วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง

cool
ทุกคำในพระไตรปิฎกกำลังมีเดี๋ยวนี้
ไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงจึงไม่รู้ว่ามานะก็กำลังมี
การฟังใครก็ได้ที่พูดตรงความจริงให้เข้าใจถูกคือละมานะได้
กำลังเห็นแค่สีเพียง1สีอย่างเดียวไม่มีได้ยินได้กลิ่นรู้สึกร้อนเย็นปนอะไรเลย
จิตเห็นสีเท่านั้นดับทันทีไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน?มีคนคือทุกท่านไหมคะเอาจริงๆกำลังเห็นเข้าใจไหมคะ
:b16:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเดี๋ยวนี้เลย
มีแต่จิตคิดถูกหรือผิด
ไม่รู้ความจริง
คือไม่รู้ว่าไม่มีใครเลย
กุศลเป็นกุศลและอกุศลเป็นอกุศล
กุศลและอกุศลไม่เกิดพร้อมกัน
ไม่รู้ว่าไม่ใช่คนสัตว์วัตถุ
เป็นเราถือดีว่ามีคน
มาต่อว่าโน่นนี่นั่น
น่ะคือไม่รู้ว่าไม่มีคน
มีแต่ธัมมะคือจิเจรุนิเกิดดับตามเหตุปัจจัยแต่ละ1
ไม่รู้ตรง1ของตนคือกิเลสตนไงคะแปลว่าไม่มีปัญญาปน
เพราะปัญญาเป็นกุศลสูงสุดที่ดับกิเลสตรงขณะตอนกำลังฟังเข้าใจความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทันทีค่ะ
https://youtu.be/5C2Qt1kHdPQ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ย้ำอีก คุณโรสขอรับ คุณเลิกฟังคลิปแม่สุจินเถอะ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าออกจากสำนักบ้านธัมมะไปศึกษาไปเรียนยังสำนักเรียนที่เขามีการสอนการสอบวัดผลถูกต้องตามหลักวิชาให้เป็นเรื่องราวเป็นราวเถอะนะ :b13: :b32:

:b32:
ตรงๆเดี๋ยวนี้เลยไม่โรสไม่กรัชกายไม่มีกบนอกกะลาไม่มีลุงหมาน
มีแต่จิเจรุนิคือจิตเจตสิกรูปนิพพานกำลังเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่กายใจ
หลงว่ามีเราชื่ออะไรบ้านอยู่ไหนสมบัติเยอะไหมแปลว่ามีกิเลสไม่รู้ว่าไม่มีเรา
ธัมมะเป็นเรื่องละความมีเป็นเห็นได้ตามสมมุติคือฟังคำตถาคตเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีจริงๆ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

:b12:
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 09 ก.ย. 2018, 16:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
student เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

:b12:
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
:b32: :b32:

ในเมื่อทำเพื่อมุ่งรับเงินสร้างวัตถุให้เป็นภาระหาเงินเพิ่มสมควรสอนผู้อื่นได้ไหมไม่รู้ความสมควรเลย
https://youtu.be/tq5sngr2p0s


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 18:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
student เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

:b12:
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
:b32: :b32:

ในเมื่อทำเพื่อมุ่งรับเงินสร้างวัตถุให้เป็นภาระหาเงินเพิ่มสมควรสอนผู้อื่นได้ไหมไม่รู้ความสมควรเลย
https://youtu.be/tq5sngr2p0s



ที่เราเห็นวัดวาอารามสวยงาม เช่น วัดพระแก้ว วัดนั้นวัดนี้ มาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะการสร้างวัตถุนี่เอง ถ้าไม่สร้าง จะมีอะไรให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ว่านั่นคือพระพุทธศาสนาเล่าขอรับโผม :b32:

จะพูดอะไรควรมองให้รอบด้าน ถ้าคนรุ่นก่อนๆเรา ไม่สร้างวัตถุไว้ไฉนเลยคนรุ่นเรา เช่น แม่สุจิน คุณโรส จะรู้จักวัด รู้จักโบสถ์ รู้จักสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาเล่า คิดดู คิดลึกๆ

นี่ก็วัตถุ :b1: เขาสร้างไว้ทำไม ?

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็วัตถุ คิดดูเขาสร้างเพื่อวัตถุประสงค์ใด

รูปภาพ

จะทำเป็นสำนักต่อด้านวัตถุ ไม่เอาวัตถุ จะเอาทำมะ คิกๆๆ เอาง่ายๆ ถ้าไม่มีเปลือกแล้วเนื้อมันจะอยู่ยังไง ต้นไม้ต้นหนึ่งมันมีทั้งเปลือก กะพี้ แก่น จึงเป็นต้นไม้สมบูรณ์ ศาสนาพุทธก็ฉันนั้น มีทั้งโลกียธรรม โลกุตรธรรม มีทั้งจริยธรรม มีทั้งสภาวธรรม ใครต่อต้านจริยธรรม แปลว่าผู้นั้น สำนักนั้น ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา อีกหน่อยจะเดินแก้ผ้าเหมือนนิครนถ์ เพราะเห็นว่าเสื้อผ้าก็เป็นกิเลส เพื่อกำจัดกิเลสแก้ผ้ามันสะเลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 09 ก.ย. 2018, 18:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 18:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
student เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

:b12:
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
:b32: :b32:

ในเมื่อทำเพื่อมุ่งรับเงินสร้างวัตถุให้เป็นภาระหาเงินเพิ่มสมควรสอนผู้อื่นได้ไหมไม่รู้ความสมควรเลย
https://youtu.be/tq5sngr2p0s



ที่เราเห็นวัดวาอารามสวยงาม เช่น วัดพระแก้ว วัดนั้นวัดนี้ มาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะการสร้างวัตถุนี่เอง ถ้าไม่สร้าง จะมีอะไรให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ว่านั่นคือพระพุทธศาสนาเล่าขอรับโผม :b32:

จะพูดอะไรควรมองให้รอบด้าน ถ้าคนรุ่นก่อนๆเรา ไม่สร้างวัตถุไว้ไฉนเลยคนรุ่นเรา เช่น แม่สุจิน คุณโรส จะรู้จักวัด รู้จักโบสถ์ รู้จักสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาเล่า คิดดู คิดลึกๆ

นี่ก็วัตถุ :b1: เขาสร้างไว้ทำไม ?

รูปภาพ

:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้
เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
student เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

:b12:
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
:b32: :b32:

ในเมื่อทำเพื่อมุ่งรับเงินสร้างวัตถุให้เป็นภาระหาเงินเพิ่มสมควรสอนผู้อื่นได้ไหมไม่รู้ความสมควรเลย
https://youtu.be/tq5sngr2p0s



ที่เราเห็นวัดวาอารามสวยงาม เช่น วัดพระแก้ว วัดนั้นวัดนี้ มาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะการสร้างวัตถุนี่เอง ถ้าไม่สร้าง จะมีอะไรให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ว่านั่นคือพระพุทธศาสนาเล่าขอรับโผม :b32:

จะพูดอะไรควรมองให้รอบด้าน ถ้าคนรุ่นก่อนๆเรา ไม่สร้างวัตถุไว้ไฉนเลยคนรุ่นเรา เช่น แม่สุจิน คุณโรส จะรู้จักวัด รู้จักโบสถ์ รู้จักสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาเล่า คิดดู คิดลึกๆ

นี่ก็วัตถุ :b1: เขาสร้างไว้ทำไม ?

รูปภาพ

:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้
เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:



ไม่เอามาจากตำรา คุณโรสไปเอามาจากไหน ตรัสรู้เองหรอ

ตอบชัด

๑. ตรัสรู้เอง

๒. ก็เอามาจากตำรานั่นแหละ แต่ฉันตะแบง อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
student เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

:b12:
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
:b32: :b32:

ในเมื่อทำเพื่อมุ่งรับเงินสร้างวัตถุให้เป็นภาระหาเงินเพิ่มสมควรสอนผู้อื่นได้ไหมไม่รู้ความสมควรเลย
https://youtu.be/tq5sngr2p0s



ที่เราเห็นวัดวาอารามสวยงาม เช่น วัดพระแก้ว วัดนั้นวัดนี้ มาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะการสร้างวัตถุนี่เอง ถ้าไม่สร้าง จะมีอะไรให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ว่านั่นคือพระพุทธศาสนาเล่าขอรับโผม :b32:

จะพูดอะไรควรมองให้รอบด้าน ถ้าคนรุ่นก่อนๆเรา ไม่สร้างวัตถุไว้ไฉนเลยคนรุ่นเรา เช่น แม่สุจิน คุณโรส จะรู้จักวัด รู้จักโบสถ์ รู้จักสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาเล่า คิดดู คิดลึกๆ

นี่ก็วัตถุ :b1: เขาสร้างไว้ทำไม ?

รูปภาพ

:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้
เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


มาอีกแระ กรรม คิกๆๆ หมายถึงอะไร พูดไปเรื่อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ย้ำอีกทีว่า สุดท้ายคุณโรสจะไม่ได้อะไรจากพระพุทธศาสนาเลย นอกจากความเพ้อฝันเลื่อนลอย เอาศัทพ์แสงทางธรรมมาพูด แต่ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาเลยสักตัวเดียวว่าเขาสื่อถึงอะไร ทำนองนกขุนทองพูดภาษาคนได้ แต่ไม่รู้เขาสื่อความหมายถึงอะไร

มีตัวอย่าง ดู :b12:

https://www.youtube.com/watch?v=HiQy3E2rmCg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
student เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ในบอร์ดนี้ก็มีผู้หญิงเยอะแยะที่มีความรู้และมีธรรมะในใจ ไม่ต้องไปมองคนอื่นหรือเพ่งโทษคนอื่น หาจุดที่ตัวเองบกพร่อง เริ่มใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต

ไม่เป็นผู้ยกตนข่มท่านนี่ก็เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ตรงเห็นตรง ต้องไม่สวนทางกันกับการดำรงชีวิต

รู้สัจธรรมต้องไม่ขัดแย้งกันกับการความประพฤติ นิสัยต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะ รู้เขารู้เรา หมั่นตรวจว่าเดี๋ยวนี้ตนเองกำลังคบกับคนพาล หรือคบกับสัตบุรุษ การด่าว่าพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาอยากคบด้วย เพราะคนเขาคุยด้วยเพราะเขาสงสาร อยากให้เห็นและละเว้นบาปอกุศลที่ทำอยู่

:b12: :b12: :b12:

ประเพณีอันดีงามของไทยเราหลายๆอย่าง..(เกือบจะหมดทุกอย่าง)...มาจากพระพุทธศาสนา..เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน...เช่น.การน้อบน้อม..ทางกาย..ทางวาจา..เป็นต้น

การน้อบน้อมหรือกราบภิกษุนักบวช(แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงแค่นาทีเดียว)..ซึ่งในการกระทำนี้แท้จริงแล้ว..เป็นการน้อบน้อมเคารพพระรัตนตรัยโดยมีผ้ากาสาวพัสตร์อันบุคคลที่เพิ่งบวขนั้นสวมอยู่...หากผู้กราบระลึกอย่างนี้...ก็บ่งบอกว่าผู้นั้นมีวิจิกิจฉาสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง

ผู้ที่..อดทนไม่พูดโฆษณาในที่สาธารณะ..ในพฤติกรรมเสียๆบางอย่างของนักบวชส่วนน้อย..ทำให้ดูเสมือนว่า..นักบวชส่วนใหญ่เขาทำ...ขึ้นชื่อว่า..เป็นผู้ถนอมส่วนที่เป็นพระศาสนา..เป็นผู้รักษาพระศาสนา..และการเล็งเห็นผลเสียมากกว่าผลได้..จึงเป็นผู้ไม่พูดโดยไม่คิด...นี้ก็แสดงว่าผู้นี้มีสีลลัพตปรามาสสังโยชน์น้อยลง..นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึง....

และการที่สามารถกราบคนที่เพิ่งบวชได้...ผู้กราบย่อมเป็นผู้มีมานะอ่อนลง...นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันนึ่ง..

การที่บอกว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม...แต่พฤติกรรมของชีวิต...ไม่ได้แสดงออกมาของมรรคของผลเลย...
เห็นพระ..จิตก็คิดถึงรับเงิบรับทอง..
เห็นคนห่มขาว...จิตก็คิดไปนอนวัดได้งัย...
เห็นพระไปสวดมนต์หน้าถ่ำ..จิตก็คิดไม่ใช่กิจของสงฆ์...

เป็นต้น..เช่นนี้..ยังเป็นผู้เอาตนไม่รอด..อยู่...ผู้ไม่สามารถระงับยับยั่งจิตอกุศลไม่ให้เกิดได้จะว่าเป็นผู้รอดจากอบายได้อย่างไร...

ในส่วนที่เห็นฆราวาส.ตั้งสำนัก..ตั้งบริษัท..สั่งสอนอบรมธรรมะ..ทั่วราชอาณาจักร...อันนี้..ก็เป็นสัญญาณความเสื่อมของพระศาสนาในสังคมมนุษย์..ได้อย่างหนึ่ง
แม้ตัวพระธรรม..จะเป็นอกาลิโก..เป็นของแท้ที่เที่ยง...แต่ตัวคนเป็นของไม่เที่ยง...สมัยหนึ่งมีความเห็นอย่างนี้ดี..พอกาลสมัยเปลี่ยนไปก็อาจจะเห็นอีกอย่างดี..ขึ้นมาแทนได้..นี้แหละ..ความรู้สึกนึกคิดของคนมันไม่เที่ยง


พูดได้เห็นภาพดีมากเลยครับ

สังคมชาวพุทธยังต้องพึ่งประเพณีสงฆ์

เพื่อ เพิ่มกุศลในส่วนที่ควรเพิ่ม
ละ อกุศลในส่วนที่ควรละ

ถ้าเราคิดว่าใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งสำนักสอนธรรมได้ เรานั้นแลยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย

:b12:
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
:b32: :b32:

ในเมื่อทำเพื่อมุ่งรับเงินสร้างวัตถุให้เป็นภาระหาเงินเพิ่มสมควรสอนผู้อื่นได้ไหมไม่รู้ความสมควรเลย
https://youtu.be/tq5sngr2p0s



ที่เราเห็นวัดวาอารามสวยงาม เช่น วัดพระแก้ว วัดนั้นวัดนี้ มาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะการสร้างวัตถุนี่เอง ถ้าไม่สร้าง จะมีอะไรให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ว่านั่นคือพระพุทธศาสนาเล่าขอรับโผม :b32:

จะพูดอะไรควรมองให้รอบด้าน ถ้าคนรุ่นก่อนๆเรา ไม่สร้างวัตถุไว้ไฉนเลยคนรุ่นเรา เช่น แม่สุจิน คุณโรส จะรู้จักวัด รู้จักโบสถ์ รู้จักสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาเล่า คิดดู คิดลึกๆ

นี่ก็วัตถุ :b1: เขาสร้างไว้ทำไม ?

รูปภาพ

:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้
เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


คุณครับ

พระศาสดาไม่เคยห้ามให้สร้างวัดหรือรูปเคารพ

เพราะสิ่งเหล่านี้คือหลักฐานของศาสนาที่สืบต่อกันมาตั้งแต่พุทธกาลที่พุทธบริษัท4ร่วมกัน

เมื่อเวลาผ่านไป พุทธบริษัท4ก็สามารถเรียนรู้ว่า พระพุทธเจ้าดับขันธ์นิพพานไปแล้ว

แม้มหาบุรุษ มีปัญญาและพระมหากรุณาธิคุณแค่ไหน ก็ไม่สามารถรั้งชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้

เหลือเพียงชื่อไว้ประดับโลกา

นี่คือชื่อของพระพุทธเจ้าครับที่เป็นเครื่องเตือนใจว่า

แม้เราบุคคลธรรมดาที่แปดเปื้อนด้วยอาสวะ4 ก็พึงเร่งทำความเพียรด้วยความไม่ประมาท

เพราะเมื่อเวลาผ่านไป มีแต่ความดีของเราที่หลงเหลือให้คนได้ศึกษา

การสร้างวัดและรูปเคารพ ไม่ถือว่าผิดธรรมเนียมของพุทธบริษัท4ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 00:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่การเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าไปตั้งสำนักตามอำเภอใจโดยไม่ได้รับรองจากคณะสงฆ์

นี่ถือว่าผิดธรรมเนียม และเป็นการขโมยธรรมด้วย

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 06:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
แต่การเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าไปตั้งสำนักตามอำเภอใจโดยไม่ได้รับรองจากคณะสงฆ์

นี่ถือว่าผิดธรรมเนียม และเป็นการขโมยธรรมด้วย

cool
โจรปล้นคำสอนทำเพื่อลาภสักการะคือบรรพชิตที่รับเงินคือมิจฉาชีพยิ่งกว่าโจรปล้นธนาคาร
กรุณาไปศึกษาสังฆโสภณสูตรตถาคตยืนยันให้พุทธบริษัททั้ง4เป็นผู้รักษาและสืบต่อพระพุทธศาสนาคร่า
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร