วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 00:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 144 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 03:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
นี่แหละ ตัวอย่างคนที่ไม่ได้เรียนพระประยัติ พระสูตร พระอภิธรรมมาเรย
เรยตื้นเขินซ้าซาก ไม่รู้จะตรวจสอบยังไง


ง่ายๆนะคะ
ปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิด กะกายเวทนา จิต และธรรม
ตรวจสอบได้กะสังโยชน์ สิบ ค่ะ

รู้ได้งัย...ว่าไอ..ไม่รู้...ถามลองภูมิยู...ดูเฉยๆตะหาก


แล้วยูมีปัญญา..จะตอบได้แค่นี้เหรอ?????
ตอบให้ละเอียดให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ???

มันไม่กว้างไปเหรอตอบแบบนี้...เหมือนมีคนทำ...สิ่งของ...หล่นไปในสระน้ำ....
แล้วไอถามว่า..สิ่งของนั้นหล่นอยู่ตรงไหน...
ยูก็ตอบไปว่า...หล่นอยู่ในสระนั่นแหละ...(สังโยชน์ 10)
แทนที่จะบอกแบบว่าอยู่ตรงจุดไหนเป๊ะๆๆๆเลย

ลองใช้ความสามารถอีกทีหน่อยสิ่
ตอบแบบนี้..ไม่สมกับคุยว่า..ศึกษาพระอภิธรรม..มาเลยนะนี่

เอาตอบแบบให้เห็นภาพกันจะจะตาไปเลย...ว่า
...สามารถละกามราคะ...ได้แบบเด็ดขาดแล้ว...
ได้สำเร็จขั้นพระอนาคามีเรียบร้อยแล้ว...
ว่าท่านพิสูจน์กันยังงัย..วิธีไหน..ทำยังงัย??

บอกไว้ก่อนนะ..ในพระไตรปิฎก..ก็มีเรื่องนี้
แต่ถ้ายู..ไม่มีพื้นฐานดีในการศึกษาเทศน์ของครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว
ยูก็จะมีปัญญาตอบได้แค่ระดับ...บอกว่า..สิ่งของอยู่ในสระน้ำกว้างๆนั่นแหละ..ให้ไปงมหาเอาเองเถอะ...

แต่ถ้า..ยู..แน่จริงแล้ว...ยูจะชี้จุดได้แบบเป๊ะๆเลย...ว่านี่งัย..อยู่ตรงจุดนี้


ง่ายๆ
ก็ก้มลงดูอวัยวะเพศของคุณเองสิคะ
แล้วจะรู้เอง ว่าจิตใจ เห็นอะไร
ทีไม่ตรงตามพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้่บ้าง

แต่คงยากหน่อยนะคะ

เพราะว่า คุณเขลาเกินไป ไม่อาจเห็นตรงตามพระพุทธองค์สอนได้ ไม่อาจเห็นตรงตามพระอภิธรรมได้




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 04:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
< ตะวัน > เขียน:
นี่แหละ ตัวอย่างคนที่ไม่ได้เรียนพระประยัติ พระสูตร พระอภิธรรมมาเรย
เรยตื้นเขินซ้าซาก ไม่รู้จะตรวจสอบยังไง


ง่ายๆนะคะ
ปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิด กะกายเวทนา จิต และธรรม
ตรวจสอบได้กะสังโยชน์ สิบ ค่ะ

รู้ได้งัย...ว่าไอ..ไม่รู้...ถามลองภูมิยู...ดูเฉยๆตะหาก


แล้วยูมีปัญญา..จะตอบได้แค่นี้เหรอ?????
ตอบให้ละเอียดให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ???

มันไม่กว้างไปเหรอตอบแบบนี้...เหมือนมีคนทำ...สิ่งของ...หล่นไปในสระน้ำ....
แล้วไอถามว่า..สิ่งของนั้นหล่นอยู่ตรงไหน...
ยูก็ตอบไปว่า...หล่นอยู่ในสระนั่นแหละ...(สังโยชน์ 10)
แทนที่จะบอกแบบว่าอยู่ตรงจุดไหนเป๊ะๆๆๆเลย

ลองใช้ความสามารถอีกทีหน่อยสิ่
ตอบแบบนี้..ไม่สมกับคุยว่า..ศึกษาพระอภิธรรม..มาเลยนะนี่

เอาตอบแบบให้เห็นภาพกันจะจะตาไปเลย...ว่า
...สามารถละกามราคะ...ได้แบบเด็ดขาดแล้ว...
ได้สำเร็จขั้นพระอนาคามีเรียบร้อยแล้ว...
ว่าท่านพิสูจน์กันยังงัย..วิธีไหน..ทำยังงัย??

บอกไว้ก่อนนะ..ในพระไตรปิฎก..ก็มีเรื่องนี้
แต่ถ้ายู..ไม่มีพื้นฐานดีในการศึกษาเทศน์ของครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว
ยูก็จะมีปัญญาตอบได้แค่ระดับ...บอกว่า..สิ่งของอยู่ในสระน้ำกว้างๆนั่นแหละ..ให้ไปงมหาเอาเองเถอะ...

แต่ถ้า..ยู..แน่จริงแล้ว...ยูจะชี้จุดได้แบบเป๊ะๆเลย...ว่านี่งัย..อยู่ตรงจุดนี้


ง่ายๆ
ก็ก้มลงดูอวัยวะเพศของคุณเองสิคะ
แล้วจะรู้เอง ว่าจิตใจ เห็นอะไร
ทีไม่ตรงตามพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้่บ้าง

แต่คงยากหน่อยนะคะ

เพราะว่า คุณเขลาเกินไป ไม่อาจเห็นตรงตามพระพุทธองค์สอนได้ ไม่อาจเห็นตรงตามพระอภิธรรมได้




:b34: :b34: :b34: :b34: :b34:
นี่น่ะเร๊อะ...การตอบของหนูโลกสวยฯ
ผู้อ้างว่า...เชี่ยวชาญคัมภีร์อภิธรรม...นั่น


ถ้าจะตอบแบบนี้...อย่าเที่ยวไปอ้างคัมภีร์อภิธรรมท่านอีกนะ...
เสียสถาบันท่านหมดเลย....ไอ..อายแทนคนที่เขาศึกษาพระอภิธรรมอย่างจริงจัง
เพื่อจะนำ..พระธรรมคำสอน..ในพระอภิธรรมมาแก้มาทำลายกิเลสตัวเอง...

ไม่ใช่ได้แค่...เอาพระอภิธรรม...ไปคุยอวดคนอื่นแบบหนูโลกฯนี่...พอมีคนถามอะไรที่ละเอียดๆ
แล้วไม่มี..ปัญญา..จะตอบได้...
ก็...ปรี๊ดแตก....น๊อตหลุด....
ถึงขั้นบอกให้ไอ..ไปส่องดูอวัยวะตัวเอง...

จะให้ไอ...ไปดูอวัยวะตัวเองทำไมล่ะนี่...เห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว....
ใครมันก็เห็นอวัยวะตัวเองมาตั้งแต่เกิดกันทุกคน...
ไปส่องดูแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมากันล่ะนี่

ตอบแบบนี้....คนโง่ขนาดไหน...เขาก็ยังไม่กล้าตอบเลย
แต่หนูโลก(ไม่)สวยซะแล้ว...กล้าตอบมาหน้าตาเฉย...


เอาล่ะจะเฉลยให้ฟังแล้วกัน....วิธีที่จะพิสูจน์ว่า...เราได้สำเร็จธรรมขั้นสูง
ละกามราคะ...ได้เด็ดขาดจนได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี..ได้หรือยังนั่น

ก่อนเราจะตอบแบบสำนวนเราเอง...เราขอยกลิ้งค์เกี่ยวกับวิธีพิสูจน์เรื่องนี้
ที่มีในพระไตรปิฎก...และ..ในเทศนาขององค์หลวงตามหาบัว
ซึ่งท่านเป็นพระอรหันต์องค์สำคัญของเมืองไทยเรา...มาเป็นหลักอ้างอิง...ก่อนแล้วกัน


แก้ไขล่าสุดโดย < ตะวัน > เมื่อ 27 ส.ค. 2018, 04:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 04:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่นะ...วิธีพิสูจน์ว่ากามราคะ..หมดหรือยัง...ที่มีในพระไตรปิฎกนั่น
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=21&p=4
เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ

ก๊อปมาให้อ่านง่ายๆกันเลยดีกว่าแล้วกัน...ข้างล่างต่อไปนี้ ----->>>
๔. เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ [๑๒๑]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกภิกษุผู้มีความสำคัญว่าตนได้บรรลุพระอรหัตผลหลายรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ยานิมานิ" เป็นต้น.

พวกภิกษุสำคัญผิด
ดังได้สดับมา ภิกษุ ๕๐๐ รูปเรียนกรรมฐานในสำนักพระศาสดาแล้ว เข้าไปสู่ป่า พากเพียรพยายามอยู่ ยังฌานให้เกิดขึ้นแล้ว สำคัญว่า "กิจบรรพชิตของพวกเราสำเร็จแล้ว" เพราะกิเลสทั้งหลายไม่ฟุ้งขึ้น จึง (กลับ) มาด้วยหวังว่า "จักกราบทูลคุณที่ตนได้แล้วแด่พระศาสดา."

พระศาสดาจึงแก้ความสำคัญผิดนั้น
ในเวลาที่พวกเธอถึงซุ้มประตูชั้นนอกเท่านั้น พระศาสดาตรัสกะพระอานนท์เถระว่า "อานนท์ การงาน (เกี่ยว) ด้วยเราผู้อันภิกษุเหล่านี้เข้ามาเฝ้า ยังไม่มี, ภิกษุเหล่านี้จงไปป่าช้าผีดิบ (เสียก่อน) กลับมาจากที่นั้นแล้ว จึงค่อยเฝ้าเรา."
พระเถระไปแจ้งความนั้นแก่พวกเธอแล้ว.
พวกเธอไม่พูดเลยว่า "พวกเราจะได้ประโยชน์อะไรด้วยป่าช้าผีดิบ" คิดเสียว่า "พระพุทธเจ้าทรงเห็นการณ์ไกล จักทรงเห็น (เหตุ) การณ์ ดังนี้แล้ว ไปสู่ป่าช้าผีดิบแล้ว เมื่อเห็นศพในที่นั้น กลับได้ความเกลียดชังในซากศพที่เขาทิ้งไว้ ๑ วัน ๒ วัน ยังความกำหนัดให้เกิดในสรีระอันสดซึ่งเขาทิ้งไว้ในขณะนั้น. ในขณะนั้น ก็รู้ว่าตนยังมีกิเลส.
พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั่นเอง ทรงฉายพระรัศมีไป ดุจตรัสอยู่เฉพาะหน้าของภิกษุเหล่านั้น. ตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายเห็นร่างกระดูกเช่นนั้น ยังความยินดีด้วยอำนาจราคะให้เกิดขึ้น ควรละหรือ?"
ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
๔. ยานิมานิ อปตฺถานิ อลาปูเนว๑- สารเท
กาโปตกานิ อฏฺฐีนิ ตานิ ทิสฺวาน กา รติ.
กระดูกเหล่านี้ใด อันเขาทิ้งเกลื่อนกลาด
ดุจน้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ
ความยินดีอะไรเล่า? (จักมี) เพราะเห็น
กระดูกเหล่านั้น.
____________________________
๑- อรรถกถาว่า อลาพูเนว.

แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปตฺถานิ ได้แก่ อันเขาทิ้งแล้ว.
บทว่า สารเท ความว่า เหมือนน้ำเต้าที่ถูกลมและแดดกระทบ หล่นเกลื่อนกลาดในที่นั้นๆ ในสารทกาล.
บทว่า กาโปตกานิ แปลว่า มีสีเหมือนสีนกพิราบ.
สองบทว่า ตานิ ทิสฺวาน ความว่า ความยินดีอะไรเล่าของพวกเธอ (จักมี) เพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น คือเห็นปานนั้น การทำความยินดีในกามแม้เพียงนิดหน่อย ย่อมไม่ควรเลย มิใช่หรือ?
ในเวลาจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นได้บรรลุอรหัตผลแล้ว ตามที่ยืนอยู่เทียว ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า มาถวายบังคมแล้ว ดังนี้แล.

เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ จบ.
---------------------------------
อ่านเรื่องนี้จบลงแล้ว..หนูโลกฯที่อ้างว่าตัวเองฉลาดนักฉลาดหนามีปัญญาสูงยิ่งยวดนั่น...พอจะมีปัญญาจับจุดสำคัญเกี่ยวกับวิธีพิสูจน์ที่ปรากฎอยู่ในเรื่องนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ล่ะนะ
ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วยัง..งง..ตึ๊ปอยู่..ก็ให้อ่านเทศน์หลวงตามหาบัวท่านเพิ่มเติมแล้วกันนะ
ในโพสต่อไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 04:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
นี่นะ...วิธีพิสูจน์ว่ากามราคะ..หมดหรือยัง...ที่มีในพระไตรปิฎกนั่น
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=21&p=4
เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ

ก๊อปมาให้อ่านง่ายๆกันเลยดีกว่าแล้วกัน...ข้างล่างต่อไปนี้ ----->>>
๔. เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ [๑๒๑]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกภิกษุผู้มีความสำคัญว่าตนได้บรรลุพระอรหัตผลหลายรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ยานิมานิ" เป็นต้น.

พวกภิกษุสำคัญผิด
ดังได้สดับมา ภิกษุ ๕๐๐ รูปเรียนกรรมฐานในสำนักพระศาสดาแล้ว เข้าไปสู่ป่า พากเพียรพยายามอยู่ ยังฌานให้เกิดขึ้นแล้ว สำคัญว่า "กิจบรรพชิตของพวกเราสำเร็จแล้ว" เพราะกิเลสทั้งหลายไม่ฟุ้งขึ้น จึง (กลับ) มาด้วยหวังว่า "จักกราบทูลคุณที่ตนได้แล้วแด่พระศาสดา."

พระศาสดาจึงแก้ความสำคัญผิดนั้น
ในเวลาที่พวกเธอถึงซุ้มประตูชั้นนอกเท่านั้น พระศาสดาตรัสกะพระอานนท์เถระว่า "อานนท์ การงาน (เกี่ยว) ด้วยเราผู้อันภิกษุเหล่านี้เข้ามาเฝ้า ยังไม่มี, ภิกษุเหล่านี้จงไปป่าช้าผีดิบ (เสียก่อน) กลับมาจากที่นั้นแล้ว จึงค่อยเฝ้าเรา."
พระเถระไปแจ้งความนั้นแก่พวกเธอแล้ว.
พวกเธอไม่พูดเลยว่า "พวกเราจะได้ประโยชน์อะไรด้วยป่าช้าผีดิบ" คิดเสียว่า "พระพุทธเจ้าทรงเห็นการณ์ไกล จักทรงเห็น (เหตุ) การณ์ ดังนี้แล้ว ไปสู่ป่าช้าผีดิบแล้ว เมื่อเห็นศพในที่นั้น กลับได้ความเกลียดชังในซากศพที่เขาทิ้งไว้ ๑ วัน ๒ วัน ยังความกำหนัดให้เกิดในสรีระอันสดซึ่งเขาทิ้งไว้ในขณะนั้น. ในขณะนั้น ก็รู้ว่าตนยังมีกิเลส.
พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั่นเอง ทรงฉายพระรัศมีไป ดุจตรัสอยู่เฉพาะหน้าของภิกษุเหล่านั้น. ตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายเห็นร่างกระดูกเช่นนั้น ยังความยินดีด้วยอำนาจราคะให้เกิดขึ้น ควรละหรือ?"
ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
๔. ยานิมานิ อปตฺถานิ อลาปูเนว๑- สารเท
กาโปตกานิ อฏฺฐีนิ ตานิ ทิสฺวาน กา รติ.
กระดูกเหล่านี้ใด อันเขาทิ้งเกลื่อนกลาด
ดุจน้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ
ความยินดีอะไรเล่า? (จักมี) เพราะเห็น
กระดูกเหล่านั้น.
____________________________
๑- อรรถกถาว่า อลาพูเนว.

แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปตฺถานิ ได้แก่ อันเขาทิ้งแล้ว.
บทว่า สารเท ความว่า เหมือนน้ำเต้าที่ถูกลมและแดดกระทบ หล่นเกลื่อนกลาดในที่นั้นๆ ในสารทกาล.
บทว่า กาโปตกานิ แปลว่า มีสีเหมือนสีนกพิราบ.
สองบทว่า ตานิ ทิสฺวาน ความว่า ความยินดีอะไรเล่าของพวกเธอ (จักมี) เพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น คือเห็นปานนั้น การทำความยินดีในกามแม้เพียงนิดหน่อย ย่อมไม่ควรเลย มิใช่หรือ?
ในเวลาจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นได้บรรลุอรหัตผลแล้ว ตามที่ยืนอยู่เทียว ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า มาถวายบังคมแล้ว ดังนี้แล.

เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ จบ.
---------------------------------
อ่านเรื่องนี้จบลงแล้ว..หนูโลกฯที่อ้างว่าตัวเองฉลาดนักฉลาดหนามีปัญญาสูงยิ่งยวดนั่น...พอจะมีปัญญาจับจุดสำคัญเกี่ยวกับวิธีพิสูจน์ที่ปรากฎอยู่ในเรื่องนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ล่ะนะ
ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วยัง..งง..ตึ๊ปอยู่..ก็ให้อ่านเทศน์หลวงตามหาบัวท่านเพิ่มเติมแล้วกันนะ
ในโพสต่อไป


แน้ คุณตะวันคะ เรื่มไปหาตัวช่วย ไปก๊อบเอาพระสูตรมาแปะ แล้ว

ไปก๊อบมาอีกนะคะ ในพระไตรปิฎก มีอีกหลายพระสูตรเรยค่ะ
พระอภิธรรมอีกหลายเล่มนะคะ
ก๊อบมาให้หมดก่อน
ตอนนี้ ก้อให้คุณตะวัน ไปศึกษาหาความรู้ จากพระธรรมของพระพุทธองค์เสียเนิ่นๆ
จะได้ไม่มากล่าวผิดๆ ไม่ตรงพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ไม่ตรงพระอภิธรรม ที่ทรงแสดง

เพราะที่ไปก๊อบมา คุณก็ยังแสดงความเขา เบาปัญญา ที่ไม่อาจสงเคราะห์ปัจจัย 52 ลงในพระสูตรได้
เพระาความเขลา ที่ไม่รู้จักปัจจัย เพราะความเขลา และเบาปัญญา ที่ไม่ได้เรียนพระปริยัติธรรมมา
แสดงความตื้นเขินซ้ำซากค่ะ

เมค่อยกลับมาตอบที่เดียว ตอนจบ นะคะ

เมบอกให้นะคะ

คนฉลาด พูดมากก็มี
คนฉลาด พูดน้อย ก็มี

คนโง่ พูดมากเป็นฉากๆๆ ก็มี
คนโง่ ไม่พูดเป็นฉากๆๆ ก็มี

ไปหละค่ะ
บ๊ายบายนะคะ






โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 04:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อความต่อไปนี้...ก๊อปมาจากในลิ้งค์นี้เน้อ
http://www.luangta.com/upload/ThammaBoo ... 143605.pdf

เป็นข้อความจากในหนังสือ...หลักของใจ...ที่ได้รวบรวมธรรมะจุดสำคัญๆจากในหนังสือพระธรรมเทศนาหลายๆเล่ม...ที่องค์หลวงตามหาบัว...ท่านได้แสดงธรรม..เอาไว้
ข้อความเกี่ยวกับวิธีพิสูจน์ว่า..กามราคะ..ได้หมดไปจากใจถึงขั้นระดับ...หมดสิ้นทั้งหมดแล้วหรือยัง....จะอยู่ในหน้า 75 - 79
แต่เราจะก๊อปมาให้ดูแค่...บางส่วน...เฉยๆ..ถ้าอยากอ่านแบบละเอียดก็ให้เข้าไปอ่านในลิ้งค์ที่ให้ไว้เอาเองแล้วกัน...ในช่วงหน้าที่ 75 - 79 นั่นแหละ

ทีนี้ก็หาอุบายพลิกใหม่ ว่าราคะนี้มันสิ้นไปจนไม่มีอะไรเหลือนั้นมันสิ้นในขณะใด ด้วยอุบายใด ทำไมไม่แสดงบอกให้ชัดเจน จึงพิจารณาพลิกใหม่ คราวนี้เอาสุภะเข้ามาบังคับพลิกอันที่ว่าอสุภะที่มีแต่ร่างกระดูกนั้นออก เอาหนังหุ้มห่อให้สวยให้งาม นี่เราบังคับนะ ไม่งั้นมันทะลุไปทางอสุภะทันทีเพราะมันชำนาญนี่จึงบังคับให้หนังหุ้มกระดูกให้สวยให้งาม แล้วนำเข้ามาติดแนบกับตัวเอง นี่วิธีการพิจารณาของเรา เดินจงกรมก็ให้ความสวยความงามรูปอันนั้นน่ะติดแนบกับตัว ติดกับตัวไปมาอยู่อย่างนั้น เอ้า มันจะกินเวลานานสักเท่าไร หากยังมีอยู่มันจะต้องแสดงขึ้นมา หากไม่มีก็ให้รู้ว่าไม่มี
เอาวิธีการนี้มาปฏิบัติได้ ๔ วันเต็มๆ ที่มันไม่แสดงความกำหนัดยินดีขึ้นมาเลย ทั้งๆ ที่รูปนี้สวยงามที่สุดมันก็ไม่แสดง มันคอยแต่จะหยั่งเข้าหนังห่อกระดูก แต่เราบังคับไว้ให้จิตอยู่ที่ผิวหนังนี่ พอถึงคืนที่ ๔ น้ำตาร่วงออกมา บอกว่ายอมแล้ว ไม่เอา คือมันไม่ยินดีนะ มันบอกว่ายอมแล้ว ด้านทดสอบก็ว่ายอมอะไร ถ้ายอมว่าสิ้นก็ให้รู้ว่าสิ้นซิ ยอมอย่างนี้ไม่เอา ยอมชนิดนี้ยอมมีเล่ห์เหลี่ยมเราไม่เอา กำหนดไปกำหนดทุกแง่ทุกมุมนะ แง่ไหนมุมใดที่มันจะเกิดความกำหนัดยินดี เพื่อจะรู้ว่าความกำหนัดยินดีนี้ มันจะขึ้นขณะใด เราจะจับเอาตัวแสดงออกมานั้นเป็นเครื่องพิจารณาถอดถอนต่อไป พอดึกเข้าไปๆ กำหนดเข้าไปๆ แต่ไม่กำหนดพิจารณาอสุภะตอนนั้น พิจารณาแต่สุภะอย่างเดียวเท่านั้น ๔ วันเต็มๆ เพราะจะหาอุบายทดสอบหาความจริงมันให้ได้
พอสัก ๓-๔ ทุ่ม ล่วงไปแล้ว ในคืนที่ ๔ มันก็มีลักษณะยุบยับเป็นลักษณะเหมือนจะกำหนัดในรูปสวยๆ งามๆ ที่เรากำหนดติดแนบกับตัวเป็นประจำในระยะนั้น มันมีลักษณะยุบยับชอบกล สติทันนะเพราะสติมีอยู่ตลอดเวลานี่ พอมีอาการยุบยับ ก็กำหนดเสริมขึ้นเรื่อยๆ นั่น มันมีลักษณะยุบยับ เห็นไหม จับเจ้าตัวโจรหลบซ่อนได้แล้วที่นี่ นั่นเห็นไหม มันสิ้นยังไง ถ้าสิ้นทำไมจึงต้องเป็นอย่างนี้ กำหนดขึ้นๆ คือ คำว่ายุบยับนั้นเป็นแต่เพียงอาการของจิตแสดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำอวัยวะให้ไหวนะ มันเป็นอยู่ภายในจิต พอเสริมเข้าๆ มันก็แสดงอาการยุบยับๆ ให้เป็นที่แน่ใจว่า เอ้อ นี่มันยังไม่หมด เมื่อยังไม่หมดจะปฏิบัติยังไง

ทีนี้เก็ทหรือยังล่ะ..คุณโลกฯ...ว่าท่านพิสูจน์กันให้เห็นจะจะกันยังงัย..ว่ากามราคะหมดสิ้นไปจากใจอย่างแท้จริงแล้วหรือยังนั่น...ถ้ายังไม่เก็ท...เราจะอธิบายซ้ำให้ฟังอีกทีด้วยสำนวนของเราแล้วกัน...จะได้รู้ว่าวิธีพิสูจน์ที่แท้จริงให้เห็นจะจะกันกับตาตัวเองไปเลย...ว่าท่านทำกันยังงัย..ไม่ใช่บอกแบบทำนองให้ไปงมหาในสระกว้างๆเอาเองแบบคุณโลกฯบอก...แต่ต้องบอกแบบชี้ให้ตรงจุดเป๊ะๆไปเลย..เข้าใจได้ง่ายๆเห็นภาพแบบชัดเจนเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 04:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
โลกสวย เขียน:
< ตะวัน > เขียน:
นี่แหละ ตัวอย่างคนที่ไม่ได้เรียนพระประยัติ พระสูตร พระอภิธรรมมาเรย
เรยตื้นเขินซ้าซาก ไม่รู้จะตรวจสอบยังไง


ง่ายๆนะคะ
ปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิด กะกายเวทนา จิต และธรรม
ตรวจสอบได้กะสังโยชน์ สิบ ค่ะ

รู้ได้งัย...ว่าไอ..ไม่รู้...ถามลองภูมิยู...ดูเฉยๆตะหาก


แล้วยูมีปัญญา..จะตอบได้แค่นี้เหรอ?????
ตอบให้ละเอียดให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ???

มันไม่กว้างไปเหรอตอบแบบนี้...เหมือนมีคนทำ...สิ่งของ...หล่นไปในสระน้ำ....
แล้วไอถามว่า..สิ่งของนั้นหล่นอยู่ตรงไหน...
ยูก็ตอบไปว่า...หล่นอยู่ในสระนั่นแหละ...(สังโยชน์ 10)
แทนที่จะบอกแบบว่าอยู่ตรงจุดไหนเป๊ะๆๆๆเลย

ลองใช้ความสามารถอีกทีหน่อยสิ่
ตอบแบบนี้..ไม่สมกับคุยว่า..ศึกษาพระอภิธรรม..มาเลยนะนี่

เอาตอบแบบให้เห็นภาพกันจะจะตาไปเลย...ว่า
...สามารถละกามราคะ...ได้แบบเด็ดขาดแล้ว...
ได้สำเร็จขั้นพระอนาคามีเรียบร้อยแล้ว...
ว่าท่านพิสูจน์กันยังงัย..วิธีไหน..ทำยังงัย??

บอกไว้ก่อนนะ..ในพระไตรปิฎก..ก็มีเรื่องนี้
แต่ถ้ายู..ไม่มีพื้นฐานดีในการศึกษาเทศน์ของครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว
ยูก็จะมีปัญญาตอบได้แค่ระดับ...บอกว่า..สิ่งของอยู่ในสระน้ำกว้างๆนั่นแหละ..ให้ไปงมหาเอาเองเถอะ...

แต่ถ้า..ยู..แน่จริงแล้ว...ยูจะชี้จุดได้แบบเป๊ะๆเลย...ว่านี่งัย..อยู่ตรงจุดนี้


ง่ายๆ
ก็ก้มลงดูอวัยวะเพศของคุณเองสิคะ
แล้วจะรู้เอง ว่าจิตใจ เห็นอะไร
ทีไม่ตรงตามพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้่บ้าง

แต่คงยากหน่อยนะคะ

เพราะว่า คุณเขลาเกินไป ไม่อาจเห็นตรงตามพระพุทธองค์สอนได้ ไม่อาจเห็นตรงตามพระอภิธรรมได้




:b34: :b34: :b34: :b34: :b34:
นี่น่ะเร๊อะ...การตอบของหนูโลกสวยฯ
ผู้อ้างว่า...เชี่ยวชาญคัมภีร์อภิธรรม...นั่น


ถ้าจะตอบแบบนี้...อย่าเที่ยวไปอ้างคัมภีร์อภิธรรมท่านอีกนะ...
เสียสถาบันท่านหมดเลย....ไอ..อายแทนคนที่เขาศึกษาพระอภิธรรมอย่างจริงจัง
เพื่อจะนำ..พระธรรมคำสอน..ในพระอภิธรรมมาแก้มาทำลายกิเลสตัวเอง...

ไม่ใช่ได้แค่...เอาพระอภิธรรม...ไปคุยอวดคนอื่นแบบหนูโลกฯนี่...พอมีคนถามอะไรที่ละเอียดๆ
แล้วไม่มี..ปัญญา..จะตอบได้...
ก็...ปรี๊ดแตก....น๊อตหลุด....
ถึงขั้นบอกให้ไอ..ไปส่องดูอวัยวะตัวเอง...

จะให้ไอ...ไปดูอวัยวะตัวเองทำไมล่ะนี่...เห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว....
ใครมันก็เห็นอวัยวะตัวเองมาตั้งแต่เกิดกันทุกคน...
ไปส่องดูแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมากันล่ะนี่

ตอบแบบนี้....คนโง่ขนาดไหน...เขาก็ยังไม่กล้าตอบเลย
แต่หนูโลก(ไม่)สวยซะแล้ว...กล้าตอบมาหน้าตาเฉย...


เอาล่ะจะเฉลยให้ฟังแล้วกัน....วิธีที่จะพิสูจน์ว่า...เราได้สำเร็จธรรมขั้นสูง
ละกามราคะ...ได้เด็ดขาดจนได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี..ได้หรือยังนั่น

ก่อนเราจะตอบแบบสำนวนเราเอง...เราขอยกลิ้งค์เกี่ยวกับวิธีพิสูจน์เรื่องนี้
ที่มีในพระไตรปิฎก...และ..ในเทศนาขององค์หลวงตามหาบัว
ซึ่งท่านเป็นพระอรหันต์องค์สำคัญของเมืองไทยเรา...มาเป็นหลักอ้างอิง...ก่อนแล้วกัน




หลวงตามหาบัว ท่านเป็นเพียงสาวก ที่กำลังทำตามปฎิบัติตามพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
เป็นพระสงฆ์ที่เกิดโดยพระสัทธรรมที่พระผู้มีพระภาค แสดงไว้ดีแล้ว

คำสอนใด ไม่ตรงกะที่พระพุทธองค์สอน เทียบลงกะพระสูร พระอภิธรรม และพระธรรมวินัย ถ้าไม่ตรงนั่นไม่ใช่พระธรรมวินัย
เป็นคำกล่าวของสาวกค่ะ
และท่านเอง ไม่เคยบอกว่า ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธองค์ และท่านไม่ได้พยากรณ์ท่านเองว่า เป็นพระอรหันต์
ตามที่คุณ พยากรณ์ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ค่ะ

ให้ตรวจสอบให้ดีกะพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดง นะคะ
ว่า พันปีนี้ มีพระอรหันต์หรือไม่
จะได้ไม่แสดงความเขลา ความตื้นเขิน เบาปัญญาซ้ำซากๆๆๆๆ อีกนะคะ คุณตะวัน

คุณตื้นเขิน เบาปัญญา ไม่รู้เรื่องพระธรรมเอาเสียเรย จนหนูต้องชักเสียหละค่ะ

ชื่อตะวัน แต่มืดบอดสนิท เขลาเบาปัญญา อย่างซ้ำซากๆๆค่ะ



ป่วยการที่จะสนทนาด้วยหละค่ะ ตะวันคนเขลา เบาปัญญา ตื้นเขินเกินเยียวยา

บ๊ายบายนะค่ะ





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เมบอกให้นะคะ

คนฉลาด พูดมากก็มี
คนฉลาด พูดน้อย ก็มี

คนโง่ พูดมากเป็นฉากๆๆ ก็มี
คนโง่ ไม่พูดเป็นฉากๆๆ ก็มี

คนเขลาเบาปัญญา ตื้นเขิน ไปก๊อบมา โดยไม่อาจสงเคราห์ปัจจัย 52 ลงในพระสูตรที่ก๊อปมาก็มี

คริคริ

ไปหละค่ะ
บ๊ายบายนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 05:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เม ก็ยังยืนยัน

ง่ายๆ
ให้คุณตะวัน ก็ก้มลงดูอวัยวะเพศของคุณเองสิคะ
แล้วจะรู้เอง ว่าจิตใจ เห็นอะไร
ทีไม่ตรงตามพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้่บ้าง

แต่คงยากหน่อยนะคะ

เพราะว่า คุณเขลาเกินไป ไม่อาจเห็นตรงตามพระพุทธองค์สอนได้ ไม่อาจเห็นตรงตามพระอภิธรรมได้


คุณก็บอกว่า คุณเห็นอวัยวะเพศตัวเองมาตั้งแต่เด็ก

ก็ย้อนไปดูนะคะ
ว่าพระสูตร ที่คุณยกมา

ด้วยความโง่เชลา เบาปัญญา และความตื้นเขินในธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง

ที่ยืนยัน ความโง่เขลาเบาปัญญาของคูณตะวันชัดๆๆ

ว่าพระสูตรนั้น อรรถาจารย์ท่านแสดงไว่ ว่ากล่าวว่า เห็นอะไร เห็นเป็นอวัยวะเพศตั้งแต่เด็ก แบบคุณอยู่หรือไม่

นี่แหละค่ะ ความโง่เขลาเบาปัญญา ความตื้นเขินของคุณ

ที่เอาพระสูตร มาผูกคอตัวเอง

จนไอติดคอตัวเอง ตายคาที่เรยหละค่ะ

คุณตะวัน เขลาบรมเขลา

บ๊ายบายนะคะ
เม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 05:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมค่อยกลับมาตอบที่เดียว ตอนจบ นะคะ
อ้อ...คุณโลกฯนี่...ชื่อคุณเม.....สินะ...งั้นต่อไปเรียกว่า...คุณเม...แล้วกัน
ถ้าเรียกว่าคุณโลกฯๆๆๆๆๆ...นี่คุณเม..อาจฟังแล้ว...รู้สึกขัดหู...อยู่ล่ะนะ
เอาเรียกใหม่...ว่าคุณเม...แล้วกันทีนี้

ทีนี้เก็ทหรือยังล่ะ..คุณเม...ว่าท่านพิสูจน์กันให้เห็นจะจะกันยังงัย..ว่ากามราคะหมดสิ้นไปจากใจอย่างแท้จริงแล้วหรือยังนั่น...ถ้ายังไม่เก็ท...เราจะอธิบายซ้ำให้ฟังอีกทีด้วยสำนวนของเราแล้วกัน...จะได้รู้ว่าวิธีพิสูจน์ที่แท้จริงให้เห็นจะจะกันกับตาตัวเองไปเลย...ว่าท่านทำกันยังงัย..ไม่ใช่บอกแบบทำนองให้ไป...งมหาในสระกว้างๆ...เอาเองแบบคุณเมบอก...แต่ต้องบอกแบบชี้ให้ตรงจุดเป๊ะๆไปเลย..เข้าใจได้ง่ายๆเห็นภาพแบบชัดเจนเลย
ทีแรกว่าจะอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังแหละ...แต่พอมาอ่านเห็นข้างล่างนี่แล้ว...ขี้เกียจ...ที่จะอธิบายให้ฟังเพิ่มเลย...ก็ปล่อยให้..คุณเม..ภูมิใจในความเขลา เบาปัญญา...อวดฉลาดต่อไปแล้วกัน

แน้ คุณตะวันคะ เรื่มไปหาตัวช่วย ไปก๊อบเอาพระสูตรมาแปะ แล้ว

ไปก๊อบมาอีกนะคะ ในพระไตรปิฎก มีอีกหลายพระสูตรเรยค่ะ
พระอภิธรรมอีกหลายเล่มนะคะ
ก๊อบมาให้หมดก่อน
ตอนนี้ ก้อให้คุณตะวัน ไปศึกษาหาความรู้ จากพระธรรมของพระพุทธองค์เสียเนิ่นๆ
จะได้ไม่มากล่าวผิดๆ ไม่ตรงพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ไม่ตรงพระอภิธรรม ที่ทรงแสดง

เพราะที่ไปก๊อบมา คุณก็ยังแสดงความเขา เบาปัญญา ที่ไม่อาจสงเคราะห์ปัจจัย 52 ลงในพระสูตรได้
เพระาความเขลา ที่ไม่รู้จักปัจจัย เพราะความเขลา และเบาปัญญา ที่ไม่ได้เรียนพระปริยัติธรรมมา
แสดงความตื้นเขินซ้ำซากค่ะ

เมค่อยกลับมาตอบที่เดียว ตอนจบ นะคะ

เมบอกให้นะคะ

คนฉลาด พูดมากก็มี
คนฉลาด พูดน้อย ก็มี

คนโง่ พูดมากเป็นฉากๆๆ ก็มี
คนโง่ ไม่พูดเป็นฉากๆๆ ก็มี

ไปหละค่ะ
บ๊ายบายนะคะ


เพราะที่ไปก๊อบมา คุณก็ยังแสดงความเขา เบาปัญญา ที่ไม่อาจสงเคราะห์ปัจจัย 52 ลงในพระสูตรได้
เพระาความเขลา ที่ไม่รู้จักปัจจัย เพราะความเขลา และเบาปัญญา ที่ไม่ได้เรียนพระปริยัติธรรมมา
แสดงความตื้นเขินซ้ำซากค่ะ


ระหว่างคุงเม..กับ..ไอ...นี่ใครเขลาโครโง่กว่ากันแน่ล่ะนี่
ถ้าคุณเม...ไม่โง่...แบบไม่รู้จะหาคำจำกัดความอะไรมาพูดอธิบายความโง่ของคุงเมได้แบบนี้
แล้วคุงเม..จะกล้าโพสตอบอะไรโง่ๆแบบข้างล่างนี้ได้เหรอเนี่ย????
อ่านดูเอาเองเถอะ...เผื่อคุงเม..จะรู้สึกสำนึกได้บ้าง..
ว่าอย่าไปว่าแต่คนอื่นโง่นัก
ให้หันย้อนมาดูตัวเองด้วยบ้าง


ลองใช้ความสามารถอีกทีหน่อยสิ่
ตอบแบบนี้..ไม่สมกับคุยว่า..ศึกษาพระอภิธรรม..มาเลยนะนี่

เอาตอบแบบให้เห็นภาพกันจะจะตาไปเลย...ว่า
...สามารถละกามราคะ...ได้แบบเด็ดขาดแล้ว...
ได้สำเร็จขั้นพระอนาคามีเรียบร้อยแล้ว...
ว่าท่านพิสูจน์กันยังงัย..วิธีไหน..ทำยังงัย??

บอกไว้ก่อนนะ..ในพระไตรปิฎก..ก็มีเรื่องนี้
แต่ถ้ายู..ไม่มีพื้นฐานดีในการศึกษาเทศน์ของครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว
ยูก็จะมีปัญญาตอบได้แค่ระดับ...บอกว่า..สิ่งของอยู่ในสระน้ำกว้างๆนั่นแหละ..ให้ไปงมหาเอาเองเถอะ...

แต่ถ้า..ยู..แน่จริงแล้ว...ยูจะชี้จุดได้แบบเป๊ะๆเลย...ว่านี่งัย..อยู่ตรงจุดนี้
[/quote]

ง่ายๆ
ก็ก้มลงดูอวัยวะเพศของคุณเองสิคะ
แล้วจะรู้เอง ว่าจิตใจ เห็นอะไร
ทีไม่ตรงตามพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้่บ้าง

แต่คงยากหน่อยนะคะ

เพราะว่า คุณเขลาเกินไป ไม่อาจเห็นตรงตามพระพุทธองค์สอนได้ ไม่อาจเห็นตรงตามพระอภิธรรมได้


[/quote]

:b34: :b34: :b34: :b34: :b34:
นี่น่ะเร๊อะ...การตอบของหนูโลกสวยฯ
ผู้อ้างว่า...เชี่ยวชาญคัมภีร์อภิธรรม...นั่น


ถ้าจะตอบแบบนี้...อย่าเที่ยวไปอ้างคัมภีร์อภิธรรมท่านอีกนะ...
เสียสถาบันท่านหมดเลย....ไอ..อายแทนคนที่เขาศึกษาพระอภิธรรมอย่างจริงจัง
เพื่อจะนำ..พระธรรมคำสอน..ในพระอภิธรรมมาแก้มาทำลายกิเลสตัวเอง...

ไม่ใช่ได้แค่...เอาพระอภิธรรม...ไปคุยอวดคนอื่นแบบหนูโลกฯนี่...พอมีคนถามอะไรที่ละเอียดๆ
แล้วไม่มี..ปัญญา..จะตอบได้...
ก็...ปรี๊ดแตก....น๊อตหลุด....
ถึงขั้นบอกให้ไอ..ไปส่องดูอวัยวะตัวเอง...

จะให้ไอ...ไปดูอวัยวะตัวเองทำไมล่ะนี่...เห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว....
ใครมันก็เห็นอวัยวะตัวเองมาตั้งแต่เกิดกันทุกคน...
ไปส่องดูแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมากันล่ะนี่

ตอบแบบนี้....คนโง่ขนาดไหน...เขาก็ยังไม่กล้าตอบเลย
แต่หนูโลก(ไม่)สวยซะแล้ว...กล้าตอบมาหน้าตาเฉย...



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


๔. ยานิมานิ อปตฺถานิ อลาปูเนว๑- สารเท
กาโปตกานิ อฏฺฐีนิ ตานิ ทิสฺวาน กา รติ.
กระดูกเหล่านี้ใด อันเขาทิ้งเกลื่อนกลาด
ดุจน้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ
ความยินดีอะไรเล่า? (จักมี) เพราะเห็น
กระดูกเหล่านั้น.


หัวข้อกระทู้: Re: อยากบอก.. ตอบกลับพร้อมอ้างอิง
นี่นะ...วิธีพิสูจน์ว่ากามราคะ..หมดหรือยัง...ที่มีในพระไตรปิฎกนั่น
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=21&p=4
เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ

ก๊อปมาให้อ่านง่ายๆกันเลยดีกว่าแล้วกัน...ข้างล่างต่อไปนี้ ----->>>
๔. เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ [๑๒๑]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกภิกษุผู้มีความสำคัญว่าตนได้บรรลุพระอรหัตผลหลายรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ยานิมานิ" เป็นต้น.

พวกภิกษุสำคัญผิด
ดังได้สดับมา ภิกษุ ๕๐๐ รูปเรียนกรรมฐานในสำนักพระศาสดาแล้ว เข้าไปสู่ป่า พากเพียรพยายามอยู่ ยังฌานให้เกิดขึ้นแล้ว สำคัญว่า "กิจบรรพชิตของพวกเราสำเร็จแล้ว" เพราะกิเลสทั้งหลายไม่ฟุ้งขึ้น จึง (กลับ) มาด้วยหวังว่า "จักกราบทูลคุณที่ตนได้แล้วแด่พระศาสดา."

พระศาสดาจึงแก้ความสำคัญผิดนั้น
ในเวลาที่พวกเธอถึงซุ้มประตูชั้นนอกเท่านั้น พระศาสดาตรัสกะพระอานนท์เถระว่า "อานนท์ การงาน (เกี่ยว) ด้วยเราผู้อันภิกษุเหล่านี้เข้ามาเฝ้า ยังไม่มี, ภิกษุเหล่านี้จงไปป่าช้าผีดิบ (เสียก่อน) กลับมาจากที่นั้นแล้ว จึงค่อยเฝ้าเรา."
พระเถระไปแจ้งความนั้นแก่พวกเธอแล้ว.
พวกเธอไม่พูดเลยว่า "พวกเราจะได้ประโยชน์อะไรด้วยป่าช้าผีดิบ" คิดเสียว่า "พระพุทธเจ้าทรงเห็นการณ์ไกล จักทรงเห็น (เหตุ) การณ์ ดังนี้แล้ว ไปสู่ป่าช้าผีดิบแล้ว เมื่อเห็นศพในที่นั้น กลับได้ความเกลียดชังในซากศพที่เขาทิ้งไว้ ๑ วัน ๒ วัน ยังความกำหนัดให้เกิดในสรีระอันสดซึ่งเขาทิ้งไว้ในขณะนั้น. ในขณะนั้น ก็รู้ว่าตนยังมีกิเลส.
พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั่นเอง ทรงฉายพระรัศมีไป ดุจตรัสอยู่เฉพาะหน้าของภิกษุเหล่านั้น. ตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายเห็นร่างกระดูกเช่นนั้น ยังความยินดีด้วยอำนาจราคะให้เกิดขึ้น ควรละหรือ?"
ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
๔. ยานิมานิ อปตฺถานิ อลาปูเนว๑- สารเท
กาโปตกานิ อฏฺฐีนิ ตานิ ทิสฺวาน กา รติ.
กระดูกเหล่านี้ใด อันเขาทิ้งเกลื่อนกลาด
ดุจน้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ
ความยินดีอะไรเล่า? (จักมี) เพราะเห็น
กระดูกเหล่านั้น.
____________________________
๑- อรรถกถาว่า อลาพูเนว.

แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปตฺถานิ ได้แก่ อันเขาทิ้งแล้ว.
บทว่า สารเท ความว่า เหมือนน้ำเต้าที่ถูกลมและแดดกระทบ หล่นเกลื่อนกลาดในที่นั้นๆ ในสารทกาล.
บทว่า กาโปตกานิ แปลว่า มีสีเหมือนสีนกพิราบ.
สองบทว่า ตานิ ทิสฺวาน ความว่า ความยินดีอะไรเล่าของพวกเธอ (จักมี) เพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น คือเห็นปานนั้น การทำความยินดีในกามแม้เพียงนิดหน่อย ย่อมไม่ควรเลย มิใช่หรือ?
ในเวลาจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นได้บรรลุอรหัตผลแล้ว ตามที่ยืนอยู่เทียว ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า มาถวายบังคมแล้ว ดังนี้แล.


เมยกพระสูตร ที่คุณตะวันผู้โง่เขลาเบาปัญญา ได้ยกมา ให้เพื่อนๆสมาชิก ได้เห็นกันชัดๆนะคะ


และยกคำแสดงของคุณตะวัน ผู้โง่เขลาเบาปัญญา มาเทียบให้เพื่อนๆสมาชิกได้เห็นกันชัดๆ นะคะ
จะให้ไอ...ไปดูอวัยวะตัวเองทำไมล่ะนี่...เห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว....
ใครมันก็เห็นอวัยวะตัวเองมาตั้งแต่เกิดกันทุกคน...
ไปส่องดูแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมากันล่ะนี่

เกิดอะไรหละเนี่ย

ก็
พระสูตร เห็นลงด้วยวิปัสสนาญาณ เห็นอสุภะ เห็นร่างกระดูก ไม่ได้เห็นอวัยวะเพศตัวเอง ที่เคยเห็นตั้งแต่เด็กๆ เหมือนคุณตะวันเห็น

คนโง่เขลาเบาปัญญา ที่ชื่อตะวัน ที่ขว้างงูไม่พ้นคอ
ยกพระสูตร มารัดคอตัวเอง ตายคาที่ค่ะ

แสดงความโง่ ความเขลา ตื้นเขิน ซ้ำซาก ๆๆๆ จนตัวเองตายคาที่







โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
ข้อความต่อไปนี้...ก๊อปมาจากในลิ้งค์นี้เน้อ
http://www.luangta.com/upload/ThammaBoo ... 143605.pdf

เป็นข้อความจากในหนังสือ...หลักของใจ...ที่ได้รวบรวมธรรมะจุดสำคัญๆจากในหนังสือพระธรรมเทศนาหลายๆเล่ม...ที่องค์หลวงตามหาบัว...ท่านได้แสดงธรรม..เอาไว้
ข้อความเกี่ยวกับวิธีพิสูจน์ว่า..กามราคะ..ได้หมดไปจากใจถึงขั้นระดับ...หมดสิ้นทั้งหมดแล้วหรือยัง....จะอยู่ในหน้า 75 - 79
แต่เราจะก๊อปมาให้ดูแค่...บางส่วน...เฉยๆ..ถ้าอยากอ่านแบบละเอียดก็ให้เข้าไปอ่านในลิ้งค์ที่ให้ไว้เอาเองแล้วกัน...ในช่วงหน้าที่ 75 - 79 นั่นแหละ

ทีนี้ก็หาอุบายพลิกใหม่ ว่าราคะนี้มันสิ้นไปจนไม่มีอะไรเหลือนั้นมันสิ้นในขณะใด ด้วยอุบายใด ทำไมไม่แสดงบอกให้ชัดเจน จึงพิจารณาพลิกใหม่ คราวนี้เอาสุภะเข้ามาบังคับพลิกอันที่ว่าอสุภะที่มีแต่ร่างกระดูกนั้นออก เอาหนังหุ้มห่อให้สวยให้งาม นี่เราบังคับนะ ไม่งั้นมันทะลุไปทางอสุภะทันทีเพราะมันชำนาญนี่จึงบังคับให้หนังหุ้มกระดูกให้สวยให้งาม แล้วนำเข้ามาติดแนบกับตัวเอง นี่วิธีการพิจารณาของเรา เดินจงกรมก็ให้ความสวยความงามรูปอันนั้นน่ะติดแนบกับตัว ติดกับตัวไปมาอยู่อย่างนั้น เอ้า มันจะกินเวลานานสักเท่าไร หากยังมีอยู่มันจะต้องแสดงขึ้นมา หากไม่มีก็ให้รู้ว่าไม่มี
เอาวิธีการนี้มาปฏิบัติได้ ๔ วันเต็มๆ ที่มันไม่แสดงความกำหนัดยินดีขึ้นมาเลย ทั้งๆ ที่รูปนี้สวยงามที่สุดมันก็ไม่แสดง มันคอยแต่จะหยั่งเข้าหนังห่อกระดูก แต่เราบังคับไว้ให้จิตอยู่ที่ผิวหนังนี่ พอถึงคืนที่ ๔ น้ำตาร่วงออกมา บอกว่ายอมแล้ว ไม่เอา คือมันไม่ยินดีนะ มันบอกว่ายอมแล้ว ด้านทดสอบก็ว่ายอมอะไร ถ้ายอมว่าสิ้นก็ให้รู้ว่าสิ้นซิ ยอมอย่างนี้ไม่เอา ยอมชนิดนี้ยอมมีเล่ห์เหลี่ยมเราไม่เอา กำหนดไปกำหนดทุกแง่ทุกมุมนะ แง่ไหนมุมใดที่มันจะเกิดความกำหนัดยินดี เพื่อจะรู้ว่าความกำหนัดยินดีนี้ มันจะขึ้นขณะใด เราจะจับเอาตัวแสดงออกมานั้นเป็นเครื่องพิจารณาถอดถอนต่อไป พอดึกเข้าไปๆ กำหนดเข้าไปๆ แต่ไม่กำหนดพิจารณาอสุภะตอนนั้น พิจารณาแต่สุภะอย่างเดียวเท่านั้น ๔ วันเต็มๆ เพราะจะหาอุบายทดสอบหาความจริงมันให้ได้
พอสัก ๓-๔ ทุ่ม ล่วงไปแล้ว ในคืนที่ ๔ มันก็มีลักษณะยุบยับเป็นลักษณะเหมือนจะกำหนัดในรูปสวยๆ งามๆ ที่เรากำหนดติดแนบกับตัวเป็นประจำในระยะนั้น มันมีลักษณะยุบยับชอบกล สติทันนะเพราะสติมีอยู่ตลอดเวลานี่ พอมีอาการยุบยับ ก็กำหนดเสริมขึ้นเรื่อยๆ นั่น มันมีลักษณะยุบยับ เห็นไหม จับเจ้าตัวโจรหลบซ่อนได้แล้วที่นี่ นั่นเห็นไหม มันสิ้นยังไง ถ้าสิ้นทำไมจึงต้องเป็นอย่างนี้ กำหนดขึ้นๆ คือ คำว่ายุบยับนั้นเป็นแต่เพียงอาการของจิตแสดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำอวัยวะให้ไหวนะ มันเป็นอยู่ภายในจิต พอเสริมเข้าๆ มันก็แสดงอาการยุบยับๆ ให้เป็นที่แน่ใจว่า เอ้อ นี่มันยังไม่หมด เมื่อยังไม่หมดจะปฏิบัติยังไง

ทีนี้เก็ทหรือยังล่ะ..คุณโลกฯ...ว่าท่านพิสูจน์กันให้เห็นจะจะกันยังงัย..ว่ากามราคะหมดสิ้นไปจากใจอย่างแท้จริงแล้วหรือยังนั่น...ถ้ายังไม่เก็ท...เราจะอธิบายซ้ำให้ฟังอีกทีด้วยสำนวนของเราแล้วกัน...จะได้รู้ว่าวิธีพิสูจน์ที่แท้จริงให้เห็นจะจะกันกับตาตัวเองไปเลย...ว่าท่านทำกันยังงัย..ไม่ใช่บอกแบบทำนองให้ไปงมหาในสระกว้างๆเอาเองแบบคุณโลกฯบอก...แต่ต้องบอกแบบชี้ให้ตรงจุดเป๊ะๆไปเลย..เข้าใจได้ง่ายๆเห็นภาพแบบชัดเจนเลย



คริคริ ทีนี้คุณตะวัน ได้ยกคำเทสก์ของหลวงตามหาบัวท่าน
เอามารัดคอตัวเอง ตายคาที่ อีกค่ะ

ก็ยกอีก ที่หลวงตามหาบัวท่านเทศก์

"นั่นเห็นไหม มันสิ้นยังไง ถ้าสิ้นทำไมจึงต้องเป็นอย่างนี้ กำหนดขึ้นๆ คือ คำว่ายุบยับนั้นเป็นแต่เพียงอาการของจิตแสดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำอวัยวะให้ไหวนะ"


เกิดอะไรขึ้นเนี่ย....

หลวงตาท่านก็ไม่ได้เห็นอวัยวะเพศ แบบที่คุณตะวันผู้โง่เขลาเบาปัญญา เห็นอวัยะเพศ มาตั้งแต่เด็ก
แต่ท่านเห็นจิต ที่ยุบยับๆๆๆ

ที่คุณตะวัน ผู้โง่เขลาเบาปัญญา ผู้ตื้นเขิน เพราะไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้เรียนพระอ๓ิธรรมมา

จึงเห็นแต่อวัยวะเพศ ตัวเอง

แต่หลวงตา เห็นแต่จิต

เรยเป็นอีกข้อนึง ที่แสดงความโง่เขลาเบาปัญญา ที่ตื้นเขิน เกินกว่าเยียวยา

ว่า

ขว้างงูไม่พ้นคอ
ยกคำเทสนก์มา เอามารัดคอตัวเอง ตายคาที่
อีกแล้วค่ะ พี่น้อง

โง่เขลาเบาปัญญา อย่างซ้ำซาก โดยแท้

บ๊ายบายนะคะ


เม




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 05:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่หนู ไม่ต้องไปงมหาอะไร จากสระน้ำ ไม่ต้องไป ยกคำเทศก์
ไม่ต้องไปยกพระสูตรมาแปะเองเรย

แต่ ๆๆๆ คุณตะวัน ไปยกเอามาด้วยความโง่เขลา เบาปัญญา
เอาพระสูตร เอาคำเทศก์หลวงตา

เอามารัดคอตัวเองจนตายคาที่ ให้ผู้ชมดู

ขอบพระคุณค่ะ ในความโง่เขลาเบาปัญญา ที่ทำให้หนู อยู่สบายๆ ก็มีคนมาให้ความบันเทิง
แสดง อย่างโง่เขลา ต่อหน้า
และต่อหน้า เพื่อนๆ สมาชิก ในบอร์ด

ได้เห็นตัวอย่าง ความโง่ซ้ำซาก ความตื้นเขิน ของคนที่ไม่ได้ศึกษา ไม่รู้ ไม่เอาไหน ในธรรมะเรย
เอาดีทางธรรมไม่ได้

เรยเอาพระสูตร เอาคำเทศก์ มารัดคอตัวเองตายคาที่

เม สวดให้นะคะ

กุศลาธัมมา.... อกุศลาธัมมา ....อัพพยากตา.....ธัมมา ........

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
ตายเพราะความโง่เขลาแท้ๆๆ

คริๆๆ

เอวังค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 05:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไอล่ะ...อายแทน...บรรดาผู้คนที่ผ่านเข้ามาอ่านกระทู้นี้
สรุปง่ายๆเลยเน้อ...ท่านทั้งหลายเอ๊ย...
คุณจะพิจารณายังงัย..คุณก็พิจารณาไปเถอะ...
ขออย่างเดียว...ให้คุณพิจารณาหรือวิปัสสนาอะไรไปแล้ว
ให้คุณละ..ให้คุณทำลายกิเลส...ราคะ..โทสะ..โมหะ...
ในใจของคุณให้ได้ก็แล้วกัน

และสิ่งไหนล่ะ...ที่จะเป็นเครื่อง..ชี้วัด...ได้
ว่า..คุณละกิเลสราคะ โทสะ โมหะ ได้แท้จริงหรือไม่
หรือว่า...คุณได้แต่แค่..มโน..เอาเอง...คิดเองเออเอง..ว่าฉันละกิเลสได้แล้ว

สิ่งที่จะพิสูจน์ให้เราเห็นได้...จะจะ...ประจักษ์กับสายตาเราเอง
ก็คือ...ศีลระดับสูง...ยังงัยล่ะ


ปากบอกว่า..รู้วิธีพิจารณาธรรม...ยังงั้นยังงี้
อ้างคัมภีร์อภิธรรมพระสูตรนั้นคาถานี้..แบบหนูโลกสวย..
แต่พอถามว่า...รักษาศีลระดับสูงได้ไหม...ยังหาความเพลินด้วยการดูหนังฟังเพลงอยู่ไหม...
ก็...ปรี๊ดแตก....น็อตหลุด...แบบที่เห็นนั่นแหละ
ที่..หนูโลกฯ..ปรี๊ดแตก..ก็เพราะคุณตะวันไปถาม...ตรงจุดอ่อน...ที่หนูโลกฯเขายังละไม่ได้น่ะสิ่
จะไม่ให้ปรี๊ดแตกน็อตหลุดได้งัย...เพราะหนูโลกฯน่าจะยังดูหนังฟังเพลงอะไรอยู่นั่นเอง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 05:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
ไอล่ะ...อายแทน...บรรดาผู้คนที่ผ่านเข้ามาอ่านกระทู้นี้
สรุปง่ายๆเลยเน้อ...ท่านทั้งหลายเอ๊ย...
คุณจะพิจารณายังงัย..คุณก็พิจารณาไปเถอะ...
ขออย่างเดียว...ให้คุณพิจารณาหรือวิปัสสนาอะไรไปแล้ว
ให้คุณละ..ให้คุณทำลายกิเลส...ราคะ..โทสะ..โมหะ...
ในใจของคุณให้ได้ก็แล้วกัน

และสิ่งไหนล่ะ...ที่จะเป็นเครื่อง..ชี้วัด...ได้
ว่า..คุณละกิเลสราคะ โทสะ โมหะ ได้แท้จริงหรือไม่
หรือว่า...คุณได้แต่แค่..มโน..เอาเอง...คิดเองเออเอง..ว่าฉันละกิเลสได้แล้ว

สิ่งที่จะพิสูจน์ให้เราเห็นได้...จะจะ...ประจักษ์กับสายตาเราเอง
ก็คือ...ศีลระดับสูง...ยังงัยล่ะ


ปากบอกว่า..รู้วิธีพิจารณาธรรม...ยังงั้นยังงี้
อ้างคัมภีร์อภิธรรมพระสูตรนั้นคาถานี้..แบบหนูโลกสวย..
แต่พอถามว่า...รักษาศีลระดับสูงได้ไหม...ยังหาความเพลินด้วยการดูหนังฟังเพลงอยู่ไหม...
ก็...ปรี๊ดแตก....น็อตหลุด...แบบที่เห็นนั่นแหละ
ที่..หนูโลกฯ..ปรี๊ดแตก..ก็เพราะคุณตะวันไปถาม...ตรงจุดอ่อน...ที่หนูโลกฯเขายังละไม่ได้น่ะสิ่
จะไม่ให้ปรี๊ดแตกน็อตหลุดได้งัย...เพราะหนูโลกฯน่าจะยังดูหนังฟังเพลงอะไรอยู่นั่นเอง...


ดันไปยกพระสูตร มารัดคอตัวเองตาย เพราะความโง่เขลา ไร้ปัญญา ตื้นเขินเกินเยียวยาแท้หนอ

เดะโง่ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด ค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2018, 14:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพูด...สำคัญนะครับ ..เพื่อนๆสมาชิกทั้งหลาย...

คำพูด...แม้ไม่ผิดศีล 5...แต่จะให้ดี...ให้อยู่ในกรรมบถ 10 กันพลาด...โดยเฉพาะ...การพูดกับคนศึกษาปฏิบัติธรรม...คนวัด..นักบวช...

คนพลาด..เคยมีมาแล้ว...

จำชื่อ...นางสิริมา....กันได้มั่ยครับ?

ถ้าวันโน้น...เปลี่ยนจากคำว่า " อีแพศยาคนไหนนะ..ถ่มน้ำหมาก.."...มาเป็น "ใครกันถ่มน้ำหมาก" ...ก็คงไม่ต้องมีกรรมไปบังคับให้เป็นโสเภณี..ตั้งหลายชาติ..ปานนั้น

เห็นมั้ยครับ...คำพูดนั้นสำคัญ...
..

นี้ก็..อีกอันที่...อยากบอก...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 144 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร