วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 04:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2017, 16:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


...ดูตามเหตุแล้ว พระพุทธองค์ เอาหลักใหญ่ๆๆของธาตุและสี แสงสว่าง ที่ตั้งอยู่บนธาตุดิน เป็นหลัก ถ้าปราศจากธาตุดินและธาตุน้ำ..ธาตุอื่นๆก็ตั้งอยู่ในจักรวาลนี้ก็ไม่ได้ และคงไม่มีเราด้วย แม้แต่ ธาตุน้ำเองต้องอาศัยธาตุดินเป็นหลัก ที่เห็นลอยเป็นก้อนน้ำแข็งในอาวกาศไม่นานคงจะสลายหมด กสิน 10 เป็นการเพ่งให้เกิดฤทธิ์ หรือการเล่นแร่แปรธาตุ เกี่ยวข้องโดยตรงกัน รูปธรรม กระมัง..หรือท่านกำหนดเหมือนตารางธาตุ..คงจะจำยาก55 ท่านเลยกำหนดให้เหลือแค่ 10 เดาเอา..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2017, 18:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เล่นแร่แปรธาตุ...
:b17: :b17: :b17:

รับฟังใว้....รีบฟังใว้...ครับป่ม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2017, 05:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฤทธิ.....เป็นเรื่องปกติ...

ไม่มีฤทธิ...เป็นเรื่องผิดปกติ...

แต่เรื่องแปลกๆ..ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกระทู้...ครับ :b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2017, 11:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


..อีกประการหนึ่ง กสิณมีแค่สิป น่าจะมาจาก จริตของคนเราที่จะฝึกกรรมฐานมี 6 อย่าง
คือ กสิณกลาง มี 6 อย่าง คนทุกจริตฝึกกสิณได้ทั้ง 6 เพราะเหมาะกับทุกอารมณ์ ทุกอุปนิสัยของคน
1.ปฐวีกสิณ (ธาตุดิน/ของแข็ง ไม่ใช่เฉพาะดิน) จิตเพ่งดิน โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นดิน หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปฐวี" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง" เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้ ก็จะข่มนิวรณ์ธรรมเสียได้โดยลำดับ กิเลสก็จะสงบระงับจากสันดาน สมาธิก็จะกล้าขึ้น จิตนั้นก็ชื่อว่าตั้งมั่น เป็นอุปจารสมาธิ เมื่อทำได้สำเร็จปฐมฌานแล้ว ก็พึงปฏิบัติในปฐมฌานนั้นให้ชำนาญคล่องแคล่วด้วยดีก่อนแล้วจึงเจริญทุติยฌานสืบต่อไปได้
2.เตโชกสิณ (ธาตุไฟ ธาตุร้อน) จิตเพ่งไฟ คือการเพ่งเปลวไฟ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นไฟ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "เตโช" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
3.วาโยกสิณ (ธาตุลม) จิตเพ่งอยู่กับลม นึกถึงภาพลม โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นลม หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "วาโย" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
4. อากาสกสิณ (ช่องว่าง) จิตเพ่งอยู่กับอากาศ นึกถึงอากาศ คือการเพ่งช่องว่าง โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นช่องว่าง เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อากาศ" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
5. อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง) จิตเพ่งอยู่กับแสงสว่าง นึกถึงแสงสว่าง วิธีเจริญอาโลกกสิณให้ผู้ปฏิบัติยึดโดยทำความรู้สึกถึงความสว่าง ไม่ใช่เพ่งที่สีของแสงนั้น เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโลก" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง"
6. อาโปกสิณ (ธาตุน้ำ/ของเหลว) จิตนึกถึงน้ำเพ่งน้ำไว้ คือการเพ่งน้ำ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นน้ำ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโป" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" ให้เลือกภาวนากสิณใดกสิณหนึ่งให้ได้ถึงฌาน 4 หรือฌาน 5 กสิณอื่น ๆ ก็ทำได้ง่ายทั้งหมด
พวกที่สองคือกสิณเฉพาะอุปนิสัยหรือเฉพาะจริตมี 4 อย่าง สำหรับคนโกรธง่าย คือพวกโทสจริต
7.โลหิตกสิณ เพ่งกสิณ หรือนิมิตสีแดงจะเป็นดอกไม้แดง เลือดแดง หรือผ้าสีแดงก็ได้ทั้งนั้นจิตนึกภาพสีแดงแล้วภาวนาว่า โลหิต กสิณัง
8.นีลกสิณ ตาดูสีเขียวใบไม้ หญ้า หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว แล้วหลับตาจิตนึกถึงภาพสีเขียว ภาวนาว่า นีล กสิณัง
9. ปีตกสิณ จิตเพ่งของอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง ภาวนาว่า ปีต กสิณัง
10 .โอทาตกสิณ ตาเพ่งสีขาวอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วหลับตานึกถึงภาพสีขาว ภาวนาโอทา กสิณัง จนจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งไม่วอกแวกไม่รู้ลมหายใจภาพกสิณชัดเจน
ท่านว่าจิตเข้าถึงฌาน 4 ก็เป็นจิตเฉยมีอุเบกขาอยู่กับภาพกสิณต่าง ๆ ที่จิตจับเอาไว้ เป็นเอกคดารมย์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2017, 06:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อมันตรา เขียน:
..อีกประการหนึ่ง กสิณมีแค่สิป น่าจะมาจาก จริตของคนเราที่จะฝึกกรรมฐานมี 6 อย่าง


นี้ก็รับฟังใว้..ฟังใว้..ครับ :b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2017, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา ทำท่าจะตามท่านอโศกไปอีกคน คือไปทำท่าบรรลุธรรมอยู่ลานโน้น :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2017, 19:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

ไปกวนอโศกะแปรบเดียว...ไม่รู้หนีหายไปที่ไหนอีกแล้ว.. :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2017, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:

ไปกวนอโศกะแปรบเดียว...ไม่รู้หนีหายไปที่ไหนอีกแล้ว.. :b9: :b9:



กบชวนคนลานนั้นมาลานนี้ดิ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2017, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จัดใหญ่ ! “ชุมนุมฤาษีโลก” ฤาษีนานาชาติรวมตัวที่มหาสารคาม เผยนัดกันผ่าน “เฟซบุ๊ก”

http://www.matichon.co.th/news/469264

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2017, 19:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นนัยยะ...อะไรบ้าง...

ผิด..ถูก...ไม่ใช่สาระ

สาระ..คือ...ฝึกสงสัย..แก้ความสงสัย..อย่างมีเหตุมีผล..


ผิด .. ถูก... เป็นสาระที่สำคัญยิ่ง เพราะเห็นผิด ทางธรรมเรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ เห็นถูกทางธรรมเรียกว่าสัมมาทิฏฐิ ต่างกันนะ

ใครเห็นถูกต้องในเบื้องต้นแล้ว เขานำไปใช้ไปปฏิบัติก็ถูกเป็นสัมมาทิฏฐิ

ตรงข้ามถ้าเห็นผิดเข้าใจผิดเสียแล้ว นำไปใช้ไปทำไปปฏิบัติก็ผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิไปด้วย

ความสงสัยไม่ต้องไปฝึกมันหรอก มันเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว คือ อะไรที่ตัวไม่รู้ไม่เข้าใจ มันก็สงสัยอยู่แล้ว หายสงสัยก็ต่อรู้ความจริง แล้ววิจิกิจฉามันหายไปโดยอัตโนมัติ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2017, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

จึงเกิดคำถามว่า

แล้วทำไม..กสินจึงมีแค่ 10? มีมากกว่านี้..ได้มั้ย



ถ้าเข้าใจคำแปลกสิณแล้ว ก็บอกได้ว่า มีมากกว่า 10 ได้ (ดูคำแปล) แต่ท่านเห็นว่า 10 อย่างนี่ก็พอแก่ความประสงค์แล้ว ท่านจึงจัดให้ 10 อย่าง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2017, 06:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:

จึงเกิดคำถามว่า

แล้วทำไม..กสินจึงมีแค่ 10? มีมากกว่านี้..ได้มั้ย



ถ้าเข้าใจคำแปลกสิณแล้ว ก็บอกได้ว่า มีมากกว่า 10 ได้ (ดูคำแปล) แต่ท่านเห็นว่า 10 อย่างนี่ก็พอแก่ความประสงค์แล้ว ท่านจึงจัดให้ 10 อย่าง :b1:

:b27:
ตอบอย่างนี้สิถือว่า รู้จริงในความหมายของต้นศัพท์บาลี

อนุโมทนา
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2017, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:

จึงเกิดคำถามว่า

แล้วทำไม..กสินจึงมีแค่ 10? มีมากกว่านี้..ได้มั้ย



ถ้าเข้าใจคำแปลกสิณแล้ว ก็บอกได้ว่า มีมากกว่า 10 ได้ (ดูคำแปล) แต่ท่านเห็นว่า 10 อย่างนี่ก็พอแก่ความประสงค์แล้ว ท่านจึงจัดให้ 10 อย่าง :b1:

:b27:
ตอบอย่างนี้สิถือว่า รู้จริงในความหมายของต้นศัพท์บาลี

อนุโมทนา


สวัสดีขอรับท่านอโศก :b8:

คิดว่า ท่านอโศกคงต้องมา :b1:

https://www.youtube.com/watch?v=_f5fdO6h1wk

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร