วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2017, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
bigtoo เขียน:
และที่ท่านกล่าวว่าศิลเป็นฐานของธรรมทั้งปวงนั้นไม่จริงครับ สุตตะต่างหากเป็นฐานของธรรมทั้งปวง ท่านศึกษาไม่มากพอเลยยึดว่าศิลห้าเป็นฐาน มีคนไปถามพระศาสดาว่าทำไมคนรักษาศิลห้าตกนรก ท่านคิดว่าไง

ที่สุดของศีลคือ เจตนาวิรัต ..
เจตนา คือตั้งใจ จงใจกระทำให้บรรลุผล

เช่น มีแก้วเหล้าอยู่ตรงหน้า เอื้อมมือไปหยิบ ยกขึ้นดื่ม เหล้านั้นล่วงพ้นลำคอลงไป เรียกว่าเจตนา
ถ้าไม่เจตนา ถึงมือขาดหรือทุบจนตายก็ไม่ดื่มเหล้านั้น

ศาสนาสอนเรื่อง "ศีล สมาธิ ปัญญา" ..

ศีลเป็นฐานของสมาธิ สมาธิเป็นฐานของปัญญา เหมือนสามเหลียม
"ศีลเป็นฐาน สมาธิเป็นตัว ปัญญาเป็นยอด"

เรื่องของเหตุผล ..

"ทำไมคนรักษาศีลห้าตกนรก"
"ทำไมสันตติมหาอำมาตย์ ผู้ดื่มสุราถึงบรรลุนิพพานได้"

คำตอบก็คือ เพราะมีเหตุ " ...... "

พุทธศาสนา สอนเรื่องเหตุเรื่องผล เรื่องของปัญญาเสมอ ..


:b1:
เจตนาทำให้ให้ขาดบรรลุนะถูกต้องครับ แต่มีใครรู้มั้ยล่ะ การบรรลุขาดแค่ไหนอะไร อริยสาวกละธรรมสี่ประการได้ นี่คือคำกล่าวพุทธเจ้าหรือตะเถียง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2017, 19:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:

:b1:และที่ท่านกล่าวว่าศิลเป็นฐานของธรรมทั้งปวงนั้นไม่จริงครับ สุตตะต่างหากเป็นฐานของธรรมทั้งปวง ท่านศึกษาไม่มากพอเลยยึดว่าศิลห้าเป็นฐาน มีคนไปถามพระศาสดาว่าทำไมคนรักษาศิลห้าตกนรก ท่านคิดว่าไง


เอามาให้ชม.. :b32: :b32:

อ้างคำพูด:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 4&A=0&Z=45
พระสุตตันตปิฎก
เล่ม ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปฐมปัณณาสก์
อานิสังสวรรคที่ ๑
กิมัตถิยสูตร

[๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ศีลที่เป็นกุศล
มีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็นอานิสงส์ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์
ศีลที่เป็นกุศล มีอวิปปฏิสารเป็นผล มีอวิปปฏิสารเป็นอานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อวิปปฏิสารมีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็น
อานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ อวิปปฏิสารมีปราโมทย์เป็นผล มีปราโมทย์เป็น
อานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ปราโมทย์มีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็น
อานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ ปราโมทย์มีปีติเป็นผล มีปีติเป็นอานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ปีติมีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็นอานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ ปีติมีปัสสัทธิเป็นผล มีปัสสัทธิเป็นอานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ปัสสัทธิมีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็น
อานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ ปัสสัทธิมีสุขเป็นผล มีสุขเป็นอานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็สุขมีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็นอานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ สุขมีสมาธิเป็นผล มีสมาธิเป็นอานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็สมาธิมีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็น
อานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะเป็นผล มียถาภูตญาณ
ทัสสนะเป็นอานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ยถาภูตญาณทัสสนะมีอะไรเป็นผล มีอะไร
เป็นอานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ ยถาภูตญาณทัสสนะมีนิพพิทาวิราคะเป็นผล มีนิพพิทา
วิราคะเป็นอานิสงส์ ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็นิพพิทาวิราคะมีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็น
อานิสงส์ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ นิพพิทาวิราคะมีวิมุตติญาณทัสสนะเป็นผล มีวิมุตติญาณ
ทัสสนะเป็นอานิสงส์ ดูกรอานนท์ ศีลที่เป็นกุศล มีอวิปปฏิสารเป็นผล มีอวิป-
*ปฏิสารเป็นอานิสงส์ อวิปปฏิสารมีปราโมทย์เป็นผล มีปราโมทย์เป็นอานิสงส์
ปราโมทย์มีปีติเป็นผล มีปีติเป็นอานิสงส์ ปีติมีปัสสัทธิเป็นผล มีปัสสัทธิเป็น
อานิสงส์ ปัสสัทธิมีสุขเป็นผล มีสุขเป็นอานิสงส์ สุขมีสมาธิเป็นผล มีสมาธิ
เป็นอานิสงส์ สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะเป็นผล มียถาภูตญาณทัสสนะ
เป็นอานิสงส์ ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาวิราคะเป็นผล มีนิพพิทาวิราคะเป็น
อานิสงส์ นิพพิทาวิราคะมีวิมุตติญาณทัสสนะเป็นผล มีวิมุตติญาณทัสสนะเป็น
อานิสงส์ ด้วยประการดังนี้ ดูกรอานนท์ ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหัตโดยลำดับ
ด้วยประการดังนี้แล ฯ

จบสูตรที่ ๑




อ้างคำพูด:
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r ... 4%CA%D2%C3

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต



[๒๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อวิปฏิสารชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้ทุศีลมีศีล
วิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มี
อวิปฏิสารวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อความปราโมทย์ไม่มี ปีติชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล
ผู้มีความปราโมทย์วิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อปีติไม่มี ปัสสัทธิชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล
ผู้มีปีติวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อปัสสัทธิไม่มี สุขชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีปัสสัทธิ
วิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อสุขไม่มี สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสุขวิบัติขจัด
เสียแล้ว เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสนะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มี
สัมมาสมาธิวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อยถาภูตญาณทัสนะไม่มี นิพพิทาชื่อว่ามีเหตุ
อันบุคคลผู้มียถาภูตญาณทัสนะวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อนิพพิทาไม่มี วิราคะชื่อว่า
มีเหตุอันบุคคลผู้มีนิพพิทาวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสนะ
ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีวิราคะวิบัติขจัดเสียแล้ว ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะ
ของต้นไม้นั้นย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้น
ก็ย่อมไม่บริบูรณ์ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย อวิปฏิสารชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล
ผู้ทุศีลมีศีลวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่ามีเหตุอัน
บุคคลผู้มีวิปฏิสารวิบัติขจัดเสียแล้ว ฯลฯ วิมุตติญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอัน
บุคคลผู้มีวิราคะวิบัติขจัดเสียแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อวิปฏิสารของบุคคลผู้มีศีล สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อม
เป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสารมีอยู่ ความปราโมทย์ของบุคคลผู้สมบูรณ์
ด้วยอวิปฏิสาร ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อความปราโมทย์มีอยู่ ปีติของ
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยความปราโมทย์ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อปีติมีอยู่
ปัสสัทธิของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยปีติ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อปัสสัทธิ
มีอยู่ สุขของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยปัสสัทธิ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อ
สุขมีอยู่ สัมมาสมาธิของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสุข ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์
เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยถาภูตญาณทัสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ
ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อยถาภูตญาณทัสนะมีอยู่ นิพพิทาของบุคคลผู้
สมบูรณ์ด้วยยถาภูตญาณทัสนะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อนิพพิทามีอยู่
วิราคะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทา ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อวิราคะ
มีอยู่ วิมุตติญาณทัสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุ
สมบูรณ์ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบสมบูรณ์ แม้กะเทาะ
ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น
ก็ย่อมบริบูรณ์ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย อวิปฏิสารของบุคคลผู้มีศีล สมบูรณ์
ด้วยศีล ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสารมีอยู่ ความปราโมทย์ของ
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอวิปฏิสาร ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ ฯลฯ วิมุตติ-
*ญาณทัสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯ
จบสูตรที่ ๓




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2017, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 501&Z=7015

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

๑๐. สังคีติสูตร (๓๓)


[๒๔๑] องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ
พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มี
ผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้
เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก-
*ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระ
ผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือ
คู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของ
บูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
บุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วย
ศีล ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อัน
วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ




แม้โสดาบัน...จะยังแคร์สังคมอยู่...แต่..จะผิดศีลเพื่อเข้าสังคม...ไม่ใช่อารมณ์ของโสดาบัน..

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2017, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=4501&Z=7015

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

๑๐. สังคีติสูตร (๓๓)


[๒๔๑] องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ
พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มี
ผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้
เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก-
*ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระ
ผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือ
คู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของ
บูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
บุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วย
ศีล ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อัน
วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ




แม้โสดาบัน...จะยังแคร์สังคมอยู่...แต่..จะผิดศีลเพื่อเข้าสังคม...ไม่ใช่อารมณ์ของโสดาบัน..

:b32: :b32: :b32:
ตื้นเกิน กบน้อย ไปดูบริบทของเจตนาดีๆ เดี๋ยวจะเป็นอริยะไม่ได้นะ ขอเตือน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2017, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=4501&Z=7015

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

๑๐. สังคีติสูตร (๓๓)


[๒๔๑] องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ
พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มี
ผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้
เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก-
*ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระ
ผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือ
คู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของ
บูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
บุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วย
ศีล ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อัน
วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ




แม้โสดาบัน...จะยังแคร์สังคมอยู่...แต่..จะผิดศีลเพื่อเข้าสังคม...ไม่ใช่อารมณ์ของโสดาบัน..

:b32: :b32: :b32:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม

เอามาฝากจะได้ไม่ต้องหลงให้มากนัก เอาแต่พอดี มันมีหลายบริบท กว้างๆหน่อย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2017, 21:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



อยากรู้ว่า..ที่ยกมานั้นนะ..Bigtoo เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองยกมามั้ย...

เลยอยากจะถามว่า...บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..

:b1: :b1:

เด้วก้อรู้...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2017, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



อยากรู้ว่า..ที่ยกมานั้นนะ..Bigtoo เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองยกมามั้ย...

เลยอยากจะถามว่า...บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..

:b1: :b1:

เด้วก้อรู้...
เห็นยกพระสูตรมามากมาย ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนเนาะ เคยบอกไปแล้วเวลาพระพุทธเจ้าสอนท่านสอนความไม่หย่อนยาน แต่เวลาตอบแก่คนมาถามท่านท่านจะตอบตามสัทธรรม ท่านจึงตอบแก่บุคคลที่ถามท่านอริยะสาสวก ละทำอะไรได้บ้าง ท่านจึงกล่าวว่าละธรรมสี่ประการได้ และท่านแสดงต่อไปอีกถึงทางเสื่อมหกประการ พอเข้าใจนะ

พระสูตรผมยกมาให้ชัดเจน ต่ดให้ศิลยังไม่บริบูรณ์ก็บรรลุได้ตามที่พระองค์ชี้ชัด อย่าแถ ธรรมะต้องตรง อย่าเอาแต่จะชนะอย่างเดียวกับ ผมนะเลิกทุกอย่าง ทำไมผมถึงต้องแสดงสิ่งที่ตรงธรรมะล่ะ อย่าแถๆ เรียนก็ให้เข้าใจบริบทให้มากกว่านี้ เดี๋ยวอริยะ จะบ้าบอเกินไปผิดมนุษย์มหาเห็นคนเขายกแก้วเหล้าก็คิดว่าเขาอยากเสพ มองให้เป็น

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2017, 19:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็แค่..อยากรู้ว่า..Bigtoo เข้าใจสิ่งที่เอามาลงมั้ย..เท่านั้น
:b32: :b32: :b32:

กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



อยากรู้ว่า..ที่ยกมานั้นนะ..Bigtoo เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองยกมามั้ย...

เลยอยากจะถามว่า...บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..

:b1: :b1:

เด้วก้อรู้...



ถามอีกที..เอ้า..ว่า..
.บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 29 พ.ย. 2017, 19:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2017, 19:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่นี้..เป็นโสดาบันแล้ว...

องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง

กบนอกกะลา เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=4501&Z=7015

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

๑๐. สังคีติสูตร (๓๓)


[๒๔๑] องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ
พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มี
ผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้
เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก-
*ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระ
ผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือ
คู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของ
บูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
บุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วย
ศีล ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อัน
วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2017, 19:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ตั้งใจเลิกเสพเมถุนธรรมหรือกามรสในเรื่องเพศ อสุจิไม่เคลือนออกจากกายมาแล้วเกือ600วัน
รู้สึกสบายๆหายห่วงแล้ว เรารู้ว่าเราพ้นแล้ว


กบนอกกะลา เขียน:
รู้สึกยังงัยครับ..อะไรถึงทำให้อยากกลับมาบอก...

:b9: :b9: :b9:


bigtoo เขียน:
ทำเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิม คำที่คุณสมควรกล่าวดูเม้นข้างบน


กบนอกกะลา เขียน:
:b9: :b9: :b9:

ยังไม่บอกเลย..นะว่า..รู้สึกยังงัย..


bigtoo เขียน:
คันตะงิดตะงิด


กบนอกกะลา เขียน:

รู้สึกตะงิด..ตะงิด..นั้นนะ...ไม่สบายหายห่วง..แล้วละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 06:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

อยากรู้ว่า..ที่ยกมานั้นนะ..Bigtoo เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองยกมามั้ย...

เลยอยากจะถามว่า...บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..

:b1: :b1:

เด้วก้อรู้...

bigtoo เขียน:
เห็นยกพระสูตรมามากมาย ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนเนาะ เคยบอกไปแล้วเวลาพระพุทธเจ้าสอนท่านสอนความไม่หย่อนยาน แต่เวลาตอบแก่คนมาถามท่านท่านจะตอบตามสัทธรรม ท่านจึงตอบแก่บุคคลที่ถามท่านอริยะสาสวก ละทำอะไรได้บ้าง ท่านจึงกล่าวว่าละธรรมสี่ประการได้ และท่านแสดงต่อไปอีกถึงทางเสื่อมหกประการ พอเข้าใจนะ

พระสูตรผมยกมาให้ชัดเจน ต่ดให้ศิลยังไม่บริบูรณ์ก็บรรลุได้ตามที่พระองค์ชี้ชัด อย่าแถ ธรรมะต้องตรง อย่าเอาแต่จะชนะอย่างเดียวกับ ผมนะเลิกทุกอย่าง ทำไมผมถึงต้องแสดงสิ่งที่ตรงธรรมะล่ะ อย่าแถๆ เรียนก็ให้เข้าใจบริบทให้มากกว่านี้ เดี๋ยวอริยะ จะบ้าบอเกินไปผิดมนุษย์มหาเห็นคนเขายกแก้วเหล้าก็คิดว่าเขาอยากเสพ มองให้เป็น


พูดอะไร..เยอะแยะ...แต่อันที่ถาม..ดันไม่ตอบ... :b32: :b32:


กบนอกกะลา เขียน:
ผมก็แค่..อยากรู้ว่า..Bigtoo เข้าใจสิ่งที่เอามาลงมั้ย..เท่านั้น
:b32: :b32: :b32:

กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



อยากรู้ว่า..ที่ยกมานั้นนะ..Bigtoo เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองยกมามั้ย...

เลยอยากจะถามว่า...บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..

:b1: :b1:

เด้วก้อรู้...



ถามอีกที..เอ้า..ว่า..
.บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:

อยากรู้ว่า..ที่ยกมานั้นนะ..Bigtoo เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองยกมามั้ย...

เลยอยากจะถามว่า...บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..

:b1: :b1:

เด้วก้อรู้...

bigtoo เขียน:
เห็นยกพระสูตรมามากมาย ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนเนาะ เคยบอกไปแล้วเวลาพระพุทธเจ้าสอนท่านสอนความไม่หย่อนยาน แต่เวลาตอบแก่คนมาถามท่านท่านจะตอบตามสัทธรรม ท่านจึงตอบแก่บุคคลที่ถามท่านอริยะสาสวก ละทำอะไรได้บ้าง ท่านจึงกล่าวว่าละธรรมสี่ประการได้ และท่านแสดงต่อไปอีกถึงทางเสื่อมหกประการ พอเข้าใจนะ

พระสูตรผมยกมาให้ชัดเจน ต่ดให้ศิลยังไม่บริบูรณ์ก็บรรลุได้ตามที่พระองค์ชี้ชัด อย่าแถ ธรรมะต้องตรง อย่าเอาแต่จะชนะอย่างเดียวกับ ผมนะเลิกทุกอย่าง ทำไมผมถึงต้องแสดงสิ่งที่ตรงธรรมะล่ะ อย่าแถๆ เรียนก็ให้เข้าใจบริบทให้มากกว่านี้ เดี๋ยวอริยะ จะบ้าบอเกินไปผิดมนุษย์มหาเห็นคนเขายกแก้วเหล้าก็คิดว่าเขาอยากเสพ มองให้เป็น


พูดอะไร..เยอะแยะ...แต่อันที่ถาม..ดันไม่ตอบ... :b32: :b32:


กบนอกกะลา เขียน:
ผมก็แค่..อยากรู้ว่า..Bigtoo เข้าใจสิ่งที่เอามาลงมั้ย..เท่านั้น
:b32: :b32: :b32:

กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



อยากรู้ว่า..ที่ยกมานั้นนะ..Bigtoo เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองยกมามั้ย...

เลยอยากจะถามว่า...บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..

:b1: :b1:

เด้วก้อรู้...



ถามอีกที..เอ้า..ว่า..
.บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..
ยิ่งคุยยิ่งเละเนาะกบ พระสูตรที่ยกมานี่คือให้รู้บริบทของเส้นทางการบรรลุธรรมะนี้นไม่ได้มีอยู่ในส่วนที่ไม่ยิ่งหย่อนเท่านั้น ยังมีบริบทอื่นๆอยู่อีกตามที่พระองค์ทรงตรัสแก่ผู้ถามตามฐานะที่เป็นไปตามจริง ไม่ใช่อย่างที่กบคิดว่าจะต้องเป็นไปตามส่วนแห่งความไม่ยิ่งหย่อนตามที่พระองค์ทรงแสดงธรรมในคำสอนที่ไม่เป็นไปเพื่อความหย่อนยาน พอเข้าใจนะ จะมาถามหาคนบรรลุอะไรล่ะกราฟ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 08:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จาก..

bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



เลย..ถาม..
กบนอกกะลา เขียน:

ถามอีกที..เอ้า..ว่า..
.บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..


ดู..ที่พี่ท่าน..ตอบซิ..อิอิ

bigtoo เขียน:
ยิ่งคุยยิ่งเละเนาะกบ พระสูตรที่ยกมานี่คือให้รู้บริบทของเส้นทางการบรรลุธรรมะนี้นไม่ได้มีอยู่ในส่วนที่ไม่ยิ่งหย่อนเท่านั้น ยังมีบริบทอื่นๆอยู่อีกตามที่พระองค์ทรงตรัสแก่ผู้ถามตามฐานะที่เป็นไปตามจริง ไม่ใช่อย่างที่กบคิดว่าจะต้องเป็นไปตามส่วนแห่งความไม่ยิ่งหย่อนตามที่พระองค์ทรงแสดงธรรมในคำสอนที่ไม่เป็นไปเพื่อความหย่อนยาน พอเข้าใจนะ จะมาถามหาคนบรรลุอะไรล่ะกราฟ


:b32: :b32: :b32:

กลับ...ตอบม่ายด่าย..

:b32: :b32: :b32:

เรื่อง..ของเรื่อง...Bigtoo ยืนยันว่า..โสดาบันจิบเหล้าเข้าสังคมได้...เพราะพระองค์ตรัสใว้แค่ธรรม 4..

คูณวิริยะ...ก็ยกคุณของศีล..มา

กระผม...ก็ยก..องค์แห่งโสดาบัน 4..มา..เพื่อยืนยันว่าพระองค์กล่าวใว้ชัเจนว่า..โสดาบัน..ศีลสมบูรณ์ดี

กบนอกกะลา เขียน:
แต่นี้..เป็นโสดาบันแล้ว...

องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง

กบนอกกะลา เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=4501&Z=7015

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

๑๐. สังคีติสูตร (๓๓)


[๒๔๑] องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ
พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มี
ผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้
เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก-
*ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระ
ผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือ
คู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของ
บูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
บุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยศีล ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อัน
วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ





แล้ว Bigtoo...ก็พิมพ์ว่า..(ต้องใช้คำว่า..พิมพ์..เพราะไม่ได้อ้างอิงว่านำมาจากไหน)..

bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



กระผมเลยถามกลับว่า...แล้วบุคคลบางคนในโลกนี้ ..ตามนัยที่ตัวBigtoo ยกมานั้นนะ..เป็นอริยะบุคคลแล้วรึยัง?

กลับ...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก..

ฮา....
s002 s002 s002

จะแก้ตัวใหม่.ก้อได้นะเอ้อ.. :b9: :b9:

หากยอมรับแล้ว..ก็แก้ความคิดที่ว่า.."โสดาบันจิบเหล้าเข้าสังคมได้"..เอาทิ้งไปซะ.. :b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จาก..

bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



เลย..ถาม..
กบนอกกะลา เขียน:

ถามอีกที..เอ้า..ว่า..
.บุคคลบางคนในโลกนี้...ตามนัยยะที่Bigtoo ยกมา...ได้สำเร็จเป็นอริยะบุคคล..หรือไม่?..


ดู..ที่พี่ท่าน..ตอบซิ..อิอิ

bigtoo เขียน:
ยิ่งคุยยิ่งเละเนาะกบ พระสูตรที่ยกมานี่คือให้รู้บริบทของเส้นทางการบรรลุธรรมะนี้นไม่ได้มีอยู่ในส่วนที่ไม่ยิ่งหย่อนเท่านั้น ยังมีบริบทอื่นๆอยู่อีกตามที่พระองค์ทรงตรัสแก่ผู้ถามตามฐานะที่เป็นไปตามจริง ไม่ใช่อย่างที่กบคิดว่าจะต้องเป็นไปตามส่วนแห่งความไม่ยิ่งหย่อนตามที่พระองค์ทรงแสดงธรรมในคำสอนที่ไม่เป็นไปเพื่อความหย่อนยาน พอเข้าใจนะ จะมาถามหาคนบรรลุอะไรล่ะกราฟ


:b32: :b32: :b32:

กลับ...ตอบม่ายด่าย..

:b32: :b32: :b32:

เรื่อง..ของเรื่อง...Bigtoo ยืนยันว่า..โสดาบันจิบเหล้าเข้าสังคมได้...เพราะพระองค์ตรัสใว้แค่ธรรม 4..

คูณวิริยะ...ก็ยกคุณของศีล..มา

กระผม...ก็ยก..องค์แห่งโสดาบัน 4..มา..เพื่อยืนยันว่าพระองค์กล่าวใว้ชัเจนว่า..โสดาบัน..ศีลสมบูรณ์ดี

กบนอกกะลา เขียน:
แต่นี้..เป็นโสดาบันแล้ว...

องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง

กบนอกกะลา เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=4501&Z=7015

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

๑๐. สังคีติสูตร (๓๓)


[๒๔๑] องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ
พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มี
ผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้
เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก-
*ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระ
ผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือ
คู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของ
บูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
บุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยศีล ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อัน
วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ





แล้ว Bigtoo...ก็พิมพ์ว่า..(ต้องใช้คำว่า..พิมพ์..เพราะไม่ได้อ้างอิงว่านำมาจากไหน)..

bigtoo เขียน:
ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีลแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม



กระผมเลยถามกลับว่า...แล้วบุคคลบางคนในโลกนี้ ..ตามนัยที่ตัวBigtoo ยกมานั้นนะ..เป็นอริยะบุคคลแล้วรึยัง?

กลับ...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก..

ฮา....
s002 s002 s002

จะแก้ตัวใหม่.ก้อได้นะเอ้อ.. :b9: :b9:

หากยอมรับแล้ว..ก็แก้ความคิดที่ว่า.."โสดาบันจิบเหล้าเข้าสังคมได้"..เอาทิ้งไปซะ.. :b16: :b16: :b16:
อริยะสาวกละธรรมสี่ประการอธิบายซิ กบ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2017, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเยอะนะชาวพุทธบ้านเรา ที่อ่านๆพระสูตรแล้วก็คิดเป็นนั่นเป็นนี่ ทำท่าทำทางเป็นโสดา ฯลฯ เป็นอรหันต์ เป็นเอาดื้อๆทื่อๆนี่แหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron