วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2017, 19:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2017, 13:56
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




lotus.jpg
lotus.jpg [ 135.25 KiB | เปิดดู 2095 ครั้ง ]
ในยุคปัจจุบัน การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น สนใจแต่วัตถุ เงินทอง ชื่อเสียง จะมีสักกี่คนที่สนใจสะสมบารมี ชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นย่อมอยู่ในความประมาท เพราะกินบารมีเก่าอยู่ หากคุณยังไม่ทุกข์ ยากนักที่จะมาสนใจสิ่งเหล่านี้ การทำความดีกับความชั่วก็เหมือนกับการปลูกมะม่วง จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจ มองย้อนดูตัวเองอย่างแท้จริง
อย่ารอให้คุณทุกข์ ค่อยมาสะสมบารมี เพราะมะม่วงความดีที่คุณปลูก ไม่มีทางออกผลทันในช่วงปัจจุบันที่คุณต้องการส่วนใหญ่ผู้ที่เจริญในทางสว่างจะแบ่งเงินออกมา 10% ทำบุญกับพระพุทธศาสนาบ้าง ช่วยเหลือสังคม มูลนิธิบ้าง สะสมบารมีตลอดเวลา และสำหรับคนที่ไม่มีเงินก็สามารถสะสมบารมีได้เช่นกัน เนื้อหาอยู่ช่วงถัดไป

พื้นฐานของบุญหลักๆจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

1. จิตใจต้องบริสุทธิ์ เช่น ทำเพราะอยากช่วยเหลือสังคม พระพุทธศาสนา ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น เป็นต้น สำหรับผม ผมให้ เพราะอยากให้เขาได้สิ่งที่เราให้ไปได้สร้างบารมียิ่งๆขึ้นไป ปรารถนาให้พวกเขาได้สร้างสังคมที่ดีขึ้น หากคุณถวายวัด สิ่งของที่คุณถวายเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนา อย่ามองว่าเล็กน้อย เพราะคนละน้อยย่อมมหาศาลได้ อย่าไปหวังในผลของบุญ ให้คิดว่า ได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคม กับพระพุทธศานา
2. ผู้รับเป็นคนที่ดี เนื้อนาบุญ หรือ นำของ เงินที่เราให้ไปใช้ประโยชน์ ยิ่งเยอะ แน่นอนว่าเราย่อมได้รับบารมีมาก

วิธีการสร้างบารมีแบบง่ายๆ

1. บุญที่สำคัญที่สุดนั่นคือการทำบุญ กับ พ่อ แม่ หลายคนอาจมีพ่อ แม่ไม่ดี ดื้อรั้นไม่ถูกกับพ่อแม่บ้าง เชื่อเถอะ พ่อแม่ นั้นประเสริฐมาก หากคุณมีชีวิตที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ คุณลองมองย้อนกลับไปช่วงที่ทำความดี ความชั่วกับพ่อแม่เยอะๆ คุณจะเห็นเลยว่ากฎแห่งกรรมของผลมันมหาศาล การทำบุญหรือบาปกับพ่อแม่นั้นส่งผลในชาตินี้ และเป็นทวีคูณด้วย จงมองความผิดของพ่อแม่ให้เล็ก หาทาง หรือสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้กับพ่อแม่และครอบครัว สำหรับครอบครัวที่มีปัญหา ไม่ใช่มองแต่ความถูกต้องหรือการดื้อรั้น ผู้ใหญ่ไม่ใช่ไม่ฟังเด็ก ถ้าเราเลือกเวลาที่เหมาะสมย่อมแก้ปัญหาได้ดีกว่า อีกวิธี คือ การทำบุญแล้วอธิษฐานขอผลบุญส่งผลให้ครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุข ความเจริญ ไม่ทะเลาะกัน ทำบ่อยๆบางทีอาจเกิดปาฏิหาริย์ได้
2. ทำทานกับการสวดมนต์ ซื้อบาตรสีเหลืองเล็กๆ ถ้าไม่มีให้ใช้ซองแทนได้ มาไว้ที่หิ้งพระ หลังสวดมนต์เสร็จทุกครั้ง ให้นำเงินอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป “ข้าพเจ้าขอถวายเงิน .... บาท ให้แด่พระพุทธเจ้าเพื่อที่ข้าพเจ้าได้ทำบุญกับพระพุทธศาสนา” หลังจากนั้นนำเงินใส่บาตรหรือซอง แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ พอครบเดือนให้นำเงินหยอดตู้ในวัด
บทสวดมนต์และแผ่เมตตา คลิก
3. ทำสังฆทานที่วัด ซื้อของที่เซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อ คิดว่าพระใช้ของอะไรบ้าง เช่น กระดาษเช็ดชู่, แปรง-ยาสีฟัน, น้ำเปล่า, น้ำยาล้างจาน-ห้องน้ำ ยาดม เบตาดีน หนังสือพระป่า (คำสอนสมเด็จโต หลวงปู่มั่น การเทศน์หรือประวัติของพระอริยะ) เป็นต้น เงินใส่ซองมีหรือไม่มีแล้วแต่ บางวัดจะไม่รับซองไม่รับเงินก็มี
ทำไมเราต้องทำบุญกับวัด ในทางโลกที่เรามองเห็น พระหลายรูปได้เทศน์สอนให้เราทำความดี กิเลสเบาลง ช่วยเหลือสังคม สร้างประโยชน์มากมาย การที่เราได้ทำบุญ ทำสังฆทานกับท่านเหล่านั้น ถือว่ามีประโยชน์มาก
สำหรับผู้ที่เจอพระไม่น่าเคารพ ไม่น่าทำบุญ อย่าไปคิดแบบนั้น เพราะสังฆทาน พระต้องแบ่งกันใช้ บางทีอาจมีพระปฏิบัติดีบางท่านมารับไปใช้ก็เป็นได้ เราทำเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา เราคิดแค่นี้ ไม่ไปหวังในบุญก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
บทอธิษฐานหลังถวายสังฆทาน คลิก
4. นอนสมาธิ เหมาะสำหรับคนขี้เกียจมาก ตอนนอน ท่อง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ท่องร้อยครั้ง พันครั้งไปเรื่อยๆ จนหลับ ท่องแบบเบาสบายๆ ไม่เคร่งเครียด ธรรมชาติ ถ้าทำบ่อยๆแล้วเป็นสมาธิ เวลาตื่นมารู้สึกเหมือนนอนเต็มอิ่ม สดชื่นมาก เพราะนอนด้วยสมาธิ พอตื่นขึ้นมาหรือช่วงออกจากสมาธิ ให้แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ เป็นการสร้างบุญที่ง่ายและเยอะด้วย
5. การนั่งสมาธิ โดยเฉพาะช่วงที่สมาธิลึกที่สุด เวลาอธิษฐานอะไร เป็นบุญมหาศาล ยิ่งถ้าเรานั่งสมาธิลึกมากๆ แล้วปราศจากตัวตน คำอธิษฐานของเราช่วงนั้นจะเป็นจริงได้ง่ายมาก ถือว่าเป็นบุญมหาศาล ช่วงออกจากสมาธิ ให้แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ด้วย
6. การทำบุญกับมูลนิธิต่างๆ หรือ สภากาชาติ บริจาคเลือด เป็นการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะการบริจาคเลือดถือว่าเป็นบุญเกี่ยวกับการให้ชีวิต
7. การบอกบุญ บอกให้เพื่อนมาร่วมทำบุญ หรือเป็นตัวแทนกฐิน โดยเฉพาะการเป็นตัวแทนกฐินมีตู้มาไว้ที่ร้าน หลายคนได้ทำบุญเพราะเรา แต่ระวังเรื่องเงินอธิษฐาน ห้ามแลกเปลี่ยนเงิน เพราะ เงินหลายๆท่านได้อธิษฐานมาแล้วต้องระวังเรื่องนี้ด้วย ถ้าอยากแลกเงินให้ไปอธิษฐานในพระอุโบสถในวัดขอแลกเงินเป็นอันใช้ได้
8. สร้างอุโบสถ หล่อพระ สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ทำเถอะพวกนี้เป็นอะไรที่เยอะมาก หากสิ่งที่เราได้ให้ไปแล้วได้สร้างประโยชน์ ยิ่งสถานที่นั้นได้สร้างประโยชน์อยู่เรื่อยๆ หรือพระประธานที่เราหล่อมีการกราบไหว้ สวดมนต์ทุกวัน เท่ากับว่าเราได้บุญอยู่ทุกวัน บางคนไม่เคยนั่งสมาธิ แต่สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม หล่อพระเยอะๆ ยิ่งอธิษฐานขอให้เจริญกรรมฐานได้เร็วนะ พอนั่งสมาธิจะไปได้เร็วมาก
9. ซื้อปลา จากตลาด (ปลาจากตลาด คือ ปลาที่กำลังรอการถูกเชือด) (ถ้าซื้อบ่อยเปลี่ยนร้านบ้าง) มาปล่อยที่คลองหรือแม่น้ำ ระวังด้วยว่าปลาจะรอดไหม ถ้าไม่รู้ให้ปล่อยปลาที่มั่นใจ ปลาที่จะรอดได้ในแม่น้ำ คือ ปลาดุก ปลาชนิดนี้ทนทานมาก ถ้าปลาชนิดอื่นก่อนปล่อยให้ตักน้ำในแม่น้ำหรือคลองใส่ในปลา ให้ปลาปรับสภาพก่อน สักแปปค่อยปล่อยลงในแม่น้ำได้ ผมเคยอ่านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเทศน์เหมือนว่า การทำบุญแบบนี้สามารถหนีอุปฆาตกรรมได้ เพราะเราได้ช่วยชีวิตปลาไว้
หนังสือชีวิตเปลี่ยน

ไม่มีเหตุบังเอิญในพระพุทธศาสนา ทุกสิ่งล้วนเกิดจากกรรมทั้งสิ้น สุขหรือทุกข์ต่างกันแค่ความคิด
ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น คนที่มีปัญญาแล้วจะทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุด
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2017, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บารมี คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด เพื่อบรรลุจุดหมายอันสูงยิ่ง, บารมีที่พระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญให้ครบบริบูรณ์ จึงจะบรรลุโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้า มี ๑๐ คือ

๑. ทาน การให้ การเสียสละเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์สรรพสัตว์

๒. ศีล ความประพฤติถูกต้อง สุจริต

๓. เนกขัมมะ ความปลีกออกจากกามได้ ไม่เห็นแก่การเสพบำเรอ, การออกบวช

๔. ปัญญา ความรอบรู้ เข้าถึงความจริง รู้จักคิดพิจารณาแก้ไขปัญหา และดำเนินการจัดการต่างๆ ให้สำเร็จ

๕. วิริยะ ความเพียรแกล้วกล้า บากบั่นทำการ ไม่ทอดทิ้งธุระหน้าที่

๖. ขันติ ความอดทน ควบคุมตนอยู่ได้ในธรรม ในเหตุผล และในแนวทางเพื่อจุดหมายอันชอบ ไม่ยอมลุอำนาจกิเลส

๗. สัจจะ ความจริง ซื่อสัตย์ จริงใจ จริงจัง

๘. อธิษฐาน ความตั้งใจมั่น ตั้งจุดหมายไว้ดีงามชัดเจนและมุ่งไปเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

๙. เมตตา ความรัก ความปรารถนาดี คิดเกื้อกูลหวังให้สรรพสัตว์อยู่ดีมีความสุข

๑๐. อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง อยู่ในธรรม เรียบสงบสม่ำเสมอ ไม่เอนเอียง ไม่หวั่นไหวไปด้วยความยินดียินร้ายชอบชังหรือแรงเย้ายวนยั่วยุใดๆ


บารมี ๑๐ นั้น จะบริบูรณ์ต่อเมื่อพระโพธิสัตว์บำเพ็ญแต่ละบารมีครบสามขั้นหรือสามระดับ จึงแบ่งบารมีเป็น ๓ ระดับ คือ

๑. บารมี คือ คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด ขั้นต้น

๒. อุปบารมี คือ คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด ขั้นจวนสูงสุด

๓. ปรมัตถบารมี คือ คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด ขั้นสูงสุด


เกณฑ์ในการแบ่งระดับของบารมีนั้น มีหลายแง่หลายด้าน

ขอยกเกณฑ์อย่างง่ายมาให้รู้พอเข้าใจ เช่น ในข้อทาน สละทรัพย์ภายนอกทุกอย่างได้ เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นทานบารมี

สละอวัยวะ เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นทานอุปบารมี

สละชีวิต เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นทานปรมัตถบารมี


บารมีในแต่ละชั้นมี ๑๐ จึงแยกเป็น บารมี ๑๐ (ทศบารมี) อุปบารมี ๑๐ (ทศอุปบารมี) และปรมัตถบารมี ๑๐ (ทศปรมัตถบารมี)

รวมทั้งสิ้น เป็นบารมี ๓๐ เรียกเป็นคำศัพท์ว่า สมดึงสบารมี (หรือ สมติงสบารมี) แปลว่า บารมีสามสิบถ้วน หรือบารมีครบเต็มสามสิบ

แต่ในภาษาไทย บางทีเรียกสืบๆ กันมาว่า "บารมี ๓๐ ทัศ"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2017, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 750

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร