วันเวลาปัจจุบัน 12 ต.ค. 2025, 13:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 12:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนบไฟล์:
021อยู่ในธรรมมีสามระดับ24.01.61.jpg
021อยู่ในธรรมมีสามระดับ24.01.61.jpg [ 42.72 KiB | เปิดดู 4021 ครั้ง ]


:b48: พูดถึงเรื่อง...ความหวังดีต่อผู้อื่น

ความเมตตาและกรุณาต่อผู้อื่น..ที่มีมากจนเกินความพอดี

จนเกินคำว่าอุเบกขา :b53:
.
.
หลายๆคนจึงคิดจะพยายามแก้และชักจูงคนอื่นเขา

ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี

ดีในความรู้สึกของตัวเอง พอทุกอย่างที่เกินพอดี.. :b48:
.
.
ความหวังดีนั้นมันกลายเป็นผลร้ายทันที..

ความหวังดีมันกลายเป็น กินเผือกทันที.. :b55:
.
.
ไม่ว่าเราจะเมตตากรุณาผู้อื่นยังไง

มันต้องอยู่ในพื้นฐานของอุเบกขานะ..

ความเมตตากรุณานั้นจะไม่ส่งผลร้ายต่อทั้งสองฝ่าย :b53:
.
.
:b48: ในทางธรรม ท่านว่าให้ดูแต่ตัวเอง

พิจารณาตัวเอง แก้ไขตัวเอง

และอุเบกขาในกรรมของคนอื่น

แต่ถ้ามองทางโลก มันกลายเป็น เราไม่มีเมตตาไป

เราเห็นแต่ตัวเอง..

เราเอาตัวรอดแต่ตัวเราเองคนเดียวมากไป

ในธรรมขั้นลึกๆ โลกกับธรรมสวนทางกันอย่างชัดเจน :b53:
.
.
:b48: ในส่วนผิวๆ..

ธรรมจะทำให้โลกและการใช้ชีวิตประจำวันทางโลกได้ดีขึ้น

สามารถทำกิจโลกได้มีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น

ธรรมสามารถดึงศักยภาพสูงสุดของเราออกมา

และสามารถทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองได้สูงสุดและดียิ่งๆขึ้นไป :b53:
.
.
:b48: แต่ถ้าในระดับลึกกว่านั้น...

มันต้องเริ่มใช้ความมั่นคงทางจิต

ว่าเราจะเลือกเดินทางธรรมหรือเดินทางโลกดี :b53:
.
.
:b48: ในระดับหยาบ..

โลกไม่ช้ำธรรมไม่ขุ่น มันดีมากๆ..

ธรรมช่วยให้เป็นอย่างนั้นได้ :b53:
.
.
:b48: ในระดับกลาง..

ต้องเลือกสักทาง..

คนเราไม่สามารถเหยียบเรือสองแคมแล้วทำสองสิ่งได้ดี

ดีทางหนึ่งอีกทางหนึ่งจะทรงและอ่อนลงไป

ดีทางธรรม โลกจะอ่อนลงไปไม่ก้าวหน้า

ดีทางโลก ธรรมจะหยุดนิ่งแล้วไม่สามารถเดินต่อไปได้..

แต่จะอยู่ในโลกอย่างมีความสุขตลอดชีวิต :b53:
.
.
:b48: ในระดับละเอียด..

เมื่อเดินตามธรรมเข้าไปเรื่อยๆ..

โลกจะกลายเป็นเส้นทางที่คับแคบทันที..อยู่ได้ยากมาก

เมื่อใจเป็นธรรมและอยู่ในแวดล้อมของโลกๆ

กำลังใจมันต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก

เพื่อให้เราทรงธรรมไว้ได้อย่างบริบูรณ์

และสามารถอยู่กับโลกได้อย่างสงบสุข

ต้องอดต้องทนทุกสิ่งที่กระทบและทุกสิ่งที่ผุดขึ้นกลางใจ

และยังต้องทรงธรรมไว้ไม่มีเปลี่ยนแปลงในทุกขณะ :b53:
.
.
:b48: เมื่อธรรมกับโลกเข้ากันไม่ได้เลย..

และมันจะสวนทางกันตลอดเวลา

การอยู่ในโลกด้วยธรรมในระดับลึกๆ

จึงต้องใช้กำลังใจมากและต้องใช้กำลังใจสูงสุด

อึดและถึกเท่านั้น..มันถึงจะอยู่ในสองโลกได้อย่างสงบสุข :b53: :b53:


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8601


 ข้อมูลส่วนตัว


เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย
ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ
จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก

กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา
เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย
แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 20:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ..

โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว...

ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก..

ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้...

สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม..


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ..

โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว...

ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก..

ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้...

สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม..


ธรรมมีความหมายกว้าง สรุปก็ว่า โลกก็ธรรม ธรรมก็โลก

คนก็ธรรม ธรรมก็คน งงไหม ก็ที่เอามาพูดๆกัน เช่น อุเบกขาอุเบกแขนเอามาจากไหน ถ้าไม่ใช่เอามาจากในคน อ้าว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย
ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ
จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก

กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา
เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย
แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ



:b8: สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง :b53:

แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ :b53:


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ..

โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว...

ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก..

ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้...

สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม..


ทุกข์ ท่านว่า..แปลว่าทนได้ยาก..

แม้ว่าจะทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกาย

หรือ ไม่ทุกข์ทางกายแต่ทุกข์ทางใจ

หรือ ทุกข์ทางกายแต่ไม่มีผลถึงใจ...มันก็ทุกข์ทั้งนั้น :b53:
.
.
ในความหยาบละเอียดของทุกข์นั้น มันมีความหยาบสุด จนไปถึงละเอียดสุดเสมอ

แม้เราไม่ทุกข์อยู่กับทุกข์ปัจจุบัน แต่เราก็ทุกข์กับทุกข์ที่ละเอียดขึ้นไป

ที่เรายังไม่สามารถผ่านไปได้...

เมื่อยังหายใจทุกข์เสมอคะ...แม้เราจะไม่โดนกระทบทางจิต แต่เมื่อมันลงกาย

ธาตุทำงาน ดินน้ำลมไฟทำงาน หดตัวขยายขึ้น มันเกิดขึ้นที่กาย

เมื่อเรารับรู้ทางกายจากเหตุปัจจัยมากระทบ โดยเราไม่ใช้สมถะกดอาการไว้

เราย่อมรับรู้ได้จากการที่เรามีวิญญาณขันธ์...

...มันจึงเป็นเหตุว่า...เมื่อยังไม่ตาย ย่อมทุกข์เสมอคะ...
.
.
การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา...

แต่ส่วนธาตุที่ทำงานในกาย มันยังรับรู้ได้อยู่..ทุกข์เวทนาทางกายจึงเกิดขึ้นได้

แม้ทุกข์ทางกายเกิดแต่ไม่เกิดทุกข์ทางจิต

แต่ถือว่ามัน ก็ทุกข์อยู่ดี.. :b53:


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย
ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ
จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก

กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา
เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย
แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ



:b8: สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง :b53:

แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ :b53:


เอ๊ะ ยังไง ถ้ายังงั้น ธรรมก็ไม่ได้ช่วยให้อยู่ในโลกอย่างมีความสุข คืออยู่อย่างรู้เท่าทันโลกน่าซี่ :b10:

เคยได้ยินคนพูดเหมือนกัน พอเขาเรียนรู้ธรรมะแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ดี มันเป็นยังงี้ยังงั้น ขัดหูขัดตาไปหมด สู้อยู่แบบโลกๆไม่ได้ มีอะไรก็ว่ามันไปเรื่อยๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 22:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แม้ความเหือดแห้งใจ..ก็เป็นทุกข์


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 23:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย
ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ
จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก

กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา
เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย
แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ



:b8: สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง :b53:

แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ :b53:


เอ๊ะ ยังไง ถ้ายังงั้น ธรรมก็ไม่ได้ช่วยให้อยู่ในโลกอย่างมีความสุข คืออยู่อย่างรู้เท่าทันโลกน่าซี่ :b10:

เคยได้ยินคนพูดเหมือนกัน พอเขาเรียนรู้ธรรมะแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ดี มันเป็นยังงี้ยังงั้น ขัดหูขัดตาไปหมด สู้อยู่แบบโลกๆไม่ได้ มีอะไรก็ว่ามันไปเรื่อยๆ



คุณกรัชกาย..ทำตามเมยบอกนะคะ...ตามนี้
.
.
.ทำตัวสบายๆ หลับตา แล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่
.
.
.สงบจิตได้ยังคะ?...ถ้ายัง..ทำอีกสิบคู่นะคะ
.
.
.
จิตสงบนิ่งดีแล้วใช่ไหมคะ..คุณกรัชกาย
.
.
.
คราวนี้...กลับไปย้อนอ่านโพสเมยใหม่คะ ที่ตอบกับคุณกบนอกกะลาไว้

ก่อนหน้านี้..ก่อนที่คุณกรัชกายจะโพสนะคะ :b53:
.
.
.
นั่นคือ คำตอบของคำถามที่คุณกรัชกายสงสัย

ถ้ายังไม่ได้คำตอบ

หลับตาแล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่นะคะ

จนจิตนิ่งแล้ว

แล้วกลับไปอ่านสิ่งที่เมยโพสอีกครั้งคะ

ทำซ้ำ..จนกว่าจะเข้าใจว่า...

สิ่งที่คุณกรัชกายโพสสงสัย..มันได้คำตอบว่ายังไง :b53:


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 23:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ..

โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว...

ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก..

ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้...

สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม..


ทุกข์ ท่านว่า..แปลว่าทนได้ยาก..

แม้ว่าจะทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกาย

หรือ ไม่ทุกข์ทางกายแต่ทุกข์ทางใจ

หรือ ทุกข์ทางกายแต่ไม่มีผลถึงใจ...มันก็ทุกข์ทั้งนั้น :b53:
.
.
ในความหยาบละเอียดของทุกข์นั้น มันมีความหยาบสุด จนไปถึงละเอียดสุดเสมอ

แม้เราไม่ทุกข์อยู่กับทุกข์ปัจจุบัน แต่เราก็ทุกข์กับทุกข์ที่ละเอียดขึ้นไป

ที่เรายังไม่สามารถผ่านไปได้...

เมื่อยังหายใจทุกข์เสมอคะ...แม้เราจะไม่โดนกระทบทางจิต แต่เมื่อมันลงกาย

ธาตุทำงาน ดินน้ำลมไฟทำงาน หดตัวขยายขึ้น มันเกิดขึ้นที่กาย

เมื่อเรารับรู้ทางกายจากเหตุปัจจัยมากระทบ โดยเราไม่ใช้สมถะกดอาการไว้

เราย่อมรับรู้ได้จากการที่เรามีวิญญาณขันธ์...

...มันจึงเป็นเหตุว่า...เมื่อยังไม่ตาย ย่อมทุกข์เสมอคะ...
.
.
การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา...

แต่ส่วนธาตุที่ทำงานในกาย มันยังรับรู้ได้อยู่..ทุกข์เวทนาทางกายจึงเกิดขึ้นได้


แม้ทุกข์ทางกายเกิดแต่ไม่เกิดทุกข์ทางจิต

แต่ถือว่ามัน ก็ทุกข์อยู่ดี.. :b53:


ไหนไหน..ก็ขึ้นต้นด้วยการอ้างบัญญัติ..แล้ว

ก็ถือโอกาสนี้..ปรับความเข้าใจซะหน่อย..นะครับ

ที่ว่า...
การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา.
......

การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...ไม่ใช่การไม่รับรู้โทมนัส...

แต่..โทมนัสไม่เกิดแม้มีทุกขเวทนา...


โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2018, 00:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ..

โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว...

ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก..

ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้...

สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม..


ทุกข์ ท่านว่า..แปลว่าทนได้ยาก..

แม้ว่าจะทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกาย

หรือ ไม่ทุกข์ทางกายแต่ทุกข์ทางใจ

หรือ ทุกข์ทางกายแต่ไม่มีผลถึงใจ...มันก็ทุกข์ทั้งนั้น :b53:
.
.
ในความหยาบละเอียดของทุกข์นั้น มันมีความหยาบสุด จนไปถึงละเอียดสุดเสมอ

แม้เราไม่ทุกข์อยู่กับทุกข์ปัจจุบัน แต่เราก็ทุกข์กับทุกข์ที่ละเอียดขึ้นไป

ที่เรายังไม่สามารถผ่านไปได้...

เมื่อยังหายใจทุกข์เสมอคะ...แม้เราจะไม่โดนกระทบทางจิต แต่เมื่อมันลงกาย

ธาตุทำงาน ดินน้ำลมไฟทำงาน หดตัวขยายขึ้น มันเกิดขึ้นที่กาย

เมื่อเรารับรู้ทางกายจากเหตุปัจจัยมากระทบ โดยเราไม่ใช้สมถะกดอาการไว้

เราย่อมรับรู้ได้จากการที่เรามีวิญญาณขันธ์...

...มันจึงเป็นเหตุว่า...เมื่อยังไม่ตาย ย่อมทุกข์เสมอคะ...
.
.
การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา...

แต่ส่วนธาตุที่ทำงานในกาย มันยังรับรู้ได้อยู่..ทุกข์เวทนาทางกายจึงเกิดขึ้นได้


แม้ทุกข์ทางกายเกิดแต่ไม่เกิดทุกข์ทางจิต

แต่ถือว่ามัน ก็ทุกข์อยู่ดี.. :b53:


ไหนไหน..ก็ขึ้นต้นด้วยการอ้างบัญญัติ..แล้ว

ก็ถือโอกาสนี้..ปรับความเข้าใจซะหน่อย..นะครับ

ที่ว่า...
การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา.
......

การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...ไม่ใช่การไม่รับรู้โทมนัส...

แต่..โทมนัสไม่เกิดแม้มีทุกขเวทนา...


ตามนั้นคะ ไม่ขัดแย้ง :b53:


โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2018, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย
ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ
จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก

กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา
เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย
แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ



:b8: สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง :b53:

แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ :b53:


เอ๊ะ ยังไง ถ้ายังงั้น ธรรมก็ไม่ได้ช่วยให้อยู่ในโลกอย่างมีความสุข คืออยู่อย่างรู้เท่าทันโลกน่าซี่ :b10:

เคยได้ยินคนพูดเหมือนกัน พอเขาเรียนรู้ธรรมะแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ดี มันเป็นยังงี้ยังงั้น ขัดหูขัดตาไปหมด สู้อยู่แบบโลกๆไม่ได้ มีอะไรก็ว่ามันไปเรื่อยๆ



คุณกรัชกาย..ทำตามเมยบอกนะคะ...ตามนี้
.
.
.ทำตัวสบายๆ หลับตา แล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่
.
.
.สงบจิตได้ยังคะ?...ถ้ายัง..ทำอีกสิบคู่นะคะ
.
.
.
จิตสงบนิ่งดีแล้วใช่ไหมคะ..คุณกรัชกาย
.
.
.
คราวนี้...กลับไปย้อนอ่านโพสเมยใหม่คะ ที่ตอบกับคุณกบนอกกะลาไว้

ก่อนหน้านี้..ก่อนที่คุณกรัชกายจะโพสนะคะ :b53:
.
.
.
นั่นคือ คำตอบของคำถามที่คุณกรัชกายสงสัย

ถ้ายังไม่ได้คำตอบ

หลับตาแล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่นะคะ

จนจิตนิ่งแล้ว

แล้วกลับไปอ่านสิ่งที่เมยโพสอีกครั้งคะ

ทำซ้ำ..จนกว่าจะเข้าใจว่า...

สิ่งที่คุณกรัชกายโพสสงสัย..มันได้คำตอบว่ายังไง :b53:


กรัชกายดูแค่นี้

อ้างคำพูด:
สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง

แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัด


เห็นข้อความมันแย้งๆกัน :b1: :b1: อยู่ในโลกไม่ยาก. แต่อยู่ในธรรมๆที่อยู่ในโลกนี้ รู้สึกอึดอัด จึงสงกะสัยว่ามันยังไงกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2018, 09:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก็ถือโอกาสนี้..ปรับความเข้าใจซะหน่อย..นะครับ

ที่ว่า...
การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา.
......

การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...ไม่ใช่การไม่รับรู้โทมนัส...

แต่..โทมนัสไม่เกิดแม้มีทุกขเวทนา...




เมยจะขยายให้ดูนะคะ..คุณกบนอกกะลา :b53:

.....เมื่อโทมนัสไม่เกิด...ย่อมไม่มีโทมนัส...เมื่อไม่มีโทมนัส...ย่อมไม่รับรู้โทมนัส.....

มันเป็นเชือกเส้นเดียวกันทั้งหมดคะ

โทมนัสไม่เกิดเป็นเหตุ...อยู่ต้นสุดของปลายเชือก

ไม่รับรู้โทมนัสเป็นผล...อยู่ปลายสุดอีกด้านของเชือกคะ

พิมพ์มาไว้เพื่อให้พิจารณา :b8: :b53:


โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2018, 09:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกายดูแค่นี้

อ้างคำพูด:
สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง

แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัด


เห็นข้อความมันแย้งๆกัน :b1: :b1: อยู่ในโลกไม่ยาก. แต่อยู่ในธรรมๆที่อยู่ในโลกนี้ รู้สึกอึดอัด จึงสงกะสัยว่ามันยังไงกัน


เมื่อยังหายใจอยู่ ขันธ์ห้า ย่อมต้องทำงานตลอดเวลา...
.
.
.
ตรงที่ขีดเส้นใต้นะ...เป็นเวทนาขันธ์ที่ทำงานอยู่...โดยเราเอาวิญญาณขันธ์

ไปรับรู้ในขณะปัจจุบัน...ในขณะที่เราตอบโพส..

การตอบนั้นบอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง..จริงๆในชีวิตจริงๆ...

ไม่ได้เอาบัญญัติมาตอบ..ในขณะที่เขียนโพส...
.
.
.
แต่เมื่อเวทนาทำงาน หรือ ขันธ์ตัวอื่นๆทำงานอยู่ในปัจจุบันขณะ

เราจะยึดมั่นหรือไม่ยึดมั่นในขันธ์ทั้งห้า...มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง..(ที่ไม่ได้โพสไว้)
.
.
.
และไม่ได้พูดถึง..การใช้สมถะเข้ามาบรรเทา...อาการของขันธ์ให้ที่ทำงานอยู่ :b53:


โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2018, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกายดูแค่นี้

อ้างคำพูด:
สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง

แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัด


เห็นข้อความมันแย้งๆกัน :b1: :b1: อยู่ในโลกไม่ยาก. แต่อยู่ในธรรมๆที่อยู่ในโลกนี้ รู้สึกอึดอัด จึงสงกะสัยว่ามันยังไงกัน


เมื่อยังหายใจอยู่ ขันธ์ห้า ย่อมต้องทำงานตลอดเวลา...
.
.
.
ตรงที่ขีดเส้นใต้นะ...เป็นเวทนาขันธ์ที่ทำงานอยู่...โดยเราเอาวิญญาณขันธ์

ไปรับรู้ในขณะปัจจุบัน...ในขณะที่เราตอบโพส..

การตอบนั้นบอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง..จริงๆในชีวิตจริงๆ...

ไม่ได้เอาบัญญัติมาตอบ..ในขณะที่เขียนโพส...
.
.
.
แต่เมื่อเวทนาทำงาน หรือ ขันธ์ตัวอื่นๆทำงานอยู่ในปัจจุบันขณะ

เราจะยึดมั่นหรือไม่ยึดมั่นในขันธ์ทั้งห้า...มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง..(ที่ไม่ได้โพสไว้)
.
.
.
และไม่ได้พูดถึง..การใช้สมถะเข้ามาบรรเทา...อาการของขันธ์ให้ที่ทำงานอยู่ :b53:



ในเมื่อชีวิตนี้เนี่ยๆ ที่โลดแล่นอยู่บนโลกใบนี้ ทางธรรมเรียกว่าขันธ์ ๕ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า คน แล้วทีนี้ คุณสายน้ำ จะหนีไปไหน ผูกคอตายหรอ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร