วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 03:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2018, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
huh huh huh
ง่วงนอน


หมดตูด อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2018, 07:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าเรื่อง.

กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
แต่กระผมกลับมองเห็นว่า..ตัวศีลกับการละสังโยชน์..เป็นเรื่องเดียวกัน.


ไม่ขัดแย้งคะ :b53:

ที่คุยอยู่นี่ เป็นการคุยกันเน้นตัวอักษรมากไป..จึงลืมดูเนื้อความของเนื้อหาทั้งหมด :b53:

ศีลเป็นฐานไปละสังโยชน์..มันไม่เป็นเรื่องเดียวกันตรงไหนคะ?

เพียงแต่ในเรื่องเดียวกัน จะมีศีลเป็นพื้นฐานเสมอ...

เพื่อมุ่งไปละสังโยชน์ในตอนปลาย(ของเรื่องเดียสกัน)

การให้ความสำคัญในอักษรมากไป..จนลืมสาระ..ของเรื่องที่แท้จริง :b53:

จึงมีความเห็นมากมายไม่รู้จบ..

(รู้ละเอียด รู้เยอะ รู้มาก..แล้วเอาตัวให้รอดจากวัฎฎะได้ยัง?..นี่คือสาระ)

นอกเหนือนั้น..ไม่มีสิ่งใดเป็นสาระ...

หาความสำคัญของการปฎิบัติธรรมให้เจอ..ว่าเราทำมาทั้งหมดเนี้ยะ..เพื่ออะไร?

ได้คำตอบแล้วมุ่งไปทางนั้น

พระสัมมาท่านพูด สอนธรรมตลอดเวลา เพื่อกวาดเหล่าสัตว์

ให้พ้นวัฎฎะเป็นจุดมุ่งหมายหลัก

ย้อนกลับมาถามตนเองนะ ถามตนเองว่า...ที่วันๆเราทำกันอยุ่...เพื่ออะไร

เพื่ออรรถ ที่ล้ำลึกแตกฉาน หรือเพื่อผันนำมันไปใช้จริง

ถ้าเพื่อผันมันไปใช้จริง....มันต้องแบกบัญญัตไว้มากมายขนาดนี้เลยหรือ?

สิ่งที่เราๆเดินอยู่ ไม่ได้มุ่งเข้าละสังโยชน์กันหรอกหรือ?

แล้วเราจะเพียรสะสมบารมีสิบ ไปเพื่ออะไร

พูดกันมากมาย มีเหตุผลมาขัดแย้งกันเยอะ

เวลาทำจริง..มันไม่ได้ใช้คำพูดพวกนี้เลย

แล้วอะไรคือสาระ..


เอาเป็นว่าเข้าใจตรงกันนะว่า..ศีล..ณ..ขณะนั้น

เพราะอะไระหรือ?..ก็เพราะเคยมีคนคะนองปากบอกว่าไม่ต้องรักษาศีล.มาก่อนก็สำเร็จพระอรหันต์ได้..โดยยก..ท่านสันตติมหาอำมาตย์..มาเป็นตัวอย่าง..ว่าเมาเหล้าทั้งวัน..ยังจบพรหมจรรย์ได้เลย..เป็นต้น...
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ หน้า 113


ไหนไหน...ก็พูดการละสังโยชน์..เพื่อละสังโยชน์

อ้างคำพูด:
ย้อนกลับมาถามตนเองนะ ถามตนเองว่า...ที่วันๆเราทำกันอยุ่...เพื่ออะไร

เพื่ออรรถ ที่ล้ำลึกแตกฉาน หรือเพื่อผันนำมันไปใช้จริง

ถ้าเพื่อผันมันไปใช้จริง....มันต้องแบกบัญญัตไว้มากมายขนาดนี้เลยหรือ?

สิ่งที่เราๆเดินอยู่ ไม่ได้มุ่งเข้าละสังโยชน์กันหรอกหรือ?

แล้วเราจะเพียรสะสมบารมีสิบ ไปเพื่ออะไร

พูดกันมากมาย มีเหตุผลมาขัดแย้งกันเยอะ

เวลาทำจริง..มันไม่ได้ใช้คำพูดพวกนี้เลย

แล้วอะไรคือสาระ..


เอาละ...ไม่แบกบัญญัติ..ละ...

แล้ว...ทำยังงัย..เจ้าการละสังโยชน์นี้นะ...คุณสายน้ำเมยมีเทคนิคส่วนตัวยังงัยครับ...ค่อยๆปะหานทีละตัว..หรือทำยังงัย...พอจะพูดเป็นแนวทางหรือจะพูดชัดๆเลยก็ได้..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2018, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เข้าเรื่อง.

กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
แต่กระผมกลับมองเห็นว่า..ตัวศีลกับการละสังโยชน์..เป็นเรื่องเดียวกัน.


ไม่ขัดแย้งคะ :b53:

ที่คุยอยู่นี่ เป็นการคุยกันเน้นตัวอักษรมากไป..จึงลืมดูเนื้อความของเนื้อหาทั้งหมด :b53:

ศีลเป็นฐานไปละสังโยชน์..มันไม่เป็นเรื่องเดียวกันตรงไหนคะ?

เพียงแต่ในเรื่องเดียวกัน จะมีศีลเป็นพื้นฐานเสมอ...

เพื่อมุ่งไปละสังโยชน์ในตอนปลาย(ของเรื่องเดียสกัน)

การให้ความสำคัญในอักษรมากไป..จนลืมสาระ..ของเรื่องที่แท้จริง :b53:

จึงมีความเห็นมากมายไม่รู้จบ..

(รู้ละเอียด รู้เยอะ รู้มาก..แล้วเอาตัวให้รอดจากวัฎฎะได้ยัง?..นี่คือสาระ)

นอกเหนือนั้น..ไม่มีสิ่งใดเป็นสาระ...

หาความสำคัญของการปฎิบัติธรรมให้เจอ..ว่าเราทำมาทั้งหมดเนี้ยะ..เพื่ออะไร?

ได้คำตอบแล้วมุ่งไปทางนั้น

พระสัมมาท่านพูด สอนธรรมตลอดเวลา เพื่อกวาดเหล่าสัตว์

ให้พ้นวัฎฎะเป็นจุดมุ่งหมายหลัก

ย้อนกลับมาถามตนเองนะ ถามตนเองว่า...ที่วันๆเราทำกันอยุ่...เพื่ออะไร

เพื่ออรรถ ที่ล้ำลึกแตกฉาน หรือเพื่อผันนำมันไปใช้จริง

ถ้าเพื่อผันมันไปใช้จริง....มันต้องแบกบัญญัตไว้มากมายขนาดนี้เลยหรือ?

สิ่งที่เราๆเดินอยู่ ไม่ได้มุ่งเข้าละสังโยชน์กันหรอกหรือ?

แล้วเราจะเพียรสะสมบารมีสิบ ไปเพื่ออะไร

พูดกันมากมาย มีเหตุผลมาขัดแย้งกันเยอะ

เวลาทำจริง..มันไม่ได้ใช้คำพูดพวกนี้เลย

แล้วอะไรคือสาระ..


เอาเป็นว่าเข้าใจตรงกันนะว่า..ศีล..ณ..ขณะนั้น

เพราะอะไระหรือ?..ก็เพราะเคยมีคนคะนองปากบอกว่าไม่ต้องรักษาศีล.มาก่อนก็สำเร็จพระอรหันต์ได้..โดยยก..ท่านสันตติมหาอำมาตย์..มาเป็นตัวอย่าง..ว่าเมาเหล้าทั้งวัน..ยังจบพรหมจรรย์ได้เลย..เป็นต้น...
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ หน้า 113


ไหนไหน...ก็พูดการละสังโยชน์..เพื่อละสังโยชน์

อ้างคำพูด:
ย้อนกลับมาถามตนเองนะ ถามตนเองว่า...ที่วันๆเราทำกันอยุ่...เพื่ออะไร

เพื่ออรรถ ที่ล้ำลึกแตกฉาน หรือเพื่อผันนำมันไปใช้จริง

ถ้าเพื่อผันมันไปใช้จริง....มันต้องแบกบัญญัตไว้มากมายขนาดนี้เลยหรือ?

สิ่งที่เราๆเดินอยู่ ไม่ได้มุ่งเข้าละสังโยชน์กันหรอกหรือ?

แล้วเราจะเพียรสะสมบารมีสิบ ไปเพื่ออะไร

พูดกันมากมาย มีเหตุผลมาขัดแย้งกันเยอะ

เวลาทำจริง..มันไม่ได้ใช้คำพูดพวกนี้เลย

แล้วอะไรคือสาระ..


เอาละ...ไม่แบกบัญญัติ..ละ...

แล้ว...ทำยังงัย..เจ้าการละสังโยชน์นี้นะ...คุณสายน้ำเมยมีเทคนิคส่วนตัวยังงัยครับ...ค่อยๆปะหานทีละตัว..หรือทำยังงัย...พอจะพูดเป็นแนวทางหรือจะพูดชัดๆเลยก็ได้..ครับ



กบก็บอกเขาตามที่ตนเองทำดิ ไหนว่าไปสิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2018, 20:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

กบก็บอกเขาตามที่ตนเองทำดิ ไหนว่าไปสิ


มือไม่พาย...ก็อย่าเอาเท้าราน้ำ

ชิว...ชิว... :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2018, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:

กบก็บอกเขาตามที่ตนเองทำดิ ไหนว่าไปสิ


มือไม่พาย...ก็อย่าเอาเท้าราน้ำ

ชิว...ชิว... :b6:


อยากรู้ว่ากบจะเอาอะไรมาตอบ ซวดๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2018, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:

กบก็บอกเขาตามที่ตนเองทำดิ ไหนว่าไปสิ


มือไม่พาย...ก็อย่าเอาเท้าราน้ำ

ชิว...ชิว... :b6:


อยากรู้ว่ากบจะเอาอะไรมาตอบ ซวดๆๆ


ตอบไปตั้งนานแล้ว...ตาถั่วเอง... :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2018, 10:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:

แล้ว...ทำยังงัย..เจ้าการละสังโยชน์นี้นะ...คุณสายน้ำเมยมีเทคนิคส่วนตัวยังงัยครับ...ค่อยๆปะหานทีละตัว..หรือทำยังงัย...พอจะพูดเป็นแนวทางหรือจะพูดชัดๆเลยก็ได้..ครับ


ช่วงนี้เมยกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ไปคะ ไม่ค่อยทนกับการกระทบใดๆ..มันลำคาญง่าย

ให้เมยอารมณ์ดีและใจพร้อม เมยจะเอาทริคการละสังโยชน์3

ที่เคยวางที่ ลาน2 มาตั้งเป็นกระทู้อีกทีนะคะ :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2018, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:

แล้ว...ทำยังงัย..เจ้าการละสังโยชน์นี้นะ...คุณสายน้ำเมยมีเทคนิคส่วนตัวยังงัยครับ...ค่อยๆปะหานทีละตัว..หรือทำยังงัย...พอจะพูดเป็นแนวทางหรือจะพูดชัดๆเลยก็ได้..ครับ


ช่วงนี้เมยกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ไปคะ ไม่ค่อยทนกับการกระทบใดๆ..มันลำคาญง่าย

ให้เมยอารมณ์ดีและใจพร้อม เมยจะเอาทริคการละสังโยชน์3

ที่เคยวางที่ ลาน2 มาตั้งเป็นกระทู้อีกทีนะคะ :b53:


เห็นด้วยครับ...ว่า..ต้องพูดด้วยอารมณ์ดีดี...
ตามสะดวกเลยครับ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2018, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:

กบก็บอกเขาตามที่ตนเองทำดิ ไหนว่าไปสิ


มือไม่พาย...ก็อย่าเอาเท้าราน้ำ

ชิว...ชิว... :b6:


อยากรู้ว่ากบจะเอาอะไรมาตอบ ซวดๆๆ


ตอบไปตั้งนานแล้ว...ตาถั่วเอง... :b32: :b32:



อะไร คคห.ไหนไม่เห็น อ้างอิงมาหน่อยดิ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2018, 22:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ใจเย็นๆ....ผมถามก่อน..ก็ค่อยๆคุยกันไป... :b32: :b32: :b32:

ของผมพื้นๆเลย..ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก..ไม่ได้รักษาศีลมาก่อน..ก็ค่อยๆพยายามรักษาศีลให้ได้ก่อน..ก็เท่านั้น :b9:

กักกายละ...มีเทคนิคละสังโยชน์ยังงัย..แจมให้ฟังบ้างซิ..


บอกแล้ว...ว่า..กักกายตาถั่ว...คิกคิก... :b32:

ผมนะ..พิ้นๆ..ไม่มีอะไรซับซ้อน.. :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2018, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใจเย็นๆ....ผมถามก่อน..ก็ค่อยๆคุยกันไป... :b32: :b32: :b32:

ของผมพื้นๆเลย..ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก..ไม่ได้รักษาศีลมาก่อน..ก็ค่อยๆพยายามรักษาศีลให้ได้ก่อน..ก็เท่านั้น :b9:

กักกายละ...มีเทคนิคละสังโยชน์ยังงัย..แจมให้ฟังบ้างซิ..


บอกแล้ว...ว่า..กักกายตาถั่ว...คิกคิก... :b32:

ผมนะ..พิ้นๆ..ไม่มีอะไรซับซ้อน.. :b9: :b9: :b9:


แล้วมันอะไรเล่าพื้นๆเพๆนะ ไหนว่าไปสิ :b10: ศีลได้เงินแต่งเมีย ไม่เอานะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2018, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัดหลักมาให้ดูหน่อย (คุณสมบัติฝ่ายหมด กับ ฝ่ายมีของอริยบุคคลเบื้องต้น) มันเป็นเหตุเป็นผล

ความจริง คุณสมบัติฝ่ายหมด และฝ่ายมีนี้ ว่าโดยสาระสำคัญ ก็เป็นอย่างเดียวกัน กล่าวคือ

จะละสักกายทิฏฐิได้ ก็เพราะมีปัญญาหยั่งรู้สภาวธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยพอสมควร

เมื่อเกิดปัญญาเข้าใจชัดขึ้นอย่างนี้ วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยคลางแคลงใจก็หมดไป ศรัทธาที่อาศัยปัญญาก็แน่นแฟ้น

พร้อมนั้น ก็จะรักษาศีลได้ถูกต้องตามหลักการ ตามความมุ่งหมาย กลายเป็นอริยกันตศีล คือ ศีลที่อริยชนชื่นชมยอมรับ สีลัพพตปรามาสก็พลอยสิ้นไป

เมื่อจาคะเจริญขึ้น มัจฉริยะก็หมดไป

เมื่อราคะ โทสะ โมหะเบาบางลง ก็ไม่ตกไปในอำนาจของอคติ และ
ราคะ โทสะ โมหะเบาบางลง ก็เพราะปัญญาที่มองเห็นความจริงของโลกและชีวิต ทำให้คลายความยึดติด

เมื่อสิ้นยึดติด ถือมั่นน้อยลง ความทุกข์ก็ผ่อนคลาย และรู้จักความสุขที่ประณีตยิ่งขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2018, 21:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้ว...จะละสักกายทิฏฐิ...ต้องทำอะไรบ้าง?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2018, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แล้ว...จะละสักกายทิฏฐิ...ต้องทำอะไรบ้าง?


อ้างคำพูด:
จะละสักกายทิฏฐิได้ ก็เพราะมีปัญญาหยั่งรู้สภาวธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยพอสมควร


นั่นแหละปัญญาที่รู้เข้าใจสภาวธรรมนั่นแหละจึงละความเห็นกายว่าเป็นตัวตนได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2018, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วางๆไว้ก่อน อิอิ

อ้างคำพูด:
ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ แบบนี้มันเกิดปัญญาใช่ไหมแต่มันแบบไม่ถึงที่สุด ปัญญาแค่เสี่ยว ต่อมาก็เลยหลงจนเพี้ยน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร