู้คิดถูกตามได้ต้องอาศัยคิดตามทีละคำตรงขณะจากคนที่กล่าวคำตถาคตให้เข้าใจถูกตามได้คร่าาาาา
เช่น...เห็นเป็นธัมมะเป็นจิตไม่ใช่เรา...เห็นสีกระทบตาดับทันทีแล้วแต่คิดผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
จำผิดคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อธัมมะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ไงล่ะคะ
ต่างคนต่างคิดพูดทำโดยขาดการฟังอยู่ชัดไหมคะเดี๋ยวนี้กำลังมีมิจฉาทิฏฐิ
จนกว่าจะเริ่มฟังจึงเริ่มคิดถูกตามได้จึงจะเกิดสัมมาตามคำสอนได้รู้ยัง
:b32: :b32:

Kiss
แก้ต้องแก้เดี๋ยวนี้...ฟังจากปรโตโฆสะคือผู้ที่กล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจสิ่งที่ตนกำลังมีที่กายใจเดี๋ยวนี้ค่ะ
https://youtu.be/Qfaa6RT2bgs


รายนี้ก็ปรโตโฆสะ ปะระโตโคบ่อ อะไรนักก็ไม่รู้ :b32:

:b32:
ทำไมไม่สังหรณ์ใจกันเลยหรือคะ
ทุกคนเลยนะคะเข้าใจไหมว่าจิตมี
แต่เป็นขณะใหม่ทั้งหมดมีแต่เดี๋ยวนี้
ที่กำลังมีจริงๆอย่างอื่นไม่มีเพราะดับ
แปลว่าไม่มีซากจิตอันเก่าเพราะเป็น
วิบากกรรมมาปรากฏให้รู้สึกสุขทุกข์
เป็นไปตามกรรมคือเหตุปัจจัยมีแล้ว
ถูกกำหนดเอาไว้แล้วถ้าปัจจุบันไม่รู้
ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏก็คือกิเลส
จะไปรู้ความจริงตอนไหนกันคะ
ถ้าจะรู้ต้องรู้ตามการฟังนะคะ
ทำสุตมยปัญญาคือจิตได้ยิน
นำทางจิตทางอื่นคิดถูกตาม
ต้องกำลังคิดถูกตามเสียง
เข้าใจไหมคะไม่มีใครเลย
มีแต่ธัมมะแต่ละ1ดับไม่ซ้ำ
ไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลย
จำเป็นในการฟังเพื่อเข้าใจ
และไตร่ตรองถูกตามได้น๊า
จึงจะคิดทันปัจจุบันธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ค่ะ
อดีตผ่านไปแล้วอนาคตก็ยังมาไม่ถึงมีแต่ปัจจุบันที่ควรรู้ยิ่งเห็นจริง
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2018, 11:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอกัคคตา ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือ ความมีจิตต์แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ได้แก่ สมาธิ (พจนานุกรม เขียน เอกัคตา) ดูฌาน

ฌาน การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ, ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก

ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชากำหนดรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว และการออกจากฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติตามความเป็นจริง

ฌานปนกิจ กิจเผาศพ, การเผาศพ

(ฌาปนกิจ แถมให้ ธาตุตัวเดียวกัน คิกๆๆ)

:b12:
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางนั้นมันมั่นคงตั้งมั่นตรงทางตามปกติตามเป็นจริงเป็นสมาธิชื่อเอกัคตาเจตสิก
บอกว่ามีแล้วตรงตามคำสอนเกิดกับจิตทุกขณะจะเป็นสัมมามรรคเมื่อเริ่มคิดตามการฟังพระพุทธพจน์
คบบัณฑิตคือฟังคำสอนแล้วเข้าใจเกิดปัญญาส่วนคบพาลคือไม่ฟังคำสอนใช้ชีวิตแบบไม่รู้ความจริง
https://youtu.be/HfYLK6OM4_o



มาอีกแระจิตเกิดดับทีละ 1 ขณะ มโนเอาทั้งเพ นี่คือเหตุหนึ่งแห่งความคิดฟุ้งซ่าน ถ้าถามว่า เห็นจิตเกิดดับไหม ? ถาม 99 ครั้งแล้ว ไม่ตอบเลี่ยงไปนั่นมานี่ เอาให้ครบ 100 ถามอีกที คุณโรสเห็นจิตเกิดดับไหม

1. เห็น

2. ไม่เห็นหรอก เขาพูดให้ฟัง

ข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้เทียบเคียงสิ่งที่ตนเองกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแปลว่ามีแล้ว
แต่ตนเองไม่รู้ว่าขณะนี้ที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีคือลักษณะนั้นปรากฏว่ามีแล้วอย่างไร
มีแต่ไปอ่านตำราแล้วก็ท่องจำคำเอามาพูดเป็นการพูดทุกคำที่ไม่รู้ความจริง...ชัดไหม
จะรู้คิดถูกตามได้ต้องอาศัยคิดตามทีละคำตรงขณะจากคนที่กล่าวคำตถาคตให้เข้าใจถูกตามได้คร่าาาาา
เช่น...เห็นเป็นธัมมะเป็นจิตไม่ใช่เรา...เห็นสีกระทบตาดับทันทีแล้วแต่คิดผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
จำผิดคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อธัมมะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ไงล่ะคะ
ต่างคนต่างคิดพูดทำโดยขาดการฟังอยู่ชัดไหมคะเดี๋ยวนี้กำลังมีมิจฉาทิฏฐิ
จนกว่าจะเริ่มฟังจึงเริ่มคิดถูกตามได้จึงจะเกิดสัมมาตามคำสอนได้รู้ยัง
:b32: :b32:

Kiss
แก้ต้องแก้เดี๋ยวนี้...ฟังจากปรโตโฆสะคือผู้ที่กล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจสิ่งที่ตนกำลังมีที่กายใจเดี๋ยวนี้ค่ะ
https://youtu.be/Qfaa6RT2bgs


รายนี้ก็ปรโตโฆสะ ปะระโตโคบ่อ อะไรนักก็ไม่รู้ :b32:

:b32:
ทำไมไม่สังหรณ์ใจกันเลยหรือคะ
ทุกคนเลยนะคะเข้าใจไหมว่าจิตมี
แต่เป็นขณะใหม่ทั้งหมดมีแต่เดี๋ยวนี้
ที่กำลังมีจริงๆอย่างอื่นไม่มีเพราะดับ
แปลว่าไม่มีซากจิตอันเก่าเพราะเป็น
วิบากกรรมมาปรากฏให้รู้สึกสุขทุกข์
เป็นไปตามกรรมคือเหตุปัจจัยมีแล้ว
ถูกกำหนดเอาไว้แล้วถ้าปัจจุบันไม่รู้
ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏก็คือกิเลส
จะไปรู้ความจริงตอนไหนกันคะ
ถ้าจะรู้ต้องรู้ตามการฟังนะคะ
ทำสุตมยปัญญาคือจิตได้ยิน
นำทางจิตทางอื่นคิดถูกตาม
ต้องกำลังคิดถูกตามเสียง
เข้าใจไหมคะไม่มีใครเลย
มีแต่ธัมมะแต่ละ1ดับไม่ซ้ำ
ไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลย
จำเป็นในการฟังเพื่อเข้าใจ
และไตร่ตรองถูกตามได้น๊า
จึงจะคิดทันปัจจุบันธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ค่ะ
อดีตผ่านไปแล้วอนาคตก็ยังมาไม่ถึงมีแต่ปัจจุบันที่ควรรู้ยิ่งเห็นจริง
:b12:
:b4: :b4:



ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่เขาเป็นอะไร แล้วจะแก้อารมณ์ยังไง เอ้า :b16:

อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนา (...) คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2018, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอกัคคตา ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือ ความมีจิตต์แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ได้แก่ สมาธิ (พจนานุกรม เขียน เอกัคตา) ดูฌาน

ฌาน การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ, ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก

ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชากำหนดรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว และการออกจากฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติตามความเป็นจริง

ฌานปนกิจ กิจเผาศพ, การเผาศพ

(ฌาปนกิจ แถมให้ ธาตุตัวเดียวกัน คิกๆๆ)

:b12:
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางนั้นมันมั่นคงตั้งมั่นตรงทางตามปกติตามเป็นจริงเป็นสมาธิชื่อเอกัคตาเจตสิก
บอกว่ามีแล้วตรงตามคำสอนเกิดกับจิตทุกขณะจะเป็นสัมมามรรคเมื่อเริ่มคิดตามการฟังพระพุทธพจน์
คบบัณฑิตคือฟังคำสอนแล้วเข้าใจเกิดปัญญาส่วนคบพาลคือไม่ฟังคำสอนใช้ชีวิตแบบไม่รู้ความจริง
https://youtu.be/HfYLK6OM4_o



มาอีกแระจิตเกิดดับทีละ 1 ขณะ มโนเอาทั้งเพ นี่คือเหตุหนึ่งแห่งความคิดฟุ้งซ่าน ถ้าถามว่า เห็นจิตเกิดดับไหม ? ถาม 99 ครั้งแล้ว ไม่ตอบเลี่ยงไปนั่นมานี่ เอาให้ครบ 100 ถามอีกที คุณโรสเห็นจิตเกิดดับไหม

1. เห็น

2. ไม่เห็นหรอก เขาพูดให้ฟัง

ข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้เทียบเคียงสิ่งที่ตนเองกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแปลว่ามีแล้ว
แต่ตนเองไม่รู้ว่าขณะนี้ที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีคือลักษณะนั้นปรากฏว่ามีแล้วอย่างไร
มีแต่ไปอ่านตำราแล้วก็ท่องจำคำเอามาพูดเป็นการพูดทุกคำที่ไม่รู้ความจริง...ชัดไหม
จะรู้คิดถูกตามได้ต้องอาศัยคิดตามทีละคำตรงขณะจากคนที่กล่าวคำตถาคตให้เข้าใจถูกตามได้คร่าาาาา
เช่น...เห็นเป็นธัมมะเป็นจิตไม่ใช่เรา...เห็นสีกระทบตาดับทันทีแล้วแต่คิดผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
จำผิดคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อธัมมะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ไงล่ะคะ
ต่างคนต่างคิดพูดทำโดยขาดการฟังอยู่ชัดไหมคะเดี๋ยวนี้กำลังมีมิจฉาทิฏฐิ
จนกว่าจะเริ่มฟังจึงเริ่มคิดถูกตามได้จึงจะเกิดสัมมาตามคำสอนได้รู้ยัง
:b32: :b32:

Kiss
แก้ต้องแก้เดี๋ยวนี้...ฟังจากปรโตโฆสะคือผู้ที่กล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจสิ่งที่ตนกำลังมีที่กายใจเดี๋ยวนี้ค่ะ
https://youtu.be/Qfaa6RT2bgs


รายนี้ก็ปรโตโฆสะ ปะระโตโคบ่อ อะไรนักก็ไม่รู้ :b32:

:b32:
ทำไมไม่สังหรณ์ใจกันเลยหรือคะ
ทุกคนเลยนะคะเข้าใจไหมว่าจิตมี
แต่เป็นขณะใหม่ทั้งหมดมีแต่เดี๋ยวนี้
ที่กำลังมีจริงๆอย่างอื่นไม่มีเพราะดับ
แปลว่าไม่มีซากจิตอันเก่าเพราะเป็น
วิบากกรรมมาปรากฏให้รู้สึกสุขทุกข์
เป็นไปตามกรรมคือเหตุปัจจัยมีแล้ว
ถูกกำหนดเอาไว้แล้วถ้าปัจจุบันไม่รู้
ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏก็คือกิเลส
จะไปรู้ความจริงตอนไหนกันคะ
ถ้าจะรู้ต้องรู้ตามการฟังนะคะ
ทำสุตมยปัญญาคือจิตได้ยิน
นำทางจิตทางอื่นคิดถูกตาม
ต้องกำลังคิดถูกตามเสียง
เข้าใจไหมคะไม่มีใครเลย
มีแต่ธัมมะแต่ละ1ดับไม่ซ้ำ
ไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลย
จำเป็นในการฟังเพื่อเข้าใจ
และไตร่ตรองถูกตามได้น๊า
จึงจะคิดทันปัจจุบันธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ค่ะ
อดีตผ่านไปแล้วอนาคตก็ยังมาไม่ถึงมีแต่ปัจจุบันที่ควรรู้ยิ่งเห็นจริง
:b12:
:b4: :b4:



ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่เขาเป็นอะไร แล้วจะแก้อารมณ์ยังไง เอ้า :b16:

อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนา (...) คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ



มาชมบ้างค่ะ

เดี่ยวหาว่า เม มาว่ามาติ อย่างเดียว

ก็เห็นบอกแต่ต้น ว่า ดูที่เวทนา ให้อุเบกขาอย่างเดียว

ก็ขอชมว่า เวทนาทำงานดีค่ะ มาให้เห้นได้เยอะ ดีค่ะ

ชมแค่นี้แหละค่ะ

นอกนั้นไม่กล้าชม

คริคริ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 278 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร