คิดตามใหม่นะคะทีละคำให้เข้าใจถูกซะก่อนค่ะ
ศีล
สมาธิ
ปัญญา
3รายการข้างต้นคือธัมมะที่มีชื่อเฉพาะค่ะตอบให้ได้ก่อนนะคะ
ต้องตรงนะคะทั้งกบและกรัชต้องตอบมาก่อนตอบไม่ได้คือกิเลสเลย

ตอนนี้ต้องคิดตามให้ละเอียดรอบคอบปราศจากอคติใดๆ
เพราะเขาเอาคำตถาคตมาเทียบกะพฤติกรรมบรรพชิตค่ะ
อย่าสำคัญตนว่ารู้แล้วเพราะรู้แล้วคือพระอรหันต์ที่ดับกิเลส
https://youtu.be/aVuzEg-EdWk

รออยู่น๊า

หาตำราอยู่รึ

คิกๆๆ รออะไรมิทราบขอรับ

นี่แหละน๊า...คนเรา...ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองมีกิเลสแปลว่าไม่รู้
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นธัมมะไม่ใช่เรามีชื่อเรียกว่าเป็นธัมมะอะไร
1จิต
2เจตสิก
3รูป
4นิพพาน
เลือกมาสิ1ข้อ
ติ๊กต๊อกๆๆๆๆๆๆ

ถ้ายังเข้าใจไม่ชัดลองอ่านอันนี้ดูทีละคำช้าๆชัดๆนะคะ
ตนเองอาจจะเคยได้นั่งฟังตถาคตตรัสมาแล้วกำลังฟังอยู่เข้าใจตามอยู่
ชาติใหม่กรรมถึงปรากฏให้มีเหตุปัจจัยมาให้เข้าใจตรงภาษาที่ใช้คิดตามปกตินะคะ

จะเลือกตอบก่อนไหมคะต้องไตร่ตรองถึงจะทำถูก
ถ้าไม่รู้ว่าเป็นตัวธัมมะอะไรจะรู้ไหมว่าจะทำยังไง
ถ้าให้เฉลยแล้วจะเกิดปัญญาตนเองได้ยังไงคะ

มาอีกแระ จิต เจตสิก รูป นิพพาน อิอิ นี่แหละตำราล้วนๆ

เข้าใจนี่ไหม บอกว่าเข้าใจแล้วน่าจะคุยกันรู้เรื่อง นี่

จะหนีสมาธิหลับ..ไปไหน...

หลับแบบคนมีสติมีสมาธิก็คือจะหลับลึกหลับสนิทแม้เพียง 1 ชั่วโมงก็รู้สึกอิ่มสดชื่น ซึ่งต่างจากคนทั่วๆไป นอนทั้งคืนก็รู้สึกมึนซึม

เลี่ยงไปเลี่ยงมา...ถามไม่ตอบ...เขาเรียกคนไม่มีปัญญาเข้าใจคำสอนถึงตอบไม่ได้
ถ้าเข้าใจคำสอนจะไม่ไปทำนั่งหลับตาอีกเลยตลอดชีวิตเพราะรูปพิเศษที่สุดคือลืมตาตื่นรู้
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเจตสิกคนละชนิดและเกิดดับทีละ1ขณะพร้อมกับจิตที่เกิดดับพร้อมรูปด้วย
ศีลแปลว่าปกติของจิตตามการสะสมทีละ1ขณะถ้ามีไม่รู้ก็เป็นอกุศลส่วนกุศลเป็นขณะไม่ปนกับอกุศล
สมาธิแปลว่าตั้งมั่นคงตรงทางทีละ1ขณะเพราะจิตแต่ละทางเกิดทีละ1ทางตามเหตุปัจจัยจึงเป็นเอกัคตา
ปัญญาแปลว่าความคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามคำสอนและเวลาที่ปัญญาเกิด1ขณะต้องมีสติร่วมทุกครั้งนะคะ

เพราะฉะนั้นเวลาที่ไปนั่งขัดสมาธิหลับตาจึงเป็นการเลียนแบบรูปปั้นพระพุทธรูปนั่งสมาธิ555
จิตเห็นในบาลีเรียกจักขุวิญญาณต้องมองด้วยตาเนื้อตอนลืมตาดูถึงจะมีวิถีคือทางเกิดของจิตเห็น
แค่กะพริบตามืดนิดนึงนั่นน่ะดับอายตนะครบ6อายตนะเลยและการหลับตาจึงขาดอายตนะทางตานะคะ
ความไม่รู้มีทุกขณะแล้วที่ไม่รู้ว่าตนกำลังมีอวิชชาเดี๋ยวนี้เลยหลังกะพริบตาคือจิตเห็นขณะใหม่ไม่ทันสัก1
แปลว่าความจริงที่กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยน่ะมีแล้วไม่ต้องทำแค่ฟังเพื่อตามรู้กิเลสที่มีอยู่จนรู้ชัดไง

การที่จะคุยกันรู้เรื่องก็ต้องถามให้ลงตัวก่อน ถาม จิต เจตสิก รูป เป็นคนๆหนึ่งๆไหม

1. ไม่ใช่คน

2. เป็นรูปนาม

ตอบข้อไหน


ส่วนนิพพงนิพพานอะไรนี่เอาไว้ก่อน คิกๆๆ อย่าเพิ่งไปเพ้อหา ตอบข้างบนก่อน

ขออีกทีเถอะ คือ อ่านแล้วขำ พูดพร่ำหาดแม่รำพึงแม่รำพัน แม่ขวัญจิตด้วยเอ้า

คิดก็ไม่รู้ กระพริบก็ไม่เห็น เพ้อเจ้อยิ่งไม่รู้ใหญ่ หลับตาจึงรู้จึงเห็น