วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
ก่อนจะเกิดอาการที่ว่ามาแต่ละอาการ ให้เขาสังเกตและกำหนดอารมณ์ย่อยที่เกิดก่อนและหลังอาการที่เด่นชัดเหล่านั้นให้ถี่ถ้วนละเอียดกว่านี้ จะพบเหตุที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้น ซ่อนอยู่ในอารมณ์ที่คิดว่าย่อยเหล่านั้น เพราะอารมณ์ใหญ่ที่เกิดเด่น
ชัดเหล่านั้นมันต้องมีเหตุมันถึงเกิด เหตุนั้นเกิดก่อนหน้าและผูกยึดเป็นอุปาทานไว้ด้วยอารมณ์ละเอียดที่ตามหลัง

สอบอารมณ์เขาดูอย่างละเอียดซิเขาเล่ามาไม่ครบหรอก!
:b13:
หมอจะรักษาคนไข้ต้องถามอาการและตรวจให้ละเอียดถี่ถ้วนจึงจะจัดยาให้ได้ตรงและถูกกับโรค
:b11:



อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายถูกกรีด

หนูเป็นคนหนึ่งที่นั่งสมาธิเป็นประจำ โดยอาจจะไม่ถูกวิธีเท่าไรนักเพราะหาหนังสือจากที่มีหลายท่านเขียนเอาไว้และ
จากคำแนะนำของหลายๆท่านจากเว็ป... และก็ไม่เคยไปสถานปฏิบัติธรรมที่ไหนเลยส่วนใหญ่จะศึกษาหาข้อมูลเองเกี่ยวกับ การนั่งสมาธิ ซึ่งใช้เวลาในการนั่งสมาธิแต่ละครั้ง ก็ประมาณ ครึ่ง-หนึ่ง ชั่วโมงต่อวันค่ะ บางวันถ้าเวลามีน้อยจริงๆก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ ตอนนั่งสมาธิก็ไม่เคยมีอาการอะไรให้เห็นค่ะ เพียงแค่จิต ใจสงบมากขึ้นเท่านั้น หลังจากออกจากสมาธิก็สวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตา ทุกครั้ง แล้วก็เข้านอน

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลังจากนั่งสมาธิแล้ว แล้วกำลังจะนอนพอหลับตา เพื่อจะนอนซักพัก ซึ่งจะอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นจะรู้สึกเหมือนร่าง กายถูกของมีคมกรีดทั่งร่างเลยค่ะ หลังจากนั้นจะมีอาการตัวลอยขึ้นสูงมาก เหมือนจะสูงกว่าหลังคา บ้านซะอีก ตอนนั้นรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่รู้สึกตัวแบบเบลอๆ ทั้งๆที่ก็นอนหลับตาอยู่ คล้ายๆกับกำลังฝัน แต่ไม่ได้ฝันค่ะ หลังจาก นั้นตัวก็ลอยกลับลงมาที่เดิม แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในก้อน น้ำแข็งขนาดใหญ่ รู้สึกว่ามันเย็นมาก จนต้องลืมตาแล้วต้องไปหาผ้าห่มมาห่มเพิ่มหลาย ผืนเพราะหนาวมาก คิดอยู่ตลอดว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น คิดจนหลับไป

บางครั้งพอหลับตากำลังจะนอนซึ่งก็อยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นอีกนั่นแหละ ก็รู้สึกสว่างจ้าเหมือนมีคนเอาไฟสปอร์ทไลท์ดวงใหญ่ๆมาส่องที่หน้า ขณะที่
กำลังนอนค่ะ

พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตเบื่อหน่ายโลกเหมือนอยากตัดขาดจากโลกไปเลยค่ะ แต่ รู้สึกแบบสงบๆนะคะ.. และก็เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง อยากทราบว่าอาการที่ว่านั้นเกิดจากอะไร เกี่ยวข้องกับการนั่งสมาธิหรือเปล่า


ก็เขาว่านี่ไง บอกไปซี่กำหนดถี่ๆ น่ากำหนดอะไร ยังไง เออ เลี่ยงจนน้ำขุ่นคลั้กเชีย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 21:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
ก็บอกวิธีไปแล้ว กรัชกายก็ไปบอกต่อเองสิ

หรือถ้าเขามาในลานนี้ก็ให้เขามาคุยกับอโศกะตรงๆเลยจะได้รู้เรื่องเร็ว ไม่ต้องผ่านนายหน้าที่ค้ากำไรเยอะๆอย่างกรัชกาย
onion
viewtopic.php?f=1&t=53521


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
ก็บอกวิธีไปแล้ว กรัชกายก็ไปบอกต่อเองสิ

หรือถ้าเขามาในลานนี้ก็ให้เขามาคุยกับอโศกะตรงๆเลยจะได้รู้เรื่องเร็ว ไม่ต้องผ่านนายหน้าที่ค้ากำไรเยอะๆอย่างกรัชกาย
onion
viewtopic.php?f=1&t=53521


ก็ตัวอย่างนั้นไง กำหนดถี่ๆ กำหนดยังไง

เห็นว่าปัจจุบัน ถามปัจจุบันก็ไม่แน่ว่าอะไร ตกลงจะเอายังไง หือ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s006
ก่อนจะเกิดอาการที่ว่ามาแต่ละอาการ ให้เขาสังเกตและกำหนดอารมณ์ย่อยที่เกิดก่อนและหลังอาการที่เด่นชัดเหล่านั้นให้ถี่ถ้วนละเอียดกว่านี้ จะพบเหตุที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้น ซ่อนอยู่ในอารมณ์ที่คิดว่าย่อยเหล่านั้น เพราะอารมณ์ใหญ่ที่เกิดเด่น
ชัดเหล่านั้นมันต้องมีเหตุมันถึงเกิด เหตุนั้นเกิดก่อนหน้าและผูกยึดเป็นอุปาทานไว้ด้วยอารมณ์ละเอียดที่ตามหลัง

สอบอารมณ์เขาดูอย่างละเอียดซิเขาเล่ามาไม่ครบหรอก!
:b13:
หมอจะรักษาคนไข้ต้องถามอาการและตรวจให้ละเอียดถี่ถ้วนจึงจะจัดยาให้ได้ตรงและถูกกับโรค
:b11:



อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายถูกกรีด

หนูเป็นคนหนึ่งที่นั่งสมาธิเป็นประจำ โดยอาจจะไม่ถูกวิธีเท่าไรนักเพราะหาหนังสือจากที่มีหลายท่านเขียนเอาไว้และ
จากคำแนะนำของหลายๆท่านจากเว็ป... และก็ไม่เคยไปสถานปฏิบัติธรรมที่ไหนเลยส่วนใหญ่จะศึกษาหาข้อมูลเองเกี่ยวกับ การนั่งสมาธิ ซึ่งใช้เวลาในการนั่งสมาธิแต่ละครั้ง ก็ประมาณ ครึ่ง-หนึ่ง ชั่วโมงต่อวันค่ะ บางวันถ้าเวลามีน้อยจริงๆก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ ตอนนั่งสมาธิก็ไม่เคยมีอาการอะไรให้เห็นค่ะ เพียงแค่จิต ใจสงบมากขึ้นเท่านั้น หลังจากออกจากสมาธิก็สวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตา ทุกครั้ง แล้วก็เข้านอน

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลังจากนั่งสมาธิแล้ว แล้วกำลังจะนอนพอหลับตา เพื่อจะนอนซักพัก ซึ่งจะอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นจะรู้สึกเหมือนร่าง กายถูกของมีคมกรีดทั่งร่างเลยค่ะ หลังจากนั้นจะมีอาการตัวลอยขึ้นสูงมาก เหมือนจะสูงกว่าหลังคา บ้านซะอีก ตอนนั้นรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่รู้สึกตัวแบบเบลอๆ ทั้งๆที่ก็นอนหลับตาอยู่ คล้ายๆกับกำลังฝัน แต่ไม่ได้ฝันค่ะ หลังจาก นั้นตัวก็ลอยกลับลงมาที่เดิม แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในก้อน น้ำแข็งขนาดใหญ่ รู้สึกว่ามันเย็นมาก จนต้องลืมตาแล้วต้องไปหาผ้าห่มมาห่มเพิ่มหลาย ผืนเพราะหนาวมาก คิดอยู่ตลอดว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น คิดจนหลับไป

บางครั้งพอหลับตากำลังจะนอนซึ่งก็อยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นอีกนั่นแหละ ก็รู้สึกสว่างจ้าเหมือนมีคนเอาไฟสปอร์ทไลท์ดวงใหญ่ๆมาส่องที่หน้า ขณะที่
กำลังนอนค่ะ

พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตเบื่อหน่ายโลกเหมือนอยากตัดขาดจากโลกไปเลยค่ะ แต่ รู้สึกแบบสงบๆนะคะ.. และก็เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง อยากทราบว่าอาการที่ว่านั้นเกิดจากอะไร เกี่ยวข้องกับการนั่งสมาธิหรือเปล่า


ก็เขาว่านี่ไง บอกไปซี่กำหนดถี่ๆ น่ากำหนดอะไร ยังไง เออ เลี่ยงจนน้ำขุ่นคลั้กเชีย :b1:

huh
กรัชกายนี่ไม่ใส่ใจและไม่ฉลาดจริงๆ ขนาดก้อปคำแนะนำมาแปะซ้ำอีกก็ยังไม่เข้าใจคำแนะนำ

บอกว่าให้กำหนดให้ละเอียดถี่ถ้วน(กำหนดถี่ๆ)กับอารมณ์ความรู้สึกก่อนและหลัง
เหมือนถูกกรีด
ตัวลอย
เย็นเหมือนอยู่ในก้อนน้ำแข็ง
แสงสว่างจ้า
เบื่อหน่ายในชีวิต

เหตุของมันซ่อนอยู่ในอารมณ์ย่อยเหล่านั้นแหละผู้ปฏิบัติจะพบและรู้ของเขาเอง แก้ยังไงก็ต้องมาถามกัลยาณมิตรหลังจากไปทำตามที่บอกมาแล้ว

พอใจยังทีนี้กรัชกาย

ไม่พอใจให้เขาโทรไปสอบอารมณ์กับอโศกะตรงๆจะได้รายละเอียดครบสมบูรณ์กว่าการพิมพ์ตอบอย่างนี้

โทร 0898386213
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดไว้ที่นี่อีก

อ้างคำพูด:
asoka
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน

ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้

อาจเพิ่มให้เดินจงกรมมากๆเสียก่อน กำหนดอิริยาบถย่อยให้มากๆและละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้สติสัมปชัญญะมีกำลัง จนสามามารถตัดกระแสสันตติของตาฝาด หูแว่วได้

แล้วส่งมาสอบอารมณ์ให้ถี่ๆทุกระยะด้วย


viewtopic.php?f=1&t=53491&p=403618#p403618

อ้างคำพูด:
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้


แต่ก็ไม่ชัดว่า ท่องกรรมฐานถี่ยิบท่องยังไง :b1:

บอกชัดๆสักทีเถอะ จะได้บันทึกไว้เป็นวิทยาทาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกไม่มีความเข้าใจเรื่องกรรมฐานเลย ไม่เข้าใจเรื่องภาวนาหรือภาคปฏิบัติเอาเลย สรุปง่ายๆชัดๆว่าจับแพะชนแกะ จับศัพท์นั่นโยงกับศัพท์นี้ผสมจินตนาการตัวเอง ว่าไปเรื่อย :b1:

ย้ำอีกทีว่า ผู้เช่นนี้แหละ ถ้าไปแนะนำให้คนทำภาวนา,ทำกรรมฐาน,ปฏิบัติธรรม เพี้ยนขอรับ บอกไม่เชื่อ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 06:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พูดไว้ที่นี่อีก

อ้างคำพูด:
asoka
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน

ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้

อาจเพิ่มให้เดินจงกรมมากๆเสียก่อน กำหนดอิริยาบถย่อยให้มากๆและละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้สติสัมปชัญญะมีกำลัง จนสามามารถตัดกระแสสันตติของตาฝาด หูแว่วได้

แล้วส่งมาสอบอารมณ์ให้ถี่ๆทุกระยะด้วย


viewtopic.php?f=1&t=53491&p=403618#p403618

อ้างคำพูด:
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้


แต่ก็ไม่ชัดว่า ท่องกรรมฐานถี่ยิบท่องยังไง :b1:

บอกชัดๆสักทีเถอะ จะได้บันทึกไว้เป็นวิทยาทาน

:b13:
ก็ง่ายๆนะกรัชกาย ทำให้เป็นเรื่องยากไปได้
ถ้าหนอ ก็หนอให้ถี่ๆ ให้ทันปัจจุบันอารมณ์

ถ้าพุทโธมา ก็พุทโธให้ถี่ ทุกเวลา ทุกอารมณ์ ทุกท่าทางและการเคลื่อนไหว

ถ้าสัมมาอรหัง ก็สัมมาอรหังให้ถี่ๆจนไม่มีอะไรมากวนได้
เห็นดวงแก้วหรือพุทธรูปชัดเจนแจ่มแจ๋ว

ถ้าของท่านโกเอ็นก้า ก็ตามรู้ลมให้ถี่ๆจนจิตไม่แวบออกจากการรู้ลมเข้าออก

ถ้ารูปนาม ก็ให้มีสติสัมปชัญญะแยกรูปแยกนามให้ชัดๆและถูกต้อง ดังนี้เป็นต้น

บอกอย่างนี้แล้วทำเป็นไหมกรัชกาย????

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พูดไว้ที่นี่อีก

อ้างคำพูด:
asoka
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน

ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้

อาจเพิ่มให้เดินจงกรมมากๆเสียก่อน กำหนดอิริยาบถย่อยให้มากๆและละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้สติสัมปชัญญะมีกำลัง จนสามามารถตัดกระแสสันตติของตาฝาด หูแว่วได้

แล้วส่งมาสอบอารมณ์ให้ถี่ๆทุกระยะด้วย


viewtopic.php?f=1&t=53491&p=403618#p403618

อ้างคำพูด:
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้


แต่ก็ไม่ชัดว่า ท่องกรรมฐานถี่ยิบท่องยังไง :b1:

บอกชัดๆสักทีเถอะ จะได้บันทึกไว้เป็นวิทยาทาน



ก็ง่ายๆนะกรัชกาย ทำให้เป็นเรื่องยากไปได้

ถ้าหนอ ก็หนอให้ถี่ๆ ให้ทันปัจจุบันอารมณ์

ถ้าพุทโธมา ก็พุทโธให้ถี่ ทุกเวลา ทุกอารมณ์ ทุกท่าทางและการเคลื่อนไหว

ถ้าสัมมาอรหัง ก็สัมมาอรหังให้ถี่ๆจนไม่มีอะไรมากวนได้
เห็นดวงแก้วหรือพุทธรูปชัดเจนแจ่มแจ๋ว

ถ้าของท่านโกเอ็นก้า ก็ตามรู้ลมให้ถี่ๆจนจิตไม่แวบออกจากการรู้ลมเข้าออก

ถ้ารูปนาม ก็ให้มีสติสัมปชัญญะแยกรูปแยกนามให้ชัดๆและถูกต้อง ดังนี้เป็นต้น

บอกอย่างนี้แล้วทำเป็นไหมกรัชกาย????


อ้างคำพูด:
ถ้าหนอ ก็หนอให้ถี่ๆ ให้ทันปัจจุบันอารมณ์

ถ้าพุทโธมา ก็พุทโธให้ถี่ ทุกเวลา ทุกอารมณ์ ทุกท่าทางและการเคลื่อนไหว


ไม่ผิดหรอกที่พูดหลายหนว่า ท่านอโศกไม่เข้าใจกรรมฐาน ไม่เข้าใจภาคปฏิบัติเอาเลย

หนอ เป็นกรรมฐานหรอ

พุทโธเป็นกรรมฐานหรอ

จบข่าวจริงๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 21:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พูดไว้ที่นี่อีก

อ้างคำพูด:
asoka
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน

ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้

อาจเพิ่มให้เดินจงกรมมากๆเสียก่อน กำหนดอิริยาบถย่อยให้มากๆและละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้สติสัมปชัญญะมีกำลัง จนสามามารถตัดกระแสสันตติของตาฝาด หูแว่วได้

แล้วส่งมาสอบอารมณ์ให้ถี่ๆทุกระยะด้วย


viewtopic.php?f=1&t=53491&p=403618#p403618

อ้างคำพูด:
ตาฝาด หูแว่ว อุปาทาน ต้องท่องกรรมฐานให้ถี่กว่านี้ถึงถี่ยิบจนตัดกระแสอุปาทานนี้ได้


แต่ก็ไม่ชัดว่า ท่องกรรมฐานถี่ยิบท่องยังไง :b1:

บอกชัดๆสักทีเถอะ จะได้บันทึกไว้เป็นวิทยาทาน



ก็ง่ายๆนะกรัชกาย ทำให้เป็นเรื่องยากไปได้

ถ้าหนอ ก็หนอให้ถี่ๆ ให้ทันปัจจุบันอารมณ์

ถ้าพุทโธมา ก็พุทโธให้ถี่ ทุกเวลา ทุกอารมณ์ ทุกท่าทางและการเคลื่อนไหว

ถ้าสัมมาอรหัง ก็สัมมาอรหังให้ถี่ๆจนไม่มีอะไรมากวนได้
เห็นดวงแก้วหรือพุทธรูปชัดเจนแจ่มแจ๋ว

ถ้าของท่านโกเอ็นก้า ก็ตามรู้ลมให้ถี่ๆจนจิตไม่แวบออกจากการรู้ลมเข้าออก

ถ้ารูปนาม ก็ให้มีสติสัมปชัญญะแยกรูปแยกนามให้ชัดๆและถูกต้อง ดังนี้เป็นต้น

บอกอย่างนี้แล้วทำเป็นไหมกรัชกาย?


นี่เขาใช้พุท-โธ

ผมไปบวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้าใคร ก็เดินจงกรมนั่งสมาธิ ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจ จนเข้าเดือนที่สี่ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆก็ได้แต่ยิ้ม เข้าเดือนที่แปด นั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้
ในขณะที่นั่ง
มีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอกว่ายัง พูดในใจ

อยู่ดีๆก็มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร

อยู่ดีๆก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมาเห็น ภาพที่เคยมีอะไรกับแฟนและมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลยพิจารณาการเกิดดับแก้ เรื่องหนึ่งมันก็มาอีก เรื่องหนึ่งเสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด

อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด เลยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภท และโรคไทรอยด์ เลยอยากบวชใหม่ไปอยู่กรรม แต่ยังกินยาเลย ถ้าไปบวชอีกกลัวจะบ้ากว่าเดิมครับ

http://pantip.com/topic/34187269


ท่านอโศกคงคิดว่าง่ายๆเลยให้ท่องพุทโธรัวๆถี่ๆ พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 07:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
คนๆนี้ สติหลุดจากปัจจุบัน สัมปชัญญะขาด ลืมตัวลืมหน้าที่
ถูกโมหะครอบเลยไปฟุ้งปรุงแต่งเกิดอารมณ์เสียมากมายกับนิมิตและความฟุ้งซ่านของตน คล้ายๆกับกรัชกายตอนนี้

รีบไปเตือนเขาเร็วๆว่า

สติๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กลับมาอยู่กับพุทโธเร็วๆ สิ่งเหล่านั้นเป็นของหลอกอย่าไปหลงเพลินกับมัน

ถ้าหลับตาอยู่ก็ให้รีบลืมตา หายหมดนิมิตเหล่านั้น

เปลี่ยนอิริยาบถไปยืนภาวนา หรือเดินจงกรม แล้วกลับมากำหนดอิริยาบถย่อย จนเลือดมันกระจายไปทั่วร่างมีสมดุลย์ดีแล้วจึงค่อยกลับมานั่งพุทโธต่อ จนกว่านิวรณ์ 5 จะสงบรำงับ ได้เข้าถึงฌาณ 4 เป็นสัมมาสมาธิ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 07:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:



“ทำเสียก่อนจึงมาถาม อย่าถามก่อนทำ ทำไปแล้วจะรู้เอง”

คำ ๆ นี้เป็นคำที่คุณแม่พูดย้ำอยู่เสมอ แล้วต่อด้วย

“..มันอยู่ในจิตนี้แหละลูกเอ๋ย โง่มันก็จากจิต ปัญญามันก็เกิดจากจิต อย่ามัวเสาะหาที่อื่นที่ไกล อย่าไปแต่งไปเติมเสาะหามาใส่ อย่าไปอยากรู้อยากเป็นอยากเห็น ทำไปก่อน มันจะต้องเกิดของมันเองได้

ลูกแม่ต้องพึ่งตัวเอง หาเอาเอง ทำเอาเอง ปฏิบัติเอาเอง เพราะภายในนั้นมันเกิดเอง ดับเอง กิเลสความชั่วร้ายใด ๆ ความอยากใด ๆ ความยึดถือใด ๆ มันก็เป็นไปของมัน มันบ้าไปเอง ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอก เพราะเรานี้มันยังโง่ยังเขลาอยู่ มันจึงพากันเป็นบ้าหน้าบ้าหลังอยู่

ทำไปเถอะอย่าขี้คร้าน เห็นเองแล้วรู้เองเป็นเองทั้งนั้น ต้องหาเอาเอง คอยคิดอ่าน คอยเฝ้าดูต้องรู้เท่ากันของไม่ดีในตน รู้แล้วละ รู้แล้วทิ้งจนกว่ามันจะหมดไปเอง จึงปล่อยวางได้ จึงหลุดพ้นไปได้ ปล่อยก็ปล่อย จิตวางจิต ปล่อยใจวางใจ นี้แหละลูกเอ๋ย..”

โอวาทธรรรมคำสอน..
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 13:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


คนๆนี้ สติหลุดจากปัจจุบัน สัมปชัญญะขาด ลืมตัวลืมหน้าที่
ถูกโมหะครอบเลยไปฟุ้งปรุงแต่งเกิดอารมณ์เสียมากมายกับนิมิตและความฟุ้งซ่านของตน คล้ายๆกับกรัชกายตอนนี้

รีบไปเตือนเขาเร็วๆว่า

สติๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กลับมาอยู่กับพุทโธเร็วๆ สิ่งเหล่านั้นเป็นของหลอกอย่าไปหลงเพลินกับมัน

ถ้าหลับตาอยู่ก็ให้รีบลืมตา หายหมดนิมิตเหล่านั้น

เปลี่ยนอิริยาบถไปยืนภาวนา หรือเดินจงกรม แล้วกลับมากำหนดอิริยาบถย่อย จนเลือดมันกระจายไปทั่วร่างมีสมดุลย์ดีแล้วจึงค่อยกลับมานั่งพุทโธต่อ จนกว่านิวรณ์ 5 จะสงบรำงับ ได้เข้าถึงฌาณ 4 เป็นสัมมาสมาธิ


อิอิ นั่นไม่ใช่แก้ปัญหาชีวิตจิตใจ เป็นการหนีปัญหา หนีความจริง หนีสภาวธรรม

ก็บอกแล้วว่าไม่มีแววนักปฏิบัติกรรมฐาน, หรือจะเรียกชื่ออะไรก็แล้วเถอะ ไม่มีเลยจินๆ

เอาอีกสักทีเถอะ :b1:

อ้างคำพูด:
มีใครพออธิบายสาเหตุของอาการที่ดิฉันเป็นได้บ้างคะ ดิฉันมักจะได้ยินเสียงพระสวดเกือบตลอดเวลา เป็นร้อยๆรูป กัณฑ์ใหญ่ หรือบางทีก็เปลี่ยนเป็นเสียงดนตรีบรรเลงโหมโรงแบบไพเราะมาก ดังก้องเหมือนกำลังจะมีพิธีใหญ่อะไรสักอย่าง และสลับกับเสียงดังกังวานทั่วบ้านเป็นเสียง ผญ และ ผช ลักษณะเป็นกลุ่มมากกว่าสองคน กำลังคุยกันเหมือนประชุมอยู่ตลอด แต่ฟังไม่ชัดเจนเนื่องจากเสียงพึมพำมาก

ดิฉันจะได้ยินเสียงเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา จนเริ่มชินกับเสียงเหล่านี้ จนคิดว่า เป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่บางทีเสียงก็ดังชัดแบบแปลกกว่าทุกทีที่เคยขึ้นมาเฉยๆ ทำให้ดิฉันรู้สึก เหมือนตัวเองผิดปกติหรือป่าวหรือกำลังป่วยเป็นโรคอะไรเกี่ยวกับโสตการรับฟังของตัวเองอยู่รึป่าว

เบื้องต้นดิฉันได้มีการปฎิบัติสวดมนต์ นั่งสมาธิ เป็นประจำทุกวันมาพักใหญ่แล้วนะคะ แต่เสียงที่ว่ากลับยิ่งเพิ่มความถี่ขึ้นตลอดเวลา ไม่มีช่วงที่หายไปเลย ดังตลอดในชีวิตประจำวันตลอดจนถึงเวลานั่งสมาธิ ก็ยังได้ยินเช่นเดิม สลับกันไปมาตลอด

เลยอยากขอคำแนะนำเพื่อประกอบการพิจารณาในการปฎิบัติตัวที่เหมาะสมต่อไปค่ะ


ท่านอโศกขอรับ รับความจริงสะเถอะ อย่าตะแบงเลยขอรับ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 13:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:



“ทำเสียก่อนจึงมาถาม อย่าถามก่อนทำ ทำไปแล้วจะรู้เอง”

คำ ๆ นี้เป็นคำที่คุณแม่พูดย้ำอยู่เสมอ แล้วต่อด้วย

“..มันอยู่ในจิตนี้แหละลูกเอ๋ย โง่มันก็จากจิต ปัญญามันก็เกิดจากจิต อย่ามัวเสาะหาที่อื่นที่ไกล อย่าไปแต่งไปเติมเสาะหามาใส่ อย่าไปอยากรู้อยากเป็นอยากเห็น ทำไปก่อน มันจะต้องเกิดของมันเองได้

ลูกแม่ต้องพึ่งตัวเอง หาเอาเอง ทำเอาเอง ปฏิบัติเอาเอง เพราะภายในนั้นมันเกิดเอง ดับเอง กิเลสความชั่วร้ายใด ๆ ความอยากใด ๆ ความยึดถือใด ๆ มันก็เป็นไปของมัน มันบ้าไปเอง ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอก เพราะเรานี้มันยังโง่ยังเขลาอยู่ มันจึงพากันเป็นบ้าหน้าบ้าหลังอยู่

ทำไปเถอะอย่าขี้คร้าน เห็นเองแล้วรู้เองเป็นเองทั้งนั้น ต้องหาเอาเอง คอยคิดอ่าน คอยเฝ้าดูต้องรู้เท่ากันของไม่ดีในตน รู้แล้วละ รู้แล้วทิ้งจนกว่ามันจะหมดไปเอง จึงปล่อยวางได้ จึงหลุดพ้นไปได้ ปล่อยก็ปล่อย จิตวางจิต ปล่อยใจวางใจ นี้แหละลูกเอ๋ย..”

โอวาทธรรรมคำสอน..
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
:b27:


เขาทำแต่ตัวเองไม่เข้าใจ จะโทษใครก็ใครใช้เล่าเอย :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

คนๆนี้ สติหลุดจากปัจจุบัน สัมปชัญญะขาด ลืมตัวลืมหน้าที่
ถูกโมหะครอบเลยไปฟุ้งปรุงแต่งเกิดอารมณ์เสียมากมายกับนิมิตและความฟุ้งซ่านของตน คล้ายๆกับกรัชกายตอนนี้

รีบไปเตือนเขาเร็วๆว่า

สติๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กลับมาอยู่กับพุทโธเร็วๆ สิ่งเหล่านั้นเป็นของหลอกอย่าไปหลงเพลินกับมัน

ถ้าหลับตาอยู่ก็ให้รีบลืมตา หายหมดนิมิตเหล่านั้น

เปลี่ยนอิริยาบถไปยืนภาวนา หรือเดินจงกรม แล้วกลับมากำหนดอิริยาบถย่อย จนเลือดมันกระจายไปทั่วร่างมีสมดุลย์ดีแล้วจึงค่อยกลับมานั่งพุทโธต่อ จนกว่านิวรณ์ 5 จะสงบรำงับ ได้เข้าถึงฌาณ 4 เป็นสัมมาสมาธิ



อ้างคำพูด:
กลับมาอยู่กับพุทโธเร็วๆ สิ่งเหล่านั้นเป็นของหลอกอย่าไปหลงเพลินกับมัน


พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย ได้หน้าลืมหลัง ไปหมดแล้วสะหมงสมอง ที่กท.โน้นว่านั่งสมาธิเห็นกายระเบิดก็ว่าถูกทางแล้ว

แต่พอมานี่บอกกลับมาพุทโธเร็วๆรัวๆถี่ๆ มันหลอกอย่าหลงเพลินกับมัน คิกๆๆ จะบ้าตาย จิตใจเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนคลุคคลิกๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 18:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Onion_L
ไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีเลยนะกรัชกาย
ท่านหนึ่งคือหลวงปู่ชาอีกคนหนึ่งเป็นเด็กฝึกใหม่สภาวธรรมก็ต่างกัน
พื้นฐานและประสบการณ์การปฏิบัติก็ต่างกันแต่กรัชกายกับจะมาเหมารวมว่าเหมือนกัน
นี่แสดงถึงควาหยาบและไม่รู้จริงของกรัชกาย
ไปพิจารณาดูใหม่ให้ดีๆอย่าได้หลงทำปมาทะต่อพระผู้ทรงศีลทรงธรรมจะทำให้เป็นวิบากปิดกั้นทางสู่นิพพานของตนเอง
Onion_L


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร