วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 20:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 16 มิ.ย. 2018, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เราต้องคิดเอง
ใครก็คิดแทนเราไม่ได้ครับ
คิด โยนิโสมนสิการ ก็เป็นการคิดเองครับ
ความคิดในชั้นเปิดชวนะวิถี เป็นกิริยา
ใครเปิดแทนไม่ได้ครับ ต้องคิดเองครับ

Kiss
ที่เห็นทุกอย่างตรงหน้า
ยังไม่ได้พูดอะไรเลย
ก็จำผิดแล้วนี่คะ
เป็นอกุศล
มีกิเลส
เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้วจร้า
กำลังเห็นและระลึกตรงจริงไม่ได้
เกิดกิเลสใหม่ดับนอนในจิตตลอดเวลา
จนกว่าจะเริ่มฟังแล้วคิดถูกตามได้จึงเริ่ม
มีโสภณเจตสิกที่ดีงามตามระลึกตรงคำที่กำลังได้ยิน
ข้ามสุตมยปัญญามีตัวตนไปทำเป็นมิจฉามรรคอ่ะค่ะ
:b13: :b20:

เกิดกิเลสใหม่ดับนอนในจิตตลอดเวลา
คิดเองหรือเปล่าครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 17 มิ.ย. 2018, 18:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพระสอน

" อย่าสนใจเหตุการณ์ภายนอกที่เกิดขึ้น ให้ปล่อยวางให้มากที่สุด เนื่องจากเป็นการสนใจในจริยาของผู้อื่น เป็นการขวางกั้นมรรคผลนิพพาน ไม่มีประโยชน์ มีแต่โทษพิจารณาจุดนี้เอาไว้ให้ดี แล้วมุ่งเอาแต่งานของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานรักษาจิตของตนเอง ให้พ้นจากอำนาจของกิเลสที่ครอบงำจิต งานนี้เป็นงานหลักที่สำคัญที่สุดในชีวิต เนื่องจากวันคืนล่วงไป ความตายก็ใกล้เข้ามาทุกที ยังมัวแต่ประมาทในชีวิต ไม่รักษาความดี อาจจักสายเกินไปสำหรับการมุ่งตัดกิเลสเพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน "

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 00:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เราต้องคิดเอง
ใครก็คิดแทนเราไม่ได้ครับ
คิด โยนิโสมนสิการ ก็เป็นการคิดเองครับ
ความคิดในชั้นเปิดชวนะวิถี เป็นกิริยา
ใครเปิดแทนไม่ได้ครับ ต้องคิดเองครับ

Kiss
อ่านพระไตรปิฎกเจอไหมคะพระสาวกอรหันต์สงสัยยังต้องไปถามพระพุทธเจ้า
ขนาดพระอรหันต์ยังคิดเองไม่ได้แล้วคุณเช่นนั้นจะยังเพลินคิดเองต่อไปงั้นรึคะ
หรือจะเริ่มเพียรสะสมปัญญาเพราะทั้งปัญญาและกิเลสเกิดดับได้ทีละ1ขณะจิต
คือกุศลและอกุศลไม่เกิดปนกันดังนั้นคิดเองไปตามเห็นผิดของตนเป็นกิเลสค่ะ
จะเริ่มเข้าใจถูกตรงขณะคือคิดถูกตามสะสมกุศลตอนกำลังคิดตามคำสอนค่ะ
ลองทบทวนช้าๆทีละคำว่า1ขณะคือเดี๋ยวนี้รู้ไหมว่ากำลังสะสมขณะกุศลหรืออกุศล
ถ้าไม่รู้เรียกว่ามีกิเลสค่ะคือไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีไม่รู้เพราะลืมว่าสุตมยปัญญายังไม่มี
ปัญญาอื่นคือไม่มีการตรืตรองจึงคิดผิดตามที่คิดเองจึงภาวนาผิดจึงเกิดปัญญาไม่ได้ค่ะ
:b11: :b13:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 01:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เราต้องคิดเอง
ใครก็คิดแทนเราไม่ได้ครับ
คิด โยนิโสมนสิการ ก็เป็นการคิดเองครับ
ความคิดในชั้นเปิดชวนะวิถี เป็นกิริยา
ใครเปิดแทนไม่ได้ครับ ต้องคิดเองครับ

Kiss
ที่เห็นทุกอย่างตรงหน้า
ยังไม่ได้พูดอะไรเลย
ก็จำผิดแล้วนี่คะ
เป็นอกุศล
มีกิเลส
เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้วจร้า
กำลังเห็นและระลึกตรงจริงไม่ได้
เกิดกิเลสใหม่ดับนอนในจิตตลอดเวลา
จนกว่าจะเริ่มฟังแล้วคิดถูกตามได้จึงเริ่ม
มีโสภณเจตสิกที่ดีงามตามระลึกตรงคำที่กำลังได้ยิน
ข้ามสุตมยปัญญามีตัวตนไปทำเป็นมิจฉามรรคอ่ะค่ะ
:b13: :b20:

เกิดกิเลสใหม่ดับนอนในจิตตลอดเวลา
คิดเองหรือเปล่าครับ

Kiss
ก็ลองใช้สติปัญญาของตนเองที่คิดว่ามีและคิดเองได้
ลองฟังแล้วทบทวนตนเองว่าจะเริ่มเข้าใจอะไรได้บ้างค่ะ
:b39:
ผู้ใหญ่ต้องฟังธัมมะ
ให้เข้าใจถึงจะไม่
ปลูกฝังสิ่งผิดๆ
ให้ลูกหลาน
ให้เด็กฟัง
ด้วยปัญญาเขาเอง
ปัญญายกให้กันไม่ได้
อวิชชาคือความไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
https://youtu.be/-s3MmUrCY-k
:b44: :b44:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 01:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คำพระสอน
"อย่ากังวลใจกับร่างกาย เพราะทุกอย่างเป็นกฎของธรรมดา ไม่มีใครหนีกฎธรรมดาไปได้ ความเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นกฎของธรรมดาเช่นกัน อย่าพึงคิดว่ามีอะไรผิดธรรมดา ร่างกายที่เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะกฎของกรรม ถ้าหากชำระจิตให้สะอาดจากกิเลสได้แล้ว คำว่าเกิดอีกจักไม่มีขึ้นมาได้ในจิตเลย ที่พิจารณาว่าความโกรธ - โลภ - หลงเป็นตัวนำให้เกิด เพราะจิตมีความทะยานอยากอยู่ในกิเลสเหล่านี้ เป็นตัวตัณหาทำให้เกิดนั้นถูกต้องแล้ว หมั่นพิจารณากลั่นกรองจิตให้ออกจากตัณหา คือความทะยานอยาก จิตก็จักพ้นทุกข์ ก้าวถึงพระนิพพานได้โดยง่าย"

:b8: :b8: :b8:

wink
ร่างกายเป็นสมมุติสัจจะมีจริงๆรึเปล่า
เพราะความจริงที่กำลังเกิดดับละเอียด
ไม่ใช่คนทั้งตัวแต่เป็นเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว
แค่ลักษณะธาตุดินน้ำลมไฟเกิดดับสลับกับรูปเสียงกลิ่นรส
6โลก6ทางสลับกันไม่ต่อกันเกิดดับสลับกันไม่ซ้ำทีละ1ตัวธัมมะ
เมื่อเป็นแต่ละ1ตัวธัมมะที่ตนไม่รู้ก็คือไม่รู้ส่งต่อไปบอกจิตผิดดับเป็นกิเลสใหม่
นอนมาเลยที่เรียกว่าเป็นอาสาวะนอนเนื่องในจิตรอการไหลไปตามเห็นผิดของตน
กะพริบตาเห็นรูปผิดจากคำสอนนั่นแหละมิจฉาทิฏฐิที่คิดเองตามเห็นเป็นมิจฉามรรค
:b12: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 20 มิ.ย. 2018, 02:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 01:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
การคิด...เป็นกระบวนการสำคัญในการบรรลุธรรม

คำสอนพระ

"พิจารณาร่างกายจักต้องทำให้สม่ำเสมอ จิตจึงจักสามารถเห็นร่างกายตามความเป็นจริงได้ อย่าทำเป็นคิดบ้าง ไม่คิดบ้าง ฉาบฉวยอยู่เรื่อยไปจักไม่ได้ผล ให้คิดให้เห็นความเป็นไปของร่างกาย ด้วยความยอมรับนับถือ จึงจักปล่อยวางได้ แต่การพิจารณาจักต้องใช้อนุโลม - ปฏิโลม พิจารณาร่างกายตนเองอย่างเดียว ก็จักทำให้มีอารมณ์เครียดและเบื่อหน่ายได้ จักต้องหันไปพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างในโลกด้วย อันทุก ๆ สภาพคือธาตุ ๔ เข้ามาประชุมกัน ก็เกิดเป็นเบื้องต้น มีเสื่อมเป็นท่ามกลาง มีความสลายตัวไปในที่สุดเหมือนกัน เมื่อพิจารณาแล้วก็ให้ยอมรับกฎของธรรมดาเหล่านี้ จิตจักเยือกเย็นและเป็นสุข ไม่ดิ้นรนฝืนกฎของธรรมดาเช่นในปัจจุบันนี้"

:b8: :b8: :b8:

Kiss
ทุกอย่างมีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดาที่ลืมตาตื่นเห็นมีแล้ว
ครบ6ทางด้วยกำลังลืมตาตื่นรู้อยู่และเป็นจิตเจตสิกรูปนิพพาน
กำลังมีตรงตามคำสอนทุกคำเพราะคำจริงที่ตถาคตรู้ทั่วถึงหมด
จึงมากล่าวบอกอย่างละเอียดอธิบายให้เข้าใจเพื่อให้คิดถูกตาม
ไม่ใช่ให้ไปนั่งเทียนอ่านเองโดยมีแต่ความสงสัยโดยไม่ฟังสาวก
ที่เข้าใจถูกและสามารถกล่าวตามคำจริงของตถาคตให้เข้าใจได้
จะคิดเองต่อไปหรือจะเริ่มฟังควรพิจารณาว่าตนไม่ได้เห็นสีชัวร์ป๊าบ
เพราะผู้ที่จะรู้ความจริงคนต่อไปคือพระศรีอริยเมตตรัยที่จะมากล่าวให้รู้อีก
ถ้าไม่สะสมการฟังคำจริงเพื่อเข้าใจจะไม่มีทางฟังรู้เรื่องเพราะปัญญามีไม่พอ
ปล่อยวางได้มีแต่คนตายค่ะแค่เห็นสีแต่ที่ดูอยู่นี่เห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุจริงไหมคะ
:b44: :b44:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 01:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การคิด...เป็นกระบวนการสำคัญในการบรรลุธรรม

คำสอนพระ....
.
.
.

:b8: :b8: :b8:


นี่เขาไม่หลับไม่นอนกันใช่มั๊ยยย

:b32: :b32: :b32:

:b12:
ตื่นมาอ่านพอดีเลยตอบแล้วก็นอนต่อค่ะ
:b29:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 02:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูท่าจะคุยกับคนไม่มีสติสตังค์
คิดเองไม่เป็น

เพราะคิดเองผิดทันที

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ดูท่าจะคุยกับคนไม่มีสติสตังค์
คิดเองไม่เป็น

เพราะคิดเองผิดทันที

Onion_L
คำของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแจกแจงธัมมะละเอียดเพื่อมิให้สาวกต้องคิดเอง
เพราะทุกคำที่เปล่งคำวาจาสัจจะจริงทุกคำทุกขณะ
ตรงจริงทุกคำตรงสัจจะทุกกาลทุกเวลาทุกสถานที่
ความตรงจริงเป็นความถึงที่สุดทุกคำซึ่งเปลี่ยนไม่ได้
จิตเห็นทีละ1สีได้ยินทีละ1เสียงได้กลิ่นทีละ1กลิ่น
รู้รสทีละ1รสสัมผัสทีละ1ผัสสะกระทบทีละ1ดับทันที
1ขณะจิตมีภวังคแทรกคั่น2ต่อก่อนดับแล้วไม่กลับมาอีก
เช่น//คือภวังค์(//จิตเห็นดับ//มโนทวาร//จิตรู้รส//มโนทวาร//...)
1ชาติคือ(//ปฏิสนธิ//...วิถึจิต6ทางส่งต่อมโนทวาร...//จุติจิต//
วิถีจิตคือ(//เห็น//มโน//ได้ยิน//มโน/คิด//มโน//เสียง//มโน//)ทุกวัน
กะพริบตานับประมาณการดับของจิตนับไม่ถ้วนเอากิเลสออกตอนไหนคะ
แค่กะพริบตาเอาไม่ทันเลยแม้1ตัวธัมมะดับแล้วทั้งตัวครบ6ทางเป็นอวิชชาตน
เพราะตนไม่ได้กำลังเห็นสีเพียง1สีและจิตเห็นดับแค่3ขณะกิเลสไหลครบ6ทาง
เอาอะไรมาคิดเองไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเพื่อให้คิดถูกตามเกิดสัมมาตามได้เลย
คุณเช่นนั้นไม่เข้าใจหรือคะที่บอกว่าผู้ตรัสรู้จากคิดเองได้มี2คนเท่านั้นคนอื่นต้องคิดตาม
ยุคนี้มีพระพุทธเจ้าแต่ดับขันธปรินิพพานไปแล้วคำสอนก็ยังมีอยู่จึงไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าแน่ๆ
แล้วตัวเองไม่รู้จักตนเองตามเป็นจริงว่าไม่รู้มัวแต่คิดเองสะสมแต่อวิชชาเป็นสาวกไม่ฟังคิดเองได้ไงคะ
ผู้ที่ตรัสรู้จากการคิดเองได้มี2คนคือชาติสุดท้ายของ1พระพุทธเจ้า2พระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้นตนเป็นรึ
:b13: :b13:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 07:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนสงฆ์สาวก
...................
"สิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี สิ่งไหนเป็นสุข สิ่งไหนเป็นทุกข์ เมื่อรู้แล้ว สัมผัสแล้ว จะเก็บไว้ทำไม ให้ทิ้งไปซะ ไม่ยึด ไม่ถือ ไม่คิด

ปล่อยวาง อย่าเก็บมันเอาไว้ เพราะมันจะเหมือนลูกโป่ง เมื่อเป่าลมเข้าไป ๆ ไม่นานมันก็แตก"

หลวงปู่ลี ธัมมธโร
.............

"จงรีบไปทำบุญทำกุศล สืบต่อไป เพื่อเป็นการหากำไรของชีวิต
เพราะชีวิตเรา มันน้อยนักหนา ที่อยู่ถึงร้อยปีมันก็ยาก"

หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป

..................

ในพระพุทธศาสนาแสดงว่าบุญกับบาปสงเคราะห์ เข้ากันไม่ได้ บุคคลที่ได้ทำบาปทำอกุศลไว้แล้วจะทำบุญแก้บาปก็ แก้ไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ที่จะละบาปบำเพ็ญบุญนั้น จะต้องทำอย่าง ไรกัน

ก็ต้องตอบได้ง่าย ๆ ว่า ไม่มีวิธีอย่างอื่น นอกจากวิธีแก้จิต เพราะเหตุว่า วิธีแก้จิต เป็นหัวใจแห่งพระพุทธศาสนา แลเป็นหัวใจ แห่งสมถะ และวิปัสนากัมมัฎฐาน มีในพระบาลีก็แสดงให้รู้แจ้งรู้แล้ว ว่า

พระพุทธเจ้าก็ดี พระอริยสงฆ์ สาวกเจ้าก็ดี ล้วนแต่ได้ทรงแก้จิต มาแล้วทั้งนั้น จึงสำเร็จพระโพธิญาณ แลสาวกบารมีญาณ พ้นจากทุกข์ ในวัฎฎสงสารไปได้ เมื่อบุคคลมาแก้ไขซึ่งจิตของตน ให้บริสุทธิ์เรียบร้อย

แล้วบาปอกุศลที่ตนทำไว้ทั้งหลาย ก็หลุดหายไปเอง อุทาหรณ์ข้อนี้ถึง เห็นองคุลีมาลเป็นตัวอย่างวิธีแก้จิตก็คือวิธีนั่งสมาธินี้เอง

หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม
...................


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 07:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนพระ..

"หัดปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทิ้งไป จักได้รู้จักความสงบของจิตใจ เพียรฝึกให้บ่อย ๆ สะสมอารมณ์สงบสุขวันละนิดละหน่อยต่อ ๆ ไป จิตก็จักทรงตัวได้ ทุกอย่างจักต้องอาศัยความเพียร อย่าคิดว่าอารมณ์ปล่อยวางเป็นของง่ายดาย เนื่องจาก นิสัยเดิมของทุกคนชอบเกาะความโกรธ - ความโลภ - ความหลงอยู่ในอารมณ์เป็นทุนเดิมของจิตใจ การจักปล่อยวางให้ได้ผล จักต้องรู้จักพิจารณาถึงโทษของการเกาะติด มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่าพึงหงุดหงิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วางใจให้เป็นปกติ อนึ่ง อย่าเห็นปัญหาอื่นใดสำคัญไปยิ่งกว่าการรักษาจิตใจของตนเอง ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสบายใจของตนเอง"

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คำสอนพระ..

"หัดปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทิ้งไป จักได้รู้จักความสงบของจิตใจ เพียรฝึกให้บ่อย ๆ สะสมอารมณ์สงบสุขวันละนิดละหน่อยต่อ ๆ ไป จิตก็จักทรงตัวได้ ทุกอย่างจักต้องอาศัยความเพียร อย่าคิดว่าอารมณ์ปล่อยวางเป็นของง่ายดาย เนื่องจาก นิสัยเดิมของทุกคนชอบเกาะความโกรธ - ความโลภ - ความหลงอยู่ในอารมณ์เป็นทุนเดิมของจิตใจ การจักปล่อยวางให้ได้ผล จักต้องรู้จักพิจารณาถึงโทษของการเกาะติด มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่าพึงหงุดหงิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วางใจให้เป็นปกติ อนึ่ง อย่าเห็นปัญหาอื่นใดสำคัญไปยิ่งกว่าการรักษาจิตใจของตนเอง ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสบายใจของตนเอง"

:b8: :b8: :b8:



การปล่อยวาง มันต้องเกิดจากปัญญาที่รู้เห็นความจริงแล้วมันก็ปล่อยวางเอง ไม่ใช่ปล่อยวาง ซึ่งเกิดจากมโนเอา มันจะเหมือนนิครนถ์หรือออกแนวๆนั้น เดินแก้ผ้า ไม่ถึงกับแก้ผ้า ก็ทำท่าทำทางว่า ฉัน ข้า ปล่อยวางแล้ว เช่น เดินสะพายย่าม นุ่งกางเกงขาก้วย ถือไม้เท้า กล่อนผม :b32: เพื่อให้เขาเห็นว่า ปล่อยวางแล้วจ้า :b13:

อนึ่ง เห็นกบอ้างหลายที่หลายทีแล้ว คำสอนพระ พระอะไรบอกหน่อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 08:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ให้พิจารณาที่เนื้อธรรมะ...จะดีกว่า..หากพิจารณาแล้วไม่เห็นสาระ..ก็ไม่ต้องจดจำ

ดีกว่า...มาพิจารณาว่าใครกล่าว


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 08:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพระสอน..

"ให้เห็นการป่วยเจ็บเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็ห้ามความแก่ ความเจ็บ ความตายไปไม่ได้ ทุกชีวิตเป็นไปตามกฎของกรรม แม้แต่พวกเจ้าเองก็หนีกฎของกรรมไปไม่พ้น เห็นคนแก่ตายก็ดี เห็นคนหนุ่มสาวตายก็ดี ให้พิจารณาว่า แม้แต่ร่างกายพวกเจ้าเองก็มีโอกาสตายได้ตลอดเวลา จักได้ไม่ประมาทในชีวิต ให้ทำใจปล่อยวางเอาไว้เสมอ โดยยอมรับกฎของกรรมที่เกิดขึ้น ให้เห็นร้ายก็ดี เหตุดีก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากความแก่ - ความเจ็บ - ความตายจักเกิดขึ้นกับพวกเจ้า จงพึงกำหนดรู้ว่านี่เป็นกฎธรรมดา แล้วหมั่นชำระจิตให้ผ่องใสยอมรับกฎของธรรมดานั้น ไม่เศร้าใจ - ไม่เสียใจ - ไม่ยินดี - ไม่ยินร้าย รักษาอารมณ์อุเบกขารมณ์ เอาไว้ให้ดี เฉยโดยการยอมรับกฎของธรรมดา จิตก็จักเป็นสุข ไม่ดิ้นรน ฝืนกฎของความเป็นจริง แล้วจิตนี้แหละเมื่อมีกำลังมั่นคงแล้ว ก็จักเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้โดยง่าย"

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 20 มิ.ย. 2018, 09:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
คำสอนพระ..

"หัดปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทิ้งไป จักได้รู้จักความสงบของจิตใจ เพียรฝึกให้บ่อย ๆ สะสมอารมณ์สงบสุขวันละนิดละหน่อยต่อ ๆ ไป จิตก็จักทรงตัวได้ ทุกอย่างจักต้องอาศัยความเพียร อย่าคิดว่าอารมณ์ปล่อยวางเป็นของง่ายดาย เนื่องจาก นิสัยเดิมของทุกคนชอบเกาะความโกรธ - ความโลภ - ความหลงอยู่ในอารมณ์เป็นทุนเดิมของจิตใจ การจักปล่อยวางให้ได้ผล จักต้องรู้จักพิจารณาถึงโทษของการเกาะติด มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่าพึงหงุดหงิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วางใจให้เป็นปกติ อนึ่ง อย่าเห็นปัญหาอื่นใดสำคัญไปยิ่งกว่าการรักษาจิตใจของตนเอง ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสบายใจของตนเอง"

:b8: :b8: :b8:



การปล่อยวาง มันต้องเกิดจากปัญญาที่รู้เห็นความจริงแล้วมันก็ปล่อยวางเอง ไม่ใช่ปล่อยวาง ซึ่งเกิดจากมโนเอา มันจะเหมือนนิครนถ์หรือออกแนวๆนั้น เดินแก้ผ้า ไม่ถึงกับแก้ผ้า ก็ทำท่าทำทางว่า ฉัน ข้า ปล่อยวางแล้ว เช่น เดินสะพายย่าม นุ่งกางเกงขาก้วย ถือไม้เท้า กล่อนผม :b32: เพื่อให้เขาเห็นว่า ปล่อยวางแล้วจ้า :b13:

อนึ่ง เห็นกบอ้างหลายที่หลายทีแล้ว คำสอนพระ พระอะไรบอกหน่อย

:b35: :b35: :b35:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร