วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 19:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
โลกสวย เขียน:
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ

ไม่มีชีวิตไหน ในโลกนี้ ไม่สร้างกรรมแม้แต่เสี้ยววินาที

กรรมอันเป็นกุศล อกุศล อัพพยา

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม บรรจุมาสำเร็จแล้วตั้งแต่วันแรกที่มาเกิด

เมื่อชาติภพดับลง วิบากกรรม ก้ยังดำเนินต่อไป พระพุทธองค์ และพระอรหันนต์
ยังต้องรับวิบากที่เหลือ จนกว่าละขันธ์ เป็นอนุปาทิเสสนิพพาน ค่ะ




การตัดกรรมมิใช่การตัดกรรมในชาตินี้ แต่เป็นการตัดกรรมในภพหน้า คือภพที่จะไปเกิดอีกไม่มี
และการตัดกรรมก็มิใช่จะตัดกรรมกันโดยตรงๆ แต่จะต้องตัดที่เหตุของการเกิดกรรม
เหตุของการเกิดกรรมก็คือ ตัณหา อุปาทาน


นั่นเป็นการกระทำทำให้กรรมขาว มาแทนที่ กรรมดำก็จะเกิดน้อยลงค่ะ
ไม่ใช่การตัดกรรม

คุณลุงหมานเล่าปฎิจจสมุบาท มา เหตุแท้จริง ไม่ใช่ตัณหา อุปทาน
แต่ เหตุต้น คืออวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขารค่ะ

มีหลายสำนัก เรียกว่าตัดกรรม
แต่โดยแท้จริง เป็นการทำกรรมขาว ลดช่องกรรมดำลง
ถ้าจะตัด ก็ต้องเริ่มที่สักกายะทิฎฐิ
และก็ละสังโยชน์สิบให้ได้ค่ะ







โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 14:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)


โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 17:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:


โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 17:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ดูแลลาน มาล๊อค กระทู้นี้ สักห้าวันสิบวันก็ดีนะคะ..ธรรมดีๆ กลายเป็นเรื่องอกุศลกรรมหมดแระ

ล๊อคห้ามโพสสักหน่อย ก็ดีคะ


โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:



ตรงไหนคะ ที่คุณสายน้ำเมย ร้อนฉ่าจน คิดว่า เม ไปด่า

ที่พูดตรงๆว่า คุณไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษา
หรือว่า พูดว่า วันๆ เอาแต่พูดอยู่ในลานสนทนา
หรือว่า ที่คุณไม่เอาไหนในการศึกษา
จะ เอาแค่ประโยคสองประโยค บรรทัด สองบรรทัด เป็นความเขลา


เม แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณสายน้ำเมย ทั้งสิ้นหล่ะค่ะ
เป็นกุศลกรรมบท ค่ะ


ไม่ได้ชวนไปกินเหล้าเมายาค่ะ








โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 20:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:



ตรงไหนคะ ที่คุณสายน้ำเมย ร้อนฉ่าจน คิดว่า เม ไปด่า

ที่พูดตรงๆว่า คุณไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษา
หรือว่า พูดว่า วันๆ เอาแต่พูดอยู่ในลานสนทนา
หรือว่า ที่คุณไม่เอาไหนในการศึกษา
จะ เอาแค่ประโยคสองประโยค บรรทัด สองบรรทัด เป็นความเขลา


เม แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณสายน้ำเมย ทั้งสิ้นหล่ะค่ะ
เป็นกุศลกรรมบท ค่ะ


ไม่ได้ชวนไปกินเหล้าเมายาค่ะ








คุณน้องขาาา...ทำไมในจดหมายน้อยที่ส่งมา กับสิ่งที่โพสอยุ่ตรงนี้ มันสวนทางกันหละคะ...ตัวไหนตัวจริงของน้อง และตัวไหนตอแหล ดัดจริตคะ...พี่เริ่มแยกไม่ออกแล้ว...มันต้องมีสักหนึ่งเป็นตัวจริง และสักหนึ่งตอแหลดัดจริตไป

พี่ว่าน้องใช้ภาษาไทยเก่งมาก ไม่ต้องอ้างว่าเป็นลูกครึ่งหรอกคะ...แต่ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน เมื่อได้ศึกษาธรรมมาแล้ว เขาจะมีธรรมในจิต ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะอ้างว่าเป็นคนสองเชื้อชาติคงไม่ได้ เพราะคุณน้องใช้ภาษาไทยเก่งมาก มากพอที่จะสามารถสื่อได้ว่า บุคคล คนนั้นคนนี้ ไม่เอาไหนทางด้านการศึกษา

ถ้าคุณน้องศึกษาธรรมเพื่อที่จะมาเป็นนักปาด ปาดคนโน้นที คนนี้ทีด้วยวาจา...มันเสียดายของเสียดายเวลามากคะ เพราะธรรมที่เรียนมี มันไม่เข้าไปเกลาจิตใจของน้อง ให้นุ่มละมุนและอ่อนเย็นลงได้

ที่พูดแบบนี้ เพราะคุณน้องยังไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะรู้ตัวว่า ตัวเองได้ทำอะไรลงไปแล้ว...ยังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันถูก มันถูกจริงคะในแนวทางของโลก แต่ผิดในแนวทางของธรรม และการที่คุณน้องศึกษาธรรมมา มันไม่ได้ช่วยให้จิตคุณน้องที่หยาบกระด้างดีขึ้นมาได้เลย


โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 20:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:



ตรงไหนคะ ที่คุณสายน้ำเมย ร้อนฉ่าจน คิดว่า เม ไปด่า

ที่พูดตรงๆว่า คุณไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษา
หรือว่า พูดว่า วันๆ เอาแต่พูดอยู่ในลานสนทนา
หรือว่า ที่คุณไม่เอาไหนในการศึกษา
จะ เอาแค่ประโยคสองประโยค บรรทัด สองบรรทัด เป็นความเขลา


เม แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณสายน้ำเมย ทั้งสิ้นหล่ะค่ะ
เป็นกุศลกรรมบท ค่ะ


ไม่ได้ชวนไปกินเหล้าเมายาค่ะ








คุณน้องขาาา...ทำไมในจดหมายน้อยที่ส่งมา กับสิ่งที่โพสอยุ่ตรงนี้ มันสวนทางกันหละคะ...ตัวไหนตัวจริงของน้อง และตัวไหนตอแหล ดัดจริตคะ...พี่เริ่มแยกไม่ออกแล้ว...มันต้องมีสักหนึ่งเป็นตัวจริง และสักหนึ่งตอแหลดัดจริตไป

พี่ว่าน้องใช้ภาษาไทยเก่งมาก ไม่ต้องอ้างว่าเป็นลูกครึ่งหรอกคะ...แต่ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน เมื่อได้ศึกษาธรรมมาแล้ว เขาจะมีธรรมในจิต ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะอ้างว่าเป็นคนสองเชื้อชาติคงไม่ได้ เพราะคุณน้องใช้ภาษาไทยเก่งมาก มากพอที่จะสามารถสื่อได้ว่า บุคคล คนนั้นคนนี้ ไม่เอาไหนทางด้านการศึกษา

ถ้าคุณน้องศึกษาธรรมเพื่อที่จะมาเป็นนักปาด ปาดคนโน้นที คนนี้ทีด้วยวาจา...มันเสียดายของเสียดายเวลามากคะ เพราะธรรมที่เรียนมา มันไม่เข้าไปเกลาจิตใจของน้อง ให้นุ่มละมุนและอ่อนเย็นลงได้

ที่พูดแบบนี้ เพราะคุณน้องยังไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะรู้ตัวว่า ตัวเองได้ทำอะไรลงไปแล้ว...ยังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันถูก มันถูกจริงคะในแนวทางของโลก แต่ผิดในแนวทางของธรรม ซึ่งมันแสดงว่า การที่คุณน้องศึกษาธรรมมา มันไม่ได้ช่วยให้จิตคุณน้องที่หยาบกระด้างดีขึ้นมาได้เลย


โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 21:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

:b1: :b1: :b1:

ลุงหมาน พยายามมาว่ากันเรื่องเกวียน ต่อเถอะ

ลุงหมานเลือกภาพมาประกอบกับสิ่งที่นำเสนอได้เหมาะ น่าติดตาม

:b12:

ทุกครั้งที่เมื่อนึกถึงเรื่อง วิถีจิต เอกอนก็จะนึกถึงภาพ ล้อเกวียน ธรรมจักร น่ะ

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 25 ก.ย. 2018, 21:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:



ตรงไหนคะ ที่คุณสายน้ำเมย ร้อนฉ่าจน คิดว่า เม ไปด่า

ที่พูดตรงๆว่า คุณไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษา
หรือว่า พูดว่า วันๆ เอาแต่พูดอยู่ในลานสนทนา
หรือว่า ที่คุณไม่เอาไหนในการศึกษา
จะ เอาแค่ประโยคสองประโยค บรรทัด สองบรรทัด เป็นความเขลา


เม แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณสายน้ำเมย ทั้งสิ้นหล่ะค่ะ
เป็นกุศลกรรมบท ค่ะ


ไม่ได้ชวนไปกินเหล้าเมายาค่ะ







:b32:
สมมุติว่าบรรลุธรรมมี4ชั้น
มรรคคือบันไดไต่ถึงชั้น4ไงคะ
คือถึงนิพพานแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้แล้ว
:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 26 ก.ย. 2018, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:



ตรงไหนคะ ที่คุณสายน้ำเมย ร้อนฉ่าจน คิดว่า เม ไปด่า

ที่พูดตรงๆว่า คุณไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษา
หรือว่า พูดว่า วันๆ เอาแต่พูดอยู่ในลานสนทนา
หรือว่า ที่คุณไม่เอาไหนในการศึกษา
จะ เอาแค่ประโยคสองประโยค บรรทัด สองบรรทัด เป็นความเขลา


เม แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณสายน้ำเมย ทั้งสิ้นหล่ะค่ะ
เป็นกุศลกรรมบท ค่ะ


ไม่ได้ชวนไปกินเหล้าเมายาค่ะ







:b32:
สมมุติว่าบรรลุธรรมมี4ชั้น
มรรคคือบันไดไต่ถึงชั้น4ไงคะ
คือถึงนิพพานแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้แล้ว
:b32: :b32: :b32:

เพราะคุณยายโรสไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก
เรยไม่รู้ว่า

ปริยัติเป็นปัจจัยให้เกิดปริยัติญาน
และปริยัติญานย่อมเป็นปัจจัย ทำให้เกิด ปฎิบัติญาน
และปฎิบัติญานย่อมเป็นปัจจัยให้แทงตลอดในโลกตุรธรรม ถึง ปฎิเวธญาน
ตรง ถูกต้อง และสอดคล้องกะคำสอนพระพุทธองค์ค่ะ

ที่คุณยายโรสพูดมา ไม่ตรงค่ะ

ไม่ใช่อริยะมรรค

มรรคอันใดไม่ใช่อริยะมรรค เหล่านั้น เป็นปกติมรรค ค่ะ
อริยะหมายถึงห่างไกลจากข้าศึกศัตรูภายใน
มรรค หมายถึงข้อปฎิบัติหรือหนทางที่ควรดำเนิน

มรรคเฉยๆ อย่างคุณยายโรสกล่าว เรียกว่าปกติมรรคค่ะ
ไม่ใช่อริยะมรรค ตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ไม่อาจถึงนิพพานได้ค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย โลกสวย เมื่อ 26 ก.ย. 2018, 01:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 26 ก.ย. 2018, 00:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:



ตรงไหนคะ ที่คุณสายน้ำเมย ร้อนฉ่าจน คิดว่า เม ไปด่า

ที่พูดตรงๆว่า คุณไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษา
หรือว่า พูดว่า วันๆ เอาแต่พูดอยู่ในลานสนทนา
หรือว่า ที่คุณไม่เอาไหนในการศึกษา
จะ เอาแค่ประโยคสองประโยค บรรทัด สองบรรทัด เป็นความเขลา


เม แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณสายน้ำเมย ทั้งสิ้นหล่ะค่ะ
เป็นกุศลกรรมบท ค่ะ


ไม่ได้ชวนไปกินเหล้าเมายาค่ะ








คุณน้องขาาา...ทำไมในจดหมายน้อยที่ส่งมา กับสิ่งที่โพสอยุ่ตรงนี้ มันสวนทางกันหละคะ...ตัวไหนตัวจริงของน้อง และตัวไหนตอแหล ดัดจริตคะ...พี่เริ่มแยกไม่ออกแล้ว...มันต้องมีสักหนึ่งเป็นตัวจริง และสักหนึ่งตอแหลดัดจริตไป

พี่ว่าน้องใช้ภาษาไทยเก่งมาก ไม่ต้องอ้างว่าเป็นลูกครึ่งหรอกคะ...แต่ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน เมื่อได้ศึกษาธรรมมาแล้ว เขาจะมีธรรมในจิต ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะอ้างว่าเป็นคนสองเชื้อชาติคงไม่ได้ เพราะคุณน้องใช้ภาษาไทยเก่งมาก มากพอที่จะสามารถสื่อได้ว่า บุคคล คนนั้นคนนี้ ไม่เอาไหนทางด้านการศึกษา

ถ้าคุณน้องศึกษาธรรมเพื่อที่จะมาเป็นนักปาด ปาดคนโน้นที คนนี้ทีด้วยวาจา...มันเสียดายของเสียดายเวลามากคะ เพราะธรรมที่เรียนมา มันไม่เข้าไปเกลาจิตใจของน้อง ให้นุ่มละมุนและอ่อนเย็นลงได้

ที่พูดแบบนี้ เพราะคุณน้องยังไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะรู้ตัวว่า ตัวเองได้ทำอะไรลงไปแล้ว...ยังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันถูก มันถูกจริงคะในแนวทางของโลก แต่ผิดในแนวทางของธรรม ซึ่งมันแสดงว่า การที่คุณน้องศึกษาธรรมมา มันไม่ได้ช่วยให้จิตคุณน้องที่หยาบกระด้างดีขึ้นมาได้เลย


อ่อ พี่สายน้ำเมย

ร้อนรนเรืองความไม่เอาไหนในด้านการศึกษานี่เองหรอคะ

เมื่อรู้ตัวว่ายังไม่เอาไหน ก็ทำให้เอาไหนซะสิคะ

ตัวตน เม หรอคะบางคนก็ว่า เมแรดนะ กระแดะ ก็มีค่ะ
แล้วแต่คนหละค่ะ ใครจะมาว่า เม ไปห้ามไม่ให้เค้าชมอย่างเดียวไม่ได้ หรอกค่ะ

แต่โดยมากชอบชมว่า เมสวย คริคริ

จดหมาย เม จำได้สิคะ ว่าเมบอกพี่ว่า ว่า" ไม่มีมาร บารมีไม่เกิด "ไงคะ


แต่ที่แท้จริง เม ก็คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้ พี่สายน้ำเมยแหละค่ะ
ที่คอยกระหนาบ คอยว่ากล่าวตักเตือน และแนะนำให้ไปศึกษาเล่าเรียน ในส่วนที่ขาด ไงคะ

คนเรา ควรมองคนที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวตักเตือนแบบนี้ค่ะ


คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าว
คำขนาบอยู่เสมอไป ว่าคนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์
ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น
เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่
ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย.
ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖.


ดูคุณยายโรสสิคะ เค้ารู้นะ ว่าเม ตักเตือนให้เค้าศึกษามากกว่าที่ทำอยู่
คุณยายโรส เค้าไม่ร้อนรนเรยค่ะ
มีสติแตกบ้างนิดหน่อย ที่ตัดเมจากลูกหลาน หล่ะ




โพสต์ เมื่อ: 26 ก.ย. 2018, 05:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8588


 ข้อมูลส่วนตัว




20180926_064231.png
20180926_064231.png [ 260.73 KiB | เปิดดู 2112 ครั้ง ]
พออิ่มอกอิ่มใจกันหรือยังกับการเห็นกองขยะเป็นอาหารชั้นเลิศ เห็นเป็นของที่เอร็ดอร่อย

“คนสามฤดู"

มีอยู่วันหนึ่ง ลูกศิษย์คนหนึ่งของขงจื้อกำลังกวาดพื้นอยู่หน้าสำนัก มีคนแปลกหน้าผ่านมาแล้วถามเขาว่า

"เจ้าพำนักอยู่สำนักขงจื้อหรือ"
"ใช่ครับ ผมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ขงจื้อครับ" เขาตอบอย่างภาคภูมิใจ
"ดีมาก ถ้าเช่นนั้นผมขอถามคำถามคุณสักข้อ"
"ได้เลยครับ เรียนเชิญ" ลูกศิษย์ตอบ ในใจเขาคิดว่าคงเป็นพวกปัญหาแปลกประหลาดพิสดารไม่เหมือนใคร

คนแปลกหน้าถามว่า "โลกนี้ปีหนึ่งมีกี่ฤดู"
ลูกศิษย์คิดในใจว่า คำถามง่ายๆแบบนี้ยังเอามาถามได้ จึงตอบไปอย่างมั่นใจว่า "ปีหนึ่งมีสี่ฤดู"
คนแปลกหน้าสั่นหัว "ไม่ถูก ปีหนึ่งมีแค่สามฤดู"
"คุณคงเข้าใจผิด สี่ฤดูแน่นอนอยู่แล้ว"
"สามฤดู" คนแปลกหน้าเถียงอย่างมีน้ำโห
ฝ่ายลูกศิษย์พยายามแจกแจงรายละเอียดของทั้งสี่ฤดูให้ฟังอย่างครบถ้วน แต่คนแปลกหน้าก็ไม่ยอมรับรู้

ทั้งสองโต้เถียงกันไม่ยอมจบ เลยตกลงกันว่าต้องมีเดิมพันกันหน่อย หากเป็นสี่ฤดู คนแปลกหน้าต้องโค้งคำนับฝ่ายลูกศิษย์ไปสามครั้ง แต่หากคำตอบคือสามฤดู ฝ่ายลูกศิษย์ต้องเป็นฝ่ายโค้งคำนับ

ก็พอดีเป็นจังหวะที่ขงจื้อเดินออกมาหน้าสำนักตน ลูกศิษย์จึงถือโอกาสเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อาจารย์ฟัง พร้อมถามคำถามที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ "ตกลงปีหนึ่งมีกี่ฤดูครับ อาจารย์"

ขงจื้อใช้สายตามองคนแปลกหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบเขาว่า "ถ้าเจ้าจะเชื่อว่าปีหนึ่งมีสามฤดู มันก็ไม่ผิด”

ลูกศิษย์ทั้งตกใจและแปลกใจในคำตอบ แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอาจารย์

คนแปลกหน้าดีใจอย่างมาก “มาโค้งคำนับข้าเร็ว"

ลูกศิษย์จำใจต้องทำตามสัญญา ด้วยการโค้งคำนับคนแปลกหน้าไปสามครั้ง

เมื่อคนแปลกหน้าจากไปแล้ว ลูกศิษย์จึงถามขงจื้อด้วยความสงสัยว่า
"อาจารย์ครับ ปีหนึ่งมีสี่ฤดูชัดๆ แต่ทำไมอาจารย์จึงบอกว่ามีแค่สามฤดู"

ขงจื้อมองหน้าลูกศิษย์ ก่อนจะตอบอย่างใจเย็นว่า "เจ้าไม่เห็นหรือว่า คนแปลกหน้าคนนั้นนุ่งเขียวห่มเขียวมาทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ข้าจึงอยากเปรียบเปรยเขาเป็นดั่งพวกตั๊กแตน ตั๊กแตนเกิดในฤดูใบไม้ผลิ และตายในฤดูใบไม้ร่วง พวกมันจึงไม่เคยได้พบเจอฤดูหนาวเลย คนแปลกหน้าคนนั้นอาจมาจากแดนไกลที่แทบจะไม่มีฤดูหนาว ถ้าบอกเขาว่า ปีหนึ่งมีสามฤดู เขาก็จะพอใจ แต่ถ้าบอกเขาว่าโลกนี้มีสี่ฤดู คงต้องทะเลาะโต้เถียงกันไม่จบไม่สิ้น แม้พระอาทิตย์จะตกดินไปแล้วก็ยังจะหาบทสรุปไม่ได้ การที่เจ้ายอมคำนับเขาไปสามครั้ง เสียเปรียบหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับเสียหายมาก เรื่องจะได้จบกันเสียที จงอย่าเสียเวลาไปโต้เถียงกับคนพวกนี้ให้เสียอารมณ์โดยใช่เหตุ"

************

เพื่อนๆหลายคนที่เคยอ่านเรื่องนี้แล้ว ก็มักจะกลับมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเจอคนที่ไม่ยอมคุยด้วยเหตุผล หรือเอาแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ ก็จะโกรธ อารมณ์เสีย อยากเถียงให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย แต่เดี๋ยวนี้เลิกอารมณ์ขุ่นมัวกับคนพวกนี้แล้ว เพราะคิดได้ว่าคนพวกนี้เป็นแค่ "คนสามฤดู" จิตใจก็จะสบายขึ้น

"คนสามฤดู" จะยืนกรานว่าตนมีเหตุผล รู้จริงและถูกต้องเสมอ ยากที่จะยอมรับความคิดเห็นคนอื่น นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยพบเจอความจริงที่บ่งบอกถึงความเข้าใจผิดของพวกเขา หรืออาจเพราะความดื้อรั้นในตัวเขา เพราะฉะนั้น หากเรามัวแต่เสียอารมณ์ไปโกรธคนพวกนี้ ก็เท่ากับเรากำลังทำร้ายตัวเราเอง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถ้าเจอ”คนสามฤดู”....
ไม่แย่งชิงคือความสงบ
ไม่โต้เถียงคือความชาญฉลาด
ให้อภัยคือการหลุดพ้น
ยุติให้เป็นคือการปล่อยวาง

โลกเรานั้น
มี "คนสามฤดู" เยอะแยะไปหมด
จงจำนิทานเรื่องนี้ให้ดี
แล้วนำออกมาใช้ในจังหวะที่จำเป็น
มีประโยชน์ต่อคุณแน่นอน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสต์ เมื่อ: 26 ก.ย. 2018, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
พออิ่มอกอิ่มใจกันหรือยังกับการเห็นกองขยะเป็นอาหารชั้นเลิศ เห็นเป็นของที่เอร็ดอร่อย

“คนสามฤดู"

มีอยู่วันหนึ่ง ลูกศิษย์คนหนึ่งของขงจื้อกำลังกวาดพื้นอยู่หน้าสำนัก มีคนแปลกหน้าผ่านมาแล้วถามเขาว่า

"เจ้าพำนักอยู่สำนักขงจื้อหรือ"
"ใช่ครับ ผมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ขงจื้อครับ" เขาตอบอย่างภาคภูมิใจ
"ดีมาก ถ้าเช่นนั้นผมขอถามคำถามคุณสักข้อ"
"ได้เลยครับ เรียนเชิญ" ลูกศิษย์ตอบ ในใจเขาคิดว่าคงเป็นพวกปัญหาแปลกประหลาดพิสดารไม่เหมือนใคร

คนแปลกหน้าถามว่า "โลกนี้ปีหนึ่งมีกี่ฤดู"
ลูกศิษย์คิดในใจว่า คำถามง่ายๆแบบนี้ยังเอามาถามได้ จึงตอบไปอย่างมั่นใจว่า "ปีหนึ่งมีสี่ฤดู"
คนแปลกหน้าสั่นหัว "ไม่ถูก ปีหนึ่งมีแค่สามฤดู"
"คุณคงเข้าใจผิด สี่ฤดูแน่นอนอยู่แล้ว"
"สามฤดู" คนแปลกหน้าเถียงอย่างมีน้ำโห
ฝ่ายลูกศิษย์พยายามแจกแจงรายละเอียดของทั้งสี่ฤดูให้ฟังอย่างครบถ้วน แต่คนแปลกหน้าก็ไม่ยอมรับรู้

ทั้งสองโต้เถียงกันไม่ยอมจบ เลยตกลงกันว่าต้องมีเดิมพันกันหน่อย หากเป็นสี่ฤดู คนแปลกหน้าต้องโค้งคำนับฝ่ายลูกศิษย์ไปสามครั้ง แต่หากคำตอบคือสามฤดู ฝ่ายลูกศิษย์ต้องเป็นฝ่ายโค้งคำนับ

ก็พอดีเป็นจังหวะที่ขงจื้อเดินออกมาหน้าสำนักตน ลูกศิษย์จึงถือโอกาสเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อาจารย์ฟัง พร้อมถามคำถามที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ "ตกลงปีหนึ่งมีกี่ฤดูครับ อาจารย์"

ขงจื้อใช้สายตามองคนแปลกหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบเขาว่า "ถ้าเจ้าจะเชื่อว่าปีหนึ่งมีสามฤดู มันก็ไม่ผิด”

ลูกศิษย์ทั้งตกใจและแปลกใจในคำตอบ แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอาจารย์

คนแปลกหน้าดีใจอย่างมาก “มาโค้งคำนับข้าเร็ว"

ลูกศิษย์จำใจต้องทำตามสัญญา ด้วยการโค้งคำนับคนแปลกหน้าไปสามครั้ง

เมื่อคนแปลกหน้าจากไปแล้ว ลูกศิษย์จึงถามขงจื้อด้วยความสงสัยว่า
"อาจารย์ครับ ปีหนึ่งมีสี่ฤดูชัดๆ แต่ทำไมอาจารย์จึงบอกว่ามีแค่สามฤดู"

ขงจื้อมองหน้าลูกศิษย์ ก่อนจะตอบอย่างใจเย็นว่า "เจ้าไม่เห็นหรือว่า คนแปลกหน้าคนนั้นนุ่งเขียวห่มเขียวมาทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ข้าจึงอยากเปรียบเปรยเขาเป็นดั่งพวกตั๊กแตน ตั๊กแตนเกิดในฤดูใบไม้ผลิ และตายในฤดูใบไม้ร่วง พวกมันจึงไม่เคยได้พบเจอฤดูหนาวเลย คนแปลกหน้าคนนั้นอาจมาจากแดนไกลที่แทบจะไม่มีฤดูหนาว ถ้าบอกเขาว่า ปีหนึ่งมีสามฤดู เขาก็จะพอใจ แต่ถ้าบอกเขาว่าโลกนี้มีสี่ฤดู คงต้องทะเลาะโต้เถียงกันไม่จบไม่สิ้น แม้พระอาทิตย์จะตกดินไปแล้วก็ยังจะหาบทสรุปไม่ได้ การที่เจ้ายอมคำนับเขาไปสามครั้ง เสียเปรียบหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับเสียหายมาก เรื่องจะได้จบกันเสียที จงอย่าเสียเวลาไปโต้เถียงกับคนพวกนี้ให้เสียอารมณ์โดยใช่เหตุ"

************

เพื่อนๆหลายคนที่เคยอ่านเรื่องนี้แล้ว ก็มักจะกลับมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเจอคนที่ไม่ยอมคุยด้วยเหตุผล หรือเอาแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ ก็จะโกรธ อารมณ์เสีย อยากเถียงให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย แต่เดี๋ยวนี้เลิกอารมณ์ขุ่นมัวกับคนพวกนี้แล้ว เพราะคิดได้ว่าคนพวกนี้เป็นแค่ "คนสามฤดู" จิตใจก็จะสบายขึ้น

"คนสามฤดู" จะยืนกรานว่าตนมีเหตุผล รู้จริงและถูกต้องเสมอ ยากที่จะยอมรับความคิดเห็นคนอื่น นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยพบเจอความจริงที่บ่งบอกถึงความเข้าใจผิดของพวกเขา หรืออาจเพราะความดื้อรั้นในตัวเขา เพราะฉะนั้น หากเรามัวแต่เสียอารมณ์ไปโกรธคนพวกนี้ ก็เท่ากับเรากำลังทำร้ายตัวเราเอง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถ้าเจอ”คนสามฤดู”....
ไม่แย่งชิงคือความสงบ
ไม่โต้เถียงคือความชาญฉลาด
ให้อภัยคือการหลุดพ้น
ยุติให้เป็นคือการปล่อยวาง

โลกเรานั้น
มี "คนสามฤดู" เยอะแยะไปหมด
จงจำนิทานเรื่องนี้ให้ดี
แล้วนำออกมาใช้ในจังหวะที่จำเป็น
มีประโยชน์ต่อคุณแน่นอน



วาทะของขงจื้อ เป็นวาทะของบุคคลนอกพระศาสนา ไม่ใช่พุทธค่ะ

ในพุทธศาสนา มีสามฤดูค่ะ

พระพุทธมหามณีรัตนะ เขียว ทั้งองค์ ทรงมีเครื่องทรงแค่ สามฤดู
ปราสาทวังของพระสิทธัตถะ ทรงมี แค่สามฤดู
และพระธรรมที่ทรงแสดง แสดงไว้สามฤดูค่ะ

คนสามฤดู มีเยอะไปหมดค่ะ

รวมทั้งพระพุทธองค์ พระอริยะระดับต่างๆ
อีกทั้งพระสาวกสาวิกา รวมทั้งประชาชนในพระไตรปิฎกค่ะ

เพราะคุณลุงหมาน ไม่มีพระพุทธเป็นสรณะ ไม่มีพระธรรมเป้นสรณะ ไม่มีพระอริะสงฆ์เป็นสรณะ
เรย เป็น ขงจื้อสรณังคัจฉามิ ๆๆ ไปแล้วค่ะ






โพสต์ เมื่อ: 26 ก.ย. 2018, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
โลกสวย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว


ขอต้นฉบับได้ไหมคะ จะไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหน..ย่อหน้าที่เท่าไหร่ แบบนี้คะ

(เจตสิกสาธารณะ..ดับ ได้ด้วย หรือคะ?)

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษา พระไตรปิฎก
วันๆ คุยอยู่ในลานสนทนา

เรยไม่รู้ว่า เจตสิกสัมมาองค์มรรค 8 ในมัคคจิตตปุบาท 4 มีอะไรบ้าง

และเพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรมัตสังคหะปริเฉทที่ 8
เรยไม่รู้ว่า 11 อาการ 12องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งสายเกิด และสายดับ

เพราะคุณสายน้ำเมย ไม่ได้ศึกษาพระสูตร เรยไม่รู้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร

คุณสายน้ำเมย นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่เอาไหนในการศึกษาค่ะ

ไปศึกษา ปัจจัยสังคหวิภาค ซะนะคะ
จะไปอ่านแค่ย่อหน้า หรือแค่บรรทัด สองสามบรรทัด
จะยิ่งเขลาหละค่ะ เพราะไม่เข้าใจในภาพรวมทั้งหมด

ทางที่ดีนะคะ ไปอ่านซะทุกเล่มทุกหมวด ในพระไตรปิฎกนะคะ

เมแนะนำ


:b7: เฮ้อ..เราถามดีๆจะได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม..เบื่อจริงๆพวกฝีปากจัดจ้านเนี้ยะ..ผ่านๆ

การเรียนอภิธรรมของคุณโลกสวย ไม่ได้เรียนเรื่องกรรมบทสิบมาบ้างหรือคะ

ได้เรียนคำว่า ธรรมในจิตบ้างไหมคะ..หรือ ดูแต่รูปนามๆๆ ไปเรื่อยๆ จนฝีปากจัดจ้านแบบนี้้

ด่าว่าใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ด่าบุคคล ด่ารูปนามตามอภิธรรม

เจอเยอะเลย คนเรียนอภิธรรมแล้วมีฝีปากจัดจ้าน วาจาหอกดาบ แหลมคมแบบนี้ แย่ๆ คะ ไม่ไหว :b11:



ตรงไหนคะ ที่คุณสายน้ำเมย ร้อนฉ่าจน คิดว่า เม ไปด่า

ที่พูดตรงๆว่า คุณไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษา
หรือว่า พูดว่า วันๆ เอาแต่พูดอยู่ในลานสนทนา
หรือว่า ที่คุณไม่เอาไหนในการศึกษา
จะ เอาแค่ประโยคสองประโยค บรรทัด สองบรรทัด เป็นความเขลา


เม แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณสายน้ำเมย ทั้งสิ้นหล่ะค่ะ
เป็นกุศลกรรมบท ค่ะ


ไม่ได้ชวนไปกินเหล้าเมายาค่ะ







:b32:
สมมุติว่าบรรลุธรรมมี4ชั้น
มรรคคือบันไดไต่ถึงชั้น4ไงคะ
คือถึงนิพพานแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้แล้ว
:b32: :b32: :b32:

เพราะคุณยายโรสไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก
เรยไม่รู้ว่า

ปริยัติเป็นปัจจัยให้เกิดปริยัติญาน
และปริยัติญานย่อมเป็นปัจจัย ทำให้เกิด ปฎิบัติญาน
และปฎิบัติญานย่อมเป็นปัจจัยให้แทงตลอดในโลกตุรธรรม ถึง ปฎิเวธญาน
ตรง ถูกต้อง และสอดคล้องกะคำสอนพระพุทธองค์ค่ะ

ที่คุณยายโรสพูดมา ไม่ตรงค่ะ

ไม่ใช่อริยะมรรค

มรรคอันใดไม่ใช่อริยะมรรค เหล่านั้น เป็นปกติมรรค ค่ะ
อริยะหมายถึงห่างไกลจากข้าศึกศัตรูภายใน
มรรค หมายถึงข้อปฎิบัติหรือหนทางที่ควรดำเนิน

มรรคเฉยๆ อย่างคุณยายโรสกล่าว เรียกว่าปกติมรรคค่ะ
ไม่ใช่อริยะมรรค ตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ไม่อาจถึงนิพพานได้ค่ะ

:b32:
หนูเมคะ...ที่หนูพยายามสื่อสารเล่าชีวิต
ความเป็นมาของหลานให้ยายรู้จักหนูน่ะ
เขาเรียกว่าชาดกคือเรื่องราวชีวิตชาตินี้
ของหนูเมไงคะปกติธรรมดาของปัญญา
ต้องเกิดร่วมกับสติตอนกำลังฟังและคิด
ตามคำตถาคตทีละคำคือสุตมยปัญญา
การแสดงความคิดเห็นที่เขียนไม่ตรงนะ
เขียนแล้วไม่ทำให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีอยู่
เขาเรียกเขียนความไม่รู้ไม่เข้าใจออกมา
คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นปัญญาล้วนๆ
และปัญญาเกิดได้เมื่อเริ่มฟังต้องรู้สึกตัวว่า
ตนเองวันหนึ่งๆพึ่งการฟังคำตถาคตบ้างรึเปล่า
และการฟังนั้นต้องระลึกตามได้ทีละคำไม่วอกแวกด้วยนะ
https://youtu.be/DSakJ0sCQZU
:b32: :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร