วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 23:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เวลาก๊อป ก็ให้เครดิต
ว่าก๊อปมาจากไหน ด้วยจะดีมากกว่านี้


ว่าแล้วว่าจ้องหาช่องตาเป็นมันอยู่ คิกๆๆ

ทายสิเอามาจากไหน ? เอ้า


ก๊อปมาไม่ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาก็ดีไปอย่าง....นานวันเข้า...มีคนก๊อปต่อเขาจะได้เข้าใจผิด..ให้เครดิตว่าเป็นของกักกายแทน..

:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

ปัญญา แปลกันว่า ความรอบรู้ เติมเข้าอีกว่า ความรู้ทั่ว ความรู้ชัด คือ รู้ทั่วถึงความจริงหรือรู้ตรงตามความเป็นจริง ท่านอธิบายขยายความกันออกไปต่างๆ เช่นว่า รู้เหตุ รู้ผล รู้ดี รู้ชั่ว รู้ถูก รู้ผิด รู้ควร ไม่ควร รู้คุณ รู้โทษ รู้ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ รู้เท่าทันสังขาร รู้องค์ประกอบ รู้เหตุปัจจัย รู้ที่ไปที่มา รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งหลาย รู้ตามความเป็นจริง รู้ถ่องแท้ เข้าใจถ่องแท้ รู้เข้าใจสภาวะ รู้คิด รู้พินิจพิจารณา รู้วินิจฉัย รู้ที่จะจัดแจงจัดการ หรือดำเนินการอย่างไรๆ

แปลกันอย่างง่ายๆ พื้นๆ ปัญญาคือความเข้าใจ (หมายถึงเข้าใจถูก เข้าใจชัด หรือเข้าใจถ่องแท้) เป็นการมองทะลุสภาวะหรือมองทะลุปัญหา ปัญญาช่วยเสริมสัญญาและวิญญาณ ช่วยขยายขอบเขตของวิญญาณให้กว้างขวางออกไปและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่องทางให้สัญญามี สิ่งกำหนดหมายรวมเก็บได้มากขึ้น เพราะเมื่อเข้าใจเพียงใด ก็รับรู้และกำหนดหมายในวิสัยแห่งความเข้าใจเพียงนั้น เหมือนคิดโจทย์เลขคณิตข้อหนึ่ง เมื่อยังคิดไม่ออก ก็ไม่มีอะไรให้รับรู้และกำหนดหมายต่อไปได้ ต่อเมื่อเข้าใจ คิดแก้ปัญหาได้แล้ว ก็มีเรื่องให้รับรู้ และกำหนดหมายต่อไปอีก

ปัญญาตรงข้ามกับโมหะ ซึ่งแปลว่าความหลง ความไม่รู้ ความเข้าใจผิด สัญญาและวิญญาณหาตรงข้ามกับโมหะไม่ อาจกลายเป็นเหยื่อของโมหะไปด้วยซ้ำ เพราะเมื่อหลง เข้าใจผิดไปอย่างใดก็รับรู้และกำหนดหมายเอาไว้ผิดๆอย่างนั้น ปัญญาช่วยแก้ไขให้วิญญาณและสัญญาเดินถูกทาง


สัญญาและวิญญาณ อาศัยอารมณ์ที่ปรากฏอยู่จึง ทำงานไปได้ สร้างภาพเห็นภาพขึ้นไปจากอารมณ์นั้น แต่ปัญญาเป็นฝ่ายจำนงต่ออารมณ์ ริเริ่มกระทำต่ออารมณ์ (เพราะอยู่ในหมวดสังขาร) เชื่อมโยงอารมณ์นั้น กับ อารมณ์นี้ กับ อารมณ์โน้นบ้าง พิเคราะห์ส่วนนั้นกับส่วนนี้กับส่วนโน้นของอารมณ์บ้าง เอาสัญญาอย่างโน้นอย่างนี้มาเชื่อมโยงกันหรือพิเคราะห์ออกไปบ้าง มองเห็นเหตุ เห็นผล เห็นความสัมพันธ์ ตลอดถึงว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร หาเรื่องมาให้วิญญาณ และสัญญารับรู้ และกำหนดหมายเอาไว้อีก

พระสารีบุตร เคยตอบคำถามเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างวิญญาณกับปัญญาว่า คนมีปัญญา รู้ (= รู้ชัด, เข้าใจ) ว่านี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางให้ถึงความดับทุกข์

ส่วนวิญญาณ รู้ (= รู้แยกต่าง) ว่าเป็นสุข รู้ว่าเป็นทุกข์ รู้ว่าไม่ใช่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ แต่ปัญญาและวิญญาณนั้น ก็เป็นองค์ธรรมที่ปนเคล้าหรือระคนกันอยู่ ไม่อาจแยกออกบัญญัติข้อแตกต่างกันได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เวลาก๊อป ก็ให้เครดิต
ว่าก๊อปมาจากไหน ด้วยจะดีมากกว่านี้


ว่าแล้วว่าจ้องหาช่องตาเป็นมันอยู่ คิกๆๆ

ทายสิเอามาจากไหน ? เอ้า


ก๊อปมาไม่ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาก็ดีไปอย่าง....นานวันเข้า...มีคนก๊อปต่อเขาจะได้เข้าใจผิด..ให้เครดิตว่าเป็นของกักกายแทน..

:b32: :b32: :b32:


เคยถามกบนะว่าที่ว่าว่า คำพระสอน นั่นๆนี่ เราถามว่า พระอะไร ? กบตอบว่าไงจำได้ไหม ? คิกๆๆ นี่แหละโบราณว่า ขว้างฮูไม่พ้นคอ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ :b13:



๓. ปัญญา เป็นความรู้หลักในหมวดสังขารขันธ์ แต่นอกจากปัญญาที่เป็นความรู้หลักแล้ว ในหมวดสังขารขันธ์ ยังมีข้อธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับความรู้อีกหลายอย่าง ซึ่งสัมพันธ์กับปัญญาในแง่ช่วยเกื้อหนุนบ้าง เป็นขั้นตอนในระหว่างของการพัฒนาปัญญาบ้าง เป็นคู่เทียบฝ่ายตรงข้ามที่แสดงความมี ความขาด ความลด ความเพิ่มของปัญญาบ้าง กล่าวคือ

@ ศรัทธา คือ ความเชื่อ ความซาบซึ้ง ไม่ใช่ความรู้
แต่อาจเป็นทางเชื่อมไปสู่ความรู้ได้ เพราะศรัทธามีลักษณะเป็นการยอมรับความรู้ของผู้อื่น ฝากความไว้วางใจในปัญญาของผู้อื่น ยอมพึ่ง และอาศัยความรู้ของผู้อื่นหรือแหล่งแห่งความรู้นั้นเป็นเครื่องชี้นำแก่ตน
ถ้าผู้มีศรัทธารู้จักคิดรู้จักใช้ปัญญาของตนเป็นทุนประกอบไป ศรัทธานั้นก็สามารถนำไปสู่ความเจริญปัญญา และการรู้ความจริงได้ เฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อผู้อื่นนั้นหรือแหล่งความรู้นั้นมีความรู้แท้จริง และมีกัลยาณมิตรช่วยชี้แนะให้รู้จักใช้ปัญญา
แต่ถ้าเชื่ออย่างงมงายคือไม่รู้จักคิด ไม่ใช้ปัญญาของตนเลย และผู้อื่นหรือแหล่งแห่งความรู้นั้นไม่มีความรู้จริง ทั้งไม่มีกัลยาณมิตรที่จะช่วยชี้แนะ หรือมีปาปมิตร ผลอาจกลับตรงข้าม นำไปสู่ความหลงผิด ห่างไกลจากความรู้ยิ่งขึ้น

@ ทิฏฐิ คือ ความเห็น ความเข้าใจตามแนวความคิดของตน เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการพัฒนาปัญญา เพราะความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ปุถุชน ที่ต่อจากขั้นขึ้นต่อผู้อื่นด้วยศรัทธา ก้าวมาสู่การมีความคิดความเข้าใจหรือมีสิ่งที่เรียกว่าเหตุผลของคนเอง ประกอบ พอจะนับได้ว่าเป็นความเข้าใจของตนเอง ก็คือ ทิฏฐิ บางครั้งทิฏฐิก็สัมพันธ์กับศรัทธาอย่างใกล้ชิด หรือถึงกับเป็นคนละแง่ของเรื่องเดียวกัน กล่าวคือ แง่ที่เป็นการมอบความไว้วางใจในความรู้ของผู้อื่น ยอมไปตามปัญญาของเขา (แต่ออกหรือพุ่งไปหา) เป็นศรัทธา ส่วนแง่ที่เป็นการรับเอาความรู้นั้นหรือสิ่งที่เขาบอกให้มายึดถือทำเป็นของ ตน (รับมาถือหรือเอาเข้ามา) เป็นทิฏฐิลักษณะสำคัญของทิฏฐิ คือการยึดถือเป็นของตน

ความรู้ที่เป็นทิฏฐินี้ มีได้ตั้งแต่ ขั้นไม่มีเหตุผลเลย จนถึงมีเหตุผลบ้างและมีเหตุผลมาก เมื่อใดทิฏฐินั้นพัฒนาขึ้นไปจนเป็นความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ ที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง คือ ตรงตามสภาวะ ก็เรียกว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ และจัดเป็นปัญญา
เมื่อปัญญานั้นเจริญขึ้นจนมองเห็นสภาวะนั้นด้วยตนเองอย่างชัดแจ้งสมบูรณ์ แล้ว ก็ไม่ต้องยึดถือความรู้นั้นเป็นของตน เพราะความจริงแท้ดำรงอยู่อย่างเป็นกลางๆ ไม่ต้องมีที่อ้างที่ยัน เป็นอันเลยพ้นขั้นของทิฏฐิไปเอง แต่เพราะทิฏฐิพ่วงอยู่กับความยึดถือเป็นของตน ทิฏฐิจึงมักก่อให้เกิดผลเสีย
ถ้ายึดถือเหนียวแน่น แม้จะเป็นทิฏฐิที่ใกล้เคียงความจริงอย่างมาก แต่ก็กลายเป็นเครื่องปิดบังขวางกั้นไม่ให้เข้าถึงความจริงนั้น

@ โมหะ คือ ความหลง ความไม่รู้ เป็นไวพจน์ของคำว่า อวิชชา หมายถึงความไม่รู้ความเป็นจริง ไม่รู้ตรงตามสภาวะ เป็นภาวะตรงข้ามกับปัญญา โดยเฉพาะปัญญาที่เรียกชื่อเฉพาะว่า วิชชา
พูดอย่างสามัญว่า โมหะหรืออวิชชา คือความไม่รู้นี้ เป้นภาวะพื้นเดิมของคนซึ่งจะต้องกำจัดให้หมดไปด้วยวิชชา คือความรู้ หรือ ด้วยการฝึกอบรมเจริญปัญญา

อย่างไรก็ตาม แม้จะเล่าเรียนศิลปวิทยาต่างๆมากมาย และใช้ศิลปวิทยาเหล่านั้นทำกิจประกอบการต่างๆ ได้มากมาย แต่ถ้าไม่ช่วยให้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ไม่มองเห็นสังขารธรรมทั้งหลายหรือโลกและชีวิตตามสภาวะของมันแล้ว ศิลปวิทยาเหล่านั้น ก็เป็นเพียงสุตะ คือสิ่งที่สดับถ่ายทอดกันไปเท่านั้น ยังไม่เป็นปัญญาแท้จริง ไม่สามารถกำจัดโมหะหรืออวิชชาได้ และไม่อาจแก้ปัญหาพื้นฐานของชีวิตได้สำเร็จ
บางทีจะแก้แต่กลายเป็นก่อปัญหาขึ้นใหม่ เหมือนคนต้องการแสงสว่าง แสวงหารวบรวมฟืนและเชื้อไฟชนิดต่างๆ มามากมาย ถึงจะรวมมาได้เท่าใด และจะปฏิบัติอย่างไรต่อฟืน และเชื้อไฟเหล่านั้น จะตกแต่งประดับประดาประดิดประดอยอย่างไร แต่ตราบใดที่ยังมิได้จุดไฟขึ้น ก็ไม่อาจให้แสงสว่างเกิดขึ้นได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


- ปัญญา ที่เป็นตัวความรู้ในสังขารขันธ์นั้น เป็นสิ่งที่จะต้องทำให้เกิดให้มีขึ้น ต้องฝึกปรือ ทำให้เจริญเพิ่มพูนขึ้นไปโดยลำดับ ปัญญาจึงมีหลายขั้นหลายระดับ และมีชื่อเรียกต่างๆ ตามขั้นของความเจริญบ้าง ตามทางเกิดของปัญญานั้นบ้าง ตามลักษณะเฉพาะของปัญญาชนิดนั้นบ้าง อันจะพึงศึกษาความหมายของแต่ละอย่างสืบต่อไป จะขอยกชื่อของปัญญามาให้ดูเป็นตัวอย่าง เช่น สัมปชัญญะ วิปัสสนา ปริญญา ญาณ วิชชา อัญญา อภิญญา พุทธิ โพธิ สัมโพธิ เป็นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปท้ายข้อ ก.

วิญญาณ เป็นปริญไญยธรรม คือ เป็นสิ่งที่เราควรกำหนดรู้ หรือทำความรู้จักมันตามสภาวะของมันเท่านั้น เราไม่มีหน้าที่ที่จะต้องทำอะไรต่อมันอีก เพราะถึงอย่างไร มันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างนั้น


สัญญา โดยทั่วไปเป็นปริญไญยธรรม คือ เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้หรือทำความรู้จักเท่านั้น* (ขุ.ปฏิ.31/58/33) แต่สัญญาเจือกิเลสหรือปปัญจสัญญา เป็นปหาตัพพธรรม คือ เป็นสิ่งที่ควรละหรือกำจัดให้สิ้นไป * (สัญญา ที่เป็นภาเวตัพพธรรม อาจเรียกชื่อว่า วิชชาภาคิยสัญญา (สัญญาที่ช่วยให้เกิดวิชชา) บ้าง ว่า นิพเพธภาคิยสัญญา (สัญญาที่ช่วยให้ทำลายกิเลส) บ้าง และบางแห่งเรียก กุศลสัญญา บางแห่งเรียก อวิปริตสัญญา (สัญญาไม่วิปริต) บ้าง ) ส่วนสัญญาที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาความรู้ และส่งเสริมกุศลธรรม เป็นภาเวตัพพธรรม คือ สิ่งที่ควรเจริญ ควรทำให้เกิดให้มี และให้เพิ่มพูนขึ้นจนใช้ประโยชน์ได้บริบูรณ์


ส่วนปัญญา เป็นภาเวตัพพธรรม คือ เป็นสิ่งที่ควรฝึกอบรม ทำให้เกิดให้มี และให้เจริญยิ่งขึ้นไป จนทำลายโมหะหรืออวิชชาได้โดยสิ้นเชิง * (ม.มู. 12/494/536)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามกบนอกกะลา ว่าอ่านได้เกิน ๕ บรรทัดไหม ถ้าเกินพอเข้าใจไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เวลาก๊อป ก็ให้เครดิต
ว่าก๊อปมาจากไหน ด้วยจะดีมากกว่านี้


ว่าแล้วว่าจ้องหาช่องตาเป็นมันอยู่ คิกๆๆ

ทายสิเอามาจากไหน ? เอ้า


ก๊อปมาไม่ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาก็ดีไปอย่าง....นานวันเข้า...มีคนก๊อปต่อเขาจะได้เข้าใจผิด..ให้เครดิตว่าเป็นของกักกายแทน..

:b32: :b32: :b32:


เคยถามกบนะว่าที่ว่าว่า คำพระสอน นั่นๆนี่ เราถามว่า พระอะไร ? กบตอบว่าไงจำได้ไหม ? คิกๆๆ นี่แหละโบราณว่า ขว้างฮูไม่พ้นคอ :b13:


คำพระสอน....ใครมาเห็น..ก็จะรู้เลยว่าไม่ใช่คำพูดของผม...

แต่ของกักกาย..คนมาอ่านอาจเข้าใจว่า..เป็นบทความของกักกายเรียบเรียงมาเอง..

เหมือนกับกักกายตรงไหน...หรือ..555

แต่หากกักกายเรียบเรียงขึ้นมาใหม่เอง...ก็ Ok ไม่ต้องอ้างอิง :b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ถามกบนอกกะลา ว่าอ่านได้เกิน ๕ บรรทัดไหม ถ้าเกินพอเข้าใจไหม

อ่านเกิน...

อ่านไปก็มีขำนิดนิด..น่าเห็นใจนักศึกษา...


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามกบนอกกะลา ว่าอ่านได้เกิน ๕ บรรทัดไหม ถ้าเกินพอเข้าใจไหม

อ่านเกิน...

อ่านไปก็มีขำนิดนิด..น่าเห็นใจนักศึกษา...


ยังไงอ่ะ ที่ว่าน่าเห็นใจ นศ. ว่าไปซิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นใจ..ซี..จะไม่เห็นใจได้ยังงัย..นักศึกษา...ต้องเรียน..ต้องจำ...ต้องค้นหาแง่มุมต่างๆ...เขาเรียกว่าอะไร...ต้องจำอีก...จะไม่ให้เห็นใจได้ยังงัย


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นใจ..ซี..จะไม่เห็นใจได้ยังงัย..นักศึกษา...ต้องเรียน..ต้องจำ...ต้องค้นหาแง่มุมต่างๆ...เขาเรียกว่าอะไร...ต้องจำอีก...จะไม่ให้เห็นใจได้ยังงัย



พูดอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เห็นใจ..ซี..จะไม่เห็นใจได้ยังงัย..นักศึกษา...ต้องเรียน..ต้องจำ...ต้องค้นหาแง่มุมต่างๆ...เขาเรียกว่าอะไร...ต้องจำอีก...จะไม่ให้เห็นใจได้ยังงัย



พูดอะไร


สงสาร.นักศึกษา.


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เห็นใจ..ซี..จะไม่เห็นใจได้ยังงัย..นักศึกษา...ต้องเรียน..ต้องจำ...ต้องค้นหาแง่มุมต่างๆ...เขาเรียกว่าอะไร...ต้องจำอีก...จะไม่ให้เห็นใจได้ยังงัย



พูดอะไร


สงสาร.นักศึกษา.


จบข่าว :b16:

แต่ละคนๆ เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปปลูกผักปลูกหญ้าส่งตลาดไทยังจะดีกว่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 22:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็กะอยู่แล้ว..ว่า..จะไม่เข้าใจ..

ไม่แปลกใจแต่ประการใด..

มาดูนี้..นักวิทยาศาสตร์..นอกจากจะมีทฤษฏีแล้ว...ยังหาวิธีทดสอบอีกด้วย...

อ้างคำพูด:
https://www.facebook.com/SLRI.THAILAND/ ... 1186094884

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) SLRI
ได้รไับกาไรสนัไบสนุนไ ·

นักฟิสิกส์อาจค้นพบนิวตริโนชนิดใหม่!
บทความพิเศษโดย คุณป๋องแป๋ง อาจวรงค์ จันทมาศ
.
ในปี ค.ศ. 2012 เครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง LHC (Large Halidron Collider) ได้ค้นพบอนุภาคฮิกส์โบซอน (Higgs boson) ซึ่งเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลก แต่หลังจากนั้นเครื่องเร่งอนุภาคดังกล่าวดูจะเงียบเหงาลงไปบ้าง เนื่องจากไม่ได้ค้นพบอนุภาคใหม่ๆอีกเลย
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านมานี้ นักฟิสิกส์มีเรื่องตื่นเต้นให้ติดตามกันอีกครั้ง เมื่อทีมนักวิจัยห้องทดลองนิวตริโน MiniBooNE (ย่อมาจาก Mini Booster Neutrino Experiment) ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศว่าอาจค้นพบนิวตริโตชนิดใหม่!
นิวตริโนเป็นหนึ่งในอนุภาคมูลฐานที่เบามากจนเกือบไม่มีมวล มันเกิดอันตรกิริยา (interac-tion)กับแรงอย่างอ่อน(weak force)และแรงโน้มถ่วงเท่านั้น
.
ปัจจุบันนักฟิสิกส์จำแนกนิวตริโนออกเป็นสามชนิด (flavor) ตามประเภทของอนุภาคที่มันสามารถเกิดอันตรกิริยาได้ ได้แก่ นิวตริโนอิเล็กตรอน นิวตริโนมิวออน และนิวตริโนเทา นักฟิสิกส์พบว่านิวตริโนทั้งสามชนิดนี้สามารถสับเปลี่ยนชนิดไปมาได้โดยนักฟิสิกส์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าการกวัดแกว่งของนิวตริโน (neutrino oscillation)

.....


อย่าเอาแต่อ่านแล้วก็จำ....ต้องหาทางพิสูจน์ด้วย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร