วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 16:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2018, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กังขาวิตรณวิสุทธิ ความบริสุทธิ์ด้วยหมดสงสัยในนามรูป คือ กำหนดรู้ปัจจัยแห่งนามรูปได้ว่า เพราะอะไรเกิด นามรูปจึงเกิด เพราะอะไรดับ นามรูปจึงดับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 ส.ค. 2018, 12:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2018, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกๆ คคห.ของคุณโรสเป็นความฟุ้งซ่านธัมม์ทั้งเพ เอ้า คคห.นี้ตัวอย่าง

อ้างคำพูด:
จิต 1 ขณะ มีครบธาตุ 4 ขันธ์ 5 รู้ผ่านอายตนะ 6 ทีละ 1 คำ 1 ทาง พร้อมกัน 6 ทางไม่ได้
เพราะต้องคิดตามตรงคำตรงขณะตามเสียงจริงๆ ที่ตรงความจริงที่กายใจตนด้วย
ตามพระอภิธรรม จิตแต่ละ 1 ขณะมีครบ 4 ชาติเลยนะคะ ทั้งวิบาก กิริยา กุศล และอกุศล
ถ้าแต่ละ 1 ขณะ ไม่ทันความจริงที่ตนมีตรง 1 คำวาจาสัจจะ ของตน แปลว่า ไม่เกิดสติเลย
เพราะการตรงจริงต้องระลึกได้ตรง 1 สัจจะ ที่ตนกำลังมีตรงปัจจุบันขณะ ถ้าไม่เคยตรงคือไม่รู้แน่ๆ
จิต เจตสิก รูป นิพพาน ตนตรงสภาพธรรมไหน 1 คำ ใน 4 ประเภทนั้น ต้องรู้ความจริง ที่กายใจตนเดี๋ยวนี้
ไม่รู้เดี๋ยวนี้ แสดงว่าเป็นปุถุชน ที่ไม่เคยระลึกตามคำสอน และไม่เคยคิดได้ตรงปรมัตถสัจจะ มีกิเลสหนาแน่น
เหมือนจอกแหนแน่นปิดหน้าผิวน้ำตรง 1 คำ หยิบออก 1 คำ ไม่เห็นผิวน้ำเลย คริคริคริ ต้องตรงทีละคำทุกขณะ ถึงจะเริ่มเห็นผิวน้ำได้น๊า ไม่เชื่อลองลืมตาดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสิ จำได้หมดเลยยังไม่ต้องเอ่ยชื่อแยกออกหมด
ว่ามีอะไรเยอะแยะมากมายหลับตาลงแล้วลืมตาใหม่ดูสิมีเหมือนเดิมมันเป็นแค่สีหรือยังถ้ายังต้องทำฟังน๊า
เพราะลืมตาดูมีกิเลสใหม่เพิ่มตลอดเวลาไม่มีปัญญาเจตสิกจากสัทบัญญัติทีละคำมาคั่นกิเลสที่ไหลไปเลย

viewtopic.php?f=1&t=56392&p=425120#p425120



ทั้งเพทั้งระยองนั่น เกิดจากความคิดฟุ้งซ่าน ที่เรียกว่าฟุ้งซ่านธัมม์ เกิดจากการฟังแม่สุจินพูดกรองหูทุกวัน ซึ่งแม่สุจินเองก็ไม่เห็นความเป็นอย่างนั้นของกายของใจ ของรูปของนาม ซึ่งมีอยู่เป็นไปในขณะนั้น แม่สุจินเรียนแล้วมโนไปตามหนังสือนั่น อย่างนี้แหละ เรียกว่า รู้ตามหมึกพิมพ์ในกระดาษ :b1: แบบนี้ยิ่งรู้ยิ่งฟุ้งซ่าน ไม่หายฟุ้งซ่าน ถ้าจะให้หายฟุ้งก็ต้องรู้เห็นจากประสบการดังตัวอย่างว่าข้างบนโน่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 07:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีทางเดียวที่จะให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยแม่สุจินหยุดความเพ้อหยุดฟุ้งซ่านได้ ต้องลงมือลงเท้า อิอิ ทำภาวนา ภาวนาไปๆๆ จนกระทั่งปัญญาซึ่งเกิดจากการภาวนาเกิด (ภาวนามยปัญญา) โน่นกังขาวิตรณวิสุทธิเกิดโน่นแหละ หยุดฟุ้งแน่นวล :b32: อ้าวจริงๆไม่ใช่พูดเล่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 07:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่พันทิพก็มีกระทู้สนทนากัน เช่น

อ้างคำพูด:
การปฏิบัติธรรม ตามแนวของ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นอย่างไรครับ

ฟังดูเป็นวิชาการ ที่ต้องพิจารณาตามอย่างละเอียด

แต่ส่วนตัวรู้สึกแห้งแล้ง ขาดความสดชื่นและอิ่มเอม แม้สิ่งที่อาจารย์สุจินต์สอน จะเป็นข้อเท็จจริงหลายๆอย่างที่ชาวพุทธควรรู้ ควรตระหนัก

อีกด้านหนึ่ง จากที่ฟังๆ มา เข้าใจว่า แนวของ อาจารย์สุจินต์ ไม่มีกรรมฐาน เหมือนแนวทางอื่นๆ เช่นวัดป่า ที่เน้น กรรมฐานมากๆ

https://pantip.com/topic/38001354



คคห.ที่ 1 บอกว่า

อ้างคำพูด:
บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง
เพราะมโนไปอนาคตธรรม
ยกตัวอย่างเช่น
ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ
สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์
ให้ตนไปรู้รสนิพพาน
ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้
เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน
เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว
คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป
ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง
ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง
ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง
ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง
การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน




ใช่เลย :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 08:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
รู้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่อ่านตำรา
กาลามสูตร10มีว่าไม่ให้เชื่อตำรามิใช่หรือ
เชื่อตำราแล้วนี่ถึงเลือกบางตอนเอาไปทำ
ไม่ได้รู้ว่าเห็นแล้วจำแล้วได้ยินแล้วมีแล้ว
มีอกุศลเกิดรู้ตัวทันทีนั่นน่ะมีปัญญา
ส่วนที่คิดว่าตนดีแล้วน่ะไม่รู้ว่าไม่ดี
เพราะไม่มีตัวตนไปทำดีหรือชั่วเลย
แต่เป็นเดี๋ยวนี้ที่ละชั่วไม่ได้เพราะไม่รู้
เอาอะไรไปรู้เพราะสุตมยปัญญาทำอย่างไร
ข้ามสุตมยปัญญาคือละชั่วไม่ได้เลยเพราะมีแต่อยากทำลืมฟังไงคะ
อัธยาศัยการบรรลุธรรมของคฤหัสถ์น่ะสบายๆชิวๆไม่ลำบากเดือดร้อนเรื่องรับเงินใช้เงินถึงอรหันต์ก็บวชไง
แต่เข้าไปครองผ้ากาสาวพัตรก่อนแต่ไม่บรรลุแม้แต่โสดาบันแล้วก็รับเงินรับทองนั้นน่ะไปอบายภูมิน๊า
ปิดกั้นสวรรค์และมรรคและผลและนิพพาน...หวังอะไรที่รับเงินมีแต่สะสมความโลภอยากได้เพิ่มไหมงเงิน
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 08:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
รู้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่อ่านตำรา
กาลามสูตร10มีว่าไม่ให้เชื่อตำรามิใช่หรือ
เชื่อตำราแล้วนี่ถึงเลือกบางตอนเอาไปทำ
ไม่ได้รู้ว่าเห็นแล้วจำแล้วได้ยินแล้วมีแล้ว
มีอกุศลเกิดรู้ตัวทันทีนั่นน่ะมีปัญญา
ส่วนที่คิดว่าตนดีแล้วน่ะไม่รู้ว่าไม่ดี
เพราะไม่มีตัวตนไปทำดีหรือชั่วเลย
แต่เป็นเดี๋ยวนี้ที่ละชั่วไม่ได้เพราะไม่รู้
เอาอะไรไปรู้เพราะสุตมยปัญญาทำอย่างไร
ข้ามสุตมยปัญญาคือละชั่วไม่ได้เลยเพราะมีแต่อยากทำลืมฟังไงคะ
อัธยาศัยการบรรลุธรรมของคฤหัสถ์น่ะสบายๆชิวๆไม่ลำบากเดือดร้อนเรื่องรับเงินใช้เงินถึงอรหันต์ก็บวชไง
แต่เข้าไปครองผ้ากาสาวพัตรก่อนแต่ไม่บรรลุแม้แต่โสดาบันแล้วก็รับเงินรับทองนั้นน่ะไปอบายภูมิน๊า
ปิดกั้นสวรรค์และมรรคและผลและนิพพาน...หวังอะไรที่รับเงินมีแต่สะสมความโลภอยากได้เพิ่มไหมงเงิน


ความคิดสับสนปนเปื้อนเละเทะไปหมด

แล้วที่คุณโรสนำมาพูดมาเล่านี่เอามาจากไหนขอรับ ถ้าไม่ได้เอามาจากตำรา ตรัสรู้เองหรือยังไง คิกๆๆ

อ้างบ่อยๆ คือ ไปนำวิธีที่พระพุทธเจ้าบอกชาวกาลามะมา แต่ไม่เข้าใจเจตนารมณ์ที่พระองค์สอนชาวบ้านนั่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2018, 23:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
รู้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่อ่านตำรา
กาลามสูตร10มีว่าไม่ให้เชื่อตำรามิใช่หรือ
เชื่อตำราแล้วนี่ถึงเลือกบางตอนเอาไปทำ
ไม่ได้รู้ว่าเห็นแล้วจำแล้วได้ยินแล้วมีแล้ว
มีอกุศลเกิดรู้ตัวทันทีนั่นน่ะมีปัญญา
ส่วนที่คิดว่าตนดีแล้วน่ะไม่รู้ว่าไม่ดี
เพราะไม่มีตัวตนไปทำดีหรือชั่วเลย
แต่เป็นเดี๋ยวนี้ที่ละชั่วไม่ได้เพราะไม่รู้
เอาอะไรไปรู้เพราะสุตมยปัญญาทำอย่างไร
ข้ามสุตมยปัญญาคือละชั่วไม่ได้เลยเพราะมีแต่อยากทำลืมฟังไงคะ
อัธยาศัยการบรรลุธรรมของคฤหัสถ์น่ะสบายๆชิวๆไม่ลำบากเดือดร้อนเรื่องรับเงินใช้เงินถึงอรหันต์ก็บวชไง
แต่เข้าไปครองผ้ากาสาวพัตรก่อนแต่ไม่บรรลุแม้แต่โสดาบันแล้วก็รับเงินรับทองนั้นน่ะไปอบายภูมิน๊า
ปิดกั้นสวรรค์และมรรคและผลและนิพพาน...หวังอะไรที่รับเงินมีแต่สะสมความโลภอยากได้เพิ่มไหมงเงิน


ความคิดสับสนปนเปื้อนเละเทะไปหมด

แล้วที่คุณโรสนำมาพูดมาเล่านี่เอามาจากไหนขอรับ ถ้าไม่ได้เอามาจากตำรา ตรัสรู้เองหรือยังไง คิกๆๆ

อ้างบ่อยๆ คือ ไปนำวิธีที่พระพุทธเจ้าบอกชาวกาลามะมา แต่ไม่เข้าใจเจตนารมณ์ที่พระองค์สอนชาวบ้านนั่น

:b12:
ไม่ต้องพูดบาลีว่าตนรู้ศัพท์เยอะได้ไหมมันไม่ตามไปชาติหน้าค่ะ
บอกไม่ฟังก็บอกว่าให้สะสมสัจญาณคือปริยัติจากสุตมยปัญญา
คุยมาตั้งแต่แรกไม่เข้าใจหรือคะว่าโรสฟังพระพุทธพจน์เข้าใจ
ไม่ได้จดหรือไม่ได้อ่านมาก่อนไม่ได้ไปกางเปิดตำราตอบมันอยู่ในกึ๋นไงคะ
เข้าใจถูกตรงตามการฟังแล้วคำตถาคตเข้าใจแล้วเวลาสนทนาก็บอกตามความเข้าใจตรงคำจริงไงคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2018, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
รู้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่อ่านตำรา
กาลามสูตร10มีว่าไม่ให้เชื่อตำรามิใช่หรือ
เชื่อตำราแล้วนี่ถึงเลือกบางตอนเอาไปทำ
ไม่ได้รู้ว่าเห็นแล้วจำแล้วได้ยินแล้วมีแล้ว
มีอกุศลเกิดรู้ตัวทันทีนั่นน่ะมีปัญญา
ส่วนที่คิดว่าตนดีแล้วน่ะไม่รู้ว่าไม่ดี
เพราะไม่มีตัวตนไปทำดีหรือชั่วเลย
แต่เป็นเดี๋ยวนี้ที่ละชั่วไม่ได้เพราะไม่รู้
เอาอะไรไปรู้เพราะสุตมยปัญญาทำอย่างไร
ข้ามสุตมยปัญญาคือละชั่วไม่ได้เลยเพราะมีแต่อยากทำลืมฟังไงคะ
อัธยาศัยการบรรลุธรรมของคฤหัสถ์น่ะสบายๆชิวๆไม่ลำบากเดือดร้อนเรื่องรับเงินใช้เงินถึงอรหันต์ก็บวชไง
แต่เข้าไปครองผ้ากาสาวพัตรก่อนแต่ไม่บรรลุแม้แต่โสดาบันแล้วก็รับเงินรับทองนั้นน่ะไปอบายภูมิน๊า
ปิดกั้นสวรรค์และมรรคและผลและนิพพาน...หวังอะไรที่รับเงินมีแต่สะสมความโลภอยากได้เพิ่มไหมงเงิน


ความคิดสับสนปนเปื้อนเละเทะไปหมด

แล้วที่คุณโรสนำมาพูดมาเล่านี่เอามาจากไหนขอรับ ถ้าไม่ได้เอามาจากตำรา ตรัสรู้เองหรือยังไง คิกๆๆ

อ้างบ่อยๆ คือ ไปนำวิธีที่พระพุทธเจ้าบอกชาวกาลามะมา แต่ไม่เข้าใจเจตนารมณ์ที่พระองค์สอนชาวบ้านนั่น

:b12:
ไม่ต้องพูดบาลีว่าตนรู้ศัพท์เยอะได้ไหมมันไม่ตามไปชาติหน้าค่ะ
บอกไม่ฟังก็บอกว่าให้สะสมสัจญาณคือปริยัติจากสุตมยปัญญา
คุยมาตั้งแต่แรกไม่เข้าใจหรือคะว่าโรสฟังพระพุทธพจน์เข้าใจ
ไม่ได้จดหรือไม่ได้อ่านมาก่อนไม่ได้ไปกางเปิดตำราตอบมันอยู่ในกึ๋นไงคะ
เข้าใจถูกตรงตามการฟังแล้วคำตถาคตเข้าใจแล้วเวลาสนทนาก็บอกตามความเข้าใจตรงคำจริงไงคะ
:b32: :b32:


ข้ามภพข้ามชาติไปโน่นเลย

ปัจจุบันชาติเดี๋ยวนี้คุณโรสไม่รู้เรื่อง นั่นก็แปลว่าเพ้อเจ้อ ตัวอย่าง เช่น เอา สติ ของเขามา ก็มาว่าเป็นคำๆ อิอิ เช่นที่ว่า ส คำหนึ่ง ติ คำหนึ่ง ว่าฟังทีละคำๆ

นิพพาน ก็เอาของเขามาว่า เป็นคำๆ เช่น นิพ คำหนึ่ง พาน คำหนึ่ง ว่าฟังทีละคำๆ เนี่ยมันเละเห็นๆ

จบข่าว

อย่างที่บอกนับครั้งไม่ถ้วนว่าเสียเวลาเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2018, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
รู้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่อ่านตำรา
กาลามสูตร10มีว่าไม่ให้เชื่อตำรามิใช่หรือ
เชื่อตำราแล้วนี่ถึงเลือกบางตอนเอาไปทำ
ไม่ได้รู้ว่าเห็นแล้วจำแล้วได้ยินแล้วมีแล้ว
มีอกุศลเกิดรู้ตัวทันทีนั่นน่ะมีปัญญา
ส่วนที่คิดว่าตนดีแล้วน่ะไม่รู้ว่าไม่ดี
เพราะไม่มีตัวตนไปทำดีหรือชั่วเลย
แต่เป็นเดี๋ยวนี้ที่ละชั่วไม่ได้เพราะไม่รู้
เอาอะไรไปรู้เพราะสุตมยปัญญาทำอย่างไร
ข้ามสุตมยปัญญาคือละชั่วไม่ได้เลยเพราะมีแต่อยากทำลืมฟังไงคะ
อัธยาศัยการบรรลุธรรมของคฤหัสถ์น่ะสบายๆชิวๆไม่ลำบากเดือดร้อนเรื่องรับเงินใช้เงินถึงอรหันต์ก็บวชไง
แต่เข้าไปครองผ้ากาสาวพัตรก่อนแต่ไม่บรรลุแม้แต่โสดาบันแล้วก็รับเงินรับทองนั้นน่ะไปอบายภูมิน๊า
ปิดกั้นสวรรค์และมรรคและผลและนิพพาน...หวังอะไรที่รับเงินมีแต่สะสมความโลภอยากได้เพิ่มไหมงเงิน


ความคิดสับสนปนเปื้อนเละเทะไปหมด

แล้วที่คุณโรสนำมาพูดมาเล่านี่เอามาจากไหนขอรับ ถ้าไม่ได้เอามาจากตำรา ตรัสรู้เองหรือยังไง คิกๆๆ

อ้างบ่อยๆ คือ ไปนำวิธีที่พระพุทธเจ้าบอกชาวกาลามะมา แต่ไม่เข้าใจเจตนารมณ์ที่พระองค์สอนชาวบ้านนั่น

:b12:

ไม่ต้องพูดบาลีว่าตนรู้ศัพท์เยอะได้ไหมมันไม่ตามไปชาติหน้าค่ะ

บอกไม่ฟังก็บอกว่าให้สะสมสัจญาณคือปริยัติจากสุตมยปัญญา

คุยมาตั้งแต่แรกไม่เข้าใจหรือคะว่าโรสฟังพระพุทธพจน์เข้าใจ

ไม่ได้จดหรือไม่ได้อ่านมาก่อนไม่ได้ไปกางเปิดตำราตอบมันอยู่ในกึ๋นไงคะ

เข้าใจถูกตรงตามการฟังแล้วคำตถาคตเข้าใจแล้วเวลาสนทนาก็บอกตามความเข้าใจตรงคำจริงไงคะ



อ้างคำพูด:
คุยมาตั้งแต่แรกไม่เข้าใจหรือคะ ว่าโรสฟังพระพุทธพจน์เข้าใจ


คุณโรสว่า ว่าฟังพระพุทธพจน์เข้าใจ ไหนเอาพุทธพจน์ที่ว่ามาให้ดูหน่อยสิขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2018, 10:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin
ความจริงตรงปัจจุบันเดี๋ยวนี้กำลังมีจิตเกิดดับทีละ1ขณะสืบต่อไม่ขาดสาย

ไม่มีตัวตนคนสัตว์และวัตถุมีแต่สภาพธรรมกำลังปรากฏว่ามีที่กายจิตตนเท่านั้น

ไม่รู้ทัน1สัจจะที่ตนมีแปลว่าความจริงกำลังปรากฏกับอวิชชาของคุณแล้วจะทำอะไร
เห็นคุณของพระรัตนตรัยตอนไหนในเมื่อทุกอย่างดับไปตลอดเวลาไม่ฟังไม่มีทางเกิดปัญญา
ทำได้แค่บอกให้ฟังความจริงเพื่อรู้ตามเสียงตรงขณะว่าตนไม่รู้อะไรบ้างทุกขณะมีสัญญาจำแล้ว
ขาดปัญญาที่ต้องเริ่มจากการฟังทุกครั้งเพื่อเป็นประตูคือปากทางที่ปัญญาจะแทรกเข้าแทนกิเลสคร่าาาา
การเรียนแบบทำข้อสอบรับปริญญาไม่ตรงสัจจะที่กำลังมีเพราะปัญญารู้เดี๋ยวนี้ที่กำลังมีไม่ใช่บัญญัติคำนี่
viewtopic.php?f=1&t=56488&p=426329#p426329


อ้างคำพูด:
ความจริงตรงปัจจุบันเดี๋ยวนี้กำลังมีจิตเกิดดับทีละ 1 ขณะ สืบต่อไม่ขาดสาย

ไม่มีตัวตนคนสัตว์ และวัตถุ มีแต่สภาพธรรม กำลังปรากฏว่า มีที่ กายจิตตน เท่านั้น


ความคิดสองบรรทัดนั่น เราจะเห็นความเพ้อเจ้อฟุ้งซ่านของคุณโรสศิษย์บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินชัดว่า เกิดจากคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อย เพราะอะไร? เพราะอ่านหนังสืออภิธรรมว่าจิตเกิดดับมาบ้าง ฟังเขามาบ้าง แล้วก็มาสรุปเอาตามอัตตโนมติ ว่าไม่ใช่ตัวตนคนสัตว์ อะไรก็ว่าไป ซึ่งตนเองยังไม่รู้ไม่เห็นเลยสักกะติ๊ดว่าจิตมันเกิดดับทีละ 1 ขณะ ขะแน่ะ อะไรเลย คิกๆๆ นี่เพราะขาดภาวนามยปัญญาล้าน % + ขาดการศึกษาให้ถ้วนทั่วรอบด้าน จึงเป็นเหตุให้ฟัุงซ่านพล่านไปสุดเสียงกู่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2018, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ดูทั้งหมด


วิสุทธิ ความบริสุทธิ์, ความหมดจด, การชำระสัตว์ให้บริสุทธิ์ด้วยการบำเพ็ญไตรสิกขาให้บริบูรณ์เป็นขั้นๆ ไปโดยลำดับ จนบรรลุจุดหมาย คือ พระนิพพาน มี ๗ ขั้น (ในที่นี้ ได้ระบุธรรมที่มีที่ได้เป็นความหมายของแต่ละขั้น ตามที่แสดงไว้ในอภิธัมมัตถสงคหะ)
คือ

๑. สีลวิสุทธิ ความหมดจดแห่งศีล (ได้แก่ ปาริสุทธิศีล ๔)

๒. จิตตวิสุทธิ ความหมดจดแห่งจิตต์ (ได้แก่ สมาธิ ๒ คือ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิ)

๓. ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแห่งทิฏฐิ (ได้แก่ นามรูปปริคคหญาณ)

๔. กังขาวิตรณวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้นความสงสัย (ได้แก่ ปัจจัยปริคคหญาณ)

๕. มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องรู้เห็นว่าทางหรือมิใช่ทาง (ได้แก่ ต่อสัมมสนญาณ ขึ้นสู่อุทยัพพยญาณ เป็นตรุณวิปัสสนา เกิดวิปัสสนูปกิเลส แล้วรู้เท่าทันว่า อะไรใช่ทาง อะไรมิใช่ทาง)

๖. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน (ได้แก่ วิปัสสนาญาณ ๙ นับแต่อุทยัพพยญาณที่ผ่านพ้นวิปัสสนูปกิเลสแล้ว เกิดเป็นพลววิปัสสนา เป็นต้นไป จนถึงอนุโลมญาณ)

๗. ญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ (ได้แก่ มรรคญาณ ๔ มีโสดาปัตติมรรค เป็นต้น แต่ละขั้น)

(วิสุทธิทั้งนั้น สุตะ จินตะ ไม่ถึงหรอก ต้องภาวนา)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร