วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 07:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เพื่อให้เป็นผู้คิดตรงทีละคำและเข้าใจคำสอนตามไปด้วยจึงเป็นการทำสุตมยปัญญาตามเป็นจริงคือตามรู้
ต้องมีเสียงให้คิดตามโดยไม่ต้องไปหลับตาแต่เป็นการตั้งใจฟังเพื่อรู้สึกตัวตามเป็นจริงเพื่อเข้าใจถูกตาม
https://youtu.be/X6ije-STnwc


เจ้าสำนักบ้านธัมมะนำความเห็นของตนเองไปใส่ปากตถาคต

โรสบอกว่าพระวินัยห้ามพระรับเงินนี่คำตถาคตออกจากปากโรสเชื่อไหมตาไม่บอด
ดูพฤติกรรมบรรพชิตสิคะตรงกับที่โรสบอกไหมไม่ตรงรับเงินขาดจากวินัยถูกไหม
:b32: :b32: :b32:


วินัยข้อไหน ไหนมามาซิ เขาว่ายังไง :b10:

:b12:
เป็นคนเดินดินไม่ใช่เทวดา
ทำอะไรก็อยู่ในศีลธรรมอันดี
ในเมื่อภิกษุบุคคลมีกิเลสอยู่มาก
ไม่มีอัธยาศัยของภิกษุตามธรรมวินัย
ก็เป็นผู้อยากบวชไม่มีหิริโอตัปปะที่รับเงิน
ไม่ดูคลิปเลยสินะถึงได้มาถามอยู่ว่าข้อไหนนั้นน่ะ
ฟังบ้างเถอะก่อนตายคำสอนที่ตัดแปะไม่ตามไปชาติหน้า
รู้หรือว่าตัวเองจะไปเกิดเป็นคนหรือเปล่าเลือกประเทศได้หรือ
มีแต่พระพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายน๊าที่เลือกชาติตระกูลพ่อแม่ประเทศได้
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 14:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นักศึกษาพึงสังเกตธรรมเทศนาแนวพระสูตร กับ ธรรมเทศนาแนวพระอภิธรรมให้ดี ดูชัดๆ ต่างกันตรงไหน ทำไม่จึงต่างกัน

พระสุตตันตปิฎก ประมวลพุทธพจน์ หมวดพระสูตร คือ พระธรรมเทศนา คำบรรยายธรรมต่างๆ ที่ตรัสยักเยื้องให้เหมาะกับบุคคล และโอกาส ตลอดจนบทประพันธ์ เรื่องเล่า และเรื่องราวทั้งหลายที่เป็นชั้นเดิมในพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น ๕ นิกาย

พระอภิธรรมปิฎก ประมวลพุทธพจน์ หมวดพระอภิธรรม คือ หลักธรรม และคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ แบ่ง เป็น ๗ คัมภีร์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 14:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เพื่อให้เป็นผู้คิดตรงทีละคำและเข้าใจคำสอนตามไปด้วยจึงเป็นการทำสุตมยปัญญาตามเป็นจริงคือตามรู้
ต้องมีเสียงให้คิดตามโดยไม่ต้องไปหลับตาแต่เป็นการตั้งใจฟังเพื่อรู้สึกตัวตามเป็นจริงเพื่อเข้าใจถูกตาม
https://youtu.be/X6ije-STnwc


เจ้าสำนักบ้านธัมมะนำความเห็นของตนเองไปใส่ปากตถาคต

โรสบอกว่าพระวินัยห้ามพระรับเงินนี่คำตถาคตออกจากปากโรสเชื่อไหมตาไม่บอด
ดูพฤติกรรมบรรพชิตสิคะตรงกับที่โรสบอกไหมไม่ตรงรับเงินขาดจากวินัยถูกไหม
:b32: :b32: :b32:


วินัยข้อไหน ไหนมามาซิ เขาว่ายังไง :b10:

:b12:
เป็นคนเดินดินไม่ใช่เทวดา
ทำอะไรก็อยู่ในศีลธรรมอันดี
ในเมื่อภิกษุบุคคลมีกิเลสอยู่มาก
ไม่มีอัธยาศัยของภิกษุตามธรรมวินัย
ก็เป็นผู้อยากบวชไม่มีหิริโอตัปปะที่รับเงิน
ไม่ดูคลิปเลยสินะถึงได้มาถามอยู่ว่าข้อไหนนั้นน่ะ
ฟังบ้างเถอะก่อนตายคำสอนที่ตัดแปะไม่ตามไปชาติหน้า
รู้หรือว่าตัวเองจะไปเกิดเป็นคนหรือเปล่าเลือกประเทศได้หรือ
มีแต่พระพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายน๊าที่เลือกชาติตระกูลพ่อแม่ประเทศได้
:b32: :b32:


พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อยๆ ไร้หลัก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับฟังขัดเกลากิเลสที่กำลังมี


กิเลสมีสามระดับ คือ กิเลสอย่างหยาบที่ล่วงละเมิดออกมาทางกาย ทางวาจา กิเลสอย่างกลางท่านหมายเอานิวรณ์ธรรม และกิเลสอย่างละเอี่ยด หมายถึงอนุสัยกิเลส

กิเลสทั้งสามระดับนั้น ท่านว่า กิเลสอย่างหยาบ กำจัดด้วย ศีล กิเลสอย่างกลาง กำจัดด้วยสมาธิ กิเลสอย่างละเอียด กำจัดด้วยปัญญา (เท่ากับ ศีล สมาธิ ปัญญา) ไม่เห็นมีฟังตรงไหนเลย นี่ก็เอาทิฏฐิของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแล้ว :b32: ดังนั้น บ้านธัมมะเอาทิฏฐิของตนเองใส่ปากตถาคต เอาทิฏฐิเจ้าสำนักมอมเมาผู้ฟัง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับฟังขัดเกลากิเลสที่กำลังมี


กิเลสมีสามระดับ คือ กิเลสอย่างหยาบที่ล่วงละเมิดออกมาทางกาย ทางวาจา กิเลสอย่างกลางท่านหมายเอานิวรณ์ธรรม และกิเลสอย่างละเอี่ยด หมายถึงอนุสัยกิเลส

กิเลสทั้งสามระดับนั้น ท่านว่า กิเลสอย่างหยาบ กำจัดด้วย ศีล กิเลสอย่างกลาง กำจัดด้วยสมาธิ กิเลสอย่างละเอียด กำจัดด้วยปัญญา (เท่ากับ ศีล สมาธิ ปัญญา) ไม่เห็นมีฟังตรงไหนเลย นี่ก็เอาทิฏฐิของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแล้ว :b32: ดังนั้น บ้านธัมมะเอาทิฏฐิของตนเองใส่ปากตถาคต เอาทิฏฐิเจ้าสำนักมอมเมาผู้ฟัง :b1:

cool
:b32:
คุณกรัชกายเขียนเองนะคะงงตัวเองไหมคะ
กิเลสอย่างละเอียดกำจัดด้วยปัญญาน่ะ
:b12:
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับดังนี้
ไม่เริ่มต้นที่การฟังคำสอนแสดงว่าไม่มีปัญญา
1สุตมยปัญญา
2จินตามยปัญญา
3ภาวนามยปัญญา
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน
ลืมตาตื่นรู้ความจริงที่กำลังมีตามปกติในชีวิตประจำวันค่ะ
https://youtu.be/qxcqx8yDfwo
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับฟังขัดเกลากิเลสที่กำลังมี


กิเลสมีสามระดับ คือ กิเลสอย่างหยาบที่ล่วงละเมิดออกมาทางกาย ทางวาจา กิเลสอย่างกลางท่านหมายเอานิวรณ์ธรรม และกิเลสอย่างละเอี่ยด หมายถึงอนุสัยกิเลส

กิเลสทั้งสามระดับนั้น ท่านว่า กิเลสอย่างหยาบ กำจัดด้วย ศีล กิเลสอย่างกลาง กำจัดด้วยสมาธิ กิเลสอย่างละเอียด กำจัดด้วยปัญญา (เท่ากับ ศีล สมาธิ ปัญญา) ไม่เห็นมีฟังตรงไหนเลย นี่ก็เอาทิฏฐิของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแล้ว :b32: ดังนั้น บ้านธัมมะเอาทิฏฐิของตนเองใส่ปากตถาคต เอาทิฏฐิเจ้าสำนักมอมเมาผู้ฟัง :b1:

cool
:b32:
คุณกรัชกายเขียนเองนะคะงงตัวเองไหมคะ
กิเลสอย่างละเอียดกำจัดด้วยปัญญาน่ะ

:b12:
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับดังนี้
ไม่เริ่มต้นที่การฟังคำสอนแสดงว่าไม่มีปัญญา
1สุตมยปัญญา
2จินตามยปัญญา
3ภาวนามยปัญญา
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน
ลืมตาตื่นรู้ความจริงที่กำลังมีตามปกติในชีวิตประจำวันค่ะ
https://youtu.be/qxcqx8yDfwo


คุยกับคุณโรส เหมือนคุยกับเด็กอนุบาล :b32: ก็เห็นๆอยู่นั่นแหละแต่มองไม่เห็น


นี่ได้อีกกระทู้แระ :b32:

อ้างคำพูด:
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน


สมแล้วที่มาจากสำนักเดียวกับ อ. แนบ อ้อมน้อย สำนักนี้เขาก็เห็นว่า นั่งขัดสมาธิหลับตาว่าทำฌาน ประเด็นนี้เคยเถียงกับเฉลิมศักดิ์มาแล้ว คิกๆๆๆ ห้ามนั่งขัดสมาธิ ต้องนั่งลืมตา (นั่งยังไงก็ได้ แต่อย่านั่งขัดสมาธิ) :b13: คือ เขาเห็นการนั่งขัดสมาธิหลับตาเป็นชานไป

ภาวนามยปัญญา ก็ต้องทำการภาวนา ไม่ใช่ไปนั่งฟัง นั่งคิดนะจ๊ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับฟังขัดเกลากิเลสที่กำลังมี


กิเลสมีสามระดับ คือ กิเลสอย่างหยาบที่ล่วงละเมิดออกมาทางกาย ทางวาจา กิเลสอย่างกลางท่านหมายเอานิวรณ์ธรรม และกิเลสอย่างละเอี่ยด หมายถึงอนุสัยกิเลส

กิเลสทั้งสามระดับนั้น ท่านว่า กิเลสอย่างหยาบ กำจัดด้วย ศีล กิเลสอย่างกลาง กำจัดด้วยสมาธิ กิเลสอย่างละเอียด กำจัดด้วยปัญญา (เท่ากับ ศีล สมาธิ ปัญญา) ไม่เห็นมีฟังตรงไหนเลย นี่ก็เอาทิฏฐิของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแล้ว :b32: ดังนั้น บ้านธัมมะเอาทิฏฐิของตนเองใส่ปากตถาคต เอาทิฏฐิเจ้าสำนักมอมเมาผู้ฟัง :b1:

cool
:b32:
คุณกรัชกายเขียนเองนะคะงงตัวเองไหมคะ
กิเลสอย่างละเอียดกำจัดด้วยปัญญาน่ะ

:b12:
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับดังนี้
ไม่เริ่มต้นที่การฟังคำสอนแสดงว่าไม่มีปัญญา
1สุตมยปัญญา
2จินตามยปัญญา
3ภาวนามยปัญญา
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน
ลืมตาตื่นรู้ความจริงที่กำลังมีตามปกติในชีวิตประจำวันค่ะ
https://youtu.be/qxcqx8yDfwo


คุยกับคุณโรส เหมือนคุยกับเด็กอนุบาล :b32: ก็เห็นๆอยู่นั่นแหละแต่มองไม่เห็น


นี่ได้อีกกระทู้แระ :b32:

อ้างคำพูด:
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน


สมแล้วที่มาจากสำนักเดียวกับ อ. แนบ อ้อมน้อย สำนักนี้เขาก็เห็นว่า นั่งขัดสมาธิหลับตาว่าทำฌาน ประเด็นนี้เคยเถียงกับเฉลิมศักดิ์มาแล้ว คิกๆๆๆ ห้ามนั่งขัดสมาธิ ต้องนั่งลืมตา (นั่งยังไงก็ได้ แต่อย่านั่งขัดสมาธิ) :b13: คือ เขาเห็นการนั่งขัดสมาธิหลับตาเป็นชานไป

ภาวนามยปัญญา ก็ต้องทำการภาวนา ไม่ใช่ไปนั่งฟัง นั่งคิดนะจ๊ะ

:b32: :b32:
วิปลาส=ผิดแล้วค่ะพระพุทธเจ้าไม่ห้ามใครทำอะไร
การเปลี่ยนอิริยาบทยืนเดินนั่งนอนมีเป็นปกติในชีวิต
ใครไม่รู้บ้างคะส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้
ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง
เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ
นานาไปตามสิ่งที่เห็นเพราะเห็นเป็นใหญ่เป็นประธาน
พาหลงผิดจนกว่าจะเริ่มฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเข้าใจถูกตามได้ทีละน้อยไม่มีใครเข้าใจแล้ว
เพราะความจริงที่ตรัสรู้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่
บอกความจริงทั้งผิดและถูกไว้ในพระไตรปิฎก
ต้องอาศัยการฟังเพื่อคิดถูกตามดับความไม่รู้
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับฟังขัดเกลากิเลสที่กำลังมี


กิเลสมีสามระดับ คือ กิเลสอย่างหยาบที่ล่วงละเมิดออกมาทางกาย ทางวาจา กิเลสอย่างกลางท่านหมายเอานิวรณ์ธรรม และกิเลสอย่างละเอี่ยด หมายถึงอนุสัยกิเลส

กิเลสทั้งสามระดับนั้น ท่านว่า กิเลสอย่างหยาบ กำจัดด้วย ศีล กิเลสอย่างกลาง กำจัดด้วยสมาธิ กิเลสอย่างละเอียด กำจัดด้วยปัญญา (เท่ากับ ศีล สมาธิ ปัญญา) ไม่เห็นมีฟังตรงไหนเลย นี่ก็เอาทิฏฐิของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแล้ว :b32: ดังนั้น บ้านธัมมะเอาทิฏฐิของตนเองใส่ปากตถาคต เอาทิฏฐิเจ้าสำนักมอมเมาผู้ฟัง :b1:

cool
:b32:
คุณกรัชกายเขียนเองนะคะงงตัวเองไหมคะ
กิเลสอย่างละเอียดกำจัดด้วยปัญญาน่ะ

:b12:
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับดังนี้
ไม่เริ่มต้นที่การฟังคำสอนแสดงว่าไม่มีปัญญา
1สุตมยปัญญา
2จินตามยปัญญา
3ภาวนามยปัญญา
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน
ลืมตาตื่นรู้ความจริงที่กำลังมีตามปกติในชีวิตประจำวันค่ะ
https://youtu.be/qxcqx8yDfwo


คุยกับคุณโรส เหมือนคุยกับเด็กอนุบาล :b32: ก็เห็นๆอยู่นั่นแหละแต่มองไม่เห็น


นี่ได้อีกกระทู้แระ :b32:

อ้างคำพูด:
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน


สมแล้วที่มาจากสำนักเดียวกับ อ. แนบ อ้อมน้อย สำนักนี้เขาก็เห็นว่า นั่งขัดสมาธิหลับตาว่าทำฌาน ประเด็นนี้เคยเถียงกับเฉลิมศักดิ์มาแล้ว คิกๆๆๆ ห้ามนั่งขัดสมาธิ ต้องนั่งลืมตา (นั่งยังไงก็ได้ แต่อย่านั่งขัดสมาธิ) :b13: คือ เขาเห็นการนั่งขัดสมาธิหลับตาเป็นชานไป

ภาวนามยปัญญา ก็ต้องทำการภาวนา ไม่ใช่ไปนั่งฟัง นั่งคิดนะจ๊ะ

:b32: :b32:
วิปลาส=ผิดแล้วค่ะพระพุทธเจ้าไม่ห้ามใครทำอะไร
การเปลี่ยนอิริยาบทยืนเดินนั่งนอนมีเป็นปกติในชีวิต
ใครไม่รู้บ้างคะ ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้
ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง
เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ
นานาไปตามสิ่งที่เห็นเพราะเห็นเป็นใหญ่เป็นประธาน
พาหลงผิดจนกว่าจะเริ่มฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเข้าใจถูกตามได้ทีละน้อยไม่มีใครเข้าใจแล้ว
เพราะความจริงที่ตรัสรู้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่
บอกความจริงทั้งผิดและถูกไว้ในพระไตรปิฎก
ต้องอาศัยการฟังเพื่อคิดถูกตามดับความไม่รู้
:b12:
:b32: :b32:



สะกดอย่างนี้ "อิริยาบถ" ถ ถุง ไม่ใช่ ท ทหาร

อ้างคำพูด:
ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้
ไม่มีตัวเรา


คุณโรส คุณรู้เห็นความไม่มีตัวเรา ตัวเขาแล้วหรือ

1. เห็นแล้ว

2. ไม่เห็น แต่ว่าตามที่เขาว่า

ตอบตรงๆนะ ข้อ 1 หรือ 2

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


วิปลาส=ผิดแล้วค่ะพระพุทธเจ้าไม่ห้ามใครทำอะไร

การเปลี่ยนอิริยาบทยืนเดินนั่งนอนมีเป็นปกติในชีวิต

ใครไม่รู้บ้างคะ

ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้

ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง

เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ

นานาไปตามสิ่งที่เห็นเพราะเห็นเป็นใหญ่เป็นประธาน
พาหลงผิดจนกว่าจะเริ่มฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเข้าใจถูกตามได้ทีละน้อยไม่มีใครเข้าใจแล้ว
เพราะความจริงที่ตรัสรู้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่
บอกความจริงทั้งผิดและถูกไว้ในพระไตรปิฎก
ต้องอาศัยการฟังเพื่อคิดถูกตามดับความไม่รู้


อ้างคำพูด:
ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้

ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง

เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ


คุณโรสเอ๋ย คุณคิดซ้ำสภาวะ คุณไม่ต้องไปคิดซ้ำอีกหรอก ตำราท่านก็บอกอยู่แล้วว่า

ตา เห็น รูป อ้าวสีก็ได้เอ้า ตามใจคุณ คิกๆๆ

หู ได้ยินเสียง

จมูกได้กลิ่น

ลิ้นลิ้มรส

กายถูกต้องสัมผัส เติมตามใจคุณได้ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึง อิอิ

ใจ นึกคิดเรื่องในใจ

หลักเขาว่าอย่างนี้อยู่แล้ว คิกๆๆ แต่คุณดันมโนซ้ำเข้าไปอีก มันจึงเพี้ยนไงล่ะขอรับโผม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ฟังเพื่อเข้าใจจำถูกตามคำสอนได้คือบารมีของสาวก
ถ้าไม่เคยฟังเพื่อสะสมปัญญาตนเองจนจำถูกจะรู้หรือ
ว่าปัญญาพอรึยังถึงระดับภาวนาหรือยังเพราะไม่มีตัวตน
ที่เป็นเราพากเพียรไปทำแล้วไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
แต่เป็นกิจของปัญญาเจตสิกมีกำลังที่เพิ่มคืออบรมเจริญขึ้น
จากการฟังจนสามารถแทงตลอดธรรมตรงตามที่กำลังฟังเข้าใจ
เข้าถึงความจริงที่กำลังปรากฏที่ฐานกายไม่ใช่แยกจากปกติเลยค่ะ
:b4: :b4:
https://youtu.be/PzHWHZgzQ3U


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


วิปลาส=ผิดแล้วค่ะพระพุทธเจ้าไม่ห้ามใครทำอะไร

การเปลี่ยนอิริยาบทยืนเดินนั่งนอนมีเป็นปกติในชีวิต

ใครไม่รู้บ้างคะ

ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้

ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง

เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ

นานาไปตามสิ่งที่เห็นเพราะเห็นเป็นใหญ่เป็นประธาน
พาหลงผิดจนกว่าจะเริ่มฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเข้าใจถูกตามได้ทีละน้อยไม่มีใครเข้าใจแล้ว
เพราะความจริงที่ตรัสรู้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่
บอกความจริงทั้งผิดและถูกไว้ในพระไตรปิฎก
ต้องอาศัยการฟังเพื่อคิดถูกตามดับความไม่รู้


อ้างคำพูด:
ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้

ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง

เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ


คุณโรสเอ๋ย คุณคิดซ้ำสภาวะ คุณไม่ต้องไปคิดซ้ำอีกหรอก ตำราท่านก็บอกอยู่แล้วว่า

ตา เห็น รูป อ้าวสีก็ได้เอ้า ตามใจคุณ คิกๆๆ

หู ได้ยินเสียง

จมูกได้กลิ่น

ลิ้นลิ้มรส

กายถูกต้องสัมผัส เติมตามใจคุณได้ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึง อิอิ

ใจ นึกคิดเรื่องในใจ

หลักเขาว่าอย่างนี้อยู่แล้ว คิกๆๆ แต่คุณดันมโนซ้ำเข้าไปอีก มันจึงเพี้ยนไงล่ะขอรับโผม


:b32: เวลาอ่านดูกายตัวเองด้วยนะคริคริคริก็พูดความจริงที่กำลังลืมตาเห็นจะไม่เข้าใจหรือ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับฟังขัดเกลากิเลสที่กำลังมี


กิเลสมีสามระดับ คือ กิเลสอย่างหยาบที่ล่วงละเมิดออกมาทางกาย ทางวาจา กิเลสอย่างกลางท่านหมายเอานิวรณ์ธรรม และกิเลสอย่างละเอี่ยด หมายถึงอนุสัยกิเลส

กิเลสทั้งสามระดับนั้น ท่านว่า กิเลสอย่างหยาบ กำจัดด้วย ศีล กิเลสอย่างกลาง กำจัดด้วยสมาธิ กิเลสอย่างละเอียด กำจัดด้วยปัญญา (เท่ากับ ศีล สมาธิ ปัญญา) ไม่เห็นมีฟังตรงไหนเลย นี่ก็เอาทิฏฐิของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแล้ว :b32: ดังนั้น บ้านธัมมะเอาทิฏฐิของตนเองใส่ปากตถาคต เอาทิฏฐิเจ้าสำนักมอมเมาผู้ฟัง :b1:

cool
:b32:
คุณกรัชกายเขียนเองนะคะงงตัวเองไหมคะ
กิเลสอย่างละเอียดกำจัดด้วยปัญญาน่ะ

:b12:
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับดังนี้
ไม่เริ่มต้นที่การฟังคำสอนแสดงว่าไม่มีปัญญา
1สุตมยปัญญา
2จินตามยปัญญา
3ภาวนามยปัญญา
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน
ลืมตาตื่นรู้ความจริงที่กำลังมีตามปกติในชีวิตประจำวันค่ะ
https://youtu.be/qxcqx8yDfwo


คุยกับคุณโรส เหมือนคุยกับเด็กอนุบาล :b32: ก็เห็นๆอยู่นั่นแหละแต่มองไม่เห็น


นี่ได้อีกกระทู้แระ :b32:

อ้างคำพูด:
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน


สมแล้วที่มาจากสำนักเดียวกับ อ. แนบ อ้อมน้อย สำนักนี้เขาก็เห็นว่า นั่งขัดสมาธิหลับตาว่าทำฌาน ประเด็นนี้เคยเถียงกับเฉลิมศักดิ์มาแล้ว คิกๆๆๆ ห้ามนั่งขัดสมาธิ ต้องนั่งลืมตา (นั่งยังไงก็ได้ แต่อย่านั่งขัดสมาธิ) :b13: คือ เขาเห็นการนั่งขัดสมาธิหลับตาเป็นชานไป

ภาวนามยปัญญา ก็ต้องทำการภาวนา ไม่ใช่ไปนั่งฟัง นั่งคิดนะจ๊ะ

:b32: :b32:
วิปลาส=ผิดแล้วค่ะพระพุทธเจ้าไม่ห้ามใครทำอะไร
การเปลี่ยนอิริยาบทยืนเดินนั่งนอนมีเป็นปกติในชีวิต
ใครไม่รู้บ้างคะ ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้
ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง
เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ
นานาไปตามสิ่งที่เห็นเพราะเห็นเป็นใหญ่เป็นประธาน
พาหลงผิดจนกว่าจะเริ่มฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเข้าใจถูกตามได้ทีละน้อยไม่มีใครเข้าใจแล้ว
เพราะความจริงที่ตรัสรู้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่
บอกความจริงทั้งผิดและถูกไว้ในพระไตรปิฎก
ต้องอาศัยการฟังเพื่อคิดถูกตามดับความไม่รู้
:b12:
:b32: :b32:



สะกดอย่างนี้ "อิริยาบถ" ถ ถุง ไม่ใช่ ท ทหาร

อ้างคำพูด:
ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้
ไม่มีตัวเรา


คุณโรส คุณรู้เห็นความไม่มีตัวเรา ตัวเขาแล้วหรือ

1. เห็นแล้ว

2. ไม่เห็น แต่ว่าตามที่เขาว่า

ตอบตรงๆนะ ข้อ 1 หรือ 2

:b32: :b32:
พระพุทธเจ้าบอกความจริงว่าตาเห็นรูปแสงสี
หลับตาเห็นไม่ปรากฏแต่คิดนึกจำว่ายังมี
ตาคุณกรัชกายถ้าไม่ได้กำลังเห็นสี
แสดงว่ากำลังเห็นกิเลสตัวเอง
ถ้าเข้าใจจะถามแบบที่ถาม
ตามข้างบนที่เขียนมาไหม
เข้าใจก็รู้ประมาณตนว่า
ยังไม่รู้ความจริงของเห็น
นั่นแหละขาดการฟังไม่ได้
เพราะเห็นที่เป็นกิเลสตนพาไป
ทำด้วยความไม่รู้ไงคะอีกนานไหม
ถึงจะเริ่มสะสมปัญญามีปัญญาของตนเอง
ตายแล้วเป็นโมฆะบุรุษเพราะจำแต่บัญญัติคำ
ไม่จำความจริงที่ตนมีที่เพียรฟังให้คิดถูกตามคำสอนได้
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับฟังขัดเกลากิเลสที่กำลังมี


กิเลสมีสามระดับ คือ กิเลสอย่างหยาบที่ล่วงละเมิดออกมาทางกาย ทางวาจา กิเลสอย่างกลางท่านหมายเอานิวรณ์ธรรม และกิเลสอย่างละเอี่ยด หมายถึงอนุสัยกิเลส

กิเลสทั้งสามระดับนั้น ท่านว่า กิเลสอย่างหยาบ กำจัดด้วย ศีล กิเลสอย่างกลาง กำจัดด้วยสมาธิ กิเลสอย่างละเอียด กำจัดด้วยปัญญา (เท่ากับ ศีล สมาธิ ปัญญา) ไม่เห็นมีฟังตรงไหนเลย นี่ก็เอาทิฏฐิของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแล้ว :b32: ดังนั้น บ้านธัมมะเอาทิฏฐิของตนเองใส่ปากตถาคต เอาทิฏฐิเจ้าสำนักมอมเมาผู้ฟัง :b1:

cool
:b32:
คุณกรัชกายเขียนเองนะคะงงตัวเองไหมคะ
กิเลสอย่างละเอียดกำจัดด้วยปัญญาน่ะ

:b12:
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับดังนี้
ไม่เริ่มต้นที่การฟังคำสอนแสดงว่าไม่มีปัญญา
1สุตมยปัญญา
2จินตามยปัญญา
3ภาวนามยปัญญา
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน
ลืมตาตื่นรู้ความจริงที่กำลังมีตามปกติในชีวิตประจำวันค่ะ
https://youtu.be/qxcqx8yDfwo


คุยกับคุณโรส เหมือนคุยกับเด็กอนุบาล :b32: ก็เห็นๆอยู่นั่นแหละแต่มองไม่เห็น


นี่ได้อีกกระทู้แระ :b32:

อ้างคำพูด:
ทำปัญญานะคะไม่ใช่การไปนั่งขัดสมาธิทำฌาน


สมแล้วที่มาจากสำนักเดียวกับ อ. แนบ อ้อมน้อย สำนักนี้เขาก็เห็นว่า นั่งขัดสมาธิหลับตาว่าทำฌาน ประเด็นนี้เคยเถียงกับเฉลิมศักดิ์มาแล้ว คิกๆๆๆ ห้ามนั่งขัดสมาธิ ต้องนั่งลืมตา (นั่งยังไงก็ได้ แต่อย่านั่งขัดสมาธิ) :b13: คือ เขาเห็นการนั่งขัดสมาธิหลับตาเป็นชานไป

ภาวนามยปัญญา ก็ต้องทำการภาวนา ไม่ใช่ไปนั่งฟัง นั่งคิดนะจ๊ะ

:b32: :b32:
วิปลาส=ผิดแล้วค่ะพระพุทธเจ้าไม่ห้ามใครทำอะไร
การเปลี่ยนอิริยาบทยืนเดินนั่งนอนมีเป็นปกติในชีวิต
ใครไม่รู้บ้างคะ ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้
ไม่มีตัวเรามีแต่ธัมมะเห็นบ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง
เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนรู้สึกทุกข์สุขยินดีไม่พอใจต่างๆ
นานาไปตามสิ่งที่เห็นเพราะเห็นเป็นใหญ่เป็นประธาน
พาหลงผิดจนกว่าจะเริ่มฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเข้าใจถูกตามได้ทีละน้อยไม่มีใครเข้าใจแล้ว
เพราะความจริงที่ตรัสรู้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่
บอกความจริงทั้งผิดและถูกไว้ในพระไตรปิฎก
ต้องอาศัยการฟังเพื่อคิดถูกตามดับความไม่รู้
:b12:
:b32: :b32:



สะกดอย่างนี้ "อิริยาบถ" ถ ถุง ไม่ใช่ ท ทหาร

อ้างคำพูด:
ส่วนความจริงที่ทุกคนไม่รู้คือเดี๋ยวนี้
ไม่มีตัวเรา


คุณโรส คุณรู้เห็นความไม่มีตัวเรา ตัวเขาแล้วหรือ

1. เห็นแล้ว

2. ไม่เห็น แต่ว่าตามที่เขาว่า

ตอบตรงๆนะ ข้อ 1 หรือ 2

:b32: :b32:
พระพุทธเจ้าบอกความจริงว่าตาเห็นรูปแสงสี
หลับตาเห็นไม่ปรากฏแต่คิดนึกจำว่ายังมี
ตาคุณกรัชกายถ้าไม่ได้กำลังเห็นสี
แสดงว่ากำลังเห็นกิเลสตัวเอง
ถ้าเข้าใจจะถามแบบที่ถาม
ตามข้างบนที่เขียนมาไหม
เข้าใจก็รู้ประมาณตนว่า
ยังไม่รู้ความจริงของเห็น
นั่นแหละขาดการฟังไม่ได้
เพราะเห็นที่เป็นกิเลสตนพาไป
ทำด้วยความไม่รู้ไงคะอีกนานไหม
ถึงจะเริ่มสะสมปัญญามีปัญญาของตนเอง
ตายแล้วเป็นโมฆะบุรุษเพราะจำแต่บัญญัติคำ
ไม่จำความจริงที่ตนมีที่เพียรฟังให้คิดถูกตามคำสอนได้
:b12:
:b16: :b16:


บอกให้ตอบตรงๆคำถาม อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


พระพุทธเจ้าบอกความจริงว่า ตาเห็นรูปแสงสี

หลับตาเห็นไม่ปรากฏแต่คิดนึกจำว่ายังมี

ตาคุณกรัชกายถ้าไม่ได้กำลังเห็นสี

แสดงว่ากำลังเห็นกิเลสตัวเอง

ถ้าเข้าใจจะถามแบบที่ถาม
ตามข้างบนที่เขียนมาไหม
เข้าใจก็รู้ประมาณตนว่า
ยังไม่รู้ความจริงของเห็น
นั่นแหละขาดการฟังไม่ได้
เพราะเห็นที่เป็นกิเลสตนพาไป
ทำด้วยความไม่รู้ไงคะอีกนานไหม
ถึงจะเริ่มสะสมปัญญามีปัญญาของตนเอง
ตายแล้วเป็นโมฆะบุรุษเพราะจำแต่บัญญัติคำ
ไม่จำความจริงที่ตนมีที่เพียรฟังให้คิดถูกตามคำสอนได้


อ้างคำพูด:
พระพุทธเจ้าบอกความจริงว่า ตาเห็นรูปแสงสี

คุณโรสย้อนขึ้นไปดู เรื่อง ตา หู จมูก ลิ้น ฯลฯ ข้างบนด้วย นั่นแหละสภาวธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา นั่นล่ะ เป็นแต่สภาวะ อิอิ แต่คุณคิดสภาวะซ้ำ ซ้ำสภาวะ เลยเพี้ยน อภิธรรมเป็นเทศนาแสดงแต่สภาวะล้วนๆ ไม่พูดถึงสัตว์ บุคคล ตัว ตน เรา เขา แค่นี้จบ อย่าคิดต่อ เพราะตรงตัวอยู่แล้ว คิกๆๆ



อ้างคำพูด:
หลับตาเห็นไม่ปรากฏแต่คิดนึกจำว่ายังมี

ตาคุณกรัชกายถ้าไม่ได้กำลังเห็นสี

แสดงว่ากำลังเห็นกิเลสตัวเอง


เราๆท่านๆ และคุณโรสยังมีกิเลส ยังไม่หมดกิเลส ยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ไปทำท่าทำทางคิดหาธัมมะ ตามแบบเรียนตามตำรา เช่น ตาเห็นรูป ( วัณณะ สี) หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ฯลฯ อิอิ นี่แบบเรียน

คุณโรสจะต้องนั่งขัดสมาธิหลับตาดูกิเลสในจิตในใจตนเอง เห็นแล้วก็กำจัดกิเลสอย่างกลางด้วยสมาธิ และกำจัดกิเลสอย่างละเอียดปัญญา ไม่ใช่ไปนั่งกะพริบตา เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึง ตามแบบอภิธรรมชั้นจูฬ-ตรี คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสศิษย์ก้นสำนักบ้านธัมมะ คุณจะต้องนั่งขัดสมาธิ (นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงๆ) กำหนดลมหายใจเข้า-ออก คุณถึงจะเห็นกิเลส เมื่อเห็นแล้วขั้นต่อไปก็กำจัดต้นเหตุของมัน แล้วทุกข์ก็หมดไป

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิ รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตจนนั่งต่อไม่ได้

พอมีวิธีแก้มั้ยคะ เราทำอานาปานสติ แต่ไม่ได้จับที่ลมหายใจ แค่ดูการเคลื่อนที่ของลำตัว ตอนกลางวันนั่งไป 1 ชม. จนรู้ทั่วตัว แต่พอมาตอนเย็น นั่งแบบเดิม รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตอยู่เรื่อยๆ รู้สึกทีนึงก็หยุด พอนั่งอีกก็โดนช็อตอีก ความรู้สึกเหมือนจั้กกะจี้ค่ะ จนเราต้องนอนแทน แต่นอนก็หลับ พอมีวิธีแก้มั้ยคะ แบบว่านั่งไม่ได้เลย


ถ้าไปนั่งคิดแบบที่อ้างบ่อยๆ จ้างก็ไม่จอง คิกๆๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร