วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 19:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2018, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
การแสวงหา และการรักษาทรัพย์

ครั้งหนึ่ง อุชชัยพราหมณ์ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และกราบทูลว่า ตนจะไปอยู่ต่างถิ่น จะขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรม ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน และธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขภายหน้า

พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขปัจจุบัน กล่าวคือ อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา กัลยาณมิตตตา สมชีวิตา

๑) อุฏฐานสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันในการงาน ไม่ว่าจะเป็นกสิกรรม ก็ดี พาณิชยกรรม ก็ดี โครักขกรรม ก็ดี ราชการทหาร ก็ดี ราชการพลเรือน ก็ดี ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดี เธอเป็นผู้ขยัน ชำนิชำนาญ ไม่เกียจคร้าน ในงานนั้น ประกอบด้วยปัญญาเครื่องสอบสวนตรวจตรา รู้จักวิธีปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ สามารถทำ สามารถจัดการ นี้เรียกว่า อุฏฐานสัมปทา

๒) อารักขสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรมีโภคทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เธอจัดการรักษาคุ้มครองทรัพย์เหล่านั้น โดยพิจารณาว่า ทำอย่างไร ราชาทั้งหลายจะไม่พึงริบโภคะเหล่านี้ของเราเสีย พวกโจรไม่พึงลักไปเสีย ไฟไม่พึงไหม้เสีย น้ำไม่พึงพาไปเสีย ทายาทอัปรีย์ก็จะไม่พึงเอาไปเสีย นี้เรียกว่า อารักขสัมปทา

๓) กัลยาณมิตตตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเข้าอยู่อาศัยในคามหรือนิคมใดก็ตาม เธอเข้าสนิทสนมสนทนาปราศรัย ถกถ้อยปรึกษา กับท่านที่เป็นคหบดีบ้าง บุตรคหบดีบ้าง พวกคนหนุ่มที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง คนสูงอายุที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง ผู้ประกอบด้วยศรัทธา ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยจาคะ ประกอบด้วยปัญญา เธอศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศรัทธา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศรัทธา ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศีล ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศีล ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยจาคะ ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยจาคะ ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยปัญญา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยปัญญา นี้เรียกว่า กัลยาณมิตตตา

๔) สมชีวิตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเลี้ยงชีวิพอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ให้ฝืดเคืองเกินไป โดยรู้เข้าใจทางเพิ่มพูนและทางลดถอยแห่งโภคทรัพย์ ว่าทำอย่างนี้ รายได้ของเราจึงจะเหนือรายจ่าย และรายจ่ายของเราจึงจักไม่เหนือรายได้ เปรียบเหมือนคนชั่งตาชั่งหรือลูกมือคนชั่งยกตาชั่งขึ้นแล้ว ย่อมรู้ว่าหย่อนไปเท่านั้น หรือเกินไปเท่านี้

“ถ้าหากกุลบุตร นี้ รายได้น้อย แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ ...กินใช้ทรัพย์สมบัติเหมือนคนกินมะเดื่อ ถ้ากุลบุตรนี้มีรายได้มาก แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฝืดเคือง ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ คงจะตายอย่างคนอนาถา แต่เพราะกุลบุตรนี้เลี้ยงชีวิตพอเหมาะ...นี้เรียกว่า สมชีวิตา

(ที่คนบ้านเราพูดว่าเป็นหัวใจเศรษฐี อุ. อา. ก. ส.)



รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2018, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=23&item=128&items=1&preline=5&pagebreak=0


อ้างคำพูด:

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

สัปปุริสสูตรที่ ๒


[๑๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปบุรุษเมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิดเพื่อ
ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์
เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่มารดาบิดา ๑ แก่บุตรภรรยา ๑ แก่หมู่คนผู้เป็นทาส
กรรมกร ๑ แก่มิตรอำมาตย์ ๑ แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ๑ แก่พระราชา ๑ แก่
เทวดาทั้งหลาย ๑ แก่สมณพราหมณ์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาเมฆเมื่อตกให้
ข้าวกล้าเจริญงอกงาม ย่อมตกเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชน
เป็นอันมาก ฉันใด สัปบุรุษก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิด
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิด
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่มารดาบิดา ... แก่สมณพราหมณ์ ฯ

สัปบุรุษผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน เป็นผู้ไม่เกียจคร้านทั้ง
กลางคืนกลางวัน บำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก
ในชั้นต้นระลึกถึงอุปการะที่ท่านทำไว้ก่อน ย่อมบูชามารดา
บิดาโดยชอบธรรม สัปบุรุษผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้ว และมีศีล
เป็นที่รัก ทราบธรรมแล้ว ย่อมบูชาบรรพชิตผู้ไม่ครองเรือน
ผู้ไม่มีบาปประพฤติพรหมจรรย์ สัปบุรุษนั้นเป็นผู้เกื้อกูลต่อ
พระราชา ต่อเทวดา ต่อญาติและสหายทั้งหลาย ตั้งมั่นแล้ว
ในสัทธรรม เป็นผู้เกื้อกูลแก่คนทั้งปวง สัปบุรุษนั้น กำจัด
มลทินคือความตระหนี่ได้แล้ว ย่อมประสบโลกอันเกษม

จบสูตรที่ ๘



สาธุค่ะคุณกบนอกกะลา
คุณกรัชกายเข้าใจไหมคะ
ระลึกถึงพระรัตนตรัยคือฟัง


คุณโรสคิดอะไรตรงข้ามอยู่เรื่อย ระลึกคือนึกถึงคิดถึง ไม่ใช่ระลึกคือฟัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2018, 00:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เวลาตั้งหัวข้อน่ะอย่าอ้างบุคคลที่3
จะสนทนาให้เกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย
เอาข้อความบางข้อความมา
ตัดข้อความบางข้อความ
มาสรุปมั่วตามความคิดตัวเอง
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจคำไหน
ก็ยกมาทั้งหมดสิคะอย่าเดา
เพราะเดายังไงก็เดาไม่ออกนะคะ
หัวข้อที่ตั้งนั้นใช้ไม่ได้ค่ะคุณกรัชกาย
ตั้งหัวข้อส่งเดชแบบยกตนข่มท่านเห็นกิเลสตัวเองไหมคะ
:b32: :b32:
onion onion onion


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2018, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
เวลาตั้งหัวข้อน่ะอย่าอ้างบุคคลที่3
จะสนทนาให้เกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย
เอาข้อความบางข้อความมา
ตัดข้อความบางข้อความ
มาสรุปมั่วตามความคิดตัวเอง
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจคำไหน
ก็ยกมาทั้งหมดสิคะอย่าเดา
เพราะเดายังไงก็เดาไม่ออกนะคะ
หัวข้อที่ตั้งนั้นใช้ไม่ได้ค่ะคุณกรัชกาย
ตั้งหัวข้อส่งเดชแบบยกตนข่มท่านเห็นกิเลสตัวเองไหมคะ


กระทู้นี้คุณโรสพูดเองว่าตถาคตไม่ได้สอนวิชาทางโลก :b32:

พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เป็นกษัตริย์เป็นนักปกครอง ดังนั้น ธรรมะที่พระองค์สอนสอนคนทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานยันกษัตริย์

ตัวอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการเรียนทางโลก (โลกียธรรม) ที่เด่นๆเห็นได้ชัดก็

มีบาลีภาษิตเตือนให้ศึกษาศิลปวิทยา เช่น

"คนไม่มีศิลปวิทยา เลี้ยงชีวิตอยู่ได้ยาก" (ขุ.ชา. 27/1651/330)

"จงให้บุตรเรียนรู้วิทยา" (ขุ.ชา. 27/2141/434)

"อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด" (ขุ.ชา.27/108/35)

"ขึ้นชื่อว่า ศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆ ให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น" (ขุ.ชา.27/107/35)

"อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำ ว่าสูง หรือปานกลาง ควรรู้ความหมายเข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง วันหนึ่งจะถึงเวลา ที่ความรู้นั้นนำมาซึ่งประโยชน์" (ขุ.ชา.27/817/184)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ย. 2018, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ภิกษุทั้งหลาย สำหรับบุคคลสองท่าน เราไม่กล่าวว่าจะกระทำการตอบแทนคุณได้ง่ายเลย สองท่านคือใคร คือ มารดาและบิดา
หากบุตรจะเอามารดาไว้บนบ่าข้างหนึ่ง เอาบิดาไว้บนบ่าข้างหนึ่ง ปรนนิบัติ ถึงเขาจะมีอายุยืนร้อยปี อยู่ได้ตลอดศตวรรษ และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้งสอง ด้วยการขัดสี นวดฟั้น อาบน้ำให้ และแม้ว่าท่านทั้งสองนั้นจะพึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขา นั่นก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นอันได้กระทำคุณ หรือตอบแทนแก่มารดาบิดา
ถึงบุตรจะพึงสถาปนามารดาบิดาไว้ในราชสมบัติ ทรงอิสราธิปัตย์ บนมหาปฐพี อันมีสัตตรัตนะมากหลายนี้ ก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นอันได้ทำคุณ หรือได้ตอบแทนแก่มารดาบิดา ข้อนั้น เพราะเหตุไร ? เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก เป็นผู้บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย

“ส่วนว่า บุตรคนใด ชักจูง ปลูกฝัง ประดิษฐาน ซึ่งมารดาบิดา ผู้ไม่มีศรัทธา ไว้ในศรัทธาสัมปทา...ซึ่งมารดาบิดาผู้ทุศีล ไว้ในศีลสัมปทา...ผู้มีมัจฉริยะ ไว้ในจาคะสัมปทา...ผู้ทรามปัญญา ไว้ในปัญญาสัมปทา ด้วยการกระทำเพียงนี้ จึงชื่อว่าเป็นอันได้ทำคุณ ได้ตอบแทนแก่มารดาบิดา” (องฺ.ทุก.20/278/78)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 ก.ย. 2018, 09:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้า ตรัสจำแนกกามโภคี คือชาวบ้านออกเป็น ๑๐ ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี และส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้

กลุ่มที่ 1 แสวงหาไม่ชอบธรรม

1. พวกหนึ่ง แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้วไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์ทำความดี - ควรตำหนิทั้ง 3 สถาน

2. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์แล้วเลี้ยงตนให้เป็นสุข, แต่ไม่เผื่อแผ่จ่ายแบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 1 สถาน

3. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 2 สถาน

กลุ่มที่ 2 แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง

4. พวกหนึ่ง แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรมบ้างไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข. ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี – ควรตำหนิ 3 สถาน ควรชม 1 สถาน

5. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 2 สถาน

6. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งเผื่อนแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 3 สถาน

กลุ่มที่ 3 แสวงหาชอบธรรม

7. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งไม่เผื่อนแผ่แบ่ง และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 1 สถาน

8. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 2 สถาน

9. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทำความดี; แต่ยังติด ยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ - ควรตำหนิ 3 สถาน ควรชม 1 สถาน

พวกพิเศษ : แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มิจิตใจเป็นอิสระ

10. พวกหนึ่ง แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี; ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ - เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชมทั้ง 4 สถาน * (สํ.สฬ.18/631-643/408-451 ฯลฯ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 ก.ย. 2018, 22:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เวลาตั้งหัวข้อน่ะอย่าอ้างบุคคลที่3
จะสนทนาให้เกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย
เอาข้อความบางข้อความมา
ตัดข้อความบางข้อความ
มาสรุปมั่วตามความคิดตัวเอง
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจคำไหน
ก็ยกมาทั้งหมดสิคะอย่าเดา
เพราะเดายังไงก็เดาไม่ออกนะคะ
หัวข้อที่ตั้งนั้นใช้ไม่ได้ค่ะคุณกรัชกาย
ตั้งหัวข้อส่งเดชแบบยกตนข่มท่านเห็นกิเลสตัวเองไหมคะ


กระทู้นี้คุณโรสพูดเองว่าตถาคตไม่ได้สอนวิชาทางโลก :b32:

พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เป็นกษัตริย์เป็นนักปกครอง ดังนั้น ธรรมะที่พระองค์สอนสอนคนทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานยันกษัตริย์

ตัวอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการเรียนทางโลก (โลกียธรรม) ที่เด่นๆเห็นได้ชัดก็

มีบาลีภาษิตเตือนให้ศึกษาศิลปวิทยา เช่น

"คนไม่มีศิลปวิทยา เลี้ยงชีวิตอยู่ได้ยาก" (ขุ.ชา. 27/1651/330)

"จงให้บุตรเรียนรู้วิทยา" (ขุ.ชา. 27/2141/434)

"อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด" (ขุ.ชา.27/108/35)

"ขึ้นชื่อว่า ศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆ ให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น" (ขุ.ชา.27/107/35)

"อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำ ว่าสูง หรือปานกลาง ควรรู้ความหมายเข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง วันหนึ่งจะถึงเวลา ที่ความรู้นั้นนำมาซึ่งประโยชน์" (ขุ.ชา.27/817/184)

ตัวอักษรสีแดงเขียนไม่ครบต้องแบบนี้
:b1:
ไม่ว่ากระทู้ไหนๆโรสก็ขอยืนยันคำตถาคตทุกคำต้องอาศัยการฟัง
เพราะว่าตถาคตไม่ได้บอกหรือสอนธัมมะแบบเรียนตำราวิชาทางโลกค่ะ
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เริ่มมั่นใจแล้วว่า สำนักบ้านธัมมะ ไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนาเลย นอกจากความเพ้อเจ้อเรื่องพระพุทธศาสนา ฟุ้งซ่านธัมมะ ข้อนี้ปรบมือให้ :b35:

จากคคห.นี้ คือ คคห.ผสมปนๆกัน แต่ที่เด่นชัดก็ "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลก"

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรากำลังพูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน กัน


อ้างคำพูด:
Rosarin
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะคิดตรงไม่เป็นจริงๆเลยเอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
viewtopic.php?f=1&t=56203&p=423667#p423667



เอามาให้ดูทั้งหมด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เวลาตั้งหัวข้อน่ะอย่าอ้างบุคคลที่3
จะสนทนาให้เกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย
เอาข้อความบางข้อความมา
ตัดข้อความบางข้อความ
มาสรุปมั่วตามความคิดตัวเอง
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจคำไหน
ก็ยกมาทั้งหมดสิคะอย่าเดา
เพราะเดายังไงก็เดาไม่ออกนะคะ
หัวข้อที่ตั้งนั้นใช้ไม่ได้ค่ะคุณกรัชกาย
ตั้งหัวข้อส่งเดชแบบยกตนข่มท่านเห็นกิเลสตัวเองไหมคะ


กระทู้นี้คุณโรสพูดเองว่าตถาคตไม่ได้สอนวิชาทางโลก :b32:

พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เป็นกษัตริย์เป็นนักปกครอง ดังนั้น ธรรมะที่พระองค์สอนสอนคนทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานยันกษัตริย์

ตัวอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการเรียนทางโลก (โลกียธรรม) ที่เด่นๆเห็นได้ชัดก็

มีบาลีภาษิตเตือนให้ศึกษาศิลปวิทยา เช่น

"คนไม่มีศิลปวิทยา เลี้ยงชีวิตอยู่ได้ยาก" (ขุ.ชา. 27/1651/330)

"จงให้บุตรเรียนรู้วิทยา" (ขุ.ชา. 27/2141/434)

"อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด" (ขุ.ชา.27/108/35)

"ขึ้นชื่อว่า ศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆ ให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น" (ขุ.ชา.27/107/35)

"อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำ ว่าสูง หรือปานกลาง ควรรู้ความหมายเข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง วันหนึ่งจะถึงเวลา ที่ความรู้นั้นนำมาซึ่งประโยชน์" (ขุ.ชา.27/817/184)

ตัวอักษรสีแดงเขียนไม่ครบต้องแบบนี้
:b1:
ไม่ว่ากระทู้ไหนๆโรสก็ขอยืนยันคำตถาคตทุกคำต้องอาศัยการฟัง
เพราะว่าตถาคตไม่ได้บอกหรือสอนธัมมะแบบเรียนตำราวิชาทางโลกค่ะ
:b32: :b32:



ไม่มีแต่ฟังหรอกคุณโรส มีทั้งฟัง สุตะ มีทั้งคิด จินตะ มีทั้งทำ ภาวนา

เคยพูดแล้วว่า สมมตินั่งฟังแม่สุจินพูดอยู่ในห้อง 100 คน ฟังจบแล้ว ให้ไปถามคน 100 ที่ฟังอยู่นั่น จะเห็นต่างกัน เข้าใจไม่เหมือนกัน อุปมาเหมือนให้คน 100 คนวาดรูปผี วาดภาพผีกัน ต่างคนต่างวาดจากจินตนาการในใจของแต่ละคน ก็จะได้ภาพผีออกมาต่างกัน 100 แบบ เพราะผีในใจแต่ละคนต่างกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เวลาตั้งหัวข้อน่ะอย่าอ้างบุคคลที่3
จะสนทนาให้เกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย
เอาข้อความบางข้อความมา
ตัดข้อความบางข้อความ
มาสรุปมั่วตามความคิดตัวเอง
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจคำไหน
ก็ยกมาทั้งหมดสิคะอย่าเดา
เพราะเดายังไงก็เดาไม่ออกนะคะ
หัวข้อที่ตั้งนั้นใช้ไม่ได้ค่ะคุณกรัชกาย
ตั้งหัวข้อส่งเดชแบบยกตนข่มท่านเห็นกิเลสตัวเองไหมคะ


กระทู้นี้คุณโรสพูดเองว่าตถาคตไม่ได้สอนวิชาทางโลก :b32:

พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เป็นกษัตริย์เป็นนักปกครอง ดังนั้น ธรรมะที่พระองค์สอนสอนคนทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานยันกษัตริย์

ตัวอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการเรียนทางโลก (โลกียธรรม) ที่เด่นๆเห็นได้ชัดก็

มีบาลีภาษิตเตือนให้ศึกษาศิลปวิทยา เช่น

"คนไม่มีศิลปวิทยา เลี้ยงชีวิตอยู่ได้ยาก" (ขุ.ชา. 27/1651/330)

"จงให้บุตรเรียนรู้วิทยา" (ขุ.ชา. 27/2141/434)

"อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด" (ขุ.ชา.27/108/35)

"ขึ้นชื่อว่า ศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆ ให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น" (ขุ.ชา.27/107/35)

"อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำ ว่าสูง หรือปานกลาง ควรรู้ความหมายเข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง วันหนึ่งจะถึงเวลา ที่ความรู้นั้นนำมาซึ่งประโยชน์" (ขุ.ชา.27/817/184)

ตัวอักษรสีแดงเขียนไม่ครบต้องแบบนี้
:b1:
ไม่ว่ากระทู้ไหนๆโรสก็ขอยืนยันคำตถาคตทุกคำต้องอาศัยการฟัง
เพราะว่าตถาคตไม่ได้บอกหรือสอนธัมมะแบบเรียนตำราวิชาทางโลกค่ะ
:b32: :b32:



ไม่มีแต่ฟังหรอกคุณโรส มีทั้งฟัง สุตะ มีทั้งคิด จินตะ มีทั้งทำ ภาวนา

เคยพูดแล้วว่า สมมตินั่งฟังแม่สุจินพูดอยู่ในห้อง 100 คน ฟังจบแล้ว ให้ไปถามคน 100 ที่ฟังอยู่นั่น จะเห็นต่างกัน เข้าใจไม่เหมือนกัน อุปมาเหมือนให้คน 100 คนวาดรูปผี วาดภาพผีกัน ต่างคนต่างวาดจากจินตนาการในใจของแต่ละคน ก็จะได้ภาพผีออกมาต่างกัน 100 แบบ เพราะผีในใจแต่ละคนต่างกัน

:b12:
ฟังพระพุทธพจน์เพื่อรู้ตรงขณะว่า
ขณะไหนเป็นกุศลขณะไหนเป็นอกุศล
ถ้าดีแล้วไม่ต้องฟังคือพระอรหันต์ตถาคตบอกไว้
ดีแล้วสำหรับพระอรหันต์จึงต้องฟังว่าตนไม่ดียังไงไม่งั้นก็ละชั่วไม่ได้เพราะไม่มีตัวตนจะไปละเพราะดับแล้ว
:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เวลาตั้งหัวข้อน่ะอย่าอ้างบุคคลที่3
จะสนทนาให้เกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย
เอาข้อความบางข้อความมา
ตัดข้อความบางข้อความ
มาสรุปมั่วตามความคิดตัวเอง
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจคำไหน
ก็ยกมาทั้งหมดสิคะอย่าเดา
เพราะเดายังไงก็เดาไม่ออกนะคะ
หัวข้อที่ตั้งนั้นใช้ไม่ได้ค่ะคุณกรัชกาย
ตั้งหัวข้อส่งเดชแบบยกตนข่มท่านเห็นกิเลสตัวเองไหมคะ


กระทู้นี้คุณโรสพูดเองว่าตถาคตไม่ได้สอนวิชาทางโลก :b32:

พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เป็นกษัตริย์เป็นนักปกครอง ดังนั้น ธรรมะที่พระองค์สอนสอนคนทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานยันกษัตริย์

ตัวอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการเรียนทางโลก (โลกียธรรม) ที่เด่นๆเห็นได้ชัดก็

มีบาลีภาษิตเตือนให้ศึกษาศิลปวิทยา เช่น

"คนไม่มีศิลปวิทยา เลี้ยงชีวิตอยู่ได้ยาก" (ขุ.ชา. 27/1651/330)

"จงให้บุตรเรียนรู้วิทยา" (ขุ.ชา. 27/2141/434)

"อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด" (ขุ.ชา.27/108/35)

"ขึ้นชื่อว่า ศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆ ให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น" (ขุ.ชา.27/107/35)

"อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำ ว่าสูง หรือปานกลาง ควรรู้ความหมายเข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง วันหนึ่งจะถึงเวลา ที่ความรู้นั้นนำมาซึ่งประโยชน์" (ขุ.ชา.27/817/184)

ตัวอักษรสีแดงเขียนไม่ครบต้องแบบนี้
:b1:
ไม่ว่ากระทู้ไหนๆโรสก็ขอยืนยันคำตถาคตทุกคำต้องอาศัยการฟัง
เพราะว่าตถาคตไม่ได้บอกหรือสอนธัมมะแบบเรียนตำราวิชาทางโลกค่ะ
:b32: :b32:



ไม่มีแต่ฟังหรอกคุณโรส มีทั้งฟัง สุตะ มีทั้งคิด จินตะ มีทั้งทำ ภาวนา

เคยพูดแล้วว่า สมมตินั่งฟังแม่สุจินพูดอยู่ในห้อง 100 คน ฟังจบแล้ว ให้ไปถามคน 100 ที่ฟังอยู่นั่น จะเห็นต่างกัน เข้าใจไม่เหมือนกัน อุปมาเหมือนให้คน 100 คนวาดรูปผี วาดภาพผีกัน ต่างคนต่างวาดจากจินตนาการในใจของแต่ละคน ก็จะได้ภาพผีออกมาต่างกัน 100 แบบ เพราะผีในใจแต่ละคนต่างกัน

:b12:
ฟังพระพุทธพจน์เพื่อรู้ตรงขณะว่า
ขณะไหนเป็นกุศลขณะไหนเป็นอกุศล
ถ้าดีแล้วไม่ต้องฟังคือพระอรหันต์ตถาคตบอกไว้
ดีแล้วสำหรับพระอรหันต์จึงต้องฟังว่าตนไม่ดียังไงไม่งั้นก็ละชั่วไม่ได้เพราะไม่มีตัวตนจะไปละเพราะดับแล้ว
:b32: :b32: :b32:


ปลิ้นไปโน่นอีก คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เริ่มมั่นใจแล้วว่า สำนักบ้านธัมมะ ไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนาเลย นอกจากความเพ้อเจ้อเรื่องพระพุทธศาสนา ฟุ้งซ่านธัมมะ ข้อนี้ปรบมือให้ :b35:

จากคคห.นี้ คือ คคห.ผสมปนๆกัน แต่ที่เด่นชัดก็ "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลก"

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรากำลังพูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน กัน


อ้างคำพูด:
Rosarin
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะคิดตรงไม่เป็นจริงๆเลยเอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
viewtopic.php?f=1&t=56203&p=423667#p423667



เอามาให้ดูทั้งหมด

ไม่มีคน
ไม่มีตำรา
มีแต่คำสอน
ตรงสัจจะกระทบ
เดี๋ยวนี้ตายทุกขณะ
สืบต่อเข้าร่างใหม่เร็ว
แบบกะพริบตาลืมตาเห็นคือภพใหม่ทันทีเป็นแมวจะฟังคำสอนได้ไหม
:b32: :b2:


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เริ่มมั่นใจแล้วว่า สำนักบ้านธัมมะ ไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนาเลย นอกจากความเพ้อเจ้อเรื่องพระพุทธศาสนา ฟุ้งซ่านธัมมะ ข้อนี้ปรบมือให้ :b35:

จากคคห.นี้ คือ คคห.ผสมปนๆกัน แต่ที่เด่นชัดก็ "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลก"

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรากำลังพูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน กัน


อ้างคำพูด:
Rosarin
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะคิดตรงไม่เป็นจริงๆเลยเอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
viewtopic.php?f=1&t=56203&p=423667#p423667



เอามาให้ดูทั้งหมด

ไม่มีคน
ไม่มีตำรา
มีแต่คำสอน
ตรงสัจจะกระทบ
เดี๋ยวนี้ตายทุกขณะ
สืบต่อเข้าร่างใหม่เร็ว
แบบกะพริบตาลืมตาเห็นคือภพใหม่ทันทีเป็นแมวจะฟังคำสอนได้ไหม
:b32: :b2:



"จากตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ" ไปกะพริบตาลืมตาภพใหม่เป็นแมวเป็นหมูหมากาไก่น้ำเต้าปูปลาไปโน่นอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เริ่มมั่นใจแล้วว่า สำนักบ้านธัมมะ ไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนาเลย นอกจากความเพ้อเจ้อเรื่องพระพุทธศาสนา ฟุ้งซ่านธัมมะ ข้อนี้ปรบมือให้ :b35:

จากคคห.นี้ คือ คคห.ผสมปนๆกัน แต่ที่เด่นชัดก็ "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลก"

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรากำลังพูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน กัน


อ้างคำพูด:
Rosarin
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะคิดตรงไม่เป็นจริงๆเลยเอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
viewtopic.php?f=1&t=56203&p=423667#p423667



เอามาให้ดูทั้งหมด

ไม่มีคน
ไม่มีตำรา
มีแต่คำสอน
ตรงสัจจะกระทบ
เดี๋ยวนี้ตายทุกขณะ
สืบต่อเข้าร่างใหม่เร็ว
แบบกะพริบตาลืมตาเห็นคือภพใหม่ทันทีเป็นแมวจะฟังคำสอนได้ไหม
:b32: :b2:

:b12:
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีจิตเกิดดับ6ทาง
ถ้าคิดว่ารู้เรียงลำดับสิจิตไหนเกิดก่อนหลัง
ตถาคตเรียงให้รู้โดยละเอียดเพื่อไม่ให้ไปนั่งทำเพื่อเดาเอง
จิตเห็น1ขณะมี7ชวนะเดียวนี้เลยก่อนกระพริบตามี7ชวนะ6ทางไม่ทันปัญญาตนเองตรง1สัจจะคืออวิชชาน๊า
:b13:
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เริ่มมั่นใจแล้วว่า สำนักบ้านธัมมะ ไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนาเลย นอกจากความเพ้อเจ้อเรื่องพระพุทธศาสนา ฟุ้งซ่านธัมมะ ข้อนี้ปรบมือให้ :b35:

จากคคห.นี้ คือ คคห.ผสมปนๆกัน แต่ที่เด่นชัดก็ "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลก"

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรากำลังพูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน กัน


อ้างคำพูด:
Rosarin
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะคิดตรงไม่เป็นจริงๆเลยเอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
viewtopic.php?f=1&t=56203&p=423667#p423667



เอามาให้ดูทั้งหมด

ไม่มีคน
ไม่มีตำรา
มีแต่คำสอน
ตรงสัจจะกระทบ
เดี๋ยวนี้ตายทุกขณะ
สืบต่อเข้าร่างใหม่เร็ว
แบบกะพริบตาลืมตาเห็นคือภพใหม่ทันทีเป็นแมวจะฟังคำสอนได้ไหม
:b32: :b2:

:b12:
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีจิตเกิดดับ6ทาง
ถ้าคิดว่ารู้เรียงลำดับสิจิตไหนเกิดก่อนหลัง
ตถาคตเรียงให้รู้โดยละเอียดเพื่อไม่ให้ไปนั่งทำเพื่อเดาเอง
จิตเห็น1ขณะมี7ชวนะเดียวนี้เลยก่อนกระพริบตามี7ชวนะ6ทางไม่ทันปัญญาตนเองตรง1สัจจะคืออวิชชาน๊า
:b13:
:b32: :b32:

ฟัง เพื่อ คิด เห็น ถูก ตาม ได้ ตรง ขณะ 1ของตนดับทุกอย่างแล้ว
รู้1นั้นที่ตนมีแปลว่าอย่างอื่นดับไปหมดแล้วไม่ทันทีละ1อวิชชาไหลเลย
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร