วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 17:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 06:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว




20180611_191802.jpg
20180611_191802.jpg [ 198.87 KiB | เปิดดู 4171 ครั้ง ]
วิปัสสนูกิเลส ๑๐ อย่าง
นั้นเป็นของดี จะเกิดขึ้นแก่บุคคลที่เจริญกรรมฐานที่ถูกต้องเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนิกัณตัณหามาแทรกได้ ๆ แก่ตัณหา ๓ คือ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ

วิปัสสนูปกิเลสจะไม่เกิดขึ้นแก่

พระอริยสาวก ผู้บรรลุปฏิเวธแล้ว
ผู้ปฏิบัติผิด (เริ่มต้นมาแต่ศีลวิบัติ)
ผู้ละทิ้งกรรมฐาน
บุคคลเกียจคร้าน (แม้ปฏิบัติถูกมาแต่เริ่มต้น)
แต่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติโดยชอบ ประกอบความเพียร ผู้เริ่มต้นบำเพ็ญวิปัสสนาแล้ว เท่านั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


ในความหมายของภาพก็เพิ่อจะสิ่อให้รู้ว่าการปฏิบัติธรรมที่
เดินทางมาทางถูกแล้ว แต่ก็ต้องมาพบกับวิปัสสนูกิเลส ๑๐
หรือจะเรียกว่าอุปกิเลสก็ได้ ขวางทางอยู่ ถ้าจะหยุดยินดีพอใจ
กับอุปกิเลสทั้ง ๙ (หมายถึงกล้วยที่น่ากิน)ถ้าผู้ฉลาดในอุปกิเลส
ก็จะผ่านญาณไปได้
การสร้างภาพขึ้นมาก็เพื่อสื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมจะได้จำได้ง่ายขึ้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ในความหมายของภาพก็เพิ่อจะสิ่อให้รู้ว่าการปฏิบัติธรรมที่
เดินทางมาทางถูกแล้ว แต่ก็ต้องมาพบกับวิปัสสนูกิเลส ๑๐
หรือจะเรียกว่าอุปกิเลสก็ได้ ขวางทางอยู่ ถ้าจะหยุดยินดีพอใจ
กับอุปกิเลสทั้ง ๙ (หมายถึงกล้วยที่น่ากิน)ถ้าผู้ฉลาดในอุปกิเลส
ก็จะผ่านญาณไปได้

การสร้างภาพขึ้นมาก็เพื่อสื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมจะได้จำได้ง่ายขึ้น



จขทก.ว่าจะต้องทำยังไง ถึงผ่านไปได้

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเหมือนโดนไฟช็อต

รู้สึกมาหลายครั้งแล้วค่ะ พอจิตเริ่มนิ่งอยู่กับลมแล้ว รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต แบบจั้กจี้ ใครเคยเป็นบ้างคะ เราต้องเลิกนั่งเพราะเหตุนี้หลายครั้งแล้วค่ะ ไม่สบายตัวแบบแปลกๆ และเป็นเฉพาะช่วงที่ความคิดรบกวนน้อยลง


อะไรผ่านญาณไปได้ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2010, 09:54
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุปกิเลส ๑๐ คือ ฌาน ที่ทำให้หลงคิดว่าตัวเองบรรลุมรรคผล
เลยพลอย ทำให้ วิปัสสนาฯหยุดชงัก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


คิดจะตอบอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าไม่รู้จะตอบยังไงที่ไม่ซ้ำ
หรือไปตรงกับคนอื่น เพราะคำตอบที่ถูกมันมีคำตอบเดียว
ให้ไปหาเอาเองดีกว่า พยายามอธิบายให้ตายก็จะได้คำตอบที่ว่า
ไปก๊อปเขามาทั้งดุ้น...มันจะได้ประโยชน์อะไร

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 10:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
คิดจะตอบอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าไม่รู้จะตอบยังไงที่ไม่ซ้ำ
หรือไปตรงกับคนอื่น เพราะคำตอบที่ถูกมันมีคำตอบเดียว
ให้ไปหาเอาเองดีกว่า พยายามอธิบายให้ตายก็จะได้คำตอบที่ว่า
ไปก๊อปเขามาทั้งดุ้น...มันจะได้ประโยชน์อะไร


คนประเภทนี้เป็นคนที่ลบหลู่คุณของคนแม้กระทั่งผู้มีคุณกับตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2010, 09:54
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่เน้นว่าเป็นฌานทั้ง 10 เพราะ ญาณ หนึ่งในอุปกิเลส๑๐ นั้นที่ จขกท เข้าใจมันผิด
ญาณ ในอุปกิเลส๑๐ คือ ญาณแปด(ที่เกิดจากสมถะ)ไม่ใช่ ญาณที่เกิดจากวิปัสสนา :b18:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุปกิเลสมันก็อุปกิเลส ฌานมันก็ฌาน ญาณมันก็ญาณ คนละเรื่องกันคนละอันกัน

ถึงได้ถามที่ว่า

อ้างคำพูด:
ถ้าผู้ฉลาดในอุปกิเลสก็จะผ่านญาณไปได้


จะผ่านญาณไปไหน ญาณ มันเป็นปัญญา :b32: มั่วเห็นๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2018, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว




cats (9).jpg
cats (9).jpg [ 99.09 KiB | เปิดดู 4098 ครั้ง ]
วิปัสสนูกิเลส ๑๐ ย่อมเกิดกับผู้ปฏิบัติมาอย่างถูกต้อง
หมายถึงว่าเริ่มต้นปฏิบัติเพียรศึกษาอย่างดีด้วย
ระดับที่ื๑ ถึง ญาณ ๑๖ ล้วนแล้วเป็นญาณที่มีปัญญาทั้งสิ้น
ปัญญาย่อมเห็นชัดพัฒนาปัญญาไปในระดับของปัญญาให้สูงขึ้นไปจนถึงขั้นสูง
เรียกว่าปัญญาขั้นประหารกิเลสได้ เป็นปัญญาในมรรคจิตและผลจิต

ผู้ฉลาดในกิเลสก็หมายความว่าเมื่ออุปกิเลสเกิดขึ้นตรงอุทยัพพยญาณ
เรียกว่าวิปัสสนูกิเลส ในเมื่อผู้ฉลาดจะไม่หลงไหลไปตามกิเลสนิกันติตัณหา
ในช่วงนี้ผู้ปฏิบัติจะเริ่มเห็นอะไรๆ ที่มันแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งชีวิต
จนอาจตื่นเต้นดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนนึกไปว่าตนเองน่าจะบรรลุแล้ว

อุปมาเหมือนหลุมดักผู้ปฏิบัติมาถูกทาง จนไม่สามารถจะผ่านกิเลสตรงนี้ไปได้
ก็หมายถึงปัญญายังไม่ฉลาดพอ

หรือจะอุปมาอีกอย่างหนึ่งว่าเหมือนผู้ศึกษาในชั้นเรียนในปีหนึ่ง ๆ
ก็ต้องทำการสอบเลื่อนชั้นให้สูงยิ่งๆขึ้นไปจนจบมหาวิทยาลัย
ดังนั้นการที่สอบผ่านมาได้ก็ต้องใช้ปัญญาทั้งนั้นจึงจะสอบผ่านได้
มิใช่ปัญญาชั้นระดับต้นๆ จะไปรู้ระดับปัญญาในตอนปลายได้
ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องพัฒนาปัญญาให้ฉลาดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
จนถึงปัญญาขั้นสูงสุด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 05:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อุปกิเลสมันก็อุปกิเลส ฌานมันก็ฌาน ญาณมันก็ญาณ คนละเรื่องกันคนละอันกัน

ถึงได้ถามที่ว่า

อ้างคำพูด:
ถ้าผู้ฉลาดในอุปกิเลสก็จะผ่านญาณไปได้


จะผ่านญาณไปไหน ญาณ มันเป็นปัญญา :b32: มั่วเห็นๆ


ที่พูดว่า ผู้ฉลาดในอุปกิเลส ก็จะผ่านญาณไปได้ .... จะผ่านญาณไปไหน ? จะผ่านปัญญาญาณไปไหน ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 06:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อุปกิเลสมันก็อุปกิเลส ฌานมันก็ฌาน ญาณมันก็ญาณ คนละเรื่องกันคนละอันกัน

ถึงได้ถามที่ว่า

อ้างคำพูด:
ถ้าผู้ฉลาดในอุปกิเลสก็จะผ่านญาณไปได้


จะผ่านญาณไปไหน ญาณ มันเป็นปัญญา :b32: มั่วเห็นๆ


ที่พูดว่า ผู้ฉลาดในอุปกิเลส ก็จะผ่านญาณไปได้ .... จะผ่านญาณไปไหน ? จะผ่านปัญญาญาณไปไหน ?


คำถามแบบเนี้ย ถึงจะตอบให้ได้ ปัญญาก็ไม่เจริญขึ้น เป็นคำถามที่ไม่ใช่อยากรู้
แต่เป็นคำถามที่จะกวนๆ เพื่อจะหาเรื่องคุยไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็เพื่อจะถามที่เพื่อให้ตอบไม่ได้
และไอ้ที่ตอบไปก็ไม่อ่าน หรืออ่านก็ไม่พิจารณาเพื่อจะทำให้สงสัย
ทั้งๆคำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว คือ ถามแล้วก็เอามาถามอีก
เป็นอย่างนี้ปัญญามันถึงไม่ไปไหน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อุปกิเลสมันก็อุปกิเลส ฌานมันก็ฌาน ญาณมันก็ญาณ คนละเรื่องกันคนละอันกัน

ถึงได้ถามที่ว่า

อ้างคำพูด:
ถ้าผู้ฉลาดในอุปกิเลสก็จะผ่านญาณไปได้


จะผ่านญาณไปไหน ญาณ มันเป็นปัญญา :b32: มั่วเห็นๆ


ที่พูดว่า ผู้ฉลาดในอุปกิเลส ก็จะผ่านญาณไปได้ .... จะผ่านญาณไปไหน ? จะผ่านปัญญาญาณไปไหน ?


คำถามแบบเนี้ย ถึงจะตอบให้ได้ ปัญญาก็ไม่เจริญขึ้น เป็นคำถามที่ไม่ใช่อยากรู้
แต่เป็นคำถามที่จะกวนๆ เพื่อจะหาเรื่องคุยไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็เพื่อจะถามที่เพื่อให้ตอบไม่ได้
และไอ้ที่ตอบไปก็ไม่อ่าน หรืออ่านก็ไม่พิจารณาเพื่อจะทำให้สงสัย
ทั้งๆคำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว คือ ถามแล้วก็เอามาถามอีก
เป็นอย่างนี้ปัญญามันถึงไม่ไปไหน



พูดเองแท้ๆ :b32:

ถ้ายังงั้น จขกท. คำถามนี่ จขกท.เรียนมาจากสำนักไหน ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่่มันอุปกิเลสทั้งนั้น คิกๆๆ แต่ จขกท. ไม่เข้าใจ

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเห็นตัวเองเป็นผู้ชาย

คือ ฝึกสมาธิเองมาตลอด มีหลายครั้งมากที่เกิดอาการแปลกๆกับตัวเอง เคยนั่งบริกรรมพุธ-โธไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ดีๆก็รู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่มาก...และอีกอย่างที่สำคัญ เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากบริกรรม ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกนิ่งมาก เห็นตัวเองไม่ใช่ตัวเองคะ เห็นตัวเองเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ตัดผมสั้น ใส่ชุดขาวทั้งชุด ภาพมันจะสลับกันไปคะ ระหว่างดิฉันกับผู้ชายคนนั้น และเห็นหลายวันมาก ทุกวันเป็นคนคนเดิมและคนเดียวกัน พอจะทราบไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น ดิฉันพยายามไม่สนใจคะ แต่ก็เห็นอยู่ดี


เรียนจากหนังสือจากตำหรับตำราข้างนอกแล้ว จะต้องทดสอบทดลองข้างในดูว่า มันจะจริงดังเขาว่าดังที่เรียนมาไหม ต้องลอง (เรียนภาคทฤษฎีแล้วต้องลองภาคปฏิบัติจริงด้วย) ลองไปลองมา ครั้นประสบกับอุปกิเลสที่ว่านั่นเข้าแล้ว ณ ตอนนั้นขณะนั้นตัวเองจะทำยังไงจึงจะผ่านอุปกิเลส กิเลสเหล่านี้เหล่านั้นไปได้ จะทำยังไง จึงผ่านไปได้ ตรงนี่แหละคือคำตอบทั้งหมดที่เรียนที่ศึกษามา ซึ่งจะเรียกว่า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ หรืออะไรก็เรียกไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถ้ายังงั้น จขกท. คำถามนี่ จขกท.เรียนมาจากสำนักไหน ?


รู้แล้วจะได้ปัญญาไหม

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็อุปกิเลส ที่เอาให้ดูหลายครั้งนั่นก็ด้วย

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเห็นคนนั่งก้มหน้า

คือ เวลาที่นั่งสมาธิสักพัก จิตเริ่มสงบแล้ว ก็เกิดนิมิตเห็นคนหรือวิญญาณไม่แน่ใจค่ะ นั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่ข้างๆเรา เจอหลายครั้ง บางทีก็มากันหลายคน มีอยู่ครั้งหนึ่งชัดเจนมาก มาด้วยกัน 4 คนค่ะ ผู้ชาย 2 คนหญิงอุ้มลูกเล็กๆอีกหนึ่ง เกิดจากอะไรคะ และทำอย่างไรคะหากเจอแบบนี้ แค่แผ่เมตตาพอหรือเปล่า



เราจะทำยังไง หรือบอกว่า ตัวใครตัวมัน คิกๆๆ ก็ตัวคนพูดด้วยนั่นแหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร