ภาพนี้เป็นภาพที่เห็นกันมากมายในทุ่งนาจังหวัดอยุยาและจังหวัดใกล้
เคียง และจะไม่มีให้เห็นกับคนรุ่นหลังๆอีกต่อไป


เมื่อก่อนนั้น “หอบข้าว” มัดเป็นฟ่อนแล้ว ก็กองอยู่ที่ทุ่งนาแหละครับ ไม่ต้องมีใครไปนอนเฝ้า ในทุ่งนาเต็มไปด้วยกองข้าว นาใครนามันกองไว้ไม่มีใครมาลักขโมย เด็กเลี้ยงควายต้องดูแลดี ๆ ไม่งั้นควายจะไปกินข้าวที่กองไว้ ผมมักจะใช้เชือกล่ามมันไม่ให้มันเข้าไปใกล้กองข้าว...

เกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว เราก็เตรียม“ลากข้าว”เข้าบ้าน ลุงมาทำ “เลื่อน” เพื่อใช้บรรทุกฟ่อนข้าวให้ควายลาก เลื่อนทำด้วยไม้ไผ่ทั้งหมดขนาดของตัวเลื่อนที่ใช้บรรทุกฟ่อนข้าวจะกว้างยาวประมาณ ๑.๒ ม. มีขาลากสองข้างควายจะเข้าไปอยู่ระหว่างขาเลื่อน ที่ปลายขาเลื่อนผูกแอกพาดไว้ที่คอควาย โดยปกติจะบรรทุกข้าว ๕ ฟ่อน ควายหนึ่งตัวต่อเลื่อนหนึ่งหลังครับ ช่วงลากข้าวนี่เราจะต้องตื่นประมาณตีสี่พอเริ่มมองเห็นทางก็เริ่มลากข้าวเข้าลาน พอแสงแดดเริ่มร้อนก็หยุด ปล่อยควายกินหญ้ากินน้ำให้ควายได้พัก จะเริ่มลากข้าวอีกครั้งหนึ่งก็ตอนบ่ายแสงแดดเริ่มอ่อนลงไม่ร้อนมาก บ้านเราค่อนข้างลำบากเพราะบ้านกับที่นาอยู่คนละฝั่งคลอง ใช้ควายลากข้าวไปลงไว้ที่ลานชั่วคราวริมฝั่งคลอง แล้วพวกเราก็หาบฟ่อนข้าวลงเรือ จากนั้นก็ไปขนจากเรือขึ้นลานนวดข้าวครับ....

ภาพการ์ตูน

กระทู้นี้ที่เน้นคือที่ควายลากเขาเรียกว่า "เลื่อน" เป็นเด็กจะชอบนั่ง
มากก็ด้วยสนุกสนานของเด็กแหละ

.........

สมัยผมเป็นเด็กก็เคยช่วยแม่และคุณตาทำนา ใจมันอยากวิ่งเล่นตามทุ่งนา ดกกล้า(ถอนข้าวที่กำลังงอก)แล้วมัดรวมกันตัดยอดปลาย เวลาถอน เด็กๆก็จะถอนพอช่องตัวเป็นทางลึกเข้าไปในท้องทุ่งนาเหมือนMazeของฝรั่ง แล้วก็นอนนา คือไม่กลับไปนอนบ้าน นอนกันที่เถียงนาให้ทันดกกล้าแล้วเข้าดำนา(ปลูกข้าวลงในพื้นนาให้เป็นระยะๆประมาณ1ฟุตห่างกัน)พอข้าวออกรวงก็จะเป็นช่วงหน้าหนาว จะเอาปล้องข้าวมาทำเป็นขลุ่ยเป่าให้เป็นเพลง ผู้ใหญ่ก็จะเอาขี้ควายไปละเลงทำเป็นพื้นสำหรับฟาดข้าว(แยกเมล็ดข้าวเปลือกออกจากต้น)กองกัน เด็กๆก็จะเอาต้นข้าวมาทำซุ้มนอนดูดาวบนท้องฟ้า ฟังเสียงระฆังที่คอควายและวัว สมัยก่อนใช้ชีวิตที่เถียงนาเป็นว่าเล่น จนหมดฤดูเกี่ยวข้าวก็จะกลับเข้าไปในหมู่บ้านไปนอนบ้าน(บ้านจริงๆ)เด็กๆก็จะเอาตะเกียงมาตั้งเล่านิทานกัน(สมัยก่อนไม่มีไฟฟ้า)ถ้านอนบ้านต้องใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด ถ้าไปท้องนาต้องใช้ตะบองขี้กั้ง(เพราะควันเยอะ)
การโดยสารก็ควายกับเกวียนนี่แหละครับ ทุกบ้านต้องมี บางบ้านมีวัวพันธุ์ฝรั่งก็จะเท่ระเบิด ทางสันจรก็จะเป็นถนนดินขาว(ดินแดงจะเปลื้อนเวลาขึ้นบ้านจะเละและสกปรก)ดินขาวปนทรายไม่ติดเท้า ขึ้นบ้านก็ไม่เลอะ สมัยต่อมาก็เปลี่ยนมาเป็นดินแดง เละตุ้มเปะคร้าบ555
สมัยนั้นก็ใช่ว่าอุบลไม่ทันสมัยนะ เข้าในเมืองทุกอย่างก็เจริญมีทางลาดยาง แต่หมู่บ้านผมและรอบๆดูหลุดโลกเข้าไปในอดีต น้ำปะปาก็ไม่มี มีบ่อน้ำสาธารณะเป็นจุดๆ เด็กสาวจะมีหน้าที่หิ้วน้ำใส่ฆ้องแบกใส่บ่า2ถังกลับมาใส่ในตุ่มที่บ้าน เทียวไปมา7-8เที่ยว พอตกเย็นก็จะชุมนุมกันอาบน้ำข้างบ่อ ไม่อาบน้ำที่ตุ่มในบ้าน สมัยนั้นผมยังทันแม้กระทั่งว่าผู้หญิงเปลือยท่อนบนใส่แต่ผ้าซิ่นใช้ชีวิตในหมู่บ้านเหมือนเป็นปกติกันเกือบทุกบ้าน ผมถึงได้พูดว่าหลุดโลกเข้าไปในอดีตในขณะที่เมืองอุบลก็ไม่ใช่ไม่เจริญนั่นเอง