วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 08:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 19:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อย่ามัวแต่ห่วง...ใครจะรับเงินเลยครับ...
ห่วงตัวเอง ..กิเลสกำลังพอกพูน..นั้นนะ..

ขนาดเห็นผ้าเหลือง..ยังอยากจะเดินหนี...นี้ก็หนักหนาสาหัสแล้ว...

มันแสดงให้เห็นชัดๆเลยว่า....ไม่ได้เห็นตามความเป็นจริง....เห็นแต่ความคิดตน..แล้วก็หลงไปยึดความคิดว่าเป็นจริง..จนอาการออกมาว่า" อยากจะเดินหนี" นั้นแหละ

ไอ้ที่ฝึกฟังมาที่ละคำให้เข้าใจ...นั้นนะ..มันไม่ได้เข้าใจจริงๆหรอก...ชีวิตจริงก็เห็นๆอยู่...หลงอุปทานจนอยากจะเดินหนีผ้าเหลือง..นั้นงัย..


สรุป....7-8 ปี....ฟังมา....ชีวิตจริงยังไม่ก้าวหน้า...


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..


:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 19:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม

ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:


อัตตาใหญ่โต..ด่ากราดไม่เลือก..
เห็นว่าได้เป็น ดอกเตอร์ ..ก็ปรุงแต่งแล้วว่า..กิเลสไม่ถลอก.. :b9: :b9:

ไอ้ที่ว่าเห็นแค่สี...ฟังทีละขณะ...ก็คงไม่ได้เห็นจริงอย่างที่พูด..ก็ดูซิ...ปรุงแต่งใหญ่โตปานนี้..

:b13: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 09 ส.ค. 2018, 20:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด...ทำลายพระพุทธศาสนาบ้าง..นั้นดูไม่ยากเลย..

ยกตัวอย่าง...เช่น

สำนักใด..ปลูกฝังคนมาฟังจนเกิดความรู้สึก..ดังข้างล่างนี้..

สำนักนั้น...ก็คล้ายๆ กับสำนักพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล


Rosarin เขียน:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
ทนได้ทนไปจะประกาศคำตถาคตทุกวันจนกว่าจะสึกไปให้หมด
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุใครจะกราบลงเห็นผ้าเหลืองเดินหนีค่ะ
แต่เห็นขอทานรีบแบ่งของให้เลยประมาทการฟังคำสอนมากกันนัก
onion onion onion


เป็นการสร้างสัญญา...ผิด..ผิด..
ผิดไม่พอ...ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบต่อผ้าเหลือง..ขนาดว่า..แค่เห็นผ้าเหลือง..ก็เดินหนี้..ซะแล้ว..เป็นต้น..

ก็คล้ายๆกับที่พระเทวทัต..ที่สร้างสัญญา..ผิด..ผิด..แก่บรรดาลูกศิษย์..ทำนองว่า."นักบวชต้องไม่กินเนื้อ..ใครกินเนื้อไม่ดี".. เป็นต้น...มีคนเดินตามต้อย..ต้อย..ต้อย...แยกสำนักไปนั่งฟังเทวทัต 500

อ้างคำพูด:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
.....
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุ............
.......................



สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..

:b12:
สำนักแปลว่าที่อยู่และที่อยู่ของคนบวชกับคนไม่บวชไม่อยู่รวมกันและไม่ร่วมกัน
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม
บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรฉันได้ไม่เกินเที่ยงต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


คุณโรสศิษย์สำนักบ้านธัมมะคิดผิดคิดสุดโต่งไปทางมิจฉาทิฏฐิ นี่

อ้างคำพูด:
ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:



ปริญญานั่นเขารับรองว่ามีการศึกษาปริยัติแล้ว (ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ) ใครเรียนจบเขารับรองหมดนั่นแหละ ไม่ว่าพระเถรเณรชี คุณโรสก็ควรไปศึกษายังสำนักที่เขาสอนเขาสอบคือเรียนแล้วสอบวัดความรู้มั่ง นี่ไม่เลย ไม่ปริยัติเลย เอาแต่แต่ฟังคลิปแม่สุจินแห่งบ้านธัมมะแห่งเดียวนิ :b13:

ธรรมะ เรียนธรรมะ ไม่ใช่ผูกขาดแต่พระเณรนะคุณโรส นี่เข้าใจผิดอีก

นึกถึงหญิงสาวคนหนึ่งชื่อสุกัญญาได้ ซึ่งเรียนจบ ป.ธ. ๘ แล้ว :b8:

https://www.facebook.com/SukanyaPemaDec ... B6PPTT4duE

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2018, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด...ทำลายพระพุทธศาสนาบ้าง..นั้นดูไม่ยากเลย..

ยกตัวอย่าง...เช่น

สำนักใด..ปลูกฝังคนมาฟังจนเกิดความรู้สึก..ดังข้างล่างนี้..

สำนักนั้น...ก็คล้ายๆ กับสำนักพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล


Rosarin เขียน:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
ทนได้ทนไปจะประกาศคำตถาคตทุกวันจนกว่าจะสึกไปให้หมด
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุใครจะกราบลงเห็นผ้าเหลืองเดินหนีค่ะ
แต่เห็นขอทานรีบแบ่งของให้เลยประมาทการฟังคำสอนมากกันนัก
onion onion onion


เป็นการสร้างสัญญา...ผิด..ผิด..
ผิดไม่พอ...ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบต่อผ้าเหลือง..ขนาดว่า..แค่เห็นผ้าเหลือง..ก็เดินหนี้..ซะแล้ว..เป็นต้น..

ก็คล้ายๆกับที่พระเทวทัต..ที่สร้างสัญญา..ผิด..ผิด..แก่บรรดาลูกศิษย์..ทำนองว่า."นักบวชต้องไม่กินเนื้อ..ใครกินเนื้อไม่ดี".. เป็นต้น...มีคนเดินตามต้อย..ต้อย..ต้อย...แยกสำนักไปนั่งฟังเทวทัต 500

อ้างคำพูด:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
.....
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุ............
.......................



สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..

:b12:
สำนักแปลว่าที่อยู่และที่อยู่ของคนบวชกับคนไม่บวชไม่อยู่รวมกันและไม่ร่วมกัน
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม
บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรฉันได้ไม่เกินเที่ยงต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


คุณโรสศิษย์สำนักบ้านธัมมะคิดผิดคิดสุดโต่งไปทางมิจฉาทิฏฐิ นี่

อ้างคำพูด:
ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:



ปริญญานั่นเขารับรองว่ามีการศึกษาปริยัติแล้ว (ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ) ใครเรียนจบเขารับรองหมดนั่นแหละ ไม่ว่าพระเถรเณรชี คุณโรสก็ควรไปศึกษายังสำนักที่เขาสอนเขาสอบคือเรียนแล้วสอบวัดความรู้มั่ง นี่ไม่เลย ไม่ปริยัติเลย เอาแต่แต่ฟังคลิปแม่สุจินแห่งบ้านธัมมะแห่งเดียวนิ :b13:

ธรรมะ เรียนธรรมะ ไม่ใช่ผูกขาดแต่พระเณรนะคุณโรส นี่เข้าใจผิดอีก

นึกถึงหญิงสาวคนหนึ่งชื่อสุกัญญาได้ ซึ่งเรียนจบ ป.ธ. ๘ แล้ว :b8:

https://www.facebook.com/SukanyaPemaDec ... B6PPTT4duE

:b12:
ปัญญาเกิดตามลำดับไม่ข้ามขั้นและปัญญามคำสอนคือถึงความจริงแล้วมีบัญญัติกำกับระดับปัญญาดังนี้
1สุตมยปัญญา. =ปะริยัตติ =สัจญาณ
2จินตามยปัญญา =ปะติปัตติ =กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา =ปะติเวธะ =กตญาณ
ปัญญาของจริงไม่มีปริญญาเรียนเป็นแสนโกฏิกัปป์ก็ไม่จบจิรกาลภาวนาไม่ฟังก็ชื่อคุณประมาทคริคริคริ
:b13:
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2018, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


ปัญญาเกิดตามลำดับไม่ข้ามขั้นและปัญญามคำสอนคือถึงความจริงแล้วมีบัญญัติกำกับระดับปัญญาดังนี้
1สุตมยปัญญา. =ปะริยัตติ =สัจญาณ
2จินตามยปัญญา =ปะติปัตติ =กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา =ปะติเวธะ =กตญาณ
ปัญญาของจริงไม่มีปริญญาเรียนเป็นแสนโกฏิกัปป์ก็ไม่จบจิรกาลภาวนาไม่ฟังก็ชื่อคุณประมาทคริคริคริ



มั่วอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2018, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ปัญญาเกิดตามลำดับไม่ข้ามขั้นและปัญญามคำสอนคือถึงความจริงแล้วมีบัญญัติกำกับระดับปัญญาดังนี้
1สุตมยปัญญา. =ปะริยัตติ =สัจญาณ
2จินตามยปัญญา =ปะติปัตติ =กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา =ปะติเวธะ =กตญาณ
ปัญญาของจริงไม่มีปริญญาเรียนเป็นแสนโกฏิกัปป์ก็ไม่จบจิรกาลภาวนาไม่ฟังก็ชื่อคุณประมาทคริคริคริ



มั่วอีก

:b34:
มองดูสิเห็นจำทุกอย่างแล้วคืออรรถบัญญัติที่แยกเป็นคนสัตว์วัตถุน่ะคือกิริยาจิต
เห็นดับไปแล้วคิดนึกจำเป็นคนสัตว์วัตถุแล้วนั่นน่ะมันเลยวิบากจิตแล้วค่ะ
เดี๋ยวนี้เลยที่จิตเกิดดับสลับกันครบ6ทางไปแล้วไม่รู้ความจริงทั้งหมด
หลังเห็นดับแค่3ขณะกิเลสเกิดแล้วไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ
ทั้ง6ทางเป็นกิเลสเพราะคิดนึกตามสิ่งที่ตนเห็นไงคะไม่รู้เลย
ว่าขาดการฟังไม่มีปัญญาเข้าใจถูกตามคำสอนตรงจริง
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 07:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ปัญญาเกิดตามลำดับไม่ข้ามขั้นและปัญญามคำสอนคือถึงความจริงแล้วมีบัญญัติกำกับระดับปัญญาดังนี้
1สุตมยปัญญา. =ปะริยัตติ =สัจญาณ
2จินตามยปัญญา =ปะติปัตติ =กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา =ปะติเวธะ =กตญาณ

ปัญญาของจริงไม่มีปริญญาเรียนเป็นแสนโกฏิกัปป์ก็ไม่จบจิรกาลภาวนาไม่ฟังก็ชื่อคุณประมาทคริคริคริ


นึกๆคิดๆเอาเอง...

ดูสิ่งที่ตัวเองพูดซิ.. :b9: :b9: :b9:

Rosarin เขียน:
:b34:
มองดูสิเห็นจำทุกอย่างแล้วคืออรรถบัญญัติที่แยกเป็นคนสัตว์วัตถุน่ะคือกิริยาจิต
เห็นดับไปแล้วคิดนึกจำเป็นคนสัตว์วัตถุแล้วนั่นน่ะมันเลยวิบากจิตแล้วค่ะ
เดี๋ยวนี้เลยที่จิตเกิดดับสลับกันครบ6ทางไปแล้วไม่รู้ความจริงทั้งหมด
หลังเห็นดับแค่3ขณะกิเลสเกิดแล้วไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ
ทั้ง6ทางเป็นกิเลสเพราะคิดนึกตามสิ่งที่ตนเห็นไงคะไม่รู้เลย
ว่าขาดการฟังไม่มีปัญญาเข้าใจถูกตามคำสอนตรงจริง
:b16:
:b4: :b4:


เป็นกิเลสเพราะคิดนึกตามสิ่งที่ตนเห็นไงคะไม่รู้เลย

:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด...ทำลายพระพุทธศาสนาบ้าง..นั้นดูไม่ยากเลย..

ยกตัวอย่าง...เช่น

สำนักใด..ปลูกฝังคนมาฟังจนเกิดความรู้สึก..ดังข้างล่างนี้..

สำนักนั้น...ก็คล้ายๆ กับสำนักพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล


Rosarin เขียน:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
ทนได้ทนไปจะประกาศคำตถาคตทุกวันจนกว่าจะสึกไปให้หมด
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุใครจะกราบลงเห็นผ้าเหลืองเดินหนีค่ะ
แต่เห็นขอทานรีบแบ่งของให้เลยประมาทการฟังคำสอนมากกันนัก
onion onion onion


เป็นการสร้างสัญญา...ผิด..ผิด..
ผิดไม่พอ...ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบต่อผ้าเหลือง..ขนาดว่า..แค่เห็นผ้าเหลือง..ก็เดินหนี้..ซะแล้ว..เป็นต้น..

ก็คล้ายๆกับที่พระเทวทัต..ที่สร้างสัญญา..ผิด..ผิด..แก่บรรดาลูกศิษย์..ทำนองว่า."นักบวชต้องไม่กินเนื้อ..ใครกินเนื้อไม่ดี".. เป็นต้น...มีคนเดินตามต้อย..ต้อย..ต้อย...แยกสำนักไปนั่งฟังเทวทัต 500

อ้างคำพูด:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
.....
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุ............
.......................



สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..

:b12:
สำนักแปลว่าที่อยู่และที่อยู่ของคนบวชกับคนไม่บวชไม่อยู่รวมกันและไม่ร่วมกัน
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม
บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรฉันได้ไม่เกินเที่ยงต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


คุณโรสศิษย์สำนักบ้านธัมมะคิดผิดคิดสุดโต่งไปทางมิจฉาทิฏฐิ นี่

อ้างคำพูด:
ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:



ชาวบ้านเขาสร้างวัด ก็เพื่อเป็นที่บำเพ็ญของเขา :b1:

:b12:
ขออนุญาตบุพการีที่บ้านมาบวช
เพื่อทำตามบุพการีสูงสุดคือคำสอนค่ะ
ก็ภิกษุหัวหน้าพุทธบริษัทโง่ไงคะ
สอนตัวเองไม่ได้ไงถึงรับเงินทอง
กรรมคือการกระทำเหตุตรงกับผล
คำว่ารับเงินนั้น/รับจริงๆเหมือนเวลา
จะซื้อของก็เตรียมเงินไปหยิบของมา
จ่ายเงินให้ผู้ขายซื้อจริงๆไม่หลอกตัวเอง
และผู้ไม่บวชมีปกติรับจ้างได้เงินเดือนค่าจ้าง
เพื่อจับจ่ายใช้สอยเอาไปฝากครอบครัวและเพื่อนได้
แต่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้สละครอบครัวเพื่อทำตามสิกขาบท
สิกขาบทข้อที่8โกสิยะวรรคห้ามรับเงินทองและรูปิยะ(สิ่งที่ใช้แทนเงิน)
บวชวันแรกรับเงินเลยทุศีลเลยทำอุปนิสัยเดิมตอนเป็นคฤหัสถ์เข้าใจไหมคะ
ว่าพุทธบริษัททั้ง4เลือกเพศตนเองจะเป็นนักบวชก็ถูกต้องตามอัธยาศัยตนเองจริงๆ
เพราะภิกษุในธรรมวินัยสละสัมบัติครอบครัวไม่เลี้ยงดูใครอีกต่อไปมาเป็นผู้ขอโดยชอบ
ตามที่ขออนุญาตพร้อมปฏิญาณตนว่าหูไม่หนวกตาไม่บอดไม่พิการจะทำตามสิกขาบทมักน้อยสันโดษ
เป็นผู้ขอโดยบิณฑบาตเป็นวัตรตกลงว่ารับเงินและใช้สมมุติเงินทำตามเพศเดิมไม่ใช่ภิกษุไงคะคริคริคริ
แค่โกนหัวโกนคิ้วห่มผ้ากาสาวพัตรของเพศพระอรหันต์บริโภคอย่างโจรมิจฉาชีพหลอกตัวเองและชาวบ้าน
:b32: :b32:
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 08:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สำนักใดทำลายพระพุทธศาสนา..ดูได้ไม่ยาก

Rosarin เขียน:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
ทนได้ทนไปจะประกาศคำตถาคตทุกวันจนกว่าจะสึกไปให้หมด
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุใครจะกราบลงเห็นผ้าเหลืองเดินหนีค่ะ
แต่เห็นขอทานรีบแบ่งของให้เลยประมาทการฟังคำสอนมากกันนัก
onion onion onion


กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด...ทำลายพระพุทธศาสนาบ้าง..นั้นดูไม่ยากเลย..

ยกตัวอย่าง...เช่น

สำนักใด..ปลูกฝังคนมาฟังจนเกิดความรู้สึก..ดังข้างล่างนี้..

สำนักนั้น...ก็คล้ายๆ กับสำนักพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล



เป็นการสร้างสัญญา...ผิด..ผิด..
ผิดไม่พอ...ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบต่อผ้าเหลือง..ขนาดว่า..แค่เห็นผ้าเหลือง..ก็เดินหนี้..ซะแล้ว..เป็นต้น..

ก็คล้ายๆกับที่พระเทวทัต..ที่สร้างสัญญา..ผิด..ผิด..แก่บรรดาลูกศิษย์..ทำนองว่า."นักบวชต้องไม่กินเนื้อ..ใครกินเนื้อไม่ดี".. เป็นต้น...มีคนเดินตามต้อย..ต้อย..ต้อย...แยกสำนักไปนั่งฟังเทวทัต 500

อ้างคำพูด:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
.....
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุ............
.......................



สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..


Rosarin เขียน:
:b12:
สำนักแปลว่าที่อยู่และที่อยู่ของคนบวชกับคนไม่บวชไม่อยู่รวมกันและไม่ร่วมกัน
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม
บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรฉันได้ไม่เกินเที่ยงต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


Rosarin เขียน:

ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


กรัชกาย เขียน:

เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง



Rosarin เขียน:

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:


Rosarin เขียน:
:b12:
ขออนุญาตบุพการีที่บ้านมาบวช
เพื่อทำตามบุพการีสูงสุดคือคำสอนค่ะ
ก็ภิกษุหัวหน้าพุทธบริษัทโง่ไงคะ
สอนตัวเองไม่ได้ไงถึงรับเงินทอง
กรรมคือการกระทำเหตุตรงกับผล
คำว่ารับเงินนั้น/รับจริงๆเหมือนเวลา
จะซื้อของก็เตรียมเงินไปหยิบของมา
จ่ายเงินให้ผู้ขายซื้อจริงๆไม่หลอกตัวเอง
และผู้ไม่บวชมีปกติรับจ้างได้เงินเดือนค่าจ้าง
เพื่อจับจ่ายใช้สอยเอาไปฝากครอบครัวและเพื่อนได้
แต่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้สละครอบครัวเพื่อทำตามสิกขาบท
สิกขาบทข้อที่8โกสิยะวรรคห้ามรับเงินทองและรูปิยะ(สิ่งที่ใช้แทนเงิน)
บวชวันแรกรับเงินเลยทุศีลเลยทำอุปนิสัยเดิมตอนเป็นคฤหัสถ์เข้าใจไหมคะ
ว่าพุทธบริษัททั้ง4เลือกเพศตนเองจะเป็นนักบวชก็ถูกต้องตามอัธยาศัยตนเองจริงๆ
เพราะภิกษุในธรรมวินัยสละสัมบัติครอบครัวไม่เลี้ยงดูใครอีกต่อไปมาเป็นผู้ขอโดยชอบ
ตามที่ขออนุญาตพร้อมปฏิญาณตนว่าหูไม่หนวกตาไม่บอดไม่พิการจะทำตามสิกขาบทมักน้อยสันโดษ
เป็นผู้ขอโดยบิณฑบาตเป็นวัตรตกลงว่ารับเงินและใช้สมมุติเงินทำตามเพศเดิมไม่ใช่ภิกษุไงคะคริคริคริ
แค่โกนหัวโกนคิ้วห่มผ้ากาสาวพัตรของเพศพระอรหันต์บริโภคอย่างโจรมิจฉาชีพหลอกตัวเองและชาวบ้าน
:b32: :b32:
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 10:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใดทำลายพระพุทธศาสนา..ดูได้ไม่ยาก

Rosarin เขียน:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
ทนได้ทนไปจะประกาศคำตถาคตทุกวันจนกว่าจะสึกไปให้หมด
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุใครจะกราบลงเห็นผ้าเหลืองเดินหนีค่ะ
แต่เห็นขอทานรีบแบ่งของให้เลยประมาทการฟังคำสอนมากกันนัก
onion onion onion


กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด...ทำลายพระพุทธศาสนาบ้าง..นั้นดูไม่ยากเลย..

ยกตัวอย่าง...เช่น

สำนักใด..ปลูกฝังคนมาฟังจนเกิดความรู้สึก..ดังข้างล่างนี้..

สำนักนั้น...ก็คล้ายๆ กับสำนักพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล



เป็นการสร้างสัญญา...ผิด..ผิด..
ผิดไม่พอ...ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบต่อผ้าเหลือง..ขนาดว่า..แค่เห็นผ้าเหลือง..ก็เดินหนี้..ซะแล้ว..เป็นต้น..

ก็คล้ายๆกับที่พระเทวทัต..ที่สร้างสัญญา..ผิด..ผิด..แก่บรรดาลูกศิษย์..ทำนองว่า."นักบวชต้องไม่กินเนื้อ..ใครกินเนื้อไม่ดี".. เป็นต้น...มีคนเดินตามต้อย..ต้อย..ต้อย...แยกสำนักไปนั่งฟังเทวทัต 500

อ้างคำพูด:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
.....
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุ............
.......................



สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..


Rosarin เขียน:
:b12:
สำนักแปลว่าที่อยู่และที่อยู่ของคนบวชกับคนไม่บวชไม่อยู่รวมกันและไม่ร่วมกัน
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม
บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรฉันได้ไม่เกินเที่ยงต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


Rosarin เขียน:

ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


กรัชกาย เขียน:

เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง



Rosarin เขียน:

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:


Rosarin เขียน:
:b12:
ขออนุญาตบุพการีที่บ้านมาบวช
เพื่อทำตามบุพการีสูงสุดคือคำสอนค่ะ
ก็ภิกษุหัวหน้าพุทธบริษัทโง่ไงคะ
สอนตัวเองไม่ได้ไงถึงรับเงินทอง
กรรมคือการกระทำเหตุตรงกับผล
คำว่ารับเงินนั้น/รับจริงๆเหมือนเวลา
จะซื้อของก็เตรียมเงินไปหยิบของมา
จ่ายเงินให้ผู้ขายซื้อจริงๆไม่หลอกตัวเอง
และผู้ไม่บวชมีปกติรับจ้างได้เงินเดือนค่าจ้าง
เพื่อจับจ่ายใช้สอยเอาไปฝากครอบครัวและเพื่อนได้
แต่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้สละครอบครัวเพื่อทำตามสิกขาบท
สิกขาบทข้อที่8โกสิยะวรรคห้ามรับเงินทองและรูปิยะ(สิ่งที่ใช้แทนเงิน)
บวชวันแรกรับเงินเลยทุศีลเลยทำอุปนิสัยเดิมตอนเป็นคฤหัสถ์เข้าใจไหมคะ
ว่าพุทธบริษัททั้ง4เลือกเพศตนเองจะเป็นนักบวชก็ถูกต้องตามอัธยาศัยตนเองจริงๆ
เพราะภิกษุในธรรมวินัยสละสัมบัติครอบครัวไม่เลี้ยงดูใครอีกต่อไปมาเป็นผู้ขอโดยชอบ
ตามที่ขออนุญาตพร้อมปฏิญาณตนว่าหูไม่หนวกตาไม่บอดไม่พิการจะทำตามสิกขาบทมักน้อยสันโดษ
เป็นผู้ขอโดยบิณฑบาตเป็นวัตรตกลงว่ารับเงินและใช้สมมุติเงินทำตามเพศเดิมไม่ใช่ภิกษุไงคะคริคริคริ
แค่โกนหัวโกนคิ้วห่มผ้ากาสาวพัตรของเพศพระอรหันต์บริโภคอย่างโจรมิจฉาชีพหลอกตัวเองและชาวบ้าน
:b32: :b32:
:b32: :b32: :b32:


Kiss
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักการประมาณตน
มีอัธยาศัยเป็นเพศใดคือบวชหรือไม่บวช
ไม่บวชน่ะต้องทำมาหากินเลี้ยงตนและครอบครัว
ส่วนบวชน่ะไม่ต้องทำมาหากินมาขออาศัยนอนวัด
ไม่เลี้ยงดูใครเพราะตนเป็นผู้ขอและไม่ต้องเลี้ยงดูใคร
จึงไม่มีการรับเงินทองสิ่งของเกินที่ตนฉันได้ไม่เกินเที่ยง
ถ้ารับมามากๆเอาไปแจกจึงไม่ใช่วิสัยของผู้รู้จักประมาณตน
ไม่รู้ว่าตนโลภมากแล้วสละญาติพี่น้องหมดแล้วจึงไม่ทำสังคมสงเคราะห์
เห็นความไม่รู้จักกิเลสของผู้บวชไหมคะการเอาของไปแจกคืออวดกิเลสเพื่อให้คนเอามาให้เพิ่ม
ถ้ารู้จักการประมาณตนก็ต้องสอนชาวบ้านว่าควรเอาไปทำโรงทานแจกตามโรงพยาบาลสถานสงเคราะห์
ไม่ใช่เอาภาระมาให้พระสงฆ์แจกเพราะพระพุทธเจ้าไม่ให้มาใช้งานพระสงฆ์ให้ไปทำสังคมสงเคราะห์เลย
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใดทำลายพระพุทธศาสนา..ดูได้ไม่ยาก

Rosarin เขียน:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
ทนได้ทนไปจะประกาศคำตถาคตทุกวันจนกว่าจะสึกไปให้หมด
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุใครจะกราบลงเห็นผ้าเหลืองเดินหนีค่ะ
แต่เห็นขอทานรีบแบ่งของให้เลยประมาทการฟังคำสอนมากกันนัก
onion onion onion


กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด...ทำลายพระพุทธศาสนาบ้าง..นั้นดูไม่ยากเลย..

ยกตัวอย่าง...เช่น

สำนักใด..ปลูกฝังคนมาฟังจนเกิดความรู้สึก..ดังข้างล่างนี้..

สำนักนั้น...ก็คล้ายๆ กับสำนักพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล



เป็นการสร้างสัญญา...ผิด..ผิด..
ผิดไม่พอ...ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบต่อผ้าเหลือง..ขนาดว่า..แค่เห็นผ้าเหลือง..ก็เดินหนี้..ซะแล้ว..เป็นต้น..

ก็คล้ายๆกับที่พระเทวทัต..ที่สร้างสัญญา..ผิด..ผิด..แก่บรรดาลูกศิษย์..ทำนองว่า."นักบวชต้องไม่กินเนื้อ..ใครกินเนื้อไม่ดี".. เป็นต้น...มีคนเดินตามต้อย..ต้อย..ต้อย...แยกสำนักไปนั่งฟังเทวทัต 500

อ้างคำพูด:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
.....
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุ............
.......................



สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..


Rosarin เขียน:
:b12:
สำนักแปลว่าที่อยู่และที่อยู่ของคนบวชกับคนไม่บวชไม่อยู่รวมกันและไม่ร่วมกัน
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม
บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรฉันได้ไม่เกินเที่ยงต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


Rosarin เขียน:

ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


กรัชกาย เขียน:

เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง



Rosarin เขียน:

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:


Rosarin เขียน:
:b12:
ขออนุญาตบุพการีที่บ้านมาบวช
เพื่อทำตามบุพการีสูงสุดคือคำสอนค่ะ
ก็ภิกษุหัวหน้าพุทธบริษัทโง่ไงคะ
สอนตัวเองไม่ได้ไงถึงรับเงินทอง
กรรมคือการกระทำเหตุตรงกับผล
คำว่ารับเงินนั้น/รับจริงๆเหมือนเวลา
จะซื้อของก็เตรียมเงินไปหยิบของมา
จ่ายเงินให้ผู้ขายซื้อจริงๆไม่หลอกตัวเอง
และผู้ไม่บวชมีปกติรับจ้างได้เงินเดือนค่าจ้าง
เพื่อจับจ่ายใช้สอยเอาไปฝากครอบครัวและเพื่อนได้
แต่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้สละครอบครัวเพื่อทำตามสิกขาบท
สิกขาบทข้อที่8โกสิยะวรรคห้ามรับเงินทองและรูปิยะ(สิ่งที่ใช้แทนเงิน)
บวชวันแรกรับเงินเลยทุศีลเลยทำอุปนิสัยเดิมตอนเป็นคฤหัสถ์เข้าใจไหมคะ
ว่าพุทธบริษัททั้ง4เลือกเพศตนเองจะเป็นนักบวชก็ถูกต้องตามอัธยาศัยตนเองจริงๆ
เพราะภิกษุในธรรมวินัยสละสัมบัติครอบครัวไม่เลี้ยงดูใครอีกต่อไปมาเป็นผู้ขอโดยชอบ
ตามที่ขออนุญาตพร้อมปฏิญาณตนว่าหูไม่หนวกตาไม่บอดไม่พิการจะทำตามสิกขาบทมักน้อยสันโดษ
เป็นผู้ขอโดยบิณฑบาตเป็นวัตรตกลงว่ารับเงินและใช้สมมุติเงินทำตามเพศเดิมไม่ใช่ภิกษุไงคะคริคริคริ
แค่โกนหัวโกนคิ้วห่มผ้ากาสาวพัตรของเพศพระอรหันต์บริโภคอย่างโจรมิจฉาชีพหลอกตัวเองและชาวบ้าน
:b32: :b32:
:b32: :b32: :b32:


Kiss
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักการประมาณตน
มีอัธยาศัยเป็นเพศใดคือบวชหรือไม่บวช
ไม่บวชน่ะต้องทำมาหากินเลี้ยงตนและครอบครัว
ส่วนบวชน่ะไม่ต้องทำมาหากินมาขออาศัยนอนวัด
ไม่เลี้ยงดูใครเพราะตนเป็นผู้ขอและไม่ต้องเลี้ยงดูใคร
จึงไม่มีการรับเงินทองสิ่งของเกินที่ตนฉันได้ไม่เกินเที่ยง
ถ้ารับมามากๆเอาไปแจกจึงไม่ใช่วิสัยของผู้รู้จักประมาณตน
ไม่รู้ว่าตนโลภมากแล้วสละญาติพี่น้องหมดแล้วจึงไม่ทำสังคมสงเคราะห์
เห็นความไม่รู้จักกิเลสของผู้บวชไหมคะการเอาของไปแจกคืออวดกิเลสเพื่อให้คนเอามาให้เพิ่ม
ถ้ารู้จักการประมาณตนก็ต้องสอนชาวบ้านว่าควรเอาไปทำโรงทานแจกตามโรงพยาบาลสถานสงเคราะห์
ม่ใช่เอาภาระมาให้พระสงฆ์แจกเพราะพระพุทธเจ้าไม่ให้มาใช้งานพระสงฆ์ให้ไปทำสังคมสงเคราะห์เลย


ยามปกติพุทธศาสนิกชนก็อุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์องค์เณรด้วยปัจจัยสี่ ถึงคราวยามยากพุทธศาสนิกชนประสบภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วมบ้าน ไฟไหม้บ้าน วัดมีเครื่องอุปโภคบริโภคก็นำไปให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนตรงนั้นบ้าง เท่ากับว่าบ้านกับวัดผลัดกันช่วยก็อวยชัย มันเสียหายอะไรนักหนาหรือศิษย์แม่สุจินแห่งบ้านธัมมะ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใดทำลายพระพุทธศาสนา..ดูได้ไม่ยาก

Rosarin เขียน:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
ทนได้ทนไปจะประกาศคำตถาคตทุกวันจนกว่าจะสึกไปให้หมด
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุใครจะกราบลงเห็นผ้าเหลืองเดินหนีค่ะ
แต่เห็นขอทานรีบแบ่งของให้เลยประมาทการฟังคำสอนมากกันนัก
onion onion onion


กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด...ทำลายพระพุทธศาสนาบ้าง..นั้นดูไม่ยากเลย..

ยกตัวอย่าง...เช่น

สำนักใด..ปลูกฝังคนมาฟังจนเกิดความรู้สึก..ดังข้างล่างนี้..

สำนักนั้น...ก็คล้ายๆ กับสำนักพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล



เป็นการสร้างสัญญา...ผิด..ผิด..
ผิดไม่พอ...ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบต่อผ้าเหลือง..ขนาดว่า..แค่เห็นผ้าเหลือง..ก็เดินหนี้..ซะแล้ว..เป็นต้น..

ก็คล้ายๆกับที่พระเทวทัต..ที่สร้างสัญญา..ผิด..ผิด..แก่บรรดาลูกศิษย์..ทำนองว่า."นักบวชต้องไม่กินเนื้อ..ใครกินเนื้อไม่ดี".. เป็นต้น...มีคนเดินตามต้อย..ต้อย..ต้อย...แยกสำนักไปนั่งฟังเทวทัต 500

อ้างคำพูด:
มูลนิธิ..............................
เขาเผยแพร่กี่ภาษาและผู้ที่ฟังคำสอนดั้งเดิมจนเกิดปัญญา
มองเห็นแล้วประกาศคำสอนของพระศาสดาให้เปิดเผย
คนเขาตาสว่างกันแล้วจะปิดกันให้แซดอีกต่อไปหรือคะ
.....
ภิกษุณีไม่มีได้ก็ไม่ต้องมีภิกษุ............
.......................



สำนักใด..สอนคนจนมีความรู้..อหังการ..มานะตัวตนใหญ่โตขนาดนี้...
สำนักนั้น...ไม่ใช่แสงส่องทาง..ในมรรคผลนิพพานของบรมศาสดา


huh huh huh

ระวังนะ..สำนักไหน..สอนคน..ว่าสำนักฉันดี..สำนักโน้นเลว...นี้...กำลังเลวเข้าให้แล้ว..


Rosarin เขียน:
:b12:
สำนักแปลว่าที่อยู่และที่อยู่ของคนบวชกับคนไม่บวชไม่อยู่รวมกันและไม่ร่วมกัน
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม
บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรฉันได้ไม่เกินเที่ยงต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


Rosarin เขียน:

ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


กรัชกาย เขียน:

เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง



Rosarin เขียน:

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:


Rosarin เขียน:
:b12:
ขออนุญาตบุพการีที่บ้านมาบวช
เพื่อทำตามบุพการีสูงสุดคือคำสอนค่ะ
ก็ภิกษุหัวหน้าพุทธบริษัทโง่ไงคะ
สอนตัวเองไม่ได้ไงถึงรับเงินทอง
กรรมคือการกระทำเหตุตรงกับผล
คำว่ารับเงินนั้น/รับจริงๆเหมือนเวลา
จะซื้อของก็เตรียมเงินไปหยิบของมา
จ่ายเงินให้ผู้ขายซื้อจริงๆไม่หลอกตัวเอง
และผู้ไม่บวชมีปกติรับจ้างได้เงินเดือนค่าจ้าง
เพื่อจับจ่ายใช้สอยเอาไปฝากครอบครัวและเพื่อนได้
แต่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้สละครอบครัวเพื่อทำตามสิกขาบท
สิกขาบทข้อที่8โกสิยะวรรคห้ามรับเงินทองและรูปิยะ(สิ่งที่ใช้แทนเงิน)
บวชวันแรกรับเงินเลยทุศีลเลยทำอุปนิสัยเดิมตอนเป็นคฤหัสถ์เข้าใจไหมคะ
ว่าพุทธบริษัททั้ง4เลือกเพศตนเองจะเป็นนักบวชก็ถูกต้องตามอัธยาศัยตนเองจริงๆ
เพราะภิกษุในธรรมวินัยสละสัมบัติครอบครัวไม่เลี้ยงดูใครอีกต่อไปมาเป็นผู้ขอโดยชอบ
ตามที่ขออนุญาตพร้อมปฏิญาณตนว่าหูไม่หนวกตาไม่บอดไม่พิการจะทำตามสิกขาบทมักน้อยสันโดษ
เป็นผู้ขอโดยบิณฑบาตเป็นวัตรตกลงว่ารับเงินและใช้สมมุติเงินทำตามเพศเดิมไม่ใช่ภิกษุไงคะคริคริคริ
แค่โกนหัวโกนคิ้วห่มผ้ากาสาวพัตรของเพศพระอรหันต์บริโภคอย่างโจรมิจฉาชีพหลอกตัวเองและชาวบ้าน
:b32: :b32:
:b32: :b32: :b32:


Kiss
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักการประมาณตน
มีอัธยาศัยเป็นเพศใดคือบวชหรือไม่บวช
ไม่บวชน่ะต้องทำมาหากินเลี้ยงตนและครอบครัว
ส่วนบวชน่ะไม่ต้องทำมาหากินมาขออาศัยนอนวัด
ไม่เลี้ยงดูใครเพราะตนเป็นผู้ขอและไม่ต้องเลี้ยงดูใคร
จึงไม่มีการรับเงินทองสิ่งของเกินที่ตนฉันได้ไม่เกินเที่ยง
ถ้ารับมามากๆเอาไปแจกจึงไม่ใช่วิสัยของผู้รู้จักประมาณตน
ไม่รู้ว่าตนโลภมากแล้วสละญาติพี่น้องหมดแล้วจึงไม่ทำสังคมสงเคราะห์
เห็นความไม่รู้จักกิเลสของผู้บวชไหมคะการเอาของไปแจกคืออวดกิเลสเพื่อให้คนเอามาให้เพิ่ม
ถ้ารู้จักการประมาณตนก็ต้องสอนชาวบ้านว่าควรเอาไปทำโรงทานแจกตามโรงพยาบาลสถานสงเคราะห์
ม่ใช่เอาภาระมาให้พระสงฆ์แจกเพราะพระพุทธเจ้าไม่ให้มาใช้งานพระสงฆ์ให้ไปทำสังคมสงเคราะห์เลย


ยามปกติพุทธศาสนิกชนก็อุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์องค์เณรด้วยปัจจัยสี่ ถึงคราวยามยากพุทธศาสนิกชนประสบภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วมบ้าน ไฟไหม้บ้าน วัดมีเครื่องอุปโภคบริโภคก็นำไปให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนตรงนั้นบ้าง เท่ากับว่าบ้านกับวัดผลัดกันช่วยก็อวยชัย มันเสียหายอะไรนักหนาหรือศิษย์แม่สุจินแห่งบ้านธัมมะ คิกๆๆ

:b12:
ที่รับเงินใช้เงินเดินทางจับจ่ายใช้สอยเหมือนคฤหัสถ์
คือไม่ประมาณตนไงก็เสียสละตนเองไม่ใช่หรือคะ
ขอมาอยู่จำวัดแล้วเดินทางไปไหนกันคะมีกิจไหน
ไม่ได้ประกอบอาชีพไม่มีธุรกิจต้องติดต่อค้าขาย
มีมือถือเน็ตเฟสบุ๊คไว้สังคมหรือคะก็สละสังคม
เพื่อมาเลียนแบบพระพุทธเจ้าเพราะมาอยู่จำวัด
ไม่เป็นผู้เร่ร่อนไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหนแล้วนี่
มีความประมาณในตนเองไหมคะว่าทำเหมือนเดิม
แบบครั้งเป็นชาวบ้านประกอบอาชีพไม่ได้แล้วจริงไหมคะ
ถ้ายังรับเงินใช้เงินยินดีอยากได้เพิ่มอยู่มันขาดจากวินัยแล้วค่ะ
แค่ครองผ้ากาสาวพัตรที่ตนไม่มีสิทธิ์หลอกตัวเองว่ายังบริสุทธิ์โง่ค่ะ
กินเหล็กถ่านแดงร้อนๆลวกตั้งแต่ปากถึงทวารหนักตายแค่อัตภาพนี้เท่านั้น
ถ้าจริงใจต่อการบวชและประเมินได้ว่าตนยังพอใจใช้เงินก็ต้องลาสิกขาเพราะทำตามไม่ได้แล้ว
บวชแล้วทำตามสิกขาบทไม่ได้อันตรายประมาณมิได้ตถาคตมาบอกเล่นๆหรือถึงทำเป็นเล่นๆที่บวชนั้นน่ะ
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ตถาคตเปรียบก้อนข้าวที่ชาวบ้านเขาสละมา
เหมือนถ่านเหล็กไฟแดงร้อนๆสำหรับภิกษุผู้มีปกติทุศีล
ยินดีในลาภสักการะและกิริยาที่ผู้คนกราบไหว้ตนพอใจมากไหมคะ
ถ้ารู้ประมาณตนว่าทำไม่ได้ก็ต้องมีความจริงใจสละการครองผ้ากาสาวพัตรลาสิกขาสิคะ
จะไปอยู่ทำลายพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆก็คือพาจิตตนลงอบายภูมิดูสิทำกันอยู่เห็นไหมคะ
https://youtu.be/3tiNjE1R4eg
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2018, 19:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ต้องทิ้งหมดไม่เอาไปเผื่อใครคร่าาา


กรัชกาย เขียน:

เอาไปทิ้ง กับ ให้คนที่เขาไม่มีจะกิน อย่างไหนเกิดประโยชน์กว่ากัน สำนักบ้านธัมมะก็คิดไม่เป็น

นี่ก็เช่นกันน

อ้างคำพูด:
คนบวชเอากิเลสตนเองดึงคนขนลาภสักการะเข้าไปประเคนถึงที่ไงคะหยาบไหม


นี่สำนักบ้านธัมมะ จะแยกวัดออกจากพุทธศาสนิกชน เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง



Rosarin เขียน:

ตามคำสอนแยกแยะวัดกับบ้านชัดเจน
แต่คนที่มาบวชทำผิดจากคำสอนไงคะ
คนที่เข้าใจตามคำสอนแยกแยะถูกตรง
พยายามชี้ให้เห็นความไม่รู้ที่ทำตามๆกัน
โฮะๆๆๆมีรับปริญญาเอกของพระภิกษุอีก
555กิเลสไม่ถลอกเลยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
แค่โกนหัวห่มผ้าเหลืองใช้เงินเป็นนิสัยคฤหัสถ์
สิกขาให้ถูกต้องแล้วจะเห็นความโลภและความไม่รู้
ที่พยายามดึงคนเข้าวัดมากๆเพื่อกักตุนวัตถุลาภสักการะตรงไหม
ตาไม่บอดเห็นคนขนเงินวัตถุเข้าไปกองไว้ในกุฏิศาลาแล้วก็ให้สีกาเพ่นพ่านเต็มวัดไหมคริคริคริ
:b32: :b32:


Rosarin เขียน:
:b12:
ขออนุญาตบุพการีที่บ้านมาบวช
เพื่อทำตามบุพการีสูงสุดคือคำสอนค่ะ
ก็ภิกษุหัวหน้าพุทธบริษัทโง่ไงคะ
สอนตัวเองไม่ได้ไงถึงรับเงินทอง
กรรมคือการกระทำเหตุตรงกับผล
คำว่ารับเงินนั้น/รับจริงๆเหมือนเวลา
จะซื้อของก็เตรียมเงินไปหยิบของมา
จ่ายเงินให้ผู้ขายซื้อจริงๆไม่หลอกตัวเอง
และผู้ไม่บวชมีปกติรับจ้างได้เงินเดือนค่าจ้าง
เพื่อจับจ่ายใช้สอยเอาไปฝากครอบครัวและเพื่อนได้
แต่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้สละครอบครัวเพื่อทำตามสิกขาบท
สิกขาบทข้อที่8โกสิยะวรรคห้ามรับเงินทองและรูปิยะ(สิ่งที่ใช้แทนเงิน)
บวชวันแรกรับเงินเลยทุศีลเลยทำอุปนิสัยเดิมตอนเป็นคฤหัสถ์เข้าใจไหมคะ
ว่าพุทธบริษัททั้ง4เลือกเพศตนเองจะเป็นนักบวชก็ถูกต้องตามอัธยาศัยตนเองจริงๆ
เพราะภิกษุในธรรมวินัยสละสัมบัติครอบครัวไม่เลี้ยงดูใครอีกต่อไปมาเป็นผู้ขอโดยชอบ
ตามที่ขออนุญาตพร้อมปฏิญาณตนว่าหูไม่หนวกตาไม่บอดไม่พิการจะทำตามสิกขาบทมักน้อยสันโดษ
เป็นผู้ขอโดยบิณฑบาตเป็นวัตรตกลงว่ารับเงินและใช้สมมุติเงินทำตามเพศเดิมไม่ใช่ภิกษุไงคะคริคริคริ
แค่โกนหัวโกนคิ้วห่มผ้ากาสาวพัตรของเพศพระอรหันต์บริโภคอย่างโจรมิจฉาชีพหลอกตัวเองและชาวบ้าน
:b32: :b32:
:b32: :b32: :b32:


Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักการประมาณตน
มีอัธยาศัยเป็นเพศใดคือบวชหรือไม่บวช
ไม่บวชน่ะต้องทำมาหากินเลี้ยงตนและครอบครัว
ส่วนบวชน่ะไม่ต้องทำมาหากินมาขออาศัยนอนวัด
ไม่เลี้ยงดูใครเพราะตนเป็นผู้ขอและไม่ต้องเลี้ยงดูใคร
จึงไม่มีการรับเงินทองสิ่งของเกินที่ตนฉันได้ไม่เกินเที่ยง
ถ้ารับมามากๆเอาไปแจกจึงไม่ใช่วิสัยของผู้รู้จักประมาณตน
ไม่รู้ว่าตนโลภมากแล้วสละญาติพี่น้องหมดแล้วจึงไม่ทำสังคมสงเคราะห์
เห็นความไม่รู้จักกิเลสของผู้บวชไหมคะการเอาของไปแจกคืออวดกิเลสเพื่อให้คนเอามาให้เพิ่ม
ถ้ารู้จักการประมาณตนก็ต้องสอนชาวบ้านว่าควรเอาไปทำโรงทานแจกตามโรงพยาบาลสถานสงเคราะห์
ม่ใช่เอาภาระมาให้พระสงฆ์แจกเพราะพระพุทธเจ้าไม่ให้มาใช้งานพระสงฆ์ให้ไปทำสังคมสงเคราะห์เลย
:b13:
:b32: :b32:



รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร