ถามว่ากบเชื่อที่เขาพูดรึ ? อวิชชาเหนียวมากๆว่าไปว่ามาอวิชชาขาดผึงก้นกระแทกพื้นเลย คล้ายๆเหมือนเราเล่นชักเย่อกัน ดึงกันไปดึงกันมา ฮื้ยเล่ฮื้ยๆๆ เชือกขาดผึงพากันหงายท้องเลย

1. เชื่อ

2. ไม่เชื่อ

3. อื่นๆ

ข้อไหน

ดูความหมายของ อวิชชา หน่อยว่าไม่รู้อะไร

อวิชชา ความไม่รู้จริง, ความหลงอันเป็นเหตุไม่รู้จริง มี ๔
คือ
ความไม่รู้อริยสัจจ์ ๔ แต่ละอย่าง (ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ทางให้ถึงความดับทุกข์)

อวิชชา ๘ คือ อวิชชา ๔ นั้น และเพิ่ม ๕ ไม่รู้อดีต ๖. ไม่รู้อนาคต ๗. ไม่รู้ทั้งอดีตทั้งอนาคต ๘. ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท

อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา, กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ทำให้ไม่รู้ตามความเป็นจริง (ข้อ ๓ ในอาสวะ ๓ ข้อ ๔ ในอาสวะ ๔)


พอรู้มันก็หลุดแล้ว ไม่น่าจะทำให้ถึงก้นกระแทกหัวฟาดแต่ประการใด หรือกบนอกกะลาจะเถียง

เอาความหมายอวิชชามาให้ดูแล้ว...แล้วกักกายเองเข้าใจหรือเห็นอวิชชา..ยัง?

เห็นมะ....ไม่แน่ใจ..เลยใช้คำว่า...."ไม่น่าจะ"

อย่างนี้ต้องใช้สำนวนสมิงขาว "มีเถียงๆๆ" อิอิ

เรื่องนี้ จะรู้ได้ชัดก็ด้วยข้ออุปมา ยืมสำนวนไทยโบราณดังว่า "เมืองไทยเรานี้แสนดีหนักหนา ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" คนฟังมองในน้ำในนาก็เป็นเช่นนั้น แค่นี้ถึงกับก้นกระแทกพื้นไหม ? ตอบ

1. กระแทกเลย

2. ไม่กระแทก ก็แค่รู้แค่เห็น ทำไมถึงก้นกะแทกพื้น (นอกจากถูกทีบ คิกๆๆ)

ข้อไหน

ใช้สำนวนไม่ถูก อวิชชา แปลว่าไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้ไม่ชี้ คิกๆๆ

"อวิชชาเหนียวแน่นมาก"...."ขาดกระเด็นออกจากจิต"....มันเป็นความรู้สึกของเขา...แล้วสื่อสารให้คนอื่นๆฟัง....จริงไม่จริง...ก็เรื่องของเขา

ส่วน..การจะเชื่อหรือไม่นั้น...ก็ขึ้นอยู่กับ..เคยประสพมามีส่วนคล้ายๆกันอยู่บ้าง..ก็เชื่อได้ง่าย...หรือศรัทธาต่อผู้พูดมั้ย..คนที่เขาศรัทธาเพราะใกล้ชิดรู้ปฏิปทาของผู้พูดดี..อันนี้ก็เชื่อได้ง่าย..

ถามมว่า..เชื่ออย่างที่ผู้พูด(น้องหลวงตา)..พูดมั้ย?

ส่วนตัวแม้ไม่เคยทราบปฏิปทาของผู้พูดมาก่อน...ก็ยังขอตอบว่า.."เชื่อ"

เชื่อว่า.."อวิชชาเหนียวแน่นมาก"....
เชื่อว่า.."ขาดกระเด็นออกจากจิต"...

ส่วนก้นใครจะกระแทกพื้นหรือไม่...เอายังงี้นะ...คุณเชื่อหรือไม่ว่า..คนเราตัวลอยจากพื้นได้..?..เอ้อ..ยังงี้ดีกว่า..

ถ้าตัวลอยได้....ก้นก็มีโอกาสกระแทกพื้นได้..ว่ามั้ยละ?

กบเชื่อไหมคนสมัยก่อนโน้นเหาะได้ กางเกงในไม่ใส่ด้วยนะ เหาะลิ่วๆ หล่นตุ๊บ ไม่เป็นไร

แต่..ประเด็นที่ผม..อ้างอิงมานี้..

มันอยู่ตรง..คำพูดของกักกาย..ที่มักพูดทำนอง..ตอดเล็กตอดน้อย..



อันเป็นนิสัยไม่ดีของกักกาย...

พูดแบบนี้.แบบว่า.." โชคดีที่หัวไม่ฟาดพื้น"..มันเข้าทำนอง....ลดเกียรติของบุคคลที่ 3...ทั้งๆที่..กักกายตั้งกระทู้..บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (สิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ ๑๐)
viewtopic.php?f=1&t=55272



กระผมเลยทัก..เรื่องนิสัย..ตอดเล็กตอดน้อย..ของกักกาย......ให้สำนึกระวังใว้บ้าง..เท่านั้น



นี้คือ..ประเด็น..

ตอบไม่ได้ไปที่ประเด็นตอด ก็นั่นแหละถึงได้ตอด เข้าใจไหม หือ

ไม่เห็นสาระ..เลยไม่รู้จะตอบทำไม..

แต่ที่ผมตักเตือนกักกาย...มันเป็นสาระ..

ตัวกักกายเอง..ที่โพสต์กระทู้..บุญกิริยาวัตถุ..ในกระทู้โน้น..ผมก็เตือนแล้วว่า..ให้อ่านทำความเข้าใจด้วย...(ซึ่งเขาก็ลบคำติติงนั้นไปแล้ว..ละ )

คนสมัยไหนจะเหาะได้..หรือไม่ได้...มีสาระอะไรในปัจจุบันของกักกาย...

แต่ไอ้นิสัยผิดศีล..ตอดเล็กตอดน้อย..ทั้งๆที่ตัวเองโพสต์เรื่องศีล...นี้แหละ...ทำไมกักกายไม่แก้ไข...ไปอะไรกับใครจะเหาะได้..หรือเหาะไม่ได้...

อิโถ่ว..

มาอีกแระศีล ศีลกบมันศีลหาเงินแต่งเมีย ศีลมีคนเอารถมาให้ ศีลมีคนเอาเสื้อผ้าให้ เออ

นี้ก็อีกตัวอย่างหนึ่ง..ของกักกาย

แล้วจะพูดทำไม เออ ก็ตัวเองพูดเอง ยังมาว่าเขาอีก คิกๆๆ