วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
หรือผมต้องอวดตัว ขอโทษครับเจ้านาย ผมเป็นคนดีรักษาศิลผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ555
10cc มันมีผลอะไรกับชีวิตวะ เห็นทางออกมั้ย เห็นคำสอนมั้ย อริยสาวกละธรรมสี่ประการได้


จะจิบทั้งขวด...มันก็เรื่อง Bigtoo... :b32: :b32: :b32:
การกล่าวของผมทำให้พระสูตรไม่ขัดแย้งกันเลย เพราะพุทธเจ้าท่านมีทางออกให้เสมอ อะไรที่ไม่มีส่วนร้านในทางเดียว สิ่งนั้นจะปฎิเสธขาดไม่ได้เลย 10ccคงไม่เป็นไรนะกบ อย่าเป็นอริยะด้วยวัตรที่รังเกียจเลย มันไม่ตรงธรรมของพระองค์

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 20:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีคำถาม..ที่ไม่ยอมตอบ...ทั้งๆที่ตัวเองยกมาแท้ๆ...

อิโธ่...คิดว่าแน่.. :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
งานเลี้ยงเจ้านายชนแก้ว ผมก็แค่จิบนิดหน่อยก็จบ หวังว่าผมคงอดเป็นเป็นอริยเลยซิกบ


ก็เป็นธรรมาครับ Bigtoo...ปุถุชน...ย่อมกังวลว่า..ตนจะขาดจากโลกธรรม..เป็นธรรมดา..

แต่โสดาบัน...ระหว่าง..โลกธรรม...กับ..ศีล...เขายอมขาดจากโลกธรรมแต่ไม่ยอมขาดจากศีล...ครับ
ขอโทษครับเจ้านาย ผมจิบไม่ได้เลยเดี๋ยวผมไม่ได้เป็นอริยะ5555

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 30 พ.ย. 2017, 20:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กุ้ม กับการวินิจฉัยธรรมะจริงๆ แค่น้ำที่เขาสมมุติก็ผ่านกันไม่เป็น อริยะตาบอดนี่แบบนี้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 20:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
หรือผมต้องอวดตัว ขอโทษครับเจ้านาย ผมเป็นคนดีรักษาศิลผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ555
10cc มันมีผลอะไรกับชีวิตวะ เห็นทางออกมั้ย เห็นคำสอนมั้ย อริยสาวกละธรรมสี่ประการได้


จะจิบทั้งขวด...มันก็เรื่อง Bigtoo... :b32: :b32: :b32:
การกล่าวของผมทำให้พระสูตรไม่ขัดแย้งกันเลย เพราะพุทธเจ้าท่านมีทางออกให้เสมอ อะไรที่ไม่มีส่วนร้านในทางเดียว สิ่งนั้นจะปฎิเสธขาดไม่ได้เลย 10ccคงไม่เป็นไรนะกบ อย่าเป็นอริยะด้วยวัตรที่รังเกียจเลย มันไม่ตรงธรรมของพระองค์


Bigtoo คิดว่าตนเป็นอะไร..ก็ม่ายเกี่ยวกับผม...

อย่าว่าแต่จิบเลย..เมาเหล้า...ก็ไม่รังเกียจ.. :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมถึงอยากเป็นอริยะอริเยอะกันนักนะ คิกๆๆ เข้าใจความหมายบ้างหรือเปล่านะ อริยะหมายถึงอะไรยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 20:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กุ้ม กับการวินิจฉัยธรรมะจริงๆ แค่น้ำที่เขาสมมุติก็ผ่านกันไม่เป็น อริยะตาบอดนี่แบบนี้


มันก็สมมุติ..ทั้งหมดนี้แหละ..

สมมุติว่านี้สมบัติ...สมมุติว่าสมบัติอันนี้ของคนนั้น..ของคนนี้..นี้ก็สมมุติ
สมมุติว่า..นี้หญิง..นี้ชาย...สมมุติว่าหญิงนี้เป็นภรรยาของชายคนนั้น..ชายคนนั้นเป็นสามีของหญิงคนนี้..นี้ก็สมมุติ...

Bigtoo จะอ้างว่านี้มันสมมุติ...ก็ลองไปเอาสมบัติที่สมมุติว่าเป็นของคนนั้น..หรือไปมีอะไรกับหญิงที่สมมุติเป็นภรรยาชองชายคนนั้น..ดูจิ...555 :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กุ้ม กับการวินิจฉัยธรรมะจริงๆ แค่น้ำที่เขาสมมุติก็ผ่านกันไม่เป็น อริยะตาบอดนี่แบบนี้


มันก็สมมุติ..ทั้งหมดนี้แหละ..

สมมุติว่านี้สมบัติ...สมมุติว่าสมบัติอันนี้ของคนนั้น..ของคนนี้..นี้ก็สมมุติ
สมมุติว่า..นี้หญิง..นี้ชาย...สมมุติว่าหญิงนี้เป็นภรรยาของชายคนนั้น..ชายคนนั้นเป็นสามีของหญิงคนนี้..นี้ก็สมมุติ...

Bigtoo จะอ้างว่านี้มันสมมุติ...ก็ลองไปเอาสมบัติที่สมมุติว่าเป็นของคนนั้น..หรือไปมีอะไรกับหญิงที่สมมุติเป็นภรรยาชองชายคนนั้น..ดูจิ...555 :b32: :b32: :b32:
อริยะกบ รังเกียจน้ำ5cc อริยะกบต้องบอกว่า ขอโทษครับเจ้านายผมเป็นคนดีอริยะห้ามดื่ม55

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้านายชนแก้ว ไม่ชนได้หรือ????
ไม่ได้ครับ ต้องชน
แต่
ความต่างอยู่ที่ก่อนชน ครับ

ปุถุชน จะรินเหล้า ใส่แก้ว แล้วชน
โสดาบัน จะรินน้ำ ใส่แก้ว แล้วชน

เพราะ การชนแก้วเป็นการแสดงความยินดีครับ

เราเฮฮา สังสรรค์ได้ครับ

ส่วนการยก มิคสาลาสูตร ว่าด้วยบุคคลทุศีลมานั้น
บริบท คือ คนทุศีล คู่แรก ในห้าคู่บุคคล
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=3248&Z=3380&pagebreak=0
ทุศีล คือ ผู้ไม่มีศีล เอาบริบทตรงที่ ศีลในพรหมจรรย์คือพุทธศาสนา ตามพระสูตร

บุคลลผู้ทุศีล เช่นบุคคลที่นับถือศาสนาอื่น ไม่เว้นการฆ่าสัตว์เป็นต้นครับ

บุคคลพวกนี้ หาก เป็นคนทุศีล ซึ่งไม่สนใจในธรรมอันเป็นเครื่องออกจากทุกข์ ไม่ได้เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ แม้แต่วิมุติในสมัย ก็ไม่ได้ พวกนี้ ตกต่ำสถานเดียว

บุคคลที่เป็นคนทุศีลพวกนี้ ซึ่งสนใจในธรรม ได้สดับ ได้ยิน ได้ฟัง แทงตลอดถึงความดับแห่งความทุศีลของเขาได้
คือ ละความเห็นผิด ความถือผิดอันเป็นสีลัพตปรามาสได้ คนพวกนี้ เข้าถึงโสดาบันบุคคลได้ พร้อมทั้งสามารถได้วิมุติในสมัย (โลกียวิมุติ เพราะยังไม่บรรลุนิพพาน) มีเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติในส่วนอันเป็นองค์คุณของโสดาปัติผล คือ ละสักกายทิฏฐิ สีลัพตปรามาส และวิจิกิจฉา พร้อมทั้งต่อไปจะเป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ได้
หวังว่าคงเข้าใจครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 13:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนทุศีล ....อีกจำพวกหนึ่ง คือ ภิกษุผู้บวช แต่ลาสิกขาบทเพราะย่ำยีสิกขาบทเล็กน้อยไม่ถึงกับต้องอาบัติปาราชิก ก็ยังมีโอกาสบรรลุธรรมและกลับมาเป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ได้

อรรถกถาอัจฉราสังฆาตวรรคที่ ๖

อ้างคำพูด:
พระศาสดาแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ที่กำหนดจำนวนไม่ได้ ออกจาริกไปยังโกศลรัฐ วันหนึ่งๆ เสด็จจาริกไป ๑ คาวุต ๒ คาวุต ๓ คาวุตและโยชน์หนึ่งเป็นอย่างยิ่ง ตามลำดับแห่งคามและนิคม ทอดพระเนตรเห็นต้นไม้มีโพรงต้นใหญ่แห่งหนึ่งถูกไฟไหม้ลุกโพลง ทรงดำริว่า เราจะทำต้นไม้นี้แลให้เป็นวัตถุเหตุตั้งเรื่อง แสดงธรรมกถาประคับด้วยองค์ ๗ จึงงดการเสด็จ เสด็จเข้าไปยังโคนไม้ต้นหนึ่ง ทรงแสดงอาการจะประทับนั่ง.
พระอานนทเถระทราบพระประสงค์ของพระศาสดา คิดว่า ชะรอยว่าจักมีเหตุแน่นอน พระตถาคตไม่เสด็จต่อไปแล้วจะหยุดประทับนั่งเสียโดยเหตุอันไม่สมควรหามิได้ จึงปูลาดสังฆาฏิ ๔ ชั้น.
พระศาสดาประทับนั่งแล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูกองไฟใหญ่โน้น แล้วทรงแสดงอัคคิขันโธปมสูตร. ก็เมื่อตรัสไวยากรณ์นี้อยู่ ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปรากเลือด. ภิกษุประมาณ ๖๐ ลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์. ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปมีจิตไม่ยึดมั่นก็หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย.
ก็เพราะได้ฟังไวยากรณ์นั้น นามกายของภิกษุประมาณ ๖๐ รูปก็กลัดกลุ้ม เมื่อนามกายกลัดกลุ้ม กรัชกายก็รุ่มร้อน เมื่อกรัชกายรุ่มร้อน โลหิตอุ่นที่คั่งก็พุ่งออกจากปาก. ภิกษุ (อีก) ประมาณ ๖๐ รูปคิดว่าการประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตลอดชีวิตในพระพุทธศาสนา ทำได้ยากหนอ แล้วพากันลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์. ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปส่งญาณมุ่งตรงต่อเทศนาของพระศาสดา ก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.
บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่าใดรากเลือด ภิกษุเหล่านั้นต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุเหล่าใดสึกเป็นคฤหัสถ์ ภิกษุเหล่านั้นพากันย่ำยีสิกขาบทเล็กน้อย. ภิกษุเหล่าใดบรรลุพระอรหัต ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์แล.
พระธรรมเทศนาของพระศาสดา เกิดมีผลแม้แก่ภิกษุ ๓ จำพวกดังกล่าวนี้.
ถามว่า พระธรรมเทศนาเกิดมีผลแก่ภิกษุผู้บรรลุพระอรหัตยกไว้ก่อน อย่างไรจึงเกิดมีผลแก่ภิกษุนอกนี้?
แก้ว่า ก็ภิกษุแม้เหล่านั้น ถ้าไม่ได้ฟังธรรมเทศนากัณฑ์นี้ไซร้ เป็นผู้ประมาท ไม่พึงอาจละฐานะได้ แต่นั้นบาปของภิกษุเหล่านั้นกำเริบขึ้น จะพึงทำเธอให้จมลงในอบายถ่ายเดียว แต่ฟังเทศนากัณฑ์นี้แล้ว เกิดความสังเวช ละฐานะ ตั้งอยู่ในภูมิแห่งสามเณร บำเพ็ญศีล ๑๐ ประกอบขวนขวายในโยนิโสมนสิการ บางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวกเป็นพระสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวกบังเกิดในเทวโลก. พระธรรมเทศนาได้มีผลแม้แก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิกด้วยอาการอย่างนี้. ฝ่ายภิกษุนอกนี้ ถ้าไม่พึงได้ฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้ไซร้ เมื่อกาลล่วงไปๆ ก็จะพึงต้องอาบัติสังฆาฑิเสสบ้าง ปาราชิกบ้าง ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้แล้ว คิดว่า พระพุทธศาสนาช่างขัดเกลาจริงหนอ พวกเราไม่สามารถจะบำเพ็ญข้อปฏิบัตินี้ตลอดชีวิตได้ จำเราจักลาสิกขา บำเพ็ญอุบาสกธรรม จักพ้นจากทุกข์ได้ ดังนี้แล้ว จึงพากันสึกไปเป็นคฤหัสถ์. ชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในสรณะ ๓ รักษาศีล ๕ บำเพ็ญอุบาสกธรรม บางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวกเป็นสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวกบังเกิดในเทวโลกแล. พระธรรมเทศนาได้มีผลแม้แก่ภิกษุเหล่านั้น ด้วยอาการอย่างนี้.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เจ้านายชนแก้ว ไม่ชนได้หรือ????
ไม่ได้ครับ ต้องชน
แต่
ความต่างอยู่ที่ก่อนชน ครับ

ปุถุชน จะรินเหล้า ใส่แก้ว แล้วชน
โสดาบัน จะรินน้ำ ใส่แก้ว แล้วชน

เพราะ การชนแก้วเป็นการแสดงความยินดีครับ

เราเฮฮา สังสรรค์ได้ครับ

ส่วนการยก มิคสาลาสูตร ว่าด้วยบุคคลทุศีลมานั้น
บริบท คือ คนทุศีล คู่แรก ในห้าคู่บุคคล
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=3248&Z=3380&pagebreak=0
ทุศีล คือ ผู้ไม่มีศีล เอาบริบทตรงที่ ศีลในพรหมจรรย์คือพุทธศาสนา ตามพระสูตร

บุคลลผู้ทุศีล เช่นบุคคลที่นับถือศาสนาอื่น ไม่เว้นการฆ่าสัตว์เป็นต้นครับ

บุคคลพวกนี้ หาก เป็นคนทุศีล ซึ่งไม่สนใจในธรรมอันเป็นเครื่องออกจากทุกข์ ไม่ได้เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ แม้แต่วิมุติในสมัย ก็ไม่ได้ พวกนี้ ตกต่ำสถานเดียว

บุคคลที่เป็นคนทุศีลพวกนี้ ซึ่งสนใจในธรรม ได้สดับ ได้ยิน ได้ฟัง แทงตลอดถึงความดับแห่งความทุศีลของเขาได้
คือ ละความเห็นผิด ความถือผิดอันเป็นสีลัพตปรามาสได้ คนพวกนี้ เข้าถึงโสดาบันบุคคลได้ พร้อมทั้งสามารถได้วิมุติในสมัย (โลกียวิมุติ เพราะยังไม่บรรลุนิพพาน) มีเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติในส่วนอันเป็นองค์คุณของโสดาปัติผล คือ ละสักกายทิฏฐิ สีลัพตปรามาส และวิจิกิจฉา พร้อมทั้งต่อไปจะเป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ได้
หวังว่าคงเข้าใจครับ
อริยะสาวกละธรรมสี่ประการ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่บักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมีย ไม่โกหก พุทธแสดงไว้แบบนี้ หมายความว่าอะไร

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
อริยะสาวกละธรรมสี่ประการ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่บักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมีย ไม่โกหก พุทธแสดงไว้แบบนี้ หมายความว่าอะไร

หาก bigtoo จะยก ข้อธรรมใน สิงคาลกสูตร มานั้น
ก็ควรจะยก มาให้ครบบท อย่ายกมาครึ่งหนึ่งครับ
สิ่งที่ bigtoo ควรยกมาเป็นอย่างนี้ครับ

Quote Tipitaka:
"สิงคาลกคฤหบดีบุตร ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี
พระภาคได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่
ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้
ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อ
ชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
กรรมกิเลส ๔ เป็นไฉน ที่อริยสาวกละได้แล้ว ดูกรคฤหบดีบุตร กรรม
กิเลส คือ ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ กรรม
กิเลส ๔ เหล่านี้ ที่อริยสาวกนั้นละได้แล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๕] ปาณาติบาต อทินนาทาน มุสาวาท และการคบหาภรรยาผู้อื่น
เรากล่าวว่าเป็นกรรมกิเลส บัณฑิตไม่สรรเสริญ ฯ

[๑๗๖] อริยสาวกไม่กระทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ เป็นไฉน ปุถุชนถึง
ฉันทาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโทสาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโมหา-
*คติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงภยาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ
ย่อมไม่ถึงโมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ ท่านย่อมไม่ทำกรรมอันลามกโดยฐานะ ๔
เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๗] ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม
ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรมเพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ"

bigtoo อาจจะอ้างว่า นานๆ ยกแก้วที ไม่ได้ประกอบเนืองๆ
แต่ไม่เป็นอย่างนั้นหรอกครับ
เจ้านายยกชน ก็ชนทุกทีครับ ถึงแม้จะนานๆครั้ง ก็ยังเป็นการประกอบเนืองๆ ครับ

การยกธรรมบท 14 ประการ มาเพียง 4 ประการนั้น
เป็นการยกมาเพื่อสนับสนุนตามฉันทาคติของตนครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
อริยะสาวกละธรรมสี่ประการ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่บักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมีย ไม่โกหก พุทธแสดงไว้แบบนี้ หมายความว่าอะไร

หาก bigtoo จะยก ข้อธรรมใน สิงคาลกสูตร มานั้น
ก็ควรจะยก มาให้ครบบท อย่ายกมาครึ่งหนึ่งครับ
สิ่งที่ bigtoo ควรยกมาเป็นอย่างนี้ครับ

Quote Tipitaka:
"สิงคาลกคฤหบดีบุตร ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี
พระภาคได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่
ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้
ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อ
ชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
กรรมกิเลส ๔ เป็นไฉน ที่อริยสาวกละได้แล้ว ดูกรคฤหบดีบุตร กรรม
กิเลส คือ ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ กรรม
กิเลส ๔ เหล่านี้ ที่อริยสาวกนั้นละได้แล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๕] ปาณาติบาต อทินนาทาน มุสาวาท และการคบหาภรรยาผู้อื่น
เรากล่าวว่าเป็นกรรมกิเลส บัณฑิตไม่สรรเสริญ ฯ

[๑๗๖] อริยสาวกไม่กระทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ เป็นไฉน ปุถุชนถึง
ฉันทาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโทสาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโมหา-
*คติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงภยาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ
ย่อมไม่ถึงโมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ ท่านย่อมไม่ทำกรรมอันลามกโดยฐานะ ๔
เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๗] ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม
ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรมเพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ"

bigtoo อาจจะอ้างว่า นานๆ ยกแก้วที ไม่ได้ประกอบเนืองๆ
แต่ไม่เป็นอย่างนั้นหรอกครับ
เจ้านายยกชน ก็ชนทุกทีครับ ถึงแม้จะนานๆครั้ง ก็ยังเป็นการประกอบเนืองๆ ครับ

การยกธรรมบท 14 ประการ มาเพียง 4 ประการนั้น
เป็นการยกมาเพื่อสนับสนุนตามฉันทาคติของตนครับ
งง ก็ใช่พระพุทธตรัสว่าอริยสาวกละธรรมสี่ประการได้เท่านั้นมีอะไรต้องสงสัยล่ะ พระพุทธเจ้ากบ่าวธรรมะขัดกันเหรอครับ สุราก็เลยจัดลงทางเสื่อม ทางเสื่อมเป็นยังไงล่ะ ท่านก็ดูเอาซิ คือการประกอบเนื่องๆจึงจะเรียกว่าทางเสือม มันมีอะไรยากนักเหรอ ง่ายนิดเดียว งง เวลาพระองค์แสดงธรรมะพระองค์ก็แสดงเพื่อไม่เป็นการย่อหย่อน แต่เวลาตอบคำถามใครๆท่านก็แสดงธรรมที่เป็นจริงก็เท่านั้น อริยสาวกละกิเลสกรรมสี่ประการ ก็แค่นี้ มีอะไรล่ะก็ชัดเจนไม่ใช่เหรอ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 20:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เจ้านายชนแก้ว ไม่ชนได้หรือ????
ไม่ได้ครับ ต้องชน
แต่
ความต่างอยู่ที่ก่อนชน ครับ

ปุถุชน จะรินเหล้า ใส่แก้ว แล้วชน
โสดาบัน จะรินน้ำ ใส่แก้ว แล้วชน

เพราะ การชนแก้วเป็นการแสดงความยินดีครับ

เราเฮฮา สังสรรค์ได้ครับ


:b12: :b12: :b12:

ไม่ต้องเป็นโสดาบัน...หรอกครับ..แค่..คนไม่ต้องการกินเหล้า...ก็ชนแก้วน้ำเปล่า..ได้แล้วละครับ..
:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2017, 20:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
อริยะสาวกละธรรมสี่ประการ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่บักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมีย ไม่โกหก พุทธแสดงไว้แบบนี้ หมายความว่าอะไร

หาก bigtoo จะยก ข้อธรรมใน สิงคาลกสูตร มานั้น
ก็ควรจะยก มาให้ครบบท อย่ายกมาครึ่งหนึ่งครับ
สิ่งที่ bigtoo ควรยกมาเป็นอย่างนี้ครับ

Quote Tipitaka:
"สิงคาลกคฤหบดีบุตร ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี
พระภาคได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่
ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้
ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อ
ชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
กรรมกิเลส ๔ เป็นไฉน ที่อริยสาวกละได้แล้ว ดูกรคฤหบดีบุตร กรรม
กิเลส คือ ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ กรรม
กิเลส ๔ เหล่านี้ ที่อริยสาวกนั้นละได้แล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๕] ปาณาติบาต อทินนาทาน มุสาวาท และการคบหาภรรยาผู้อื่น
เรากล่าวว่าเป็นกรรมกิเลส บัณฑิตไม่สรรเสริญ ฯ

[๑๗๖] อริยสาวกไม่กระทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ เป็นไฉน ปุถุชนถึง
ฉันทาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโทสาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโมหา-
*คติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงภยาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ
ย่อมไม่ถึงโมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ ท่านย่อมไม่ทำกรรมอันลามกโดยฐานะ ๔
เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๗] ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม
ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรมเพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ"

bigtoo อาจจะอ้างว่า นานๆ ยกแก้วที ไม่ได้ประกอบเนืองๆ
แต่ไม่เป็นอย่างนั้นหรอกครับ
เจ้านายยกชน ก็ชนทุกทีครับ ถึงแม้จะนานๆครั้ง ก็ยังเป็นการประกอบเนืองๆ ครับ

การยกธรรมบท 14 ประการ มาเพียง 4 ประการนั้น
เป็นการยกมาเพื่อสนับสนุนตามฉันทาคติของตนครับ

:b8: :b8: :b8:


bigtoo เขียน:
งง ก็ใช่พระพุทธตรัสว่าอริยสาวกละธรรมสี่ประการได้เท่านั้นมีอะไรต้องสงสัยล่ะ พระพุทธเจ้ากบ่าวธรรมะขัดกันเหรอครับ สุราก็เลยจัดลงทางเสื่อม ทางเสื่อมเป็นยังไงล่ะ ท่านก็ดูเอาซิ คือการประกอบเนื่องๆจึงจะเรียกว่าทางเสือม มันมีอะไรยากนักเหรอ ง่ายนิดเดียว งง เวลาพระองค์แสดงธรรมะพระองค์ก็แสดงเพื่อไม่เป็นการย่อหย่อน แต่เวลาตอบคำถามใครๆท่านก็แสดงธรรมที่เป็นจริงก็เท่านั้น อริยสาวกละกิเลสกรรมสี่ประการ ก็แค่นี้ มีอะไรล่ะก็ชัดเจนไม่ใช่เหรอ


:b32: :b32: :b32:

ก็งง...เป็นธรรมดา..เพราะใช้ความคิด.. :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร