วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 00:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
การไปนั่งหลับตาหาเอกัคตาที่เป็นฌานจิตเค้าก็รู้ว่ากายหายเป็นยังไงด้วยนะไม่ได้โม้
ตั้งแต่ปี2549แล้วจึงเริ่มศึกษาคำสอนจากไปวัดต่างๆก็ไม่ได้สอนให้เข้าใจอะไรเลยอ่ะ
มีแต่ให้หาเงินทำกฐินผ้าป่าสวดมนต์นั่งหลับตาสมาธิอิอินั่นน่ะกิเลสไม่ถลอกเลยนะคะ
ตอนที่เริ่มฟังบ้านธัมมะเนี่ยก็ยังตะเวณทำกฐินผ้าป่า555ที่แท้กิเลสผู้บวชยิ่งกว่าเราอีก
พอฟังบ้านธัมมะเข้าปีที่6มันเริ่มถึงตัวธัมมะตลอดเวลาไม่ไปไหนแล้วรู้จักกิเลสตัวเองก็
เห็นกิเลสคนอื่นเข้าใจรึเปล่าว่าคำตถาคตใครไม่ฟังจะไม่รู้จักกิเลสเลยแม้แต่น้อยนิดน่ะ
ฝันไปมั๊งว่าปัญญาเกิดได้โดยไม่ฟังแล้วไตร่ตรองทีละคำจนรอบรู้อ่ะนะพอจะคิดออกป่ะ
คำตถาคตถากกิเลสตรงๆตรงมากฟังไม่ดีปัญญาก็เกิดไม่ได้เพราะเวลาฟังจะรู้จักตัวจริง
ของธัมมะเพราะเมื่อพึ่งคิดตามคำตถาคตจนละไม่รู้ได้ปัญญาจะเริ่มกำจัดสิ่งที่ทำผิดออก
แล้วมั่นคงกับหนทางถูกตามคำตถาคตและคนที่ทำฌานก็แค่รู้ในส่วนที่เป็นฌานจิตเพิ่มแค่นั้น
คนเทวดามารพรหมในครั้งพุทธกาลที่ได้เข้าเฝ้าฟังธัมมะจากพระโอษฐ์น่ะมีตั้งมากมายเลยนะ
คิดไหมคะเหมือนมีคนมาบอกให้ฟังแต่จริงไม่มีคนแต่เป็นกุศลของตนดลให้เหมือนมีคนมาบอก
คือเป็นวิบากไงที่มีคนมาบอกอยู่นี้น่ะนี้น่ะหัดฟังซะบ้างนะเพราะคนที่เขาฟังจนเข้าใจไม่อยากจร้า
เพราะมีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสารอบรู้จากการฟังเพื่อเวลาพบตถาคตจะได้ฟังไงหรือจะไปหาแต่เกจิฯ
เกจิฯแปลว่าอาจารย์อื่นในครั้งพุทธกาลก็ไปหาครูทั้ง6ไงคะแล้วสมัยนี้ไปหาอาจารย์ไหนไหมครูอื่นๆ
ไม่ใช่ศาสดาและครูเหล่านั้นบอกตรงตามคำตถาคตรึป่าวคือคำตถาคตต้องฟังนานมากเพราะกิเลสดื้อ
ชอบค้านเวลาฟังมีอคติว่าผู้แสดงไม่ใช่นักบวช555บวชรับเงินเป็นมิจฉาอาชีวะของผู้บวชที่ย่ำยีคำสอน
ฉลาดไหมไม่มีกาลามสูตร10ทำตามๆกันใช่ไหมเวลามีคนบวชพอบวชเสร็จรับเงินทีใส่ย่ามทันทีจริงไหม
ดูสิ่งที่เห็นเทียบตามคำสอนไตร่ตรองด้วยหลักกาลามสูตร10ว่าจริงอย่างที่บอกไหมบนนี้คือมิจฉาชีพแท้ๆ
การกล่าวตรงตามคำสอนให้คนที่เข้าใจผิดเข้าใจถูกตามได้เป็นบุญน๊าเพราะไม่ใช่เขาคิดเองแต่ฟังเข้าใจ
การที่มีคนกล่าวตำหนิผู้ที่เขากล่าวตามคำตถาคตจะต้องไปอบายภูมิหาอ่านเลยว่าทรงกล่าวไว้ในสูตรไหน
:b13:
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 04:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
การไปนั่งหลับตาหาเอกัคตาที่เป็นฌานจิตเค้าก็รู้ว่ากายหายเป็นยังไงด้วยนะไม่ได้โม้
ตั้งแต่ปี2549แล้วจึงเริ่มศึกษาคำสอนจากไปวัดต่างๆก็ไม่ได้สอนให้เข้าใจอะไรเลยอ่ะ
มีแต่ให้หาเงินทำกฐินผ้าป่าสวดมนต์นั่งหลับตาสมาธิอิอินั่นน่ะกิเลสไม่ถลอกเลยนะคะ
ตอนที่เริ่มฟังบ้านธัมมะเนี่ยก็ยังตะเวณทำกฐินผ้าป่า555ที่แท้กิเลสผู้บวชยิ่งกว่าเราอีก
พอฟังบ้านธัมมะเข้าปีที่6มันเริ่มถึงตัวธัมมะตลอดเวลาไม่ไปไหนแล้วรู้จักกิเลสตัวเองก็
เห็นกิเลสคนอื่นเข้าใจรึเปล่าว่าคำตถาคตใครไม่ฟังจะไม่รู้จักกิเลสเลยแม้แต่น้อยนิดน่ะ
ฝันไปมั๊งว่าปัญญาเกิดได้โดยไม่ฟังแล้วไตร่ตรองทีละคำจนรอบรู้อ่ะนะพอจะคิดออกป่ะ
คำตถาคตถากกิเลสตรงๆตรงมากฟังไม่ดีปัญญาก็เกิดไม่ได้เพราะเวลาฟังจะรู้จักตัวจริง
ของธัมมะเพราะเมื่อพึ่งคิดตามคำตถาคตจนละไม่รู้ได้ปัญญาจะเริ่มกำจัดสิ่งที่ทำผิดออก
แล้วมั่นคงกับหนทางถูกตามคำตถาคตและคนที่ทำฌานก็แค่รู้ในส่วนที่เป็นฌานจิตเพิ่มแค่นั้น
คนเทวดามารพรหมในครั้งพุทธกาลที่ได้เข้าเฝ้าฟังธัมมะจากพระโอษฐ์น่ะมีตั้งมากมายเลยนะ
คิดไหมคะเหมือนมีคนมาบอกให้ฟังแต่จริงไม่มีคนแต่เป็นกุศลของตนดลให้เหมือนมีคนมาบอก
คือเป็นวิบากไงที่มีคนมาบอกอยู่นี้น่ะนี้น่ะหัดฟังซะบ้างนะเพราะคนที่เขาฟังจนเข้าใจไม่อยากจร้า
เพราะมีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสารอบรู้จากการฟังเพื่อเวลาพบตถาคตจะได้ฟังไงหรือจะไปหาแต่เกจิฯ
เกจิฯแปลว่าอาจารย์อื่นในครั้งพุทธกาลก็ไปหาครูทั้ง6ไงคะแล้วสมัยนี้ไปหาอาจารย์ไหนไหมครูอื่นๆ
ไม่ใช่ศาสดาและครูเหล่านั้นบอกตรงตามคำตถาคตรึป่าวคือคำตถาคตต้องฟังนานมากเพราะกิเลสดื้อ
ชอบค้านเวลาฟังมีอคติว่าผู้แสดงไม่ใช่นักบวช555บวชรับเงินเป็นมิจฉาอาชีวะของผู้บวชที่ย่ำยีคำสอน
ฉลาดไหมไม่มีกาลามสูตร10ทำตามๆกันใช่ไหมเวลามีคนบวชพอบวชเสร็จรับเงินทีใส่ย่ามทันทีจริงไหม
ดูสิ่งที่เห็นเทียบตามคำสอนไตร่ตรองด้วยหลักกาลามสูตร10ว่าจริงอย่างที่บอกไหมบนนี้คือมิจฉาชีพแท้ๆ
การกล่าวตรงตามคำสอนให้คนที่เข้าใจผิดเข้าใจถูกตามได้เป็นบุญน๊าเพราะไม่ใช่เขาคิดเองแต่ฟังเข้าใจ
การที่มีคนกล่าวตำหนิผู้ที่เขากล่าวตามคำตถาคตจะต้องไปอบายภูมิหาอ่านเลยว่าทรงกล่าวไว้ในสูตรไหน
:b13:
:b32: :b32:


ก็เดิมๆ กิเลส, กิเลสไม่ถลอกปอกเปิก คิกๆๆ หลับหูหลับตา เอกกัคคตา กามลามสูตร จับเงิน คำตถาคต ฟังคลิบบ้านธัมมะ :b32:

คุณโรสกิเลสจะถลอก มันต้องทำต้องปฏิบัติต้องปฏิปทาตามหลักไตรสิกขานี่ ไม่ใช่นั่งฟังคลิบบริหารสุวรรณเขตพูด :b32:

๑. ศีล เป็นวีติกกมปหาน (เป็นเครื่องละวีติกกมกิเลส คือกิเลสอย่างหยาบ ที่เป็นเหตุให้ล่วงละเมิดออกมาทางกาย วาจา)


๒. สมาธิ เป็นปริยุฏฐานปหาน (เป็นเครื่องละปริยุฏฐานกิเลส คือกิเลสอย่างกลาง ที่เร้ารุนอยู่ในจิตใจ ซึ่งบางท่านระบุว่า ได้แก่นิวรณ์ ๕)

๓.ปัญญา เป็นอนุสยปหาน (เป็นเครื่องละอนุสยกิเลส คือกิเลสอย่างละเอียด ที่แอบแนบนอนคอยอยู่ในสันดาน รอแสดงตัวในเมื่อได้เหตุกระตุ้น ได้แก่ อนุสัย ๗)

นอกจากนี้ ท่านยังได้แสดงในแง่อื่นๆ อีก เช่น ศีลเป็นตทังคหาน สมาธิเป็นวิกขัมภนปหาน ปัญญาเป็นสมุจเฉทปหาน


ศีลเป็นเครื่องละทุจริต สมาธิเป็นเครื่องละตัณหา ปัญญาเป็นเครื่องละทิฏฐิ ดังนี้เป็นต้น (ดู วินย.1/22 ฯลฯ)

กิเลส สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง, ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่บริสุทธิ์ และเป็นเครื่องปรุงแต่งความคิดให้ทำกรรม ซึ่งนำไปสู่ปัญหา ความยุ่งยากเดือดร้อนและความทุกข

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
การไปนั่งหลับตาหาเอกัคตาที่เป็นฌานจิตเค้าก็รู้ว่ากายหายเป็นยังไงด้วยนะไม่ได้โม้
ตั้งแต่ปี2549แล้วจึงเริ่มศึกษาคำสอนจากไปวัดต่างๆก็ไม่ได้สอนให้เข้าใจอะไรเลยอ่ะ
มีแต่ให้หาเงินทำกฐินผ้าป่าสวดมนต์นั่งหลับตาสมาธิอิอินั่นน่ะกิเลสไม่ถลอกเลยนะคะ
ตอนที่เริ่มฟังบ้านธัมมะเนี่ยก็ยังตะเวณทำกฐินผ้าป่า555ที่แท้กิเลสผู้บวชยิ่งกว่าเราอีก
พอฟังบ้านธัมมะเข้าปีที่6มันเริ่มถึงตัวธัมมะตลอดเวลาไม่ไปไหนแล้วรู้จักกิเลสตัวเองก็
เห็นกิเลสคนอื่นเข้าใจรึเปล่าว่าคำตถาคตใครไม่ฟังจะไม่รู้จักกิเลสเลยแม้แต่น้อยนิดน่ะ
ฝันไปมั๊งว่าปัญญาเกิดได้โดยไม่ฟังแล้วไตร่ตรองทีละคำจนรอบรู้อ่ะนะพอจะคิดออกป่ะ
คำตถาคตถากกิเลสตรงๆตรงมากฟังไม่ดีปัญญาก็เกิดไม่ได้เพราะเวลาฟังจะรู้จักตัวจริง
ของธัมมะเพราะเมื่อพึ่งคิดตามคำตถาคตจนละไม่รู้ได้ปัญญาจะเริ่มกำจัดสิ่งที่ทำผิดออก
แล้วมั่นคงกับหนทางถูกตามคำตถาคตและคนที่ทำฌานก็แค่รู้ในส่วนที่เป็นฌานจิตเพิ่มแค่นั้น
คนเทวดามารพรหมในครั้งพุทธกาลที่ได้เข้าเฝ้าฟังธัมมะจากพระโอษฐ์น่ะมีตั้งมากมายเลยนะ
คิดไหมคะเหมือนมีคนมาบอกให้ฟังแต่จริงไม่มีคนแต่เป็นกุศลของตนดลให้เหมือนมีคนมาบอก
คือเป็นวิบากไงที่มีคนมาบอกอยู่นี้น่ะนี้น่ะหัดฟังซะบ้างนะเพราะคนที่เขาฟังจนเข้าใจไม่อยากจร้า
เพราะมีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสารอบรู้จากการฟังเพื่อเวลาพบตถาคตจะได้ฟังไงหรือจะไปหาแต่เกจิฯ
เกจิฯแปลว่าอาจารย์อื่นในครั้งพุทธกาลก็ไปหาครูทั้ง6ไงคะแล้วสมัยนี้ไปหาอาจารย์ไหนไหมครูอื่นๆ
ไม่ใช่ศาสดาและครูเหล่านั้นบอกตรงตามคำตถาคตรึป่าวคือคำตถาคตต้องฟังนานมากเพราะกิเลสดื้อ
ชอบค้านเวลาฟังมีอคติว่าผู้แสดงไม่ใช่นักบวช555บวชรับเงินเป็นมิจฉาอาชีวะของผู้บวชที่ย่ำยีคำสอน
ฉลาดไหมไม่มีกาลามสูตร10ทำตามๆกันใช่ไหมเวลามีคนบวชพอบวชเสร็จรับเงินทีใส่ย่ามทันทีจริงไหม
ดูสิ่งที่เห็นเทียบตามคำสอนไตร่ตรองด้วยหลักกาลามสูตร10ว่าจริงอย่างที่บอกไหมบนนี้คือมิจฉาชีพแท้ๆ
การกล่าวตรงตามคำสอนให้คนที่เข้าใจผิดเข้าใจถูกตามได้เป็นบุญน๊าเพราะไม่ใช่เขาคิดเองแต่ฟังเข้าใจ
การที่มีคนกล่าวตำหนิผู้ที่เขากล่าวตามคำตถาคตจะต้องไปอบายภูมิหาอ่านเลยว่าทรงกล่าวไว้ในสูตรไหน
:b13:
:b32: :b32:



คุณโรสยังจับความกาลามสุตรไม่ได้เลย :b32: อ้างจัง กิเลสก็อ้างจัง แต่ก็ไม่รู้มันคืออะไรยังไง ได้แต่ กิเลส กิเลส กิเลส กิเลส กิเลส กิเลส กิเลส ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :b32: เป็นแก้วนกขุนทอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 06:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
การไปนั่งหลับตาหาเอกัคตาที่เป็นฌานจิตเค้าก็รู้ว่ากายหายเป็นยังไงด้วยนะไม่ได้โม้
ตั้งแต่ปี2549แล้วจึงเริ่มศึกษาคำสอนจากไปวัดต่างๆก็ไม่ได้สอนให้เข้าใจอะไรเลยอ่ะมีแต่ให้หาเงินทำกฐินผ้าป่าสวดมนต์นั่งหลับตาสมาธิอิอินั่นน่ะกิเลสไม่ถลอกเลยนะคะ
ตอนที่เริ่มฟังบ้านธัมมะเนี่ยก็ยังตะเวณทำกฐินผ้าป่า555ที่แท้กิเลสผู้บวชยิ่งกว่าเราอีก
พอฟังบ้านธัมมะเข้าปีที่6มันเริ่มถึงตัวธัมมะตลอดเวลาไม่ไปไหนแล้วรู้จักกิเลสตัวเองก็
เห็นกิเลสคนอื่นเข้าใจรึเปล่าว่าคำตถาคตใครไม่ฟังจะไม่รู้จักกิเลสเลยแม้แต่น้อยนิดน่ะ
ฝันไปมั๊งว่าปัญญาเกิดได้โดยไม่ฟังแล้วไตร่ตรองทีละคำจนรอบรู้อ่ะนะพอจะคิดออกป่ะ
คำตถาคตถากกิเลสตรงๆตรงมากฟังไม่ดีปัญญาก็เกิดไม่ได้เพราะเวลาฟังจะรู้จักตัวจริง
ของธัมมะเพราะเมื่อพึ่งคิดตามคำตถาคตจนละไม่รู้ได้ปัญญาจะเริ่มกำจัดสิ่งที่ทำผิดออก
แล้วมั่นคงกับหนทางถูกตามคำตถาคตและคนที่ทำฌานก็แค่รู้ในส่วนที่เป็นฌานจิตเพิ่มแค่นั้น
คนเทวดามารพรหมในครั้งพุทธกาลที่ได้เข้าเฝ้าฟังธัมมะจากพระโอษฐ์น่ะมีตั้งมากมายเลยนะ
คิดไหมคะเหมือนมีคนมาบอกให้ฟังแต่จริงไม่มีคนแต่เป็นกุศลของตนดลให้เหมือนมีคนมาบอก
คือเป็นวิบากไงที่มีคนมาบอกอยู่นี้น่ะนี้น่ะหัดฟังซะบ้างนะ
เพราะคนที่เขาฟังจนเข้าใจไม่อยากจร้า
เพราะมีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสารอบรู้จากการฟังเพื่อเวลาพบตถาคตจะได้ฟังไงหรือจะไปหาแต่เกจิฯ
เกจิฯแปลว่าอาจารย์อื่นในครั้งพุทธกาลก็ไปหาครูทั้ง6ไงคะแล้วสมัยนี้ไปหาอาจารย์ไหนไหมครูอื่นๆ
ไม่ใช่ศาสดาและครูเหล่านั้นบอกตรงตามคำตถาคตรึป่าวคือคำตถาคตต้องฟังนานมากเพราะกิเลสดื้อ
ชอบค้านเวลาฟังมีอคติว่าผู้แสดงไม่ใช่นักบวช555
บวชรับเงินเป็นมิจฉาอาชีวะของผู้บวชที่ย่ำยีคำสอน
ฉลาดไหมไม่มีกาลามสูตร10ทำตามๆกันใช่ไหมเวลามีคนบวชพอบวชเสร็จรับเงินทีใส่ย่ามทันที
จริงไหม
ดูสิ่งที่เห็นเทียบตามคำสอนไตร่ตรองด้วยหลักกาลามสูตร10ว่าจริงอย่างที่บอกไหมบนนี้คือมิจฉาชีพแท้ๆ
การกล่าวตรงตามคำสอนให้คนที่เข้าใจผิดเข้าใจถูกตามได้เป็นบุญน๊าเพราะไม่ใช่เขาคิดเองแต่ฟังเข้าใจ
การที่มีคนกล่าวตำหนิผู้ที่เขากล่าวตามคำตถาคตจะต้องไปอบายภูมิหาอ่านเลยว่าทรงกล่าวไว้ในสูตรไหน
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรส...หากยังพร้ำรำพันว่านั้นว่านี้แบบนี้อยู่...มันไม่ใช่วิสัยของผู้รู้แต่เป็นวิสัยของผู้ไม่รู้...ไม่รู้อันแรกเลยคือไม่รู้กิเลสตนเอง...และไม่รู้อะไรอีกเยอะ..ไม่รู้บาปไม่รู้บุญ..ไม่รู้บารมี..ไม่รู้กาลบุคคล...ฯ...ความอยากมันเยอะ...พอใครให้ไม่สมอยากก็นึกตำนิเขาไปทั่ว...

ฟังมาก็เยอะ....แต่อาการตำนิเขาก็ยังไม่จาง...(ก็ยังเขียนตำนิเขาอยู่นี้นะ)...มันแสดงถึงการไม่ได้พัฒนาคุณภาพอะไรในตนเลยนะ..เพราะอะไรหนอจึงไม่พัฒนา?....

ผมยังไม่เห็นมีใครว่าการฟังธัมมะฟังคำตถาคตไม่ดีเลย...พอพระธรรมบอกให้พิจารณา..คุณโรสกลับไม่ฟัง.....ฮาดีมั้ย?...หากญาณรู้เกิด...ฟังอะไรเห็นอะไรมันก็เป็นธรรมะ...เป็นธรรมะก็เหมือนเป็นคำพระพุทธเจ้า

นำคำพระมาฝาก..

คำพระสอน..

"การไม่สนใจจริยาของผู้อื่น คือไม่เพ่งความผิดหรือโทษของผู้อื่น แต่การรับรู้ในจริยาของบุคคลอื่น ก็ให้เห็นว่าล้วนแล้วแต่เป็นไปเพราะกฎของกรรมทั้งสิ้น ให้ดูอารมณ์จิตของตนเองเป็นสำคัญ แต่ถ้าหากจักมองผู้อื่นให้เป็นธรรม เห็นเขาทุกข์และน้อมธรรมนั้นเข้ามาหาตัวเองว่า แม้เราเองก็มีสภาวะเช่นนั้นเหมือนกันก็เป็นการสมควร เพราะไม่มีใครอยากเลว อยากชั่ว มีแต่คนอยากทำดี แต่เพราะอกุศลกรรมบังคับให้ทำ โดยคิดว่าดี เพราะฉะนั้น จงอย่าตำหนิใครให้เห็นเป็นกฎของกรรมที่บังคับอยู่ แล้วหมั่นฟอกจิตตนเองให้หลุดออกจากอำนาจของกิเลส ด้วยจริตหกและกรรมฐานแก้จริตจักดีกว่า"

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 06:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฉายซ้ำ

คำพระสอน..

"พิจารณาทุกข์ให้มากแล้ว จิตจักตัดกิเลสได้เร็ว ชีวิตที่เห็นอยู่ในเวลานี้ อย่าคิดว่ามีความมั่นคง
ที่สุดร่างกายนี้ก็จักอนัตตาไป พิจารณาร่างกายหรือขันธ์ ๕ เป็นสื่อความทุกข์ทั้งหมด จิตจักได้คลายความเกาะติดในสักกายทิฏฐิ (ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับร่างกายหรือขันธ์ ๕) เช่น เมื่อทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ก็จงพิจารณาเข้าหาทุกข์ในอริยสัจ เนื่องจากการมีขันธ์ ๕ เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ แล้วรักษากำลังใจว่า ต่อไปจักไม่มาเกิดเพื่อเป็นทาสของขันธ์ ๕ ให้ต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจอีก"


:b8: :b8: :b8:

พิจารณาให้เห็นทุกข์..ซ้ำ..ซ้ำ....จากสิ่งที่กำลังทำอยู่...อย่ามั่วรอแต่เฉพาะตอนฟังอย่างเดียว..นะคุณโรส..


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 07:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพระสอน..

"ปัญญาสูงสุดในพระพุทธศาสนา คืออริยสัจ ๔
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์และพระอรหันต์สาวกทุกองค์ ต่างก็บรรลุธรรมพ้นทุกข์ได้ด้วยอริยสัจด้วยกันทั้งสิ้น มีทางนี้ทางเดียว ทางอื่นไม่มี
หรือให้จำสั้น ๆ ว่า กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ คืออริยสัจ"


:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
การไปนั่งหลับตาหาเอกัคตาที่เป็นฌานจิตเค้าก็รู้ว่ากายหายเป็นยังไงด้วยนะไม่ได้โม้
ตั้งแต่ปี2549แล้วจึงเริ่มศึกษาคำสอนจากไปวัดต่างๆก็ไม่ได้สอนให้เข้าใจอะไรเลยอ่ะมีแต่ให้หาเงินทำกฐินผ้าป่าสวดมนต์นั่งหลับตาสมาธิอิอินั่นน่ะกิเลสไม่ถลอกเลยนะคะ
ตอนที่เริ่มฟังบ้านธัมมะเนี่ยก็ยังตะเวณทำกฐินผ้าป่า555ที่แท้กิเลสผู้บวชยิ่งกว่าเราอีก
พอฟังบ้านธัมมะเข้าปีที่6มันเริ่มถึงตัวธัมมะตลอดเวลาไม่ไปไหนแล้วรู้จักกิเลสตัวเองก็
เห็นกิเลสคนอื่นเข้าใจรึเปล่าว่าคำตถาคตใครไม่ฟังจะไม่รู้จักกิเลสเลยแม้แต่น้อยนิดน่ะ
ฝันไปมั๊งว่าปัญญาเกิดได้โดยไม่ฟังแล้วไตร่ตรองทีละคำจนรอบรู้อ่ะนะพอจะคิดออกป่ะ
คำตถาคตถากกิเลสตรงๆตรงมากฟังไม่ดีปัญญาก็เกิดไม่ได้เพราะเวลาฟังจะรู้จักตัวจริง
ของธัมมะเพราะเมื่อพึ่งคิดตามคำตถาคตจนละไม่รู้ได้ปัญญาจะเริ่มกำจัดสิ่งที่ทำผิดออก
แล้วมั่นคงกับหนทางถูกตามคำตถาคตและคนที่ทำฌานก็แค่รู้ในส่วนที่เป็นฌานจิตเพิ่มแค่นั้น
คนเทวดามารพรหมในครั้งพุทธกาลที่ได้เข้าเฝ้าฟังธัมมะจากพระโอษฐ์น่ะมีตั้งมากมายเลยนะ
คิดไหมคะเหมือนมีคนมาบอกให้ฟังแต่จริงไม่มีคนแต่เป็นกุศลของตนดลให้เหมือนมีคนมาบอก
คือเป็นวิบากไงที่มีคนมาบอกอยู่นี้น่ะนี้น่ะหัดฟังซะบ้างนะ
เพราะคนที่เขาฟังจนเข้าใจไม่อยากจร้า
เพราะมีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสารอบรู้จากการฟังเพื่อเวลาพบตถาคตจะได้ฟังไงหรือจะไปหาแต่เกจิฯ
เกจิฯแปลว่าอาจารย์อื่นในครั้งพุทธกาลก็ไปหาครูทั้ง6ไงคะแล้วสมัยนี้ไปหาอาจารย์ไหนไหมครูอื่นๆ
ไม่ใช่ศาสดาและครูเหล่านั้นบอกตรงตามคำตถาคตรึป่าวคือคำตถาคตต้องฟังนานมากเพราะกิเลสดื้อ
ชอบค้านเวลาฟังมีอคติว่าผู้แสดงไม่ใช่นักบวช555
บวชรับเงินเป็นมิจฉาอาชีวะของผู้บวชที่ย่ำยีคำสอน
ฉลาดไหมไม่มีกาลามสูตร10ทำตามๆกันใช่ไหมเวลามีคนบวชพอบวชเสร็จรับเงินทีใส่ย่ามทันที
จริงไหม
ดูสิ่งที่เห็นเทียบตามคำสอนไตร่ตรองด้วยหลักกาลามสูตร10ว่าจริงอย่างที่บอกไหมบนนี้คือมิจฉาชีพแท้ๆ
การกล่าวตรงตามคำสอนให้คนที่เข้าใจผิดเข้าใจถูกตามได้เป็นบุญน๊าเพราะไม่ใช่เขาคิดเองแต่ฟังเข้าใจ
การที่มีคนกล่าวตำหนิผู้ที่เขากล่าวตามคำตถาคตจะต้องไปอบายภูมิหาอ่านเลยว่าทรงกล่าวไว้ในสูตรไหน
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรส...หากยังพร้ำรำพันว่านั้นว่านี้แบบนี้อยู่...มันไม่ใช่วิสัยของผู้รู้แต่เป็นวิสัยของผู้ไม่รู้...ไม่รู้อันแรกเลยคือไม่รู้กิเลสตนเอง...และไม่รู้อะไรอีกเยอะ..ไม่รู้บาปไม่รู้บุญ..ไม่รู้บารมี..ไม่รู้กาลบุคคล...ฯ...ความอยากมันเยอะ...พอใครให้ไม่สมอยากก็นึกตำนิเขาไปทั่ว...

ฟังมาก็เยอะ....แต่อาการตำนิเขาก็ยังไม่จาง...(ก็ยังเขียนตำนิเขาอยู่นี้นะ)...มันแสดงถึงการไม่ได้พัฒนาคุณภาพอะไรในตนเลยนะ..เพราะอะไรหนอจึงไม่พัฒนา?....

ผมยังไม่เห็นมีใครว่าการฟังธัมมะฟังคำตถาคตไม่ดีเลย...พอพระธรรมบอกให้พิจารณา..คุณโรสกลับไม่ฟัง.....ฮาดีมั้ย?...หากญาณรู้เกิด...ฟังอะไรเห็นอะไรมันก็เป็นธรรมะ...เป็นธรรมะก็เหมือนเป็นคำพระพุทธเจ้า

นำคำพระมาฝาก..

คำพระสอน..

"การไม่สนใจจริยาของผู้อื่น คือไม่เพ่งความผิดหรือโทษของผู้อื่น แต่การรับรู้ในจริยาของบุคคลอื่น ก็ให้เห็นว่าล้วนแล้วแต่เป็นไปเพราะกฎของกรรมทั้งสิ้น ให้ดูอารมณ์จิตของตนเองเป็นสำคัญ แต่ถ้าหากจักมองผู้อื่นให้เป็นธรรม เห็นเขาทุกข์และน้อมธรรมนั้นเข้ามาหาตัวเองว่า แม้เราเองก็มีสภาวะเช่นนั้นเหมือนกันก็เป็นการสมควร เพราะไม่มีใครอยากเลว อยากชั่ว มีแต่คนอยากทำดี แต่เพราะอกุศลกรรมบังคับให้ทำ โดยคิดว่าดี เพราะฉะนั้น จงอย่าตำหนิใครให้เห็นเป็นกฎของกรรมที่บังคับอยู่ แล้วหมั่นฟอกจิตตนเองให้หลุดออกจากอำนาจของกิเลส ด้วยจริตหกและกรรมฐานแก้จริตจักดีกว่า"

:b8: :b8: :b8:

Kiss
:b32:
คนไม่รู้ที่ไหนจะมาประกาศปาวๆอยู่นี้น่ะนี้น่ะเอ้าฟังนะคิดตามคำที่อ่านไม่คิดอย่างอื่น
ความเห็นผิดมีทุกขณะที่มีตัวตนไปทำตามที่คิดและทำตามคนอื่นบอกทำตามเพราะไม่รู้
ไม่รู้คือคำว่ากิเลสเพราะกิเลสแปลจากบาลีเป็นไทยว่าไม่รู้ดัง่นั้นทุกคนกำลังมีกิเลสขณะนี้
ที่กำลังลืมตาดูแล้วไม่รู้ว่าตนมีกิเลสได้แต่อ่าน+ท่องทุกคำในพระไตรปิฎกได้แต่สัญญาจำผิด
คลาดเคลื่อนไม่ตรงความจริงที่กายใจตนเองกำลังมีความจริงที่ปรากฏกับอวิชชาของตนเดี๋ยวนี้
แปลว่าเดี๋ยวนี้แหละที่เรียกว่ากำลังมีอวิชชามีกิเลสมีความไม่รู้ทุกอย่างที่กำลังปรากฏกับไม่รู้ที่ตนมี
:b32:
การมีความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกเป็นทุกขณะที่กำลังรู้ตรงคำสัจจะวาจาตรงตัวธัมมะที่กายกำลังมี
เดี๋ยวนี้เลยมีกิเลสการจะละกิเลสแปลว่าละไม่รู้ที่กำลังมีได้นั้นต้องกำลังคิดตามสิ่งที่กำลังฟังไม่ใช่ไปทำ
ที่ไปในที่ต่างๆเพราะอยากไปและที่ทำเพราะอยากทำแต่ไปและทำเพราะอยากเป็นโลภะคือโลภะ+โมหะ
มีแต่คิดพูดทำไปตามเห็นที่กำลังเห็นเป็นคนสัตว์วัตถุสถานที่ของตนเพราะคิดว่ามีคนสัตว์วัตถุสถานที่ไง
:b13:
อ่านทบทวนซ้ำไปซำมาแล้วก็คิดแต่แต่คำที่อ่านข้างบนนั้นช้าๆทีละคำลืมตาปริบยังไม่ทำอะไรก็มีกิเลส
:b32: :b17:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wink
ตายแล้วเกิดคือเดี๋ยวนี้ที่กะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าตะกี้กำลังมีเกิดดับคือมีกิเลสเป็นขณะๆ
เก่าก็ไม่รู้ใหม่ก็ยังมาไม่ถึงเดี๋ยวนี้ที่กำลังไม่รู้เรียกว่ากำลังมีกิเลสจะให้ว่าไงคะ
ขณิกมรณะรู้ได้จากการฟังพระพุทธพจน์โดยลืมตาดูเป็นขณิกสมาธิจิตตั้งมั่นตรงขณะ
:b32:
แล้วเอาเงินไปถวายน่ะให้ใครรู้ไหมตถาคตแสดงว่าอลัชชีคือผู้ไม่มีหิริโอตัปปะ
ทุกคำคือเดี๋ยวนี้มีตรงตามคำตถาคตทุกคำแต่ไม่เคยคิดได้เอาอะไรมาเป็นปัญญา
ฌานเกิดตามลำดับเวลาทำฌานคือหลับตาทำและบรรลุฌาน123...ถูกต้องไหมคะ
และวิธีทำญาณคือปัญญาทำได้ทุกท่าแต่ต้องกำลังลืมตาดูและกำลังฟังพระพุทธพจน์
เพราะปัญญาทำได้ต้องเหมือนฌานแต่ถ้าไม่ผ่านสุตะก็ไม่ใช่ทำญาณคือ1สัจญาณ2กิจญาณ3กตญาณ
คือ1ปริยัติ=สัจญาณ2ปะติปัตติ=กิจญาณ3ปะติเวธะ=กตญาณเกิดปัญญาเริ่มต้นที่ฟังไม่ใช่ทำฌาน
คนไทยใช้คำแบบนี้คือปริยัติปฏิบัติปฏิเวธคิดว่าเป็นการเรียนแบบวิชาการทางโลกเข้าใจผิดแล้วน๊า
เวลาอ่านเขาอ่านแบบนี้ปะริยัตติปะติปัตติปะติเวธะเป็นการทำสัจจะญาะกิจจะญาณะกะตะญาณะ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 29 มิ.ย. 2018, 10:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
wink
ตายแล้วเกิดคือเดี๋ยวนี้ที่กะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าตะกี้กำลังมีเกิดดับคือมีกิเลสเป็นขณะๆ
เก่าก็ไม่รู้ใหม่ก็ยังมาไม่ถึงเดี๋ยวนี้ที่กำลังไม่รู้เรียกว่ากำลังมีกิเลสจะให้ว่าไงคะ
ขณิกมรณะรู้ได้จากการฟังพระพุทธพจน์โดยลืมตาดูเป็นขณิกสมาธิจิตตั้งมั่นตรงขณะ
:b32:
แล้วเอาเงินไปถวายน่ะให้ใครรู้ไหมตถาคตแสดงว่าอลัชชีคือผู้ไม่มีหิริโอตัปปะ
ทุกคำคือเดี๋ยวนี้มีตรงตามคำตถาคตทุกคำแต่ไม่เคยคิดได้เอาอะไรมาเป็นปัญญา
ฌานเกิดตามลำดับเวลาทำฌานคือหลับตาทำและบรรลุฌาน123...ถูกต้องไหมคะ
และวิธีทำญาณคือปัญญาทำได้ทุกท่าแต่ต้องกำลังลืมตาดูและกำลังฟังพระพุทธพจน์
เพราะปัญญาทำได้ต้องเหมือนฌานถ้าไม่ผ่านสุตะก็ไม่ใช่ทำญาณคือ1สัจญาณ2กิจญาณ3กตญาณ
คือ1ปริยัติ=สัจญาณ2ปะติปัตติ=กิจญาณ3ปะติเวธะ=กตญาณเกิดปัญญาเริ่มต้นที่ฟังไม่ใช่ทำฌาน
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:



ดูแล้วขำ จับแพะชนแกะมั่วไปหมด คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
ตายแล้วเกิดคือเดี๋ยวนี้ที่กะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าตะกี้กำลังมีเกิดดับคือมีกิเลสเป็นขณะๆ
เก่าก็ไม่รู้ใหม่ก็ยังมาไม่ถึงเดี๋ยวนี้ที่กำลังไม่รู้เรียกว่ากำลังมีกิเลสจะให้ว่าไงคะ
ขณิกมรณะรู้ได้จากการฟังพระพุทธพจน์โดยลืมตาดูเป็นขณิกสมาธิจิตตั้งมั่นตรงขณะ
:b32:
แล้วเอาเงินไปถวายน่ะให้ใครรู้ไหมตถาคตแสดงว่าอลัชชีคือผู้ไม่มีหิริโอตัปปะ
ทุกคำคือเดี๋ยวนี้มีตรงตามคำตถาคตทุกคำแต่ไม่เคยคิดได้เอาอะไรมาเป็นปัญญา
ฌานเกิดตามลำดับเวลาทำฌานคือหลับตาทำและบรรลุฌาน123...ถูกต้องไหมคะ
และวิธีทำญาณคือปัญญาทำได้ทุกท่าแต่ต้องกำลังลืมตาดูและกำลังฟังพระพุทธพจน์
เพราะปัญญาทำได้ต้องเหมือนฌานถ้าไม่ผ่านสุตะก็ไม่ใช่ทำญาณคือ1สัจญาณ2กิจญาณ3กตญาณ
คือ1ปริยัติ=สัจญาณ2ปะติปัตติ=กิจญาณ3ปะติเวธะ=กตญาณเกิดปัญญาเริ่มต้นที่ฟังไม่ใช่ทำฌาน
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:



ดูแล้วขำ จับแพะชนแกะมั่วไปหมด คิกๆๆ

:b32:
"คนไทยใช้คำแบบนี้คือปริยัติปฏิบัติปฏิเวธคิดว่าเป็นการเรียนแบบวิชาการทางโลกเข้าใจผิดแล้วน๊า
เวลาอ่านเขาอ่านแบบนี้ปะริยัตติปะติปัตติปะติเวธะเป็นการทำปัญญาตรงกับชื่อของปัญญาว่า
สัจจะญาณะ กิจจะญาณะ กะตะญาณะ"
ปล.ต้องเรียงตามลำดับไม่เกิดข้ามขั้นเหมือนฌานก็ไม่ข้าม1ไป8คิดสิทำปัญญาข้ามไป3ภาวนาผิดไหมคะ
เรียงลำดับให้มันถูกฌานกับญาณมันเป็นคนละตัวธัมมะรู้ไหมคะ :b13:
:b32:
ขำไปเทอะคิดให้ตรงตามปกติ
ที่คนปกติคิดถูกตามได้ทีละคำ
มีต่อนะที่แก้ไขเพิ่มเติมยืนยันว่า
อ่านแล้วคิดให้มันตรงที่กายใจตัวเองเท่านั้น
คือกัมมะฐานะคือฐานนะที่จะรู้จักตนเองตามปกติที่ตั้งงาน
คือกายใจตนเองมีคนเยอะไหมคะคุณกบคุณกรัชกายคุณเช่นนั้นแต่ตถาคตบอกไม่มีคนน๊า
มีแต่ข้อความที่อ่านในหัวแล้วไตร่ตรองตามได้เท่านั้นไม่ใช่คิดต่อเองนั่นเลยขณะนี้
:b12: :b4:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เหตุผลที่คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันทีเพราะ
ทุกคนไม่ได้เห็นสีแค่สีเดียวอย่างตถาคตจึงต้องฟังเพื่อ
เข้าใจถูกตามได้เท่านั้นก็สภาพธรรมกำลังมีกำลังเกิดดับ
คือมีแล้วตรงตามคำสอนทุกคำเพราะคำสอนเป็นทศพลญาณ
ทรงอธิบายรายละเอียดไว้หมดทั้งสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิดและสาวก
คือผู้ฟังคำสอนล้วนต้องไปเข้าเฝ้าเพื่อฟังว่าจะแสดงคำใดให้เข้าใจ
เขาฟังธรรมคนที่เข้าใจก็มี2แบบคือ1ขอบวฃ2กลับบ้านตามอัธยาศัย
ที่ขอบวชเป็นการปฏิญานตนว่าตนทำตามตถาคตได้คนอื่นจึงกราบ
ถามว่ามาบวชแล้วเนี่ยยังมีความเห็นผิดขโมยชาวบ้านกินผิดไหม
:b12:
:b4: :b4:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
เหตุผลที่คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันทีเพราะ
ทุกคนไม่ได้เห็นสีแค่สีเดียวอย่างตถาคตจึงต้องฟังเพื่อ
เข้าใจถูกตามได้เท่านั้นก็สภาพธรรมกำลังมีกำลังเกิดดับ
คือมีแล้วตรงตามคำสอนทุกคำเพราะคำสอนเป็นทศพลญาณ
ทรงอธิบายรายละเอียดไว้หมดทั้งสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิดและสาวก
คือผู้ฟังคำสอนล้วนต้องไปเข้าเฝ้าเพื่อฟังว่าจะแสดงคำใดให้เข้าใจ
เขาฟังธรรมคนที่เข้าใจก็มี2แบบคือ1ขอบวฃ2กลับบ้านตามอัธยาศัย
ที่ขอบวชเป็นการปฏิญานตนว่าตนทำตามตถาคตได้คนอื่นจึงกราบ
ถามว่ามาบวชแล้วเนี่ยยังมีความเห็นผิดขโมยชาวบ้านกินผิดไหม
:b12:
:b4: :b4:


ถามเหมือนคนสิ้นคิด ขโมยเขาเนี่ยมันผิดทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าพระไม่ว่าคฤหัสถ์ คิกๆๆ ยิ่งคิดยิ่งเขียนยิ่งเลอะเทอะ เหมือนโคลนทางเข้าถ้ำขุนน้ำนางนอนเลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูดิเลอะเทอะ

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คำพระสอน..

"ปัญญาสูงสุดในพระพุทธศาสนา คืออริยสัจ ๔
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์และพระอรหันต์สาวกทุกองค์ ต่างก็บรรลุธรรมพ้นทุกข์ได้ด้วยอริยสัจด้วยกันทั้งสิ้น มีทางนี้ทางเดียว ทางอื่นไม่มี
หรือให้จำสั้น ๆ ว่า กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ คืออริยสัจ"


:b8: :b8: :b8:



กบบอกด้วย พระอะไรสอน :b10: พระกบเองป่าว

น่าจะเป็นพระเลอะเทอะนะ กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ คือ อริยสัจ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
เหตุคือมีกิเลสอวิชชาคือไม่รู้ความจริงทั้งหมดแปลว่าไม่มีปัญญา
ปัจจัยคือเห็นผิดเพราะเห็นเป็นใหญ่เป็นประธานรู้ว่าจำผิดเห็นคน
:b32: :b17:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร