วันเวลาปัจจุบัน 07 ต.ค. 2025, 00:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 09:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะคำกล่าวใส่ร้าย
ท่ามกลางชุมชน ของนางจิญจมาณวิกา ผู้ผูกท่อนไม้ซ่อนไว้ที่ท้อง
แสร้งทำเป็นหญิงมีครรภ์ ด้วยความจริง ด้วยความสงบเยือกเย็น
ด้วยวิธีสมาธิอันงาม และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

พวกเดียรถีย์ริษยาพระพุทธศาสนา
ความพิสดารว่า ในปฐมโพธิกาล เมื่อสาวกของพระทศพลมี
มาก หาประมาณมิได้. เมื่อพวกเทวดาและมนุษย์หยั่งลงสู่อริยภูมิ,
เมื่อการเกิดขึ้นแห่งพระคุณของพระศาสดาแผ่ไปแล้ว
ลาภสักการะเป็นอันมากเกิดขึ้นแล้ว.

พวกเดียรถีย์เป็นผู้เช่นกับแสงหิ่งห้อยในเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น
เป็นผู้เสื่อมลาภสักการะ. พวกเดียรถีย์เหล่านั้น ยืนในระหว่างถนน แม้
ประกาศให้พวกมนุษย์รู้แจ้งอยู่อย่างนี้ว่า "พระสมณโคดมเท่านั้นหรือ
เป็นพระพุทธเจ้า, แม้พวกเราก็เป็นพระพุทธเจ้า ทานที่เขาให้แล้วแก่

พระสมณโคดมนั้นเท่านั้นหรือ มีผลมาก ทานที่เขาให้แล้วแม้แก่เราทั้ง
หลายก็มีผลมากเหมือนกัน ท่านทั้งหลายจงให้ จงทำแก่เราทั้งหลาย
บ้าง" ดังนี้แล้ว ไม่ได้ลาภสักการะแล้ว ประชุมคิดกันในที่ลับว่า
"พวกเราพึงยังโทษให้เกิดขึ้นแก่พระสมณโคดม ในระหว่างมนุษย์ทั้งหลาย
พึงยังลาภสักการะให้ฉิบหาย โดยอุบายอะไรหนอแล?"

กาลนั้นในกรุงสาวัตถี มีนางปริพาชิกาคนหนึ่งชื่อว่าจิญจมาณวิกา
เป็นผู้ทรงรูปอันเลอโฉม ถึงความเลิศด้วยความงาม เหมือนนางเทพ
อัปสรฉะนั้น รัศมีย่อมเปล่งออกจากสรีระของนางนั้น.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 18:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นางจิญจมาณวิการับอาสาพวกเดียรถีย์
ลำดับนั้น เดียรถีย์ผู้มีความรู้เฉียบแหลมคนหนึ่ง กล่าวอย่างนี้ว่า
"เราทั้งหลายอาศัยนางจิญจมาณวิกา พึงยังโทษให้เกิดขึ้นแก่พระ
สมณโคดม ยังลาภสักการะ (ของเธอ) ให้ฉิบหายได้" เดียรถีย์เหล่า
นั้นรับรองว่า "อุบายนี้ มีอยู่." ต่อมา นางจิญจมาณวิกานั้นไปสู่อาราม
ของเดียรถีย์ ไหว้แล้วได้ยืนอยู่ พวกเดียรถีย์ไม่พูดกับนาง.

นางจึงคิดว่า "เรามีโทษอะไรหนอแล?" แม้พูดครั้งที่ ๓ ว่า "พระผู้เป็น
เจ้าทั้งหลาย ดิฉันไหว้" ดังนี้แล้ว จึงพูดว่า "พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย
ดิฉันมีโทษอะไรหนอแล? เพราะเหตุอะไร ท่านทั้งหลายจึงไม่พูดกับดิฉัน?"

เดียรถีย์. น้องหญิง เจ้าย่อมไม่ทราบซึ่งพระสมณโคดม ผู้
เบียดเบียนเราทั้งหลาย เที่ยวทำเราทั้งหลายให้เสื่อมลาภสักการะหรือ?

นางจิญจมาณวิกา. ดิฉันยังไม่ทราบ เจ้าข้า, ก็ในเรื่องนี้ ดิฉันควรทำอย่างไรเล่า?

เดียรถีย์. น้องหญิง ถ้าเจ้าปรารถนาความสุขแก่เราทั้งหลายไซร้, จง
ยังโทษให้เกิดขึ้นแก่พระสมณโคดมแล้ว ยังลาภสักการะให้ฉิบหาย
เพราะอาศัยตน.

นางกล่าวว่า "ดีละ พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย, ข้อนี้จงเป็นภาระของดิฉันเอง
ท่านทั้งหลายอย่าคิดแล้ว" ดังนี้แล้ว หลีกไป ห่มผ้ามีสีดุจแมลงค่อม
ทอง มีของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้นในมือ มุ่งหน้าตรงพระเชตวัน
ไปอยู่ในสมัยเป็นที่ฟังธรรมกถาแห่งชนชาวเมืองสาวัตถี แล้วออกไป
จากพระเชตวัน ตั้งแต่กาลนั้น เพราะความที่นางเป็นผู้ฉลาดใน
มารยาทของหญิง.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 18:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อผู้อื่นถามว่า "นางจะไปไหนในเวลานี้?"
จึงกล่าวว่า "ประโยชน์อะไรของท่านทั้งหลายด้วยที่ที่เราไป" พักอยู่ใน
วัดของเดียรถีย์ในที่ใกล้พระเชตวัน เมื่อคนผู้เป็นอุบาสกออกจาก
พระนครแต่เช้าตรู่ ด้วยหวังว่า "จักถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า" (นาง)
ทำทีเหมือนอยู่ในพระเชตวันเข้าไปสู่พระนคร


เมื่อคนผู้เป็นอุบาสกถามว่า "ท่านอยู่ ณ ที่ไหน?" แล้วจึงกล่าวว่า
"ประโยชน์อะไรของท่านทั้งหลายด้วยที่ที่เราอยู่" โดยกาลล่วงไป ๑-๒ เดือน
เมื่อถูกถามจึงกล่าวว่า "เราอยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกันกับพระสมณโคดม
ในพระเชตวัน" ยังความสงสัยให้เกิดขึ้นแก่ปุถุชนทั้งหลายว่า "ข้อนั้นจริงหรือไม่หนอ?"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 18:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โดยกาลล่วงไป ๓-๔ เดือน เอาท่อนผ้าพันท้อง แสดงเพศของหญิงมี
ครรภ์ ให้เหล่าชนอันธพาลถือเอาว่า "ครรภ์บังเกิดขึ้น เพราะอาศัยพระ
สมณโคดม" โดยกาลล่วงไป ๘-๙ เดือน ผูกไม้กลมไว้ที่ท้องห่มผ้าทับข้างบน
ให้ทุบหลังมือและเท้าด้วยไม้คางโค แสดงอาการบวมขึ้น มีอินทรีย์บอบช้ำ

เมื่อพระตถาคตประทับนั่งแสดงธรรมบนธรรมาสน์ที่ประดับแล้วในเวลาเย็น
ไปสู่ธรรมสภา ยืนตรงพระพักตร์ของพระตถาคตแล้ว กล่าวว่า "มหาสมณะ
พระองค์ (ดีแต่) แสดงธรรมแก่มหาชนเท่านั้น เสียงของพระองค์ไพเราะ
พระโอษฐ์ของพระองค์สนิท ส่วนหม่อมฉันอาศัยพระองค์ได้เกิดมีครรภ์ครบกำหนดแล้ว,

พระองค์ไม่ทรงทราบเรือนเป็นที่คลอดของหม่อมฉัน ไม่ทรงทราบเครื่อง
ครรภบริหารมีเนยใสและน้ำมันเป็นต้น เมื่อไม่ทรงทำเอง ก็ไม่ตรัสบอก
พระเจ้าโกศล หรืออนาถบิณฑิกะ หรือนางวิสาขามหาอุบาสิกาคนใดคน
หนึ่ง แม้บรรดาอุปัฏฐากทั้งหลายว่า ‘ท่านจงทำกิจที่ควรทำแก่นางจิญจมาณวิกานี้

พระองค์ทรงรู้แต่จะอภิรมย์เท่านั้น ไม่ทรงรู้ครรภบริหาร" เหมือน
พยายามจับก้อนคูถ ปามณฑลพระจันทร์ฉะนั้น ด่าพระตถาคต ใน
ท่ามกลางบริษัทแล้ว.

พระตถาคตทรงงดธรรมกถาแล้ว เมื่อจะทรงบันลือเยี่ยงอย่างสีหะ จึง
ตรัสว่า "น้องหญิง ความที่คำอันเจ้ากล่าวแล้วจะจริงหรือไม่ เราและเจ้า
เท่านั้น ย่อมรู้."

นางจิญจมาณวิกา. อย่างนั้น มหาสมณะ ข้อนั้นเกิดแล้วโดยความที่ท่าน
และหม่อมฉันทราบแล้ว.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 19:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เทพบุตรทำลายกลอุบายของนางจิญจมาณวิกา

ขณะนั้น อาสนะของท้าวสักกะแสดงอาการร้อน.
ท้าวเธอทรงใคร่ครวญอยู่ ก็ทราบว่า "นางจิญจมาณวิกา ย่อมด่าพระ
ตถาคตด้วยคำไม่เป็นจริง" แล้วทรงดำริว่า "เราจักชำระเรื่องนี้ให้
หมดจด" จึงเสด็จมากับเทพบุตร ๔ องค์. เทพบุตรทั้งหลายแปลงเป็น
ลูกหนูกัดเชือกที่ผูกท่อนไม้กลม ด้วยอันแทะทีเดียวเท่านั้น ลมพัดเวิก
ผ้าห่มขึ้น ไม้กลมพลัดตกลงบนหลังเท้าของนางจิญจมาณวิกานั้น ปลาย
เท้าทั้ง ๒ ข้างแตกแล้ว.

มนุษย์ทั้งหลายพูดว่า "แน่ะนางกาลกรรณี เจ้าด่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
ถ่มเขฬะลงบนศีรษะ มีมือถือก้อนดินและท่อนไม้ ฉุดลากออกจากพระเชตวัน.

ครั้นในเวลานางล่วงคลองพระเนตรของพระตถาคตไป แผ่นดินใหญ่
แตกแยกช่องให้แล้ว เปลวไฟตั้งขึ้นจากอเวจี นางจิญจมาณวิกานั้น
ไปเกิดในอเวจี เป็นเหมือนห่มผ้ากัมพลที่ตระกูลให้. ลาภสักการะของ
พวกเดียรถีย์เสื่อมแล้ว (แต่กลับ) เจริญแก่พระทศพลโดยประมาณยิ่ง.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 19:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในวันรุ่งขึ้น พวกภิกษุสนทนากันในธรรมสภาว่า "ผู้มีอายุทั้งหลาย นาง
จิญจมาณวิกาด่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ควรทักษิณาอันเลิศ ผู้งมีคุณอัน
ยิ่งอย่างนี้ ด้วยคำไม่จริง จึงถึงความพินาศใหญ่แล้ว."

พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุม
กันด้วยถ้อยคำอะไรหนอ?" เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า "ด้วยถ้อยคำ
ชื่อนี้." แล้วตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เท่านั้นหามิได้ ถึงในกาลก่อน นางจิญจมาณวิกานั่น
ก็ด่าเราด้วยคำไม่จริง ถึงความพินาศแล้วเหมือนกัน"


ดังนี้แล้ว จึงตรัสมหาปทุมชาดก๑- ในทวาทสกนิบาตนี้ให้พิสดารว่า :-
งผู้เป็นใหญ่ไม่เห็นโทษน้อยใหญ่ของผู้อื่นโดยประการ
ทั้งปวงแล้ว ไม่ทันพิจารณาเห็นเอง ไม่พึงลงอาญา.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 19:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโพธิสัตว์ถูกทิ้งลงในเหวแต่ไม่ตาย

(พระองค์ตรัสว่า) :-
ได้ยินว่า ในกาลนั้น นางจิญจมาณวิกานั้นเป็นผู้ร่วมสามีของพระมารดา
ของพระโพธิสัตว์ ทรงนามว่ามหาปทุมกุมาร เป็นอัครมเหสีของพระราชา
เชิญชวนพระมหาสัตว์ด้วยอสัทธรรม ไม่ได้ความยินยอมของพระ
โพธิสัตว์นั้นแล้ว ทำประการแปลกในตนด้วยตนเอง แสดงอาการลวงว่า
ยเป็นไข้ จึงกราบทูลแด่พระราชาว่า "พระราชโอรสของพระองค์ ยัง
หม่อมฉันผู้ไม่ปรารถนาอยู่ ให้ถึงประการแปลกนี้."

พระราชากริ้ว ทิ้งพระมหาสัตว์ไปในเหวเป็นที่ทิ้งโจร.
ลำดับนั้น เทวดาผู้สิงอยู่ที่ท้องแห่งภูเขา (หุบเขา) รับพระมหาสัตว์นั้นแล้ว
ให้ประดิษฐานอยู่ในห้องพังพานของพระยานาค. พระยานาคนำพระมหา
สัตว์นั้นไปสู่ภพนาค ทรงรับรองด้วยราชสมบัติกึ่งหนึ่ง. พระมหาสัตว์นั้น
อยู่ในภพนาคนั้นสิ้นปีหนึ่ง ใคร่จะบวช จึงมาสู่หิมวันตประเทศ บวชแล้ว
ให้ฌานและอภิญญาบังเกิดแล้ว.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 19:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโพธิสัตว์ถวายพระโอวาทแก่พระราชา

ต่อมา พรานไพรผู้หนึ่งเห็นพระมหาสัตว์นั้น จึงกราบทูลแด่พระราชา.
พระราชาเสด็จไปสู่สำนักของพระมหาสัตว์นั้นแล้ว มีปฏิสันถารอันพระ
มหาสัตว์ทำแล้ว ทรงทราบประพฤติเหตุนั้นทั้งหมด ทรงเชื้อเชิญพระมหา
สัตว์ด้วยราชสมบัติอันพระมหาสัตว์นั้นถวายโอวาทว่า
"กิจด้วยราชสมบัติของหม่อมฉันไม่มี ก็พระองค์จงอย่าให้ราชธรรม ๑๐ ประการ
กำเริบ ทรงละการถึงอคติเสียแล้ว เสวยราชสมบัติโดยธรรมเถิด"

ดังนี้แล้ว เสด็จลุกจากอาสนะ ทรงกันแสง เสด็จไปสู่พระนคร จึงตรัสถาม
อำมาตย์ทั้งหลายในระหว่างหนทางว่า "เราถึงความพลัดพรากจากบุตร
ซึ่งสมบูรณ์ด้วยอาจาระอย่างนี้เพราะอาศัยใคร?"

อำมาตย์. เพราะอาศัยพระอัครมเหสี พระเจ้าข้า.
พระราชารับสั่งให้จับพระอัครมเหสีนั้น ให้มีเท้าขึ้นแล้ว ทิ้งไปในเหวที่ทิ้ง
โจร เสด็จเข้าไปสู่พระนคร เสวยราชสมบัติโดยธรรม.
มหาปทุมกุมารในกาลนั้น ได้เป็นพระมหาสัตว์.
หญิงร่วมสามีของพระมารดา ได้เป็นนางจิญจมาณวิกา.
พระศาสดา ครั้นทรงประกาศเนื้อความนี้แล้ว ตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย ก็ขึ้นชื่อว่าบาปกรรม อันบุคคลผู้ละคำสัตย์
ซึ่งเป็นธรรมอย่างเอกแล้ว ตั้งอยู่ในมุสาวาท ผู้มีปรโลกอันสละแล้ว
ไม่พึงทำย่อมไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2017, 20:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




images (5).jpg
images (5).jpg [ 35.4 KiB | เปิดดู 3219 ครั้ง ]
อ่านต่อมหาปทุมชาดก
เรื่องในอดีตของนางจิญจมาวิกา
http://www.84000.org/tipitaka/atita100/ ... p?i=271698
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร