สร้างวาทกรรมไปเรื่อย อิอิ นี่ๆพูดไปพูดมาก็มาลงตามธรรมอีกแระ คือกลัวไม่เป็นธรรม

มีลักษณะหลายๆอย่าง....ที่อโสกะแสดงตัวเป็นตัวแทน..ของความเข้าใจผิดผิด..

อย่างเช่น..
ใน..
เรื่อง..ความรู้.....

อโสกะ.....ชอบที่จะพูดทำนอง....ต้องปฏิบัติจึงจะรู้จริง....แต่พอถาม..ก็บอกว่า..."ถามหลวงพ่อกููเกิ้ลดูก็รู้ได้ทันที ""...

อโสกะแสดงลักษณะลึกๆ...ในเรื่องความรู้...ของตัวเอง...ชัดเจน..อย่างที่อโสกะพูดดังต่อไปนี้



เรื่อง...ความหลง..
คนที่ชอบ..ทึ่ง....กับของอะไรที่แปลกๆ..ชอบแหวกแนว..อย่างที่อโสกะมักชอบพูดว่า.."นอกตำรา..นอกตำรา"..น้านแหละ...พอมีใครพูดอะไรที่ดูแปลกใหม่....มักศรัทธาแรง...และก็มีแนวโน้มจะ.เป็นอุปาทาน..ในขั้นการปฏิบัติ....

หลง....ศรัทธา...ในคำพูดที่ดูแหวกแนวของคนที่ตนรู้สึกศรัทธา...
อย่างที่อโสกะพูดดังต่อไปนี้


หลง....ในผัสสะ...

ยึดในผัสสะ..หมั้นในผัสสะของตน..ว่าเป็นจริงเป็นจัง...อย่างนั้น..อย่างนั้น...อย่างที่ตนผัสสะมา...

แล้วก็ต่อด้วยหลง..บัญญัติ..."ลมหายใจ"..."ลมปราณ".."ธาตุุุุลม"...เห็นคำว่า..ลม..ก็เข้าใจว่ามันเป็นลมอันเดียวกัน...

อย่างที่อโสกะพูดดังต่อไปนี้

อโสกะครับ....ไปทำความรู้จัก...
คำว่า...ลม..ของลมหายใจ
คำว่า...ลม...ของลมปราณ
คำว่า..ลม..ของธาตุลม...

ซะใหม่นะรับ....ไม่ใช่แค่อ่านเอานะครับ..และไม่ใช่แค่ฟังมาอย่างเดียว...

และถ้าอโสกะ..คิดว่า..ตัวเองรู้แล้ว....ก็ลองพูดให้ฟังหน่อยนะครับ..
แต่ถ้าคิดว่า..ยังไม่รู้..ก็ลองถามมา..นะครับ...

รึ..จะไปตั้งกระทู้ใหม่...ก็ดีเหมือนกัน
.............................

หลง..ในฟุ้งซ่าน...ของตน
จากที่คุยๆกันมานาน....ผมไม่แน่ใจว่า..อโสกะจะเห็นปัจจุบันขณะ..ได้จริงมั้ย..รึสิ่งที่อโสกะเห็นจะเป็นอุปาทานที่ตนยึดถือใว้..กันแน่

เพราะ..มีหลายๆอย่าง..หลายๆเหตุการณ์..ที่บ่งบอกว่า..อโสกะ...ไม่ทันขณะปัจจุบัน..จริงอย่างที่ตนคิด


หากไม่ทัน..ปัจจุบันขณะ..ได้จริง..คำว่า..ก่อน...หายใจเข้าหายใจออก..มันก็จะเป็นความฟุ้งซ่านไปในอุปาทานของตนเอง...ได้เลย

[size=150]กบไม่ได้ลองพิสูจน์ความจริงแล้ววิจารณ์จึงวิจารณ์ผิดธรรม

ทำอย่างนี้นะ

นั่งลงกำหนดสติปัญญาสังเกตไว้ในกาย
กลั้นลมหายใจไว้นิดๆแล้วนิ่งเฉยไว้นานๆ
สักครู่กบจะได้เห็นความเรียกร้องของการหายใจเข้าหรือหายใจออก

กลั้น ทนดูต่อไปอีกหน่อย กบจะได้เห็นหรือรู้จักนามธรรมที่เรียกว่า "ทุกขัง" ที่แท้จริงอย่างทราบซึ้งใจ

อดกลั้นไว้ให้ถึงที่สุดของที่สุด กบจะได้รู้ว่า ความทุกข์และความกลัวตายนี่แหละที่ทำให้เกิดการหายใจเข้าหายใจออก

พิสูจน์

กรัชกายก็ทำด้วยอย่าดีแต่คิด พูด แต่ไม่ลงมือทำจริง ไม่พิสูจน์ธรรม

ทำอย่างนี้นะ

นั่งลงกำหนดสติปัญญาสังเกตไว้ในกาย
กลั้นลมหายใจไว้นิดๆแล้วนิ่งเฉยไว้นานๆ
สักครู่กบจะได้เห็นความเรียกร้องของการหายใจเข้าหรือหายใจออก

กลั้น ทนดูต่อไปอีกหน่อย กบจะได้เห็นหรือรู้จักนามธรรมที่เรียกว่า "ทุกขัง" ที่แท้จริงอย่างทราบซึ้งใจ

อดกลั้นไว้ให้ถึงที่สุดของที่สุด กบจะได้รู้ว่า ความทุกข์และความกลัวตายนี่แหละที่ทำให้เกิดการหายใจเข้าหายใจออก

พิสูจน์

กรัชกายก็ทำด้วยอย่าดีแต่คิด พูด แต่ไม่ลงมือทำจริง ไม่พิสูจน์ธรรม

กรัชกายก็ทำด้วยอย่าดีแต่คิด พูด แต่ไม่ลงมือทำจริง ไม่พิสูจน์ธรรม

กบไม่ได้ลองพิสูจน์ความจริงแล้ววิจารณ์จึงวิจารณ์ผิดธรรม

ทำอย่างนี้นะ

นั่งลงกำหนดสติปัญญาสังเกตไว้ในกาย
กลั้นลมหายใจไว้นิดๆแล้วนิ่งเฉยไว้นานๆ
สักครู่กบจะได้เห็นความเรียกร้องของการหายใจเข้าหรือหายใจออก

กลั้น ทนดูต่อไปอีกหน่อย กบจะได้เห็นหรือรู้จักนามธรรมที่เรียกว่า "ทุกขัง" ที่แท้จริงอย่างทราบซึ้งใจ

อดกลั้นไว้ให้ถึงที่สุดของที่สุด กบจะได้รู้ว่า ความทุกข์และความกลัวตายนี่แหละที่ทำให้เกิดการหายใจเข้าหายใจออก

พิสูจน์

กรัชกายก็ทำด้วยอย่าดีแต่คิด พูด แต่ไม่ลงมือทำจริง ไม่พิสูจน์ธรรม

2.ลมหายใจนี่นอกจากจะวิ่งเข้าไปฟอกเลือดที่ปอดแล้วยังวิ่งตามรูเส้นเอ็นไปทั่วร่างกาย เป็นตัวทำให้เกิดการเคลื่อนไหวไปมาของกายคล้ายไฮโดรลิกในรถแบ้คโฮ หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้ลมไปดันปั๊มไฮโดรลิค

3.ธาตุลมนี้ถ้าไปติดขัดหรือแสดงตัวในร่างกายจะเกิดเป็นเวทนาอาการที่ทำให้บอกได้ถึงคุณสมบัติของธาตุลมว่า
เจ็บ ปวด เต้น ตอด เหน็บ ซ่าน โยก คลอน ไหว นิ่ง ขยับ เคลื่อน เหล่านี้เป็นอาการและปฏิกิริยาที่เกิดจากธาตุลม

อโสกะครับ....ไปทำความรู้จัก...
คำว่า...ลม..ของลมหายใจ
คำว่า...ลม...ของลมปราณ
คำว่า..ลม..ของธาตุลม...

ซะใหม่นะรับ....ไม่ใช่แค่อ่านเอานะครับ..และไม่ใช่แค่ฟังมาอย่างเดียว...

และถ้าอโสกะ..คิดว่า..ตัวเองรู้แล้ว....ก็ลองพูดให้ฟังหน่อยนะครับ..
แต่ถ้าคิดว่า..ยังไม่รู้..ก็ลองถามมา..นะครับ...

asoka
สนใจอยากรู้ว่าอโศกะเคยทำภาวนาแบบไหน แล้วไปเกิดญาณ 16 จากการภาวนาแบบไหน เชนนั้นหรือ?

ถ้าสนใจก็จะเล่าให้ฟังคร่าวๆเป็นวิทยาทาน

ภาวนาที่อโศกะเคยทำมา

1.พองหนอยุบหนอ....หรือหนอให้ทันปัจจุบันอารมณ์

2.ท่องคาถาปลุกพระ ท่องคาถาหัวใจต่างๆเป็นคาบๆ

3.กำหนดต้นธรรม ตามแบบเจ้ามาวหลวง อ.อริยวังโส (ไทยใหญ่)

4.พิจารณาอนิจจัง ตามแบบหลวงพ่อพุทธวาที (พม่า)

5.สมาธิหมุน (พระอาจารย์รัตน์ รัตนยาโน)

6.พุทโธ (สายหนองป่าพง)

7.อนัตตา (หลวงพ่อธี)

8.กำหนดกระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย (ท่านโกเอ็นก้า)

9.เจริญสติปัญญาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์(ตามภัทเทกรัตคาถา)
ใช้อยู่ประจำในปัจจุบัน

ตอนที่จะรู้ชัดญาณ 16 และปฏิจจสมุปบาทนั้นเป็นการเจริญภาวนาตามแบบที่ 9 โดยธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งท่า ไม่ได้เข้ากรรมฐาน มันเกิดขึ้น เจริญไปและไหลไปเองตามธรรมตอน
วันแรม 14 ค่ำหลังวิสาจะบูชาปี 2542 เริ่มประมาณตีสามกว่า
จบปัจจเวกตอนเกือบหกโมงเช้า

แค่นี้ก็พอละมั้งครับกรัชกาย
viewtopic.php?f=1&t=53339&p=402763#p402763

2.ท่องคาถาปลุกพระ ท่องคาถาหัวใจต่างๆเป็นคาบๆ

2.ลมหายใจนี่นอกจากจะวิ่งเข้าไปฟอกเลือดที่ปอดแล้วยังวิ่งตามรูเส้นเอ็นไปทั่วร่างกาย เป็นตัวทำให้เกิดการเคลื่อนไหวไปมาของกายคล้ายไฮโดรลิกในรถแบ้คโฮ หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้ลมไปดันปั๊มไฮโดรลิค

3.ธาตุลมนี้ถ้าไปติดขัดหรือแสดงตัวในร่างกายจะเกิดเป็นเวทนาอาการที่ทำให้บอกได้ถึงคุณสมบัติของธาตุลมว่า
เจ็บ ปวด เต้น ตอด เหน็บ ซ่าน โยก คลอน ไหว นิ่ง ขยับ เคลื่อน เหล่านี้เป็นอาการและปฏิกิริยาที่เกิดจากธาตุลม

smiley
กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะครับ....ไปทำความรู้จัก...
คำว่า...ลม..ของลมหายใจ
คำว่า...ลม...ของลมปราณ
คำว่า..ลม..ของธาตุลม...

ซะใหม่นะรับ....ไม่ใช่แค่อ่านเอานะครับ..และไม่ใช่แค่ฟังมาอย่างเดียว...

และถ้าอโสกะ..คิดว่า..ตัวเองรู้แล้ว....ก็ลองพูดให้ฟังหน่อยนะครับ..
แต่ถ้าคิดว่า..ยังไม่รู้..ก็ลองถามมา..นะครับ...

ผมไม่รู้อย่างที่กบรู้ลองว่ามาสิครับจะตั้งใจอ่านและฟัง

เห็นรายชื่อ..ครู..อาจารย์..สำนัก...มากมายที่อโสกะแสวงหา..ไปมา...

ก็พอจะรู้...ว่า...ยังคงต้องดำเนินต่อไป..ทำต่อไป...เกิดต่อไป...สั่งสมต่อไป...