วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 05:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 81 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 03:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
จิต เจตสิก รูป เกิดพร้อมกันดับพร้อมกันไม่ใช่หรอครับ


จิตในความหมายพระอภิธรรมที่พระอนุรุธคันถรจนาจารย์แสดงไว่ หมายถึงสภาพของวิญญาณขันธ์ประเภทต่างๆ ที่ปรากฎให้จิตรู้ค่ะ
ไม่ใช่จิตค่ะ
เกิดดับพร้อมกันกะเจตสิก และรูป

แต่สภาพจิตแท้จริง เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่ รู้บ้างไม่รู้บ้าง ติดแล้วรู้ ดับแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราว

และพุทธพจน์กล่าวว่า จิต มีดวงเดียวค่ะ ไม่ได้มีพิศดาร ถึง 121ดวง





ธาตุรู้ก็ธาตุ รู้ จิตก็จิต จิตเกิดเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ จิตสิ้นราคะ โทสะ โมหะ ก็ จิตวิมุติ
ตายก็ปริพนิพพาน


ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ



"" ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ ""

.... ครับ ผมจึงเห็นว่าควรแยกกันให้ชัดเจน ระหว่าง อมตะธาตุคือนิพพานธาตุ กับ ธาตุ ที่เกิดดับ ๆ คือจิตราคะ โทสะ ไม่งั้นคำสอนจะขัดกันเอง อย่างเช่น สรุปแล้วจิตเที่ยงหรือไม่เที่ยง

... ส่วนพระอรหันต์ จิตท่านก็เรียกจิตวิมุติหลุดพ้นจากขันธ์ ตอนยังไม่ดับขันธ์ปริพนิพพาน จิตท่านก็ยังมีอยู่ รู้ ขันธ์ ๕ อยู่แต่มีปัญญา มีญานทัศนวิสุทธิ์ หลังจากดับขันธปริพพานจิตท่านก็เข้านิพพาน ไม่เกิด ไม่ปรากฎเป็นจิต อีกต่อไป

ถ้าตามนี้ คำสอนก็จะไม่ขัดกัน จิตเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน เป็นเพียงความเห็นนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
จิต เจตสิก รูป เกิดพร้อมกันดับพร้อมกันไม่ใช่หรอครับ


จิตในความหมายพระอภิธรรมที่พระอนุรุธคันถรจนาจารย์แสดงไว่ หมายถึงสภาพของวิญญาณขันธ์ประเภทต่างๆ ที่ปรากฎให้จิตรู้ค่ะ
ไม่ใช่จิตค่ะ
เกิดดับพร้อมกันกะเจตสิก และรูป

แต่สภาพจิตแท้จริง เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่ รู้บ้างไม่รู้บ้าง ติดแล้วรู้ ดับแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราว

และพุทธพจน์กล่าวว่า จิต มีดวงเดียวค่ะ ไม่ได้มีพิศดาร ถึง 121ดวง





ธาตุรู้ก็ธาตุ รู้ จิตก็จิต จิตเกิดเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ จิตสิ้นราคะ โทสะ โมหะ ก็ จิตวิมุติ
ตายก็ปริพนิพพาน


ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ



"" ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ ""

.... ครับ ผมจึงเห็นว่าควรแยกกันให้ชัดเจน ระหว่าง อมตะธาตุคือนิพพานธาตุ กับ ธาตุ ที่เกิดดับ ๆ คือจิตราคะ โทสะ ไม่งั้นคำสอนจะขัดกันเอง อย่างเช่น สรุปแล้วจิตเที่ยงหรือไม่เที่ยง

... ส่วนพระอรหันต์ จิตท่านก็เรียกจิตวิมุติหลุดพ้นจากขันธ์ ตอนยังไม่ดับขันธ์ปริพนิพพาน จิตท่านก็ยังมีอยู่ รู้ ขันธ์ ๕ อยู่แต่มีปัญญา มีญานทัศนวิสุทธิ์ หลังจากดับขันธปริพพานจิตท่านก็เข้านิพพาน ไม่เกิด ไม่ปรากฎเป็นจิต อีกต่อไป

ถ้าตามนี้ คำสอนก็จะไม่ขัดกัน จิตเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน เป็นเพียงความเห็นนะครับ


คงต้องทำความเห็นเสียใหม่ค่ะ จิต+ราคะ จิต+ โทสะ ส่วน+ นั้น เป้นสังขารที่ประกอบจิตค่ะ ที่เกิดดับ ไม่ใช่จิตราคะ จิตโทสะ อย่างที่เรียกกันโดยไม่เข้าใจว่านั่นสังขารประกอบจิตค่ะ

และถ้าทำความเห็นแบบนั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้น นิพพาน ก็นับว่าเป็นส่วนอื่นต่างหาก ที่ไม่อาจหาพบได้จากจิตเสียแล้วหละค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
จิต เจตสิก รูป เกิดพร้อมกันดับพร้อมกันไม่ใช่หรอครับ


จิตในความหมายพระอภิธรรมที่พระอนุรุธคันถรจนาจารย์แสดงไว่ หมายถึงสภาพของวิญญาณขันธ์ประเภทต่างๆ ที่ปรากฎให้จิตรู้ค่ะ
ไม่ใช่จิตค่ะ
เกิดดับพร้อมกันกะเจตสิก และรูป

แต่สภาพจิตแท้จริง เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่ รู้บ้างไม่รู้บ้าง ติดแล้วรู้ ดับแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราว

และพุทธพจน์กล่าวว่า จิต มีดวงเดียวค่ะ ไม่ได้มีพิศดาร ถึง 121ดวง




:b12:
เมน่ะดวงเดียวมีเมคนเดียวหรือคะที่มีจิตคริคริคริเป็น1ประเภทไหนล่ะไม่ซ้ำ
คนในลานทั้งหมดที่เข้ามาชมน่ะเป็นจิตแต่ละ1หลากหลายล้นหลามเลย
ที่เข้ามาอ่านและมีความคิดไปต่างๆกันทุก1ดวงไม่ซ้ำดับหมดแล้วด้วย
ครบทุกประเภทไงคะมีตรงตามคำสอนครบในพระไตรปิฎกทุกคำจ้ะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
จิต เจตสิก รูป เกิดพร้อมกันดับพร้อมกันไม่ใช่หรอครับ


จิตในความหมายพระอภิธรรมที่พระอนุรุธคันถรจนาจารย์แสดงไว่ หมายถึงสภาพของวิญญาณขันธ์ประเภทต่างๆ ที่ปรากฎให้จิตรู้ค่ะ
ไม่ใช่จิตค่ะ
เกิดดับพร้อมกันกะเจตสิก และรูป

แต่สภาพจิตแท้จริง เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่ รู้บ้างไม่รู้บ้าง ติดแล้วรู้ ดับแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราว

และพุทธพจน์กล่าวว่า จิต มีดวงเดียวค่ะ ไม่ได้มีพิศดาร ถึง 121ดวง





ธาตุรู้ก็ธาตุ รู้ จิตก็จิต จิตเกิดเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ จิตสิ้นราคะ โทสะ โมหะ ก็ จิตวิมุติ
ตายก็ปริพนิพพาน


ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ



"" ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ ""

.... ครับ ผมจึงเห็นว่าควรแยกกันให้ชัดเจน ระหว่าง อมตะธาตุคือนิพพานธาตุ กับ ธาตุ ที่เกิดดับ ๆ คือจิตราคะ โทสะ ไม่งั้นคำสอนจะขัดกันเอง อย่างเช่น สรุปแล้วจิตเที่ยงหรือไม่เที่ยง

... ส่วนพระอรหันต์ จิตท่านก็เรียกจิตวิมุติหลุดพ้นจากขันธ์ ตอนยังไม่ดับขันธ์ปริพนิพพาน จิตท่านก็ยังมีอยู่ รู้ ขันธ์ ๕ อยู่แต่มีปัญญา มีญานทัศนวิสุทธิ์ หลังจากดับขันธปริพพานจิตท่านก็เข้านิพพาน ไม่เกิด ไม่ปรากฎเป็นจิต อีกต่อไป

ถ้าตามนี้ คำสอนก็จะไม่ขัดกัน จิตเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน เป็นเพียงความเห็นนะครับ


คงต้องทำความเห็นเสียใหม่ค่ะ จิต+ราคะ จิต+ โทสะ ส่วน+ นั้น เป้นสังขารที่ประกอบจิตค่ะ ที่เกิดดับ ไม่ใช่จิตราคะ จิตโทสะ อย่างที่เรียกกันโดยไม่เข้าใจว่านั่นสังขารประกอบจิตค่ะ

และถ้าทำความเห็นแบบนั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้น นิพพาน ก็นับว่าเป็นส่วนอื่นต่างหาก ที่ไม่อาจหาพบได้จากจิตเสียแล้วหละค่ะ

:b32:
นิพพานเที่ยงและนิพพานไม่ใช่จิตค่ะแต่เป็นจิตไปรู้ทุกอย่างที่ปรากฏ
ถ้ารู้ก็ต้องเป็นปัญญารู้ชัดแจ้งในสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ว่าจิตกำลังสะสมอะไรอยู่
ไม่รู้ก็คือไม่รู้ว่าตนสะสมตรงกับจิตประเภทไหนน่านแหละมีกิเลสอวิชชายังปรุงแต่งรสอาหารไหมคะเม
:b32: :b32:
จิต+เจตสิก+รูปพาเกิดทั้ง31ภพภูมิเลยค่ะ
นิพพานเท่านั้นที่ไม่เกิดไม่ดับนะคะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 03:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
จิต เจตสิก รูป เกิดพร้อมกันดับพร้อมกันไม่ใช่หรอครับ


จิตในความหมายพระอภิธรรมที่พระอนุรุธคันถรจนาจารย์แสดงไว่ หมายถึงสภาพของวิญญาณขันธ์ประเภทต่างๆ ที่ปรากฎให้จิตรู้ค่ะ
ไม่ใช่จิตค่ะ
เกิดดับพร้อมกันกะเจตสิก และรูป

แต่สภาพจิตแท้จริง เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่ รู้บ้างไม่รู้บ้าง ติดแล้วรู้ ดับแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราว

และพุทธพจน์กล่าวว่า จิต มีดวงเดียวค่ะ ไม่ได้มีพิศดาร ถึง 121ดวง





ธาตุรู้ก็ธาตุ รู้ จิตก็จิต จิตเกิดเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ จิตสิ้นราคะ โทสะ โมหะ ก็ จิตวิมุติ
ตายก็ปริพนิพพาน


ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ



"" ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ ""

.... ครับ ผมจึงเห็นว่าควรแยกกันให้ชัดเจน ระหว่าง อมตะธาตุคือนิพพานธาตุ กับ ธาตุ ที่เกิดดับ ๆ คือจิตราคะ โทสะ ไม่งั้นคำสอนจะขัดกันเอง อย่างเช่น สรุปแล้วจิตเที่ยงหรือไม่เที่ยง

... ส่วนพระอรหันต์ จิตท่านก็เรียกจิตวิมุติหลุดพ้นจากขันธ์ ตอนยังไม่ดับขันธ์ปริพนิพพาน จิตท่านก็ยังมีอยู่ รู้ ขันธ์ ๕ อยู่แต่มีปัญญา มีญานทัศนวิสุทธิ์ หลังจากดับขันธปริพพานจิตท่านก็เข้านิพพาน ไม่เกิด ไม่ปรากฎเป็นจิต อีกต่อไป

ถ้าตามนี้ คำสอนก็จะไม่ขัดกัน จิตเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน เป็นเพียงความเห็นนะครับ


คงต้องทำความเห็นเสียใหม่ค่ะ จิต+ราคะ จิต+ โทสะ ส่วน+ นั้น เป้นสังขารที่ประกอบจิตค่ะ ที่เกิดดับ ไม่ใช่จิตราคะ จิตโทสะ อย่างที่เรียกกันโดยไม่เข้าใจว่านั่นสังขารประกอบจิตค่ะ

และถ้าทำความเห็นแบบนั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้น นิพพาน ก็นับว่าเป็นส่วนอื่นต่างหาก ที่ไม่อาจหาพบได้จากจิตเสียแล้วหละค่ะ

:b32:
นิพพานเที่ยงและนิพพานไม่ใช่จิตค่ะแต่เป็นจิตไปรู้ทุกอย่างที่ปรากฏ
ถ้ารู้ก็ต้องเป็นปัญญารู้ชัดแจ้งในสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ว่าจิตกำลังสะสมอะไรอยู่
ไม่รู้ก็คือไม่รู้ว่าตนสะสมตรงกับจิตประเภทไหนน่านแหละมีกิเลสอวิชชายังปรุงแต่งรสอาหารไหมคะเม
:b32: :b32:
จิต+เจตสิก+รูปพาเกิดทั้ง31ภพภูมิเลยค่ะ
นิพพานเท่านั้นที่ไม่เกิดไม่ดับนะคะ
:b12:
:b4: :b4:




คุณยายโรสขา คุณยาย เรียนแต่ บวก มา จบหลักสูตรแล้วค่ะ มารับปริญญาการบวก จากเมได้

ต่อไป หลักสูตรที่เมเสอนให้ ให้คุณยาย ไปศึกษาต่อนะคะ

เมให้ทุนก็ได้ นะ ถ้าคุณยายต้นทุนไม่พอ

เม แนะนำให้คุณยาย เรียนต่อ เรื่องลบนะคะ


จิต -(ลบ) วิญญานขันธ์ - (ลบ)เจตสิก -(ลบ) รูป น่ะค่ะ
เป็นจิตปริสุทธิ์ ค่ะ

เรียนเรืองลบนะคะ
คุณยายจะเห็นการ- (ลบ) ที่รูป พาไปเกิดภพไหนภูมิไหนก็ไม่ได้ค่ะ

เดี๋ยวจบแล้ว เมจะแจกใบประหานปริญญาให้ค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 03:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


จิตที่บริสุทธ์ หาได้จากจิตที่ไม่บริสุทธ์ค่ะ ไม่ใช่ไปหาจากห้องสมุดค่ะ

และจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสนี่ ไม่ต้องไปสัมผัสนิพพาน แบบที่ไปสัมผัสแล้ว ก็หนีวกกลับมา กลับมาทำสมาบัติต่อนะคะ


แต่จิตที่บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสนี้ แน่นอนต่อนิพพาน
เป็นสภาพนิพพานแล้วค่ะ
ท่านเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน ค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 05:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


จิตที่บริสุทธ์ หาได้จากจิตที่ไม่บริสุทธ์ค่ะ ไม่ใช่ไปหาจากห้องสมุดค่ะ

และจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสนี่ ไม่ต้องไปสัมผัสนิพพาน แบบที่ไปสัมผัสแล้ว ก็หนีวกกลับมา กลับมาทำสมาบัติต่อนะคะ


แต่จิตที่บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสนี้ แน่นอนต่อนิพพาน
เป็นสภาพนิพพานแล้วค่ะ
ท่านเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน ค่ะ



ใช่ค่ะ จิตที่บริสุทธิ์หาได้จากจิตที่ไม่บริสุทธิ์ค่ะ
แต่จิตที่บริสุทธิ์ เป็นจิตวิมุติ คือเป็นจิตที่มีปัญญาพ้นทุกข์นะคะ เกิดดับเหมือนกันค่ะ
อย่าเอาเรื่องห้องสมุดมาพูดเลยค่ะ อ่านหนังสือมีประโยชน์ค่ะ อ่านหนังสือก็ภาวนาได้
ทรงจำมากก็บรรลุได้ค่ะ บรรลุแล้วก็มีความรู้บอกคุนอื่นได้ถูกต้องไม่สับสนค่ะ
ส่วนนิพพานธาตุ เป็น อัมตะธาตุ อย่าเอามาผสมปนเปกันค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:

"" ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ ""

.... ครับ ผมจึงเห็นว่าควรแยกกันให้ชัดเจน ระหว่าง อมตะธาตุคือนิพพานธาตุ กับ ธาตุ ที่เกิดดับ ๆ คือจิตราคะ โทสะ ไม่งั้นคำสอนจะขัดกันเอง อย่างเช่น สรุปแล้วจิตเที่ยงหรือไม่เที่ยง

... ส่วนพระอรหันต์ จิตท่านก็เรียกจิตวิมุติหลุดพ้นจากขันธ์ ตอนยังไม่ดับขันธ์ปริพนิพพาน จิตท่านก็ยังมีอยู่ รู้ ขันธ์ ๕ อยู่แต่มีปัญญา มีญานทัศนวิสุทธิ์ หลังจากดับขันธปริพพานจิตท่านก็เข้านิพพาน ไม่เกิด ไม่ปรากฎเป็นจิต อีกต่อไป

ถ้าตามนี้ คำสอนก็จะไม่ขัดกัน จิตเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน เป็นเพียงความเห็นนะครับ


Love J. เขียน:
ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


มันเป็นแค่...ความคิด..จิตนาการ...แม้เคยสัมผัสมาก็เป็นเพียงนิพพานของเรา...อย่าด่วนไปยึดมั่นถือมั่นจนเกินไปว่า..นิพพานจริงจะเป็นอย่างที่เรานึก

Love J. เขียน:

ใช่ค่ะ จิตที่บริสุทธิ์หาได้จากจิตที่ไม่บริสุทธิ์ค่ะ
แต่จิตที่บริสุทธิ์ เป็นจิตวิมุติ คือเป็นจิตที่มีปัญญาพ้นทุกข์นะคะ เกิดดับเหมือนกันค่ะ
อย่าเอาเรื่องห้องสมุดมาพูดเลยค่ะ อ่านหนังสือมีประโยชน์ค่ะ อ่านหนังสือก็ภาวนาได้
ทรงจำมากก็บรรลุได้ค่ะ บรรลุแล้วก็มีความรู้บอกคุนอื่นได้ถูกต้องไม่สับสนค่ะ
ส่วนนิพพานธาตุ เป็น อัมตะธาตุ อย่าเอามาผสมปนเปกันค่ะ


แฮ่ม....ผม..ขน..เล็บ..ฟัน..หนัง...คะ...นี้มันก็ไม่เที่ยงเน๊าะ..ไม่เที่ยงเห็นๆ.. :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 06:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

"" ธาตุรู้ มีทั้งสังขตธาตุ และอสังขตธาตุ ค่ะ ""

.... ครับ ผมจึงเห็นว่าควรแยกกันให้ชัดเจน ระหว่าง อมตะธาตุคือนิพพานธาตุ กับ ธาตุ ที่เกิดดับ ๆ คือจิตราคะ โทสะ ไม่งั้นคำสอนจะขัดกันเอง อย่างเช่น สรุปแล้วจิตเที่ยงหรือไม่เที่ยง

... ส่วนพระอรหันต์ จิตท่านก็เรียกจิตวิมุติหลุดพ้นจากขันธ์ ตอนยังไม่ดับขันธ์ปริพนิพพาน จิตท่านก็ยังมีอยู่ รู้ ขันธ์ ๕ อยู่แต่มีปัญญา มีญานทัศนวิสุทธิ์ หลังจากดับขันธปริพพานจิตท่านก็เข้านิพพาน ไม่เกิด ไม่ปรากฎเป็นจิต อีกต่อไป

ถ้าตามนี้ คำสอนก็จะไม่ขัดกัน จิตเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน เป็นเพียงความเห็นนะครับ


Love J. เขียน:
ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


มันเป็นแค่...ความคิด..จิตนาการ...แม้เคยสัมผัสมาก็เป็นเพียงนิพพานของเรา...อย่าด่วนไปยึดมั่นถือมั่นจนเกินไปว่า..นิพพานจริงจะเป็นอย่างที่เรานึก

Love J. เขียน:

ใช่ค่ะ จิตที่บริสุทธิ์หาได้จากจิตที่ไม่บริสุทธิ์ค่ะ
แต่จิตที่บริสุทธิ์ เป็นจิตวิมุติ คือเป็นจิตที่มีปัญญาพ้นทุกข์นะคะ เกิดดับเหมือนกันค่ะ
อย่าเอาเรื่องห้องสมุดมาพูดเลยค่ะ อ่านหนังสือมีประโยชน์ค่ะ อ่านหนังสือก็ภาวนาได้
ทรงจำมากก็บรรลุได้ค่ะ บรรลุแล้วก็มีความรู้บอกคุนอื่นได้ถูกต้องไม่สับสนค่ะ
ส่วนนิพพานธาตุ เป็น อัมตะธาตุ อย่าเอามาผสมปนเปกันค่ะ


แฮ่ม....ผม..ขน..เล็บ..ฟัน..หนัง...คะ...นี้มันก็ไม่เที่ยงเน๊าะ..ไม่เที่ยงเห็นๆ.. :b32: :b32: :b32:


ผมคิดอย่างนี้ว่า อืมเค้ามีจิตที่บริสุทธิ์ เค้าจะยังโกรธอยู่มั้ยนะ ลองพูดยียวนดูซักหน่อย คงไม่เป็นอะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 06:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดหรอก...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 06:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดหรอก...


เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ นอกจากนิโรธสมาบัติ ใครเห็นนิพพานได้เกินกว่านี้รบกวนบอกผมทีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 07:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ผมไม่เคยหานิพพานจากจิตนะครับ จิตต้องไปสัมผัสนิพพานซึ่งในสังสาระวัฏจะสัมผัสได้ 4 ครั้ง
ไม่นับรวมผลสมาบัติ นิโรธสมาบัตินะครับ


มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดหรอก...


เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ นอกจากนิโรธสมาบัติ ใครเห็นนิพพานได้เกินกว่านี้รบกวนบอกผมทีครับ


ขอสิทธิ์พาดพิง นิพพาน คือ การกำจัดกิเลสได้ตามลำดับ จนถึงที่สุดคือ ขีณาสพ (หมดกิเลสแล้ว) ภาวะที่จิตสิ้นอาสวกิเลสแล้วแล้วนั่นแหละนิพพาน ดังนั้น หน้าที่ของเราคือปฏิบัติเพื่อทำให้อาสวะสิ้นไป ตามหลักไตรสิกขาดังว่า

ศีล กำจัดกิเลสอย่างหยาบ ที่ล่วงออกมาทางกายวาจา

สมาธิ กำจัดกิเลสอย่างกลาง คือ นิวรณ์ธรรม

ปัญญา กำจัดกิเลสอย่างละเอียด คือ อนุสัยกิเลส


ถ้าจิตยังมีธุลีคือกิเลสครอบงำอยู่ก็มองไม่เห็นนิพพาน อุปมาเหมือนคนจะมองท้องฟ้าสีคราม แต่ตราบเท่าที่ท้องฟ้ายังมีเมฆปกคลุมอยู่ก็มองไม่เห็นท้องฟ้า คงต้องนั่งรอให้ฟ้าเปิดก่อน :b32:

ดังนั้นหน้าที่ของปัญญาชนต้องปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสเป็นปฐมฤกษ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์

นิโรธ ความดับทุกข์ คือดับตัณหาได้สิ้นเชิง, ภาวะปลอดทุกข์เพราะไม่มีทุกข์ที่จะเกิดขึ้นได้ หมายถึงพระนิพพาน (โยงให้ถึง อริยสัจข้อ ๓ ด้วย)

นิโรธสมาบัติ การเข้านิโรธ คือ ดับสัญญาความจำได้หมายรู้ และเวทนาการเสวยอารมณ์ เรียกเต็มว่า เข้าสัญญเวทยิตนิโรธ, พระอรหันต์และพระอนาคมีที่ได้สมาบัติ ๘ แล้วจึงจะเข้านิโรธสมาบัติได้ (ข้อ ๙ ในอนุปุพพวิหาร ๙)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 81 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร