ประสพการณ์ตรง...จากชาวนา

https://www.posttoday.com/social/hot/522762
..................................




ศาสตร์พระราชาสู่ความยั่งยืน! เมื่อหญิงชาวนาลดความเสียหายจากน้ำท่วมนาข้าวได้จริงหลังทดลองทำแก้มลิงตามแนวพระราชดำริในหลวงร.9 เป็นเรื่องราวที่กำลังถูกแชร์อย่างกว้างขวางสำหรับเรื่องของสมาชิกเฟซบุ๊กชื่อ ภูทอง ฐานวิสัย ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ใน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งได้เผยเรื่องราวการทดลองทำแก้มลิงตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ส่งผลให้ที่นาจำนวน 14 ไร่ของเธอได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมได้จริง โดยในปี2559 ที่นาเสียหายถึง 8 ไร่ แต่เมื่อทดลองทำแก้มลิงทำให้ที่นาเสียหายเพียง 2 ไร่เท่านั้น.

เธอเล่าเรื่องราวที่ทำกับมือและพิสูจน์ให้เห็นกับตาไว้ดังนี้

แก้มลิง เป็นหนึ่งในพระราชดำริของ ในหลวง ร ๙ พื้นที่แปลงนาของฉันเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม ปีนี้ฉันจึงทดลองทำ"แก้มลิง"ผลปรากฏว่านาของฉันลดความเสียได้จริงหากระดับน้ำท่วมสูงระดับนี้ทุกครั้งที่ผ่านมา พื้นที่ 14 ไร่จะเสียไป 10 ไร่ หรือบางปีไม่ได้เก็บเกี่ยวเลย อย่างปี 2559 เสียหายไป 8 ไร่

ปีนี้น้ำเยอะมากๆเสียไป 2 ไร่ รู้สึกดีใจที่แก้ไขปัญหาได้ถูกทาง มีหลายคนบอกว่าไม่ควรปลูกข้าวหอมมะลิ ฉันก็ปลูกข้าวจ้าวลอยมาหลายปีตามที่พี่น้องชาวบ้านแนะนำ เมื่อเกิดน้ำท่วมข้าวจะลอยน้ำจริงแต่ราคาถูกมากๆ ขายได้กิโลละไม่เกิน 6 บาท

ฉันจึงมีความคิดว่า แล้วทำไมเราต้องปลูกข้าวราคาถูกแล้วขายไปเพื่อซื้อข้าวราคาแพงมากิน ฉันตัดสินใจปลูกข้าวหอมมะลิราคาแพงสองปีแล้ว โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงด้วยความหวังดีจากพี่น้อง ผลปรากฏว่า ข้าวอย่างงามท่วมหัว รวงใหญ่ ตามภาพ และฉันไม่ได้ใส่ปุ๋ยใดๆนอกจากไถหมักฟางทิ้งไว้

เรื่องแปลก....อีกเรื่อง

คือ...รู้สึกว่า..ช่วง 4-5 ปีมานี้...เกิดปรากฏการณ์คนหนุ่มสาว...มุ่งหน้าสู่..ท้องทุ่ง...และ..หุบเขา..กันมากขึ้น

นี้..ไม่รวมคนรุ่นใหญ่หรือคนวัยเกษียณ..นะนี้

กบถ้าเหลือกิน จะเอาไปไหน ?

ชาวบ้านที่มีอาชีพทำนา ใครจะช่วยพวกเขา ?

กระทู้คืนชีพ

เรื่องราวความมุ่งมั่นของ สำเริง ศรีโกตะเพชร เกษตรกรจากจังหวัดสุรินทร์ ในการลงมือทำตามศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อปรับปรุงผืนดินของตนเอง โดยไม่หวั่นต่อเสียงของคนรอบข้าง เพราะเธอเชื่อว่านี่คือ หนทางที่ใช่ และนำมาซึ่งความสุขบนวิถีแห่งความพอเพียง

สมัยก่อน..ชาวนา...เป็นไท..คือ..เสร็จจากการทำนา...แล้วเขาก็ไปทำอย่างอื่น...ทำอะไรก็ได้...บางคนก็ปลูกผัก..บางคนไปเป็นช่างก่อสร้าง...รับจ้างทั่วไป...ฯ...หากมีอะไรไม่พอใจกับนายจ้าง..ก็หยุด..ไม่ไปทำงาน...หยุดเฉยๆนี้แหละ...ใครจะทำไม....เงินนะไม่มีหรอก..แต่ข้ามีข้าวกินไม่ง้อใคร..

เป็นอะไรที่นายทุนควบคุมไม่ได้..ปวดหัวน่าดู..

แล้วใครหนอ...ออกมากระตุ้น..โครงการสารพัดกู้..ทั้งหลาย..

เอ๋..จะกู้ไปซื้ออะไรทำไม..ไฟฟ้าไม่มีนี้...

ก็เอาไฟฟ้าเข้าไปก่อน...แล้วทีวี..ตู้เย็นก็ตามมาเอง...

ชาวนาเริ่มรู้สึกลำบาก..ตั้งแต่เริ่มมีการศึกษาภาคบังคับ..เพราะต้องใช้เงิน

พอมีเงินไม่พอกับการศึกษาภาคบังคับ....ก็ถูกยื่นฐานันดรใหม่..ว่า..จน

ยิ่ง..มีการศึกษาฟรี...แต่ชาวนางั๊ยกลับต้องใช้เงินเพื่อให้ลูกเรียน..มากกว่าเดิม..

แปลก...มั้ย

แล้วก็ถูกหลอก..ว่า..ชาวนาต้องมีเงิน..คำว่า..จน..จะได้หายไป..

ครั้นมีผู้เสนอให้..ทำพอกินพอใช้..เหลือก็ขาย...นายทุนจึงพากันหัวเราะเยาะ..แล้วก็ออกสารพัดโครงการเงินกู้ไม่หยุดหย่อน...ยังไม่พอ..ยังพองขนชูหางว่าตน..ช่วยชาวนา..

ช่วยชาวนา....หรือ..ช่วยใคร?

ถ้าอยากจะช่วยชาวนา...

อันแรกที่ต้องท่องใว้เลย..คือ..เลิกสะกดจิตชาวนาได้แล้ว.

การบรรเทาทุกขเวทนา...ยังเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำอยู่..แต่ก็จงรู้ใว้ซะว่า..นี้ยังไม่ใช่การแก้ปัญหา

แก้ปัญหา..ต้องแก้ที่ต้นเหตุ

กระบวนการค้นหาต้นเหตุ...เราไม่เรียกว่าเป็นการโทษนั้นโทษนี้..