วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 00:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
ที่เห็นกลายเป็นวัตถุคืออดีตสีหลากสีที่เป็นจิตเห็นดับไปหลายขณะ

ที่เห็น น่ะ ปัจจุบัน
เช่น อัตตภาพของบุคคล คนหนึ่ง
อัตตภาพ ของพ่อ ของแม่

การเห็นแต่ละขณะ ๆ ด้วยวรรณะของรูปนั้น กระทบกับจักขุปสาทรูป และจักขุวิญญาณไปรับรู้
ไม่ใช่จักขุวิญญาณ รู้ขณะละสี แล้วดับไป

ตอนนี้ คุณโรส ไปนู่นล่ะ "หลากสี"

จักขุปสาท รับวรรณะ หรือแสงที่สะท้อนจากวัตถุมาสู่ตา ไม่ได้รับทีละสีๆ ครั้งละสี ดั่งที่เข้าใจ

อัตตภาพ ของสัตว์บุคคล คือวรรณะ อันประกอบด้วยความหลากสี เข้ามาสู่คลองแห่งจักษุในแต่ละขณะๆ
เป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ อันเป็นไปตามกระแสแห่งปัญจทวารวิถี การรู้ว่าสัตว์ บุคคลจึงเกิดขึ้นแต่ยังไม่ใช่กุศล หรืออกุศล ...

คุณโรส การเห็น เพราะวรรณะหลากสีจรเข้ามาที่คลองแห่งจักขุนั้น เป็นปัจจุบันขณะตลอดครับ

:b12:
:b1:
กะพริบตาดับครบ6ทาง จิตเกิดดับทีละ1ทางตรงขณะ ถามว่าเอาอะไรมาทันสีที่ดับไปแล้วคะ
เห็นตรงขณะแค่สีดับแต่เป็นจิตคิดนึกถึงคนสัตว์วัตถุแล้วชอบไม่ชอบทันทีคือสิ่งที่ตนเห็นเคลื่อนจากสีแล้ว
ก็มีเสียงกลิ่นรสสัมผัสอากาศเย็นร้อนตลอดเวลาในความมืดคิดสิเห็นตลอดเวลาไหมคะคุณเช่นนั้นกิเลสมี
ทันทีที่จิตตื่นหลับสนิทยังไม่ลืมตาไม่รู้อะไรเลยแต่พอตื่นรู้สึกตัวยังไม่ลืมตาก็จำว่านอนอยู่ไหนคิดเอาไง
ไม่ได้เห็นเลยพอลืมตายังไม่พูดถึงสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเลยจำทุกอย่างที่นอนผ้าปูผ้าม่านนาฬิกา555กิเลส
ไม่รู้ว่าชอบทุกอย่างที่เห็นแล้วเป็นโลภะติดข้องในสิ่งที่แสวงหาเพื่อเห็นอันเก่าอยากได้อันใหม่คริคริคริ
โลกแต่ละ1ทางที่เกิดดับสลับกันมันไม่ปนกันเพราะมีภวังคจิตคั่นถึง2ต่อไม่เหลือซากเห็นแล้วตอนได้ยิน
หลงติดข้องยึดถือเห็นจำแต่บัญญัติคำและเรื่องราวต่างๆลืมสัจจธรรมที่กำลังมีที่กายใจคือไม่ทันกิเลสค่ะ
:b32: :b32:

เอาเข้าไป
บัดนี้ ผัสสะอันเป็นปัจจุบันขณะ ก็ไม่ทัน....
แม่เจ้า ท่องเรื่อยเจื้อยเป็นนกแก้ว...
เอาอะไรมาทันสีที่ดับ!!!!
กระพริบตาดับครบ 6 ทาง ว่าไปนู่นอิก มโนเก่งมั่ก
สติไม่ต้องล่ะบัดนี้ มีแต่กิเลส
อเหตุกจิตก็ไม่มต้องล่ะ
มีแต่จิตเหตุแถมมีแต่อกุศล
ตั้งแต่ตื่นจนตาย...5555

คุณโรส
ทานข้าวอิ่มไหม

:b12:
จิตเห็นสีคือตถาคต
ตัวเองเห็นอะไรไม่รู้
:b32: :b32:



จิตเห็นสีคือตถาคต หมายถึงอะไร


:b32:
ยกคำสอนมาแสดงได้เป็นชุดๆคริคริคริตถาคตผู้เดียวที่รู้สีคนอื่นไม่รู้
ทั้งหมดเลยทั้ง3ปิฎกคือปัญญาตถาคตเท่าใบไม้ในกำมือที่เข้าใจตามได้
แต่ปัญญาแท้จริงของตถาคตมีทั้งป่าที่ไม่ได้แสดงเพราะเป็นทศพลญาณ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เท่านั้นที่ไม่มีใครรู้อย่างพระองค์แค่รู้ตามได้เท่านั้น
จะไปทำให้เหมือนพระองค์เป็นไปไม่ได้เพราะคนต่อไปที่จะรู้ความจริงใน3ปิฎกคนต่อไปคือพระศรีอาริย์ฯ
และในการมีปัญญารองจากพระพุทธเจ้าก็แค่คิดเห็นถูกตามได้เท่านั้นไม่มีใครรู้แบบพระพุทธเจ้ารู้ได้ค่ะ
ทศพลญาณเป็นปัญญาตรัสรู้ได้เองมีในชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ที่เหลือคือสาวกที่เกิดคือมีปัญญาน้อย
:b32: :b32:



พูดแบบนี้เหมือนกำลังบอกว่า ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครเห็นสีได้แล้วซี่ แม่นบ่คับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
ที่เห็นกลายเป็นวัตถุคืออดีตสีหลากสีที่เป็นจิตเห็นดับไปหลายขณะ

ที่เห็น น่ะ ปัจจุบัน
เช่น อัตตภาพของบุคคล คนหนึ่ง
อัตตภาพ ของพ่อ ของแม่

การเห็นแต่ละขณะ ๆ ด้วยวรรณะของรูปนั้น กระทบกับจักขุปสาทรูป และจักขุวิญญาณไปรับรู้
ไม่ใช่จักขุวิญญาณ รู้ขณะละสี แล้วดับไป

ตอนนี้ คุณโรส ไปนู่นล่ะ "หลากสี"

จักขุปสาท รับวรรณะ หรือแสงที่สะท้อนจากวัตถุมาสู่ตา ไม่ได้รับทีละสีๆ ครั้งละสี ดั่งที่เข้าใจ

อัตตภาพ ของสัตว์บุคคล คือวรรณะ อันประกอบด้วยความหลากสี เข้ามาสู่คลองแห่งจักษุในแต่ละขณะๆ
เป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ อันเป็นไปตามกระแสแห่งปัญจทวารวิถี การรู้ว่าสัตว์ บุคคลจึงเกิดขึ้นแต่ยังไม่ใช่กุศล หรืออกุศล ...

คุณโรส การเห็น เพราะวรรณะหลากสีจรเข้ามาที่คลองแห่งจักขุนั้น เป็นปัจจุบันขณะตลอดครับ

:b12:
:b1:
กะพริบตาดับครบ6ทาง จิตเกิดดับทีละ1ทางตรงขณะ ถามว่าเอาอะไรมาทันสีที่ดับไปแล้วคะ
เห็นตรงขณะแค่สีดับแต่เป็นจิตคิดนึกถึงคนสัตว์วัตถุแล้วชอบไม่ชอบทันทีคือสิ่งที่ตนเห็นเคลื่อนจากสีแล้ว
ก็มีเสียงกลิ่นรสสัมผัสอากาศเย็นร้อนตลอดเวลาในความมืดคิดสิเห็นตลอดเวลาไหมคะคุณเช่นนั้นกิเลสมี
ทันทีที่จิตตื่นหลับสนิทยังไม่ลืมตาไม่รู้อะไรเลยแต่พอตื่นรู้สึกตัวยังไม่ลืมตาก็จำว่านอนอยู่ไหนคิดเอาไง
ไม่ได้เห็นเลยพอลืมตายังไม่พูดถึงสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเลยจำทุกอย่างที่นอนผ้าปูผ้าม่านนาฬิกา555กิเลส
ไม่รู้ว่าชอบทุกอย่างที่เห็นแล้วเป็นโลภะติดข้องในสิ่งที่แสวงหาเพื่อเห็นอันเก่าอยากได้อันใหม่คริคริคริ
โลกแต่ละ1ทางที่เกิดดับสลับกันมันไม่ปนกันเพราะมีภวังคจิตคั่นถึง2ต่อไม่เหลือซากเห็นแล้วตอนได้ยิน
หลงติดข้องยึดถือเห็นจำแต่บัญญัติคำและเรื่องราวต่างๆลืมสัจจธรรมที่กำลังมีที่กายใจคือไม่ทันกิเลสค่ะ
:b32: :b32:

เอาเข้าไป
บัดนี้ ผัสสะอันเป็นปัจจุบันขณะ ก็ไม่ทัน....
แม่เจ้า ท่องเรื่อยเจื้อยเป็นนกแก้ว...
เอาอะไรมาทันสีที่ดับ!!!!
กระพริบตาดับครบ 6 ทาง ว่าไปนู่นอิก มโนเก่งมั่ก
สติไม่ต้องล่ะบัดนี้ มีแต่กิเลส
อเหตุกจิตก็ไม่มต้องล่ะ
มีแต่จิตเหตุแถมมีแต่อกุศล
ตั้งแต่ตื่นจนตาย...5555

คุณโรส
ทานข้าวอิ่มไหม

:b12:
จิตเห็นสีคือตถาคต
ตัวเองเห็นอะไรไม่รู้
:b32: :b32:



จิตเห็นสีคือตถาคต หมายถึงอะไร


:b32:
ยกคำสอนมาแสดงได้เป็นชุดๆคริคริคริตถาคตผู้เดียวที่รู้สีคนอื่นไม่รู้
ทั้งหมดเลยทั้ง3ปิฎกคือปัญญาตถาคตเท่าใบไม้ในกำมือที่เข้าใจตามได้
แต่ปัญญาแท้จริงของตถาคตมีทั้งป่าที่ไม่ได้แสดงเพราะเป็นทศพลญาณ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เท่านั้นที่ไม่มีใครรู้อย่างพระองค์แค่รู้ตามได้เท่านั้น
จะไปทำให้เหมือนพระองค์เป็นไปไม่ได้เพราะคนต่อไปที่จะรู้ความจริงใน3ปิฎกคนต่อไปคือพระศรีอาริย์ฯ
และในการมีปัญญารองจากพระพุทธเจ้าก็แค่คิดเห็นถูกตามได้เท่านั้นไม่มีใครรู้แบบพระพุทธเจ้ารู้ได้ค่ะ
ทศพลญาณเป็นปัญญาตรัสรู้ได้เองมีในชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ที่เหลือคือสาวกที่เกิดคือมีปัญญาน้อย
:b32: :b32:



พูดแบบนี้เหมือนกำลังบอกว่า ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครเห็นสีได้แล้วซี่ แม่นบ่คับ

:b15: คนบอกอยากอายแทนเด้มีหิริโอตัปปะไหมคะ
ตาเนื้อทุกคนไม่มีใครเห็นสีแน่นอนไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า
คิดว่าพระที่บวชรับเงินเห็นเงินเป็นสีอะไรคะอิอิถึงเที่ยวขอชาวบ้านน่ะ
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพิมพ์ไปจำขี้ปากยายจินมาพูดเปะเลย
ซึ่งมีความเห็นเพื่อทำลายพระศาสนา คุณพิมพ์เชื่อยายจิน
แกแก่แล้วสติฝั่นเฟือน หงำเหงอะ คำพูดของแกมีแต่หอกดาบ
ไม่หลงเหลือความเมตตาแม้แต่น้อย มีหน้าที่อะไรไปสอนพระด่าพระ
พระตรัสไว้ว่าแมีว่าภิกษุณีบวชมา ๑๐๐ พรรษาก็ต้องเชื่อฟังพระภิกษุแม้บวชแค่วันเดียว
แล้วยายจินแกเป็นอะไรแก้ที่ยวด่าพระ แม้เมื่อเร็วๆก็ไดด่าพระครูบาชุ่มว่าไปทำพิธีที่ถ้ำหลวง
พวกนี้พวกมือไม่พายเอาตีนราน้ำ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
คุณพิมพ์ไปจำขี้ปากยายจินมาพูดเปะเลย
ซึ่งมีความเห็นเพื่อทำลายพระศาสนา คุณพิมพ์เชื่อยายจิน
แกแก่แล้วสติฝั่นเฟือน หงำเหงอะ คำพูดของแกมีแต่หอกดาบ
ไม่หลงเหลือความเมตตาแม้แต่น้อย มีหน้าที่อะไรไปสอนพระด่าพระ
พระตรัสไว้ว่าแมีว่าภิกษุณีบวชมา ๑๐๐ พรรษาก็ต้องเชื่อฟังพระภิกษุแม้บวชแค่วันเดียว
แล้วยายจินแกเป็นอะไรแก้ที่ยวด่าพระ แม้เมื่อเร็วๆก็ไดด่าพระครูบาชุ่มว่าไปทำพิธีที่ถ้ำหลวง
พวกนี้พวกมือไม่พายเอาตีนราน้ำ

Kiss
ทุกคนต่างเกิดมาด้วยความไม่รู้
ไม่รู้ด้วยว่าไม่มีคนเลยแม้แต่คนเดียว
สภาพธรรมมีตามเหตุปัจจัยที่ถูกกำหนด
มาแล้วตามกรรมจะเกิดอะไรก็ตามเป็นวิบากจิต
แต่กรรมดีที่ทุกคนคิดช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้นมีจริง
แต่ภิกษุแสดงอวดอุตริมนุสสธรรมได้ด้วยหรือคะเด็กรอด
เพราะกุศลกรรมของเขาเองไม่ใช่หรือคะเหตุปัจจัยคืออะไรคะ
:b12:
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
ที่เห็นกลายเป็นวัตถุคืออดีตสีหลากสีที่เป็นจิตเห็นดับไปหลายขณะ

ที่เห็น น่ะ ปัจจุบัน
เช่น อัตตภาพของบุคคล คนหนึ่ง
อัตตภาพ ของพ่อ ของแม่

การเห็นแต่ละขณะ ๆ ด้วยวรรณะของรูปนั้น กระทบกับจักขุปสาทรูป และจักขุวิญญาณไปรับรู้
ไม่ใช่จักขุวิญญาณ รู้ขณะละสี แล้วดับไป

ตอนนี้ คุณโรส ไปนู่นล่ะ "หลากสี"

จักขุปสาท รับวรรณะ หรือแสงที่สะท้อนจากวัตถุมาสู่ตา ไม่ได้รับทีละสีๆ ครั้งละสี ดั่งที่เข้าใจ

อัตตภาพ ของสัตว์บุคคล คือวรรณะ อันประกอบด้วยความหลากสี เข้ามาสู่คลองแห่งจักษุในแต่ละขณะๆ
เป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ อันเป็นไปตามกระแสแห่งปัญจทวารวิถี การรู้ว่าสัตว์ บุคคลจึงเกิดขึ้นแต่ยังไม่ใช่กุศล หรืออกุศล ...

คุณโรส การเห็น เพราะวรรณะหลากสีจรเข้ามาที่คลองแห่งจักขุนั้น เป็นปัจจุบันขณะตลอดครับ

:b12:
:b1:
กะพริบตาดับครบ6ทาง จิตเกิดดับทีละ1ทางตรงขณะ ถามว่าเอาอะไรมาทันสีที่ดับไปแล้วคะ
เห็นตรงขณะแค่สีดับแต่เป็นจิตคิดนึกถึงคนสัตว์วัตถุแล้วชอบไม่ชอบทันทีคือสิ่งที่ตนเห็นเคลื่อนจากสีแล้ว
ก็มีเสียงกลิ่นรสสัมผัสอากาศเย็นร้อนตลอดเวลาในความมืดคิดสิเห็นตลอดเวลาไหมคะคุณเช่นนั้นกิเลสมี
ทันทีที่จิตตื่นหลับสนิทยังไม่ลืมตาไม่รู้อะไรเลยแต่พอตื่นรู้สึกตัวยังไม่ลืมตาก็จำว่านอนอยู่ไหนคิดเอาไง
ไม่ได้เห็นเลยพอลืมตายังไม่พูดถึงสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเลยจำทุกอย่างที่นอนผ้าปูผ้าม่านนาฬิกา555กิเลส
ไม่รู้ว่าชอบทุกอย่างที่เห็นแล้วเป็นโลภะติดข้องในสิ่งที่แสวงหาเพื่อเห็นอันเก่าอยากได้อันใหม่คริคริคริ
โลกแต่ละ1ทางที่เกิดดับสลับกันมันไม่ปนกันเพราะมีภวังคจิตคั่นถึง2ต่อไม่เหลือซากเห็นแล้วตอนได้ยิน
หลงติดข้องยึดถือเห็นจำแต่บัญญัติคำและเรื่องราวต่างๆลืมสัจจธรรมที่กำลังมีที่กายใจคือไม่ทันกิเลสค่ะ
:b32: :b32:

เอาเข้าไป
บัดนี้ ผัสสะอันเป็นปัจจุบันขณะ ก็ไม่ทัน....
แม่เจ้า ท่องเรื่อยเจื้อยเป็นนกแก้ว...
เอาอะไรมาทันสีที่ดับ!!!!
กระพริบตาดับครบ 6 ทาง ว่าไปนู่นอิก มโนเก่งมั่ก
สติไม่ต้องล่ะบัดนี้ มีแต่กิเลส
อเหตุกจิตก็ไม่มต้องล่ะ
มีแต่จิตเหตุแถมมีแต่อกุศล
ตั้งแต่ตื่นจนตาย...5555

คุณโรส
ทานข้าวอิ่มไหม

:b12:
จิตเห็นสีคือตถาคต
ตัวเองเห็นอะไรไม่รู้
:b32: :b32:



จิตเห็นสีคือตถาคต หมายถึงอะไร


:b32:
ยกคำสอนมาแสดงได้เป็นชุดๆคริคริคริตถาคตผู้เดียวที่รู้สีคนอื่นไม่รู้
ทั้งหมดเลยทั้ง3ปิฎกคือปัญญาตถาคตเท่าใบไม้ในกำมือที่เข้าใจตามได้
แต่ปัญญาแท้จริงของตถาคตมีทั้งป่าที่ไม่ได้แสดงเพราะเป็นทศพลญาณ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เท่านั้นที่ไม่มีใครรู้อย่างพระองค์แค่รู้ตามได้เท่านั้น
จะไปทำให้เหมือนพระองค์เป็นไปไม่ได้เพราะคนต่อไปที่จะรู้ความจริงใน3ปิฎกคนต่อไปคือพระศรีอาริย์ฯ
และในการมีปัญญารองจากพระพุทธเจ้าก็แค่คิดเห็นถูกตามได้เท่านั้นไม่มีใครรู้แบบพระพุทธเจ้ารู้ได้ค่ะ
ทศพลญาณเป็นปัญญาตรัสรู้ได้เองมีในชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ที่เหลือคือสาวกที่เกิดคือมีปัญญาน้อย
:b32: :b32:



พูดแบบนี้เหมือนกำลังบอกว่า ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครเห็นสีได้แล้วซี่ แม่นบ่คับ

:b15: คนบอกอยากอายแทนเด้มีหิริโอตัปปะไหมคะ
ตาเนื้อทุกคนไม่มีใครเห็นสีแน่นอนไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า
คิดว่าพระที่บวชรับเงินเห็นเงินเป็นสีอะไรคะอิอิถึงเที่ยวขอชาวบ้านน่ะ
:b32: :b32:



ที่ว่าเห็นสี เห็นสี มันสี่อะไรขอรับ สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีดำ สีทนได้ สีอะไรเอาชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
ที่เห็นกลายเป็นวัตถุคืออดีตสีหลากสีที่เป็นจิตเห็นดับไปหลายขณะ

ที่เห็น น่ะ ปัจจุบัน
เช่น อัตตภาพของบุคคล คนหนึ่ง
อัตตภาพ ของพ่อ ของแม่

การเห็นแต่ละขณะ ๆ ด้วยวรรณะของรูปนั้น กระทบกับจักขุปสาทรูป และจักขุวิญญาณไปรับรู้
ไม่ใช่จักขุวิญญาณ รู้ขณะละสี แล้วดับไป

ตอนนี้ คุณโรส ไปนู่นล่ะ "หลากสี"

จักขุปสาท รับวรรณะ หรือแสงที่สะท้อนจากวัตถุมาสู่ตา ไม่ได้รับทีละสีๆ ครั้งละสี ดั่งที่เข้าใจ

อัตตภาพ ของสัตว์บุคคล คือวรรณะ อันประกอบด้วยความหลากสี เข้ามาสู่คลองแห่งจักษุในแต่ละขณะๆ
เป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ อันเป็นไปตามกระแสแห่งปัญจทวารวิถี การรู้ว่าสัตว์ บุคคลจึงเกิดขึ้นแต่ยังไม่ใช่กุศล หรืออกุศล ...

คุณโรส การเห็น เพราะวรรณะหลากสีจรเข้ามาที่คลองแห่งจักขุนั้น เป็นปัจจุบันขณะตลอดครับ

:b12:
:b1:
กะพริบตาดับครบ6ทาง จิตเกิดดับทีละ1ทางตรงขณะ ถามว่าเอาอะไรมาทันสีที่ดับไปแล้วคะ
เห็นตรงขณะแค่สีดับแต่เป็นจิตคิดนึกถึงคนสัตว์วัตถุแล้วชอบไม่ชอบทันทีคือสิ่งที่ตนเห็นเคลื่อนจากสีแล้ว
ก็มีเสียงกลิ่นรสสัมผัสอากาศเย็นร้อนตลอดเวลาในความมืดคิดสิเห็นตลอดเวลาไหมคะคุณเช่นนั้นกิเลสมี
ทันทีที่จิตตื่นหลับสนิทยังไม่ลืมตาไม่รู้อะไรเลยแต่พอตื่นรู้สึกตัวยังไม่ลืมตาก็จำว่านอนอยู่ไหนคิดเอาไง
ไม่ได้เห็นเลยพอลืมตายังไม่พูดถึงสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเลยจำทุกอย่างที่นอนผ้าปูผ้าม่านนาฬิกา555กิเลส
ไม่รู้ว่าชอบทุกอย่างที่เห็นแล้วเป็นโลภะติดข้องในสิ่งที่แสวงหาเพื่อเห็นอันเก่าอยากได้อันใหม่คริคริคริ
โลกแต่ละ1ทางที่เกิดดับสลับกันมันไม่ปนกันเพราะมีภวังคจิตคั่นถึง2ต่อไม่เหลือซากเห็นแล้วตอนได้ยิน
หลงติดข้องยึดถือเห็นจำแต่บัญญัติคำและเรื่องราวต่างๆลืมสัจจธรรมที่กำลังมีที่กายใจคือไม่ทันกิเลสค่ะ
:b32: :b32:

เอาเข้าไป
บัดนี้ ผัสสะอันเป็นปัจจุบันขณะ ก็ไม่ทัน....
แม่เจ้า ท่องเรื่อยเจื้อยเป็นนกแก้ว...
เอาอะไรมาทันสีที่ดับ!!!!
กระพริบตาดับครบ 6 ทาง ว่าไปนู่นอิก มโนเก่งมั่ก
สติไม่ต้องล่ะบัดนี้ มีแต่กิเลส
อเหตุกจิตก็ไม่มต้องล่ะ
มีแต่จิตเหตุแถมมีแต่อกุศล
ตั้งแต่ตื่นจนตาย...5555

คุณโรส
ทานข้าวอิ่มไหม

:b12:
จิตเห็นสีคือตถาคต
ตัวเองเห็นอะไรไม่รู้
:b32: :b32:



จิตเห็นสีคือตถาคต หมายถึงอะไร


:b32:
ยกคำสอนมาแสดงได้เป็นชุดๆคริคริคริตถาคตผู้เดียวที่รู้สีคนอื่นไม่รู้
ทั้งหมดเลยทั้ง3ปิฎกคือปัญญาตถาคตเท่าใบไม้ในกำมือที่เข้าใจตามได้
แต่ปัญญาแท้จริงของตถาคตมีทั้งป่าที่ไม่ได้แสดงเพราะเป็นทศพลญาณ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เท่านั้นที่ไม่มีใครรู้อย่างพระองค์แค่รู้ตามได้เท่านั้น
จะไปทำให้เหมือนพระองค์เป็นไปไม่ได้เพราะคนต่อไปที่จะรู้ความจริงใน3ปิฎกคนต่อไปคือพระศรีอาริย์ฯ
และในการมีปัญญารองจากพระพุทธเจ้าก็แค่คิดเห็นถูกตามได้เท่านั้นไม่มีใครรู้แบบพระพุทธเจ้ารู้ได้ค่ะ
ทศพลญาณเป็นปัญญาตรัสรู้ได้เองมีในชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ที่เหลือคือสาวกที่เกิดคือมีปัญญาน้อย
:b32: :b32:



พูดแบบนี้เหมือนกำลังบอกว่า ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครเห็นสีได้แล้วซี่ แม่นบ่คับ

:b15: คนบอกอยากอายแทนเด้มีหิริโอตัปปะไหมคะ
ตาเนื้อทุกคนไม่มีใครเห็นสีแน่นอนไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า
คิดว่าพระที่บวชรับเงินเห็นเงินเป็นสีอะไรคะอิอิถึงเที่ยวขอชาวบ้านน่ะ
:b32: :b32:



ที่ว่าเห็นสี เห็นสี มันสี่อะไรขอรับ สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีดำ สีทนได้ สีอะไรเอาชัดๆ

เข้าใจความจริงได้แค่ตอนหลับตาค่ะ
ความจริงที่มีคือหลับตาแล้วมืดไงคะ
ถ้าลืมตาแล้วไม่มีสติมองดูว่าตัวเอง
ไม่ได้เห็นสีเลยแม้แต่น้อยนิดนึงอิอิ
ตาบอดก็ไม่นี่คะเห็นคนสัตว์วัตถุ
คือวิปลาสไงครบทั้ง3วิปลาสเลย
สัญญา/ทิฏฐิ/จิตวิปลาสก็ไม่รู้ไง
ความจริงปรากฏกับอวิชขาไง
ความจริงจะเปิดเผยต่อเมื่อ
เริ่มฟังแล้วคิดถูกตามได้
เด่วนี้ไม่ได้กำลังฟังก็คือ
ไม่มีธัมมะเตชะเผากิเลสไงคะ
:b12:
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
ที่ว่าเห็นสี เห็นสี มันสี่อะไรขอรับ สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีดำ สีทนได้ สีอะไรเอาชัดๆ
อ้างคำพูด:


เข้าใจความจริงได้แค่ตอนหลับตาค่ะ
ความจริงที่มีคือหลับตาแล้วมืดไงคะ
ถ้าลืมตาแล้วไม่มีสติมองดูว่าตัวเอง
ไม่ได้เห็นสีเลยแม้แต่น้อยนิดนึงอิอิ
ตาบอดก็ไม่นี่คะเห็นคนสัตว์วัตถุ
คือวิปลาสไงครบทั้ง3วิปลาสเลย
สัญญา/ทิฏฐิ/จิตวิปลาสก็ไม่รู้ไง
ความจริงปรากฏกับอวิชขาไง
ความจริงจะเปิดเผยต่อเมื่อ
เริ่มฟังแล้วคิดถูกตามได้
เด่วนี้ไม่ได้กำลังฟังก็คือ
ไม่มีธัมมะเตชะเผากิเลสไงคะ




ถามว่าสีอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
บอกให้ฟังเพื่อเข้าใจตามเป็นจริงสะสมปัญญาตนเองวางคำทุกคำที่จำมาเพราะดับคือไม่มี
สีอะไรก็นับไปสิแต่เป็น1สีกระทบตาดับทันทีแต่ละ1ขณะสลับกับได้ยินได้กลิ่นครบ6ทาง
ดูสิว่าตัวเองเห็นสีได้ไหมมีปัญญาไหมจิตเกิดดับเป็นอณูวินาทีจะดูเองไปเรื่อยๆก็วิปลาสไง
รูปขันธ์ตามพระอภิธรรมมี28รูปมีแค่รูปที่ปรากฏทางตา1รูปที่มีแสงอีก27รูปเกิดในมืดรู้ไหม
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทิฏฐิวิปลาส

รูปภาพ


https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

คุณโรสฟังมา 7-8 ปี ซึมซับไว้ได้ทุกวรรคทุกตอน :b32:

ถึงได้บอกว่า ตกนรกง่ายๆเลย คิกๆๆ นี่แหละความคิดแบบนิครนถ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 19:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
ชอบตัดมาเป็นบางคำแล้วคิดเองผิดๆ
กรรมไม่ดีที่เคยทำมาทำให้ไปติดในถ้ำ
จะออกได้เร็วแล้วเด็กไม่ตายก็เป็นกรรมดี
แล้วเหตุปัจจัยภายนอกจะมีอะไรไปช่วยก็ได้
แต่พระไปทำพิธีกรรมเพื่ออะไรทำให้คนหลงผิด
เหตุปัจจัยคือวิบากกรรมทำให้ได้รับผลกรรมดีไม่ดี
แต่กรรมใหม่คือแต่ละคนที่ทำกรรมหรือคิดไปต่างๆ
ก็คือวิปลาสไปต่างๆกันตามความไม่รู้ปรมัตถสัจจะไงคะ
ศึกษาธัมมะเพื่อเข้าใจถูกตรงๆที่กายใจตนมีไม่ใช่หลงนิมิต
เห็นเงินก็อยากได้ไงคะวิปลาศแล้วบวชเพื่อมาทำผิดซ้ำซาก
รู้จักอัธยาศัยไหมคะรู้ตัวเองว่าชอบใช้เงินก็ไม่ต้องมาขอบวชไงคะ
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 19:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรส..จะให้งอมืองอเท้า...รอรับผลกรรมเก่า...แต่เพียงอย่างเดียวงั้นหรือ?

ความคิดประเภท...ปัจจุบันเป็นผลของกรรมเก่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้..นี้นะ..เป็นมิจฉาทิฏฐิของพราหมณ์พวกหนึ่ง..มีตั้งแต่สมัยพุทธกาล...

และประเภท...เห็นเป็นแค่สี..ไม่มีคน..นี้ก็เช่นกัน..(จำอาจารย์ขององคุลีมาลได้มั้ยเอ่ย)...ก็เป็นความคิดของเดียรถีย์ พวกหนึ่ง..มีตั้งแต่สมัยพุทธกาล...


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ชอบตัดมาเป็นบางคำแล้วคิดเองผิดๆ
กรรมไม่ดีที่เคยทำมาทำให้ไปติดในถ้ำ
จะออกได้เร็วแล้วเด็กไม่ตายก็เป็นกรรมดี
แล้วเหตุปัจจัยภายนอกจะมีอะไรไปช่วยก็ได้
แต่พระไปทำพิธีกรรมเพื่ออะไรทำให้คนหลงผิด
เหตุปัจจัยคือวิบากกรรมทำให้ได้รับผลกรรมดีไม่ดี
แต่กรรมใหม่คือแต่ละคนที่ทำกรรมหรือคิดไปต่างๆ
ก็คือวิปลาสไปต่างๆกันตามความไม่รู้ปรมัตถสัจจะไงคะ
ศึกษาธัมมะเพื่อเข้าใจถูกตรงๆที่กายใจตนมีไม่ใช่หลงนิมิต
เห็นเงินก็อยากได้ไงคะวิปลาศแล้วบวชเพื่อมาทำผิดซ้ำซาก
รู้จักอัธยาศัยไหมคะรู้ตัวเองว่าชอบใช้เงินก็ไม่ต้องมาขอบวชไงคะ
:b32: :b32:


เจ้าสำนักและคุณโรส ถ้าพูดถึงกรรมแบบนั้น ต้องอ่านพุทธพจน์นี้

viewtopic.php?f=1&t=56217

เด๊ะเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b12:
บอกให้ฟังเพื่อเข้าใจตามเป็นจริงสะสมปัญญาตนเองวางคำทุกคำที่จำมาเพราะดับคือไม่มี
สีอะไรก็นับไปสิแต่เป็น1สีกระทบตาดับทันทีแต่ละ1ขณะสลับกับได้ยินได้กลิ่นครบ6ทาง
ดูสิว่าตัวเองเห็นสีได้ไหมมีปัญญาไหมจิตเกิดดับเป็นอณูวินาทีจะดูเองไปเรื่อยๆก็วิปลาสไง
รูปขันธ์ตามพระอภิธรรมมี28รูปมีแค่รูปที่ปรากฏทางตา1รูปที่มีแสงอีก27รูปเกิดในมืดรู้ไหม
:b32: :b32:

เริ่มวนใหม่ แระ
สี 1สีกระทบตาดันทันที 1ขณะ :b32: :b32:
พอวนรอบสุดท้าย
ตถาคตผู้เดียวที่รู้สีคนอื่นไม่รู้
มีแต่คำป้าสุจินต์ ตู่ไปว่าเป็นคำตถาคต....

คุณโรส .....
ด้วยความหวังดีครับ
ไปหาเรียน พระอภิธรรม สำนักอื่น ฟังคำตถาคตจริงๆ ให้ตรงตามคำพระพุทธองค์จริงๆ
ปัญญาจากการฟังคำตถาคตจะได้เกิดขึ้น ไม่ใช่ทิฎฐิจากการฟังคำป้าสุจินต์เกิดขึ้น

เหนื่อยจิต ที่จะพร่ำบอก
เป็นอันว่า ไม่สนทนาต่อแล้วครับ....

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 23:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
บอกให้ฟังเพื่อเข้าใจตามเป็นจริงสะสมปัญญาตนเองวางคำทุกคำที่จำมาเพราะดับคือไม่มี
สีอะไรก็นับไปสิแต่เป็น1สีกระทบตาดับทันทีแต่ละ1ขณะสลับกับได้ยินได้กลิ่นครบ6ทาง
ดูสิว่าตัวเองเห็นสีได้ไหมมีปัญญาไหมจิตเกิดดับเป็นอณูวินาทีจะดูเองไปเรื่อยๆก็วิปลาสไง
รูปขันธ์ตามพระอภิธรรมมี28รูปมีแค่รูปที่ปรากฏทางตา1รูปที่มีแสงอีก27รูปเกิดในมืดรู้ไหม
:b32: :b32:

เริ่มวนใหม่ แระ
สี 1สีกระทบตาดันทันที 1ขณะ :b32: :b32:
พอวนรอบสุดท้าย
ตถาคตผู้เดียวที่รู้สีคนอื่นไม่รู้
มีแต่คำป้าสุจินต์ ตู่ไปว่าเป็นคำตถาคต....

คุณโรส .....
ด้วยความหวังดีครับ
ไปหาเรียน พระอภิธรรม สำนักอื่น ฟังคำตถาคตจริงๆ ให้ตรงตามคำพระพุทธองค์จริงๆ
ปัญญาจากการฟังคำตถาคตจะได้เกิดขึ้น ไม่ใช่ทิฎฐิจากการฟังคำป้าสุจินต์เกิดขึ้น

เหนื่อยจิต ที่จะพร่ำบอก
เป็นอันว่า ไม่สนทนาต่อแล้วครับ....

:b32:
จิตเห็นดับไปแค่3ขณะกิเลสไหลครบ6ทางอายตนะเลยค่ะ
รูปมีอายุถึง17ขณะจิตจิตเห็นวน3รอบน่ะมันเร็วมาก
กะพริบตานั้นมันนับไม่ถ้วนแล้วแปลว่าเกิน17ขณะ
เชื่อตามเลยไหมหรือคิดรอบคอบไตร่ตรองตาม
เห็นยินเสียงกลิ่นรสเย็นเห็นยินเสียงกลิ่นรสแข็ง
เห็น...นี่เห็นครั้งที่3ดับแล้วเราไม่รู้ความจริงตรงสัจจะ
ที่กายใจตัวเองมีนั่นแหละเรียกว่ามีกิเลสเพราะแต่ละขณะ
นั่นน่ะส่งต่อไปมโนทวารและภวังค์คั่น2ต่อเท่ากับนับไม่ทันค่ะ
เดี๋ยวนี้เลยเฉพาะเห็นที่มีแสงทางอื่นมืดอีก10ขณะเลยทันไหมมีมืดไหมคะลืมตาเนี่ยเห็นมโนคิดนึกอิอิ
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 22 ก.ค. 2018, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สัญญาวิปลาส...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron